19-20 ตุลาคม กับงาน Worldfilm
19 ตุลาคม 2548 Rosy-Fingered Dawn: a Film on Terrence Malick สารคดีปี 2002 ที่น่าจะนำไปลงดีวีดี หรือฉายทางโทรทัศน์มากกว่า หนังเป็นของประเทศอิตาลี แถมในตารางยังเขียนว่าเป็นซับภาษาอังกฤษ ผมก็งงเหมือนกันว่าสารคดีเกี่ยวกับผู้กำกับ เทอร์เรนซ์ มาลิค มันจะเป็นภาษาอิตาลีได้ยังไง พอเข้าไปก็เลยทำใจ เพราะจริงๆ เขาพูดภาษาอังกฤษ แต่มีบรรยายอิตาลี จัดเป็นสารคดีระดับธรรมดา หนังเน้นเรื่องเกี่ยวกับ Badlands เป็นหลักตามด้วยหนังอีกสองเรื่องคือ Days of Heaven และ The Thin Red Line รู้สึกหนังจะเน้นไปที่ทีมงานและนักแสดง ที่เด่นๆ ซึ่งผมจำได้คือ มาร์ติน ชีน, ซิสซี่ สปาเซ็ค, บิลลี่ เว๊บเบอร์ คนตัดต่อ, แซม เชดเพิร์ด และ ฌอน เพนน์ นอกนั้นผมก็วูบๆ เป็นพักๆ จนน่าจะเรียกว่าหลับคาโรงได้ เพราะสารคดีไม่มีอะไรเลยครับ เล่าไปเรื่อยๆ ตัดสลับระหว่างเมืองที่เป็นชื่อเรื่องจนรุ่งเช้า และฉากในหนังแต่ละเรื่อง ความที่ผมรู้จักมาลิคน้อยมากเพราะเคยดูเพียงเรื่องเดียว จะให้อินมันก็ลำบากครับ ถ้อยคำที่จับได้ส่วนใหญ่เป็นคำชมล้วนๆ โดยเฉพาะการทำงานที่รู้จักหนังของตัวเองเป็นอย่างดี และทำงานโดยไม่อิงกระแสฮอลลีวู้ด แม้จะเข้าใจกระบวนการนั้นทุกอย่าง Grand Voyage หนังของโมรอคโค ที่เป็น Road Movie เล่าเรื่องของลูกชายชาวมุสลิมหัวสมัยใหม่ ที่ต้องจำใจพาพ่อไปประกอบพิธีฮัจญ์ ในนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ด้วยรถส่วนตัวเป็นระยะทางกว่า 3,000 ไมล์ หนังมีมุขตลก ความขัดแย้งระหว่างพ่อกับลูก อุปสรรคทางธรรมชาติ หลักคำสอนทางศาสนาอิสลาม ฉากแฟนตาซี และความเศร้า งานภาพในหนังสวยงามมากแม้จะค่อนข้างพร่า ไม่ชัดตามสภาพภูมิอากาศ แต่แค่เห็นภาพการประกอบพิธีฮัจญ์บริเวณแท่งหินศักดิ์สิทธิ์อย่างใกล้ชิด ก็เกินคุ้มแล้วครับ ดูจบเข้าใจในความเป็นศาสนาของเขามากขึ้น ไม่ใช่ไปเข้าใจผิดๆ ว่าอิสลามเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ด้วยสายตาเรด้า ที่เป็นลูกทำให้เรามองด้วยสายตาคนนอกเช่นกัน และชอบเหตุผลที่ทำไมเขาถึงต้องเดินทางเป็นระยะทางถึง 3,000 ไมล์ แม้บทสรุปจะค่อนข้างเป็นสูตรสักนิดก็ตาม Cuba Music ผลงานของผู้กำกับ เจอแมน ครอล และมีหนึ่งในโปรดิวเซอร์คือ วิม เวนเดอร์ส ถ้าไปดูเพลงอย่างเดียวก็คุ้มแล้วครับ นักร้อง นักดนตรี ที่เล่นยอดเยี่ยมมาก หนังตามรอยสารคดี ฺBuena Vista Social Club ซึ่งผมไม่เคยดู แต่เข้าใจว่าหนังใช้วิธีกึ่งหนังกึ่งสารคดี โดยคิดพล็อตหลวมๆ ให้มีการรวบรวมคนฝีมือดีมาทำวงออกทัวร์ ก่อนที่จะค่อยๆ เล่าประวัติของแต่ละคน น่าเสียดายที่นอกจากเพลงแล้ว รู้สึกว่าหนังเป็นสารคดีที่ธรรมดาไปหน่อย ไม่มีอะไรที่เกินคาดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ไม่ใช่ว่าไม่น่าดูนะครับ ใครอยากฟังเพลงละตินจังหวะคึกคัก โดยนักดนตรีรุ่นใหม่ๆ ไม่ควรพลาด Battle in Heaven โอ้! อึ้ง ทึ่ง เสียว นี่มันหนังอะไรกัน เซ็กส์ระดับฮาร์ดคอร์เหมือนหนังโป๊, ชาติ, ศาสนา, ฟุตบอล, สังคมที่ฟอนเฟะ, การเดินขบวนเพื่อสักการะพระผู้เป็นเจ้า และการต่อสู้ทางชนชั้น มันอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันคลุกเคล้าด้วยเสียงดนตรี และเสียงประกอบอึกทึก ด้านงานภาพก็นิ่ง และเด็ดขาด ถ้าไม่ติดในความแรงของภาพจนเหนื่อยใจ นี่คือหนึ่งในหนังที่มีการนำเสนอดีที่สุดในสายประกวดของเทศกาลปีนี้แน่ๆ ครับ (ไม่อยากเล่าอะไรทั้งสิ้นเพราะหนังเรื่องนี้ถ้าไม่รู้อะไรมาก่อนเลยจะดีที่สุด)20 ตุลาคม 2548 Forsaken Land เจ้าของรางวัลกล้องทองประจำปีนี้ของคานส์ ผลงานของ Vimukthi Jayasundara ตอนนี้เป็นหนังที่ผมชอบที่สุดในเทศกาลนี้ แม้จะเข้าช้า และเผลอวูบไปช่วงแรกๆ เพราะเหนื่อย หนังช้าและนิ่งมาก ยิ่งเมื่อรวมกับการที่ตัวละครมีเซ็กส์เข้ามาข้องแวะอยู่บ่อยๆ ทำให้นึกถึงหนังของไฉ่มิ่งเหลียงจริงๆ แต่นี่เป็นหนังสงครามครับ ว่าด้วยหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในประเทศศรีลังกา ซึ่งอยู่ท่ามกลางสงคราม หนังค่อยๆ ให้เราเห็นชีวิตของตัวละครทีละคน รวมถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องไปทีละน้อย โดยเฉพาะเรื่องราวในครอบครัวของอนุรา ซึ่งเป็นทหารชั้นผู้น้อย ในบ้านหลังเล็กๆ หมู่บ้านนี้เงียบสงบ ลมพัดแรงราวกับรอวันปะทุอะไรออกมา จนในที่สุดมันก็จบอย่างเจ็บปวด ชอบนิทาน "นกน้อย" ในหนังมาก นึกถึงนิทานพื้นบ้านของไทยขึ้นมาทันที ทำให้เรื่องราวต่อจากนั้นสะเทือนใจตลอดเวลา ผู้คนในสงครามไม่ได้ตายเพราะกระสุน คร่าชีวิตที่ร้ายกว่าคือศีลธรรมที่ถูกทำลาย ผู้คนไร้ความสุข และแน่นอนว่าหนังทำให้นึกถึงปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาทันที Ticket of No Return อีกเรื่องของ อ๊อตติงเงอร์ ซึ่งผมคิดว่ามีความแปลกต่างจาก 2 เรื่องก่อนหน้าที่ได้ดู เพราะไม่ว่าจะมีรูปรอยความตลกเหมือนเดิมท้ายที่สุดยังไงผมก็รู้สึกว่านี่คือหนังที่เศร้า แต่ก็ให้ความพอใจเช่นกัน หนังมีชื่ออีกชื่อว่า Portrait of Female Drunkard นักแสดงนำของเรื่องเป็นคนเดียวกับที่แสดงใน Madame X ซึ่งให้การแสดงที่คล้ายๆ กัน(อันที่จริงตัวละครหญิงในหนังของ ยูลลิค อ๊อตติงเงอร์ ก็มักจะมีบุคลิกแบบนี้) ว่าด้วยการตีตั๋วเครื่องบินเที่ยวไม่มีวันกลับไปยังเมืองแห่งหนึ่ง ในที่นี้คือเบอร์ลิน เธอมีชีวิตไฮโซ แต่งตัวหรูหรา สีสันแสบทรวง วันๆ เอาแต่ดื่มเหล้าหัวราน้ำ เนื่องจากเธอแทบไม่พูด เราจึงไม่อาจรู้ได้ถึงสาเหตุที่เธอทำตัวเช่นนี้ แถมยังชวนหญิงจรจัดคนหนึ่ง(แสดงใน Madame X เช่นกัน)มาร่วมเมา และสุดเหวี่ยงกับเธอด้วย ฉากหนึ่งในจินตนาการของเธอแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมแบบ "สุดโต่ง" ซึ่งมักเป็นพฤติกรรมที่ปรากฎในหนังของผู้กำกับคนนี้(ในเรื่องนี้คือเฟมินิสต์) นั่นคือการนำตัวติดกับหน้ารถ เพื่อพุ่งเข้าชนกองเพลิง การแต่งตัวของผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเป็นการปกปิดอะไรบางอย่างในอดีตที่จบลงอย่างเศร้าเปรียบได้กับภาพตอนปิดเครดิตที่เธอเดินบนกระจกซึ่งคล้ายการทิ่มแทงตัวเธอเอง
Create Date : 21 ตุลาคม 2548
Last Update : 28 สิงหาคม 2551 13:54:00 น.
13 comments
Counter : 1336 Pageviews.
โดย: yuttipung IP: 202.44.8.124 วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:12:40:07 น.
โดย: yuttipung IP: 202.44.8.124 วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:13:03:02 น.
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 21 ตุลาคม 2548 เวลา:22:35:03 น.
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 22 ตุลาคม 2548 เวลา:11:01:10 น.
โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 22 ตุลาคม 2548 เวลา:11:57:28 น.
โดย: yuttipung IP: 202.44.8.98 วันที่: 22 ตุลาคม 2548 เวลา:13:10:59 น.
โดย: aokung IP: 203.114.119.91 วันที่: 24 ตุลาคม 2548 เวลา:13:49:52 น.
โดย: yuttipung IP: 202.44.8.98 วันที่: 25 ตุลาคม 2548 เวลา:11:05:04 น.
โดย: hujdhxe IP: 58.9.230.133 วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:18:46:38 น.
โดย: Otto IP: 118.172.131.20 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:0:34:29 น.
Location :
สมุทรปราการ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [? ]
เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax