Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
ช้าง กับ หมีโคอาล่า






เป็นเรื่องแปลกที่ชีวิตปรกติที่ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนมากมาย นอกจากที่ทำงานกับบ้าน และที่เรียน ยังเกิดความรู้สึกได้ ไม่ชาชินไปเสียก่อน นับว่าเป็นโชคดีเหมือนกันแม้มันจะเป็นความรู้สึกเสียใจ

เปิดดูรายการ "ถึงลูกถึงคน" ด้วยความบังเอิญ แล้วก็เผลอดูไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ เรื่องที่รัฐบาลไทยจะแลกช้าง 9 เชือก กับ หมีโคอาล่า 2 ตัว จากออสเตรเลีย ซึ่งเท่าที่ดูประเด็นในเว๊บไซต์อย่าพันธ์ทิพย์ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรนัก

ผมไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารนัก แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดกับเหตุการณ์บ้านเมืองช่วงนี้หลายอย่างจากคนรอบข้าง และตนเอง แต่ไม่ได้อยากเก็บมาคิด ต่อให้ไม่เข้าข้างรัฐบาล ก็ไม่ได้อยากเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนเกินไป

แต่วันที่ดูโทรทัศน์วันนั้นก็อดรับไม่ได้จริงๆ เพราะคำตอบจากฝ่ายรัฐบาลที่มาชี้แจง และ SMS หลายๆ ข้อความ(เรื่อง SMS ผมสงสัยเหมือนกันว่า เศรษฐกิจข้าวยากหมากแพงอย่างนี้ ทำไมยังมีคนส่งได้ทุกวัน)

สรุปใจความได้ว่า ช้างเรามีมากพอ ปีหนึ่งๆ มีช้างเกิดมาปีละ 50 เชือก หมีโคอาล่าเป็นสัตว์หายาก สามารถนำมาให้ความรู้กับเยาวชนของชาติ แลกเปลี่ยนกันอย่างนี้มีแต่ผลดีในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ออสเตรเลียเขากำลังมีการวิจัยเพาะพันธ์ช้างและการทำลวดไฟฟ้ากั้นในประเทศไทยกันสัตว์ทำอันตรายไร่นาด้วย ไม่มีใครประท้วงเพราะที่ประท้วงมีแต่ NGO กลุ่มเดิมๆ ใช้ข้อความเดิมๆ สวนสัตว์ของเขามีการดูแลอย่างดี มีการจัดการที่ปลอดภัย ใช้งบประมาณเป็นพันล้าน

ส่วนมูลนิธิเพื่อนช้างเอาเวลาไปดูแลช้างข้างถนนให้ได้ก่อน

ผมทนไม่ได้จริงๆ ปรกติเป็นคนไม่ได้รักช้างอะไรหรอกครับ เพราะเคยหลวมตัวซื้อของจากคนเลี้ยงช้างที่เอามาขายให้อาหารช้างของเขา แต่ผมนึกไม่ออกว่าช้างตั้ง 9 เชือก เอาไปให้แต่ละสวนสัตว์ที่ออสเตรเลียตัวละ 1-2 เชือก จะไม่เป็นไรได้ยังไง

ผมเองไม่เคยไปต่างประเทศ แต่คิดง่ายๆ ว่า สวนสัตว์เขาดินบ้านเรา ยีราฟก็เคยตายมาแล้ว สวนเสือที่อยู่ในห้องติดกระจกก็ยังเสียชีวิตเพราะไก่จากไข้หวัดนกมาแล้ว แถมนี่เป็นสัตว์ประจำชาติดันกลับไม่ห่วง แลก ช้าว 9 ต่อ หมีโคอาล่า 2 ฟังแล้วเสียความรู้สึก

ช้างเองดูเผินๆ เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย แต่สัตว์บกเลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็มีพื้นฐานความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน เกิดความเครียดได้ไม่ต่างจากคน และคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะดูแลอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะช้างไทยที่มีผู้เลี้ยงช้างท่านหนึ่งออกความเห็นว่ามีวัฒนธรรมของช้างไทยที่อยากให้คงอยู่แม้จะไปในต่างประเทศ เพราะช้างไทยต้องถูกฝึกให้เชื่อง ไม่ใช่ถูกเลี้ยงแบบตามใจ ไม่อย่างนั้นสัญชาตญาณที่ดุร้าย ถึงขนาดเป็นสัตว์สงครามจะเกิดขึ้นมาได้

ตนเองนั้นไม่ได้คัดค้านเรื่องการแลกเปลี่ยนกันอยู่แล้ว ใครก็คงอยากเห็นสัตว์จากต่างประเทศ แต่ 9 ต่อ 2 มันเกินไปหน่อย ทำไมไม่ทยอยให้ไป 1-2 เชือกเสียก่อนเพื่อดูผลการจัดการของเขา

อีกอย่างคือกรณีมูลนิธิเพื่อนช้าง ซึ่งรัฐบาลเองก็ดูเหมือนจะไม่ชอบ NGO มาแต่ไหนแต่ไร แต่มูลนิธิพวกนี้ถ้าใครเคยไปสัมผัสงานจริงๆ จะพบว่ามีคนทำงานแค่ไม่กี่คน งบประมาณที่หามาได้น้อยนิด เขาจะเอาอะไรไปทำงานใหญ่โตขนาดนั้น แค่การรณรงค์ด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ การเดินทางแก้ไขปัญหา ศึกษาวิจัยสถานการณ์ ถ้าคิดกันจริงๆ มันก็แทบไม่พอแล้วครับ

ผมเคยทำงานที่สมาคมคนตาบอด(เป็นเอ็นจีโอเหมือนกัน) แม้แต่คนตาบอดที่เขาไม่ค่อยอยากยุ่ง หรือสนใจการเมือง วันดีคืนดีก็ต้องประท้วงเรื่องขายสลาก เรื่องอาชีพหมอนวด เพราะขาดการสนับสนุนที่ดีจากภาครัฐ ใครที่เคยดูรายการเจาะใจตอนที่คุณอุ้ม สิริยากร พูดถึงทางเข้าสมาคมที่คับแคบในซอยบุญอยู่ ถ.ดินแดง ก็ขอให้ทราบด้วยว่ามันเป็นเพราะสถานที่นี้ได้รับการบริจาคมา แต่จนบัดนี้ยังหาที่ทางเพียงพอ หรือการช่วยเหลือก่อสร้างที่ใหม่ไม่ได้ เงินบริจาคมากยังไง ไม่มีใครสนับสนุนเรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องยาก

อีกอย่าง การจะมาโยนเรื่องปัญหาช้างเร่ร่อนเหมือนให้มูลนิธิเพื่อนช้าง ฟังไม่ขึ้น เพราะความจริงปัญหานี้มันมีที่มาจากความจนต่างหาก

คนเลี้ยงช้างเป็นคนพาช้างมาเร่ร่อนในเมือง ก็หวังจะมีรายได้ที่ดีทั้งนั้น การจะไปแก้ปัญหาตรงนี้ส่วนหนึ่งต้องแก้ระยะยาว อีกส่วนในการจับคนที่พาช้างมาเดินในเมือง ต้องหาทางแก้ไขด้วยว่า เขาจะทำมาหากินอะไรต่อไป เพราะเขาเสียเงินซื้อช้าง บางคนติดหนี้ ปัญหาแบบนี้มันโยงไยต่อไปจนเห็นรอยต่อของปัญหาที่ทอดยาวอยู่ตรงนี้มากไม่ต่างกับปัญหาขอทานในเมืองเท่าไรนัก

เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ก็หวังว่าการคัดค้านและยับยั้งจากมูลนิธิเพื่อนช้างจะทำให้มีที่ดีในเรื่องนี้ได้บ้าง อย่างน้อยก็ได้เดินทางไปให้คำแนะนำการเลี้ยงช้างแบบไทยให้กับที่นั่น


ก็ขนาดหมีโคอาล่า ภาครัฐยังบอกว่ากว่าจะได้แสนยากแสนเย็น ต้องผ่านการร้องขอจากออสเตรเลียหลายขั้นตอน แต่นี่ช้างไทยตั้ง 9 เชือก จะตรวจสอบอะไรจริงจังหรือเปล่าไม่ทราบ

แต่ชักไม่ค่อยเชื่อกระทรวงนี้จากกรณีงานเอ็กซ์โปเสียแล้ว





Create Date : 09 กรกฎาคม 2548
Last Update : 9 กรกฎาคม 2548 19:10:17 น. 5 comments
Counter : 977 Pageviews.

 
ก็ได้แต่หวังว่า "ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี" ค่ะ


โดย: สายลมโชยเอื่อย วันที่: 9 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:42:50 น.  

 


โดย: ยิ๋ง IP: 203.150.139.197 วันที่: 13 กรกฎาคม 2549 เวลา:20:45:38 น.  

 

เหมือนเพื่อนเราเลย


โดย: กิ๊ฟ IP: 202.129.35.67 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:27:00 น.  

 


โดย: ดา IP: 58.8.91.86 วันที่: 5 ธันวาคม 2549 เวลา:17:17:40 น.  

 



ดื


โดย: 007 IP: 203.156.28.163 วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:20:32:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yuttipung
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นคนไม่เป็นโล้เป็นพายคนหนึ่งที่ติดอินเตอรเน็ต จนได้งานพอประทังเลี้ยงชีพ Blog นี้มอบให้แก่หญิงสาวที่ให้กำลังใจสำหรับความฝันอันริบหรี่ของผมมาตลอด ปัจจุบันเรียนโทจบแล้ว ทำงานหลายที่ หลักๆ ตอนนี้เพิ่งเริ่มเป็น Webmaster นิตยสารแห่งหนึ่ง ส่วนงานพิเศษคือลงข่าว และข้อมูลหนัง ดูแลเว็บให้กับ Popcornmag กับ เครือข่ายคนดูหนัง และเขียนวิจารณ์ภาพยนตร์ให้กับ Filmax

Friends' blogs
[Add yuttipung's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.