มกราคม 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ทัวร์นกขมิ้น จาก ใต้ (กลาง) ถึง เหนือสุด แดนสยาม 26 ธ.ค. 54 - 2 ม.ค. 55
ทัวร์นกขมิ้นเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้ายาวนัก จากตอนแรกจะไปกับเพื่อนๆ กลายเป็นว่าไปกับสุดที่รักถึงสองคนเลยทีเดียว (พ่อ กะ แม่) เป็นเพราะ่ท่านแม่อยากขับรถไปเรื่อยๆ (ค่ำไหนนอนนั่น) แต่พ่อบอกว่า ไม่ไหวม๊างง ไปอย่างงั้นพลขับ (พ่อ) เหนื่อยตาย ขับไปไม่มีจุดหมาย เกิดไม่มีที่พักแล้วแย่เลย สุดท้ายลงตัวตามตารางดังต่อไปนี้

26 ธ.ค. 54 (กระบี่ - กทม.)

ขับรถออกจากกระบี่ตอนบ่ายโมง (กว่าจะได้ออกจากบ้านมัวแต่เอ้อละเหย ทำโน่นนี่นั่นกันอยู่ไม่เสร็จซะที) ขับไปเรื่อยๆ แต่งานนี้คงต้องขับไปบ่นไปเพราะทางตั้งแต่สุราษไปถึงแถวก่อนหัวหิน แย่มากกกกก ทางเป็นผิวพระจันทร์ชัดๆ (แต่ไม่เคยไปเดินบนดวงจันทร์หรอกนะ อิอิ ว่าตามเค้าไปเรื่อย) จอดแวะซื้อของรายทางเพื่อหิ้วไปฝากคนโน้นคนนั้นคนนี้ เผอิญลองแวะกินข้าวที่ปั๊มคุณสาหร่ายรู้สึกผิดหวังจังเพราะว่าไม่มีอะไรอร่อยเลย ขนาดเราไปกินตอนหิวนะ หรือว่าเราไม่คุ้นกับอาหารรสชาดแนวนั้นก็ไม่รู้ T__T แวะเติมน้ำมันแถวเพชรบุรีเริ่มสัมผัสได้ถึงอากาศที่เริ่มเย็นลง เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็ได้เจออากาศแบบนี้ หวังว่าภาคเหนือจะเย็นฉ่ำกว่านี้น๊าาา ถึง กทม. ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนกันแล้ว ยังดีที่ไปบ้านป้าถูกอาศัยเจ้า GPS ช่วยนำทาง (ตอนพ่อซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มาบ่นกันใหญ่ว่าซื้อมาทำไมไม่มีประโยชน์ บลาๆๆ แต่มันดันมีประโยชน์ขึ้นมาก็ึคราวนี้นี่หล่ะ) จบวันแรก กระบี่ - สยาม ด้วยการหลับปุ๋ย

27 ธ.ค. 54 (กทม. - เชียงใหม่)

ออกจากกทม. ตอนสายๆ ก่อนออกก็เติมพลังกันที่ร้านขายข้าวแกงนครแถวๆแฟตคลองจั่น (บางกะปิ) เส้นทางที่เราจะไปก็คือ อยุธยา - นครสวรรค์ - กำแพงเพชร - ตาก - ลำปาง - เชียงใหม่ ระยะทางรวมประมาณ 700 ++ กิโลเมตร ถึงเชียงใหม่ตอนค่ำ สถานที่ซุกหัวนอนสำหรับสองคืนที่เชียงใหม่คือ Le Meridien Chiangmai ห้องสวยแล้วก็ไม่อึดอัดดี ขอบคุณพี่โป่งกับพี่ท๊อบสำหรับเรื่องการจองห้องพักและฟรีอินเตอร์เนตค่ะ เอาของโยนเข้าห้องปั๊บก็ออกข้างนอกไปเดินที่ไนท์บลาซ่ากันดีกว่า อากาศเย็นแต่ไม่มาก :-( นึกว่าตัวเองเดินอยู่แถวจังหวัดที่มีทะเล ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารทะเลเกือบทั้งหมด แต่ราคาปูดำที่นี่กิโลละ 1400 บาท โอ้แม่เจ้าาาาาา แวะกินวุ้นขาวแปะก้วย (ที่เค้าเขียนว่า รังนกแปะก้วย อิอิ) คนละถ้วยรอน้องอีกคนมาสมทบ พอครบทีมปั๊บก็ไปกินข้าวต้มปลากัน จำชื่อร้านไม่ได้แต่มีคนบอกว่าร้านนี้อร่อย พอไปกินก็โอเคนะ อร่อยดี อากาศเย็นๆเหมาะกับของร้อนๆ ขาไปก็นั่งสามล้อเชียงใหม่ ขากลับก็นั่งรถสองแถวเชียงใหม่ ได้บรรยากาศดีจริงๆ

28 ธ.ค. 54 (เชียงใหม่)

วันนี้สิงสถิตอยู่ในจังหวัดนี้ทั้งวัน โปรแกรมเรื่อยเปื่อยของเราคือ ตื่นสายๆ ตื่นมาก็เดินทางไปไร่สตรอเบอรี่ที่สะเมิง เดินทางไปแบบ งงๆ ขาไปดันไปอีกทางนึงซึ่งไม่ค่อยมีอะไรให้ดู (ทางเดียวกับทางไป กฤษดาดอย) เห็นป้ายบอกขายที่เกือบตลอดทาง อาศัยเจ้า GPS บอกทางไปจนถึงไร่สตรอเบอรี่วงศ์วาน งานนี้ผิดหวังค๊าบบ สตรอเล็กมากแถมไม่ค่อยมีให้เก็บ เสียค่าเข้าไปเก็บคนละ 20 บาท เป็นค่าบำรุงสวน แล้วห้ามชิมในไร่ ต้องใส่ถังออกมาชั่งกิโลข้างนอกกิโลละสองร้อย ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ต้องเก็บก็ราคานี้ เก็บเองก็ราคานี้ สุดท้ายจ่าย 20 บาทเข้าไปถ่ายรูปไร่เล็กน้อยก็ออกมาพร้อมถังเปล่า เพราะสงสารลูกสตรอเบอรี่เล็กๆเลยเอ็นดูไม่อยากเก็บ ก็อาศัยซื้่อเอาข้างนอกมากินเล่นกัน ขากลับจากสะเมิงขับมาทางแม่ริมด้วยความกรุณาบอกทางของน้องลี่เราก็ได้เห็นอีกบรรยากาศหนึ่ีงของแม่ริม ถนนสายนี้ท่าทางจะเศรษฐกิจดีกว่าอีกสายที่ขึ้นมาเพราะว่าไม่ค่อยมีป้ายบอกขายที่และมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะกว่า มีสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แล้วก็มี ม่อนแจ่ม (สองที่ๆบอกมา ไม่ได้แวะสักที่ แค่ผ่านเฉยๆ)

ลงมาจากแม่ริมก็พาลุงไปบ้านจ๊างนักของน้องหยกเพื่อไปเจรจาทางธุรกิจเล็กน้อย เสร็จธุระก็ได้เวลาเติมน้ำมันใส่ท้องแวะกินร้านอาหารอีสานหน้า ม. เชียงใหม่ (เจ้าถื่นเค้าแนะำนำว่าร้านนี้อร่อยมากกก) ก็ไปนั่งกินสั่งกันเหมือนไม่ได้กินข้าวกันมาหลายเดือน เต็มโต๊ะไปหมดแต่ค่าเสียหายแสนถูก (ชอบที่สุดของภาคเหนือคือของกินไม่แพงเลย ^^) หลังจากหนังท้องตึงเราก็ไปงานพืชสวนโลกกัน ค่าบัตรคนละ 200 บาท ได้ลด 10 บาท เนื่องจากไปซื้่อบัตรจากไกด์ที่มาดักขายหน้างานตัดราคาเหลือ 190 บาท ฮ่าๆๆ (จริงๆไกด์คงจองล่วงหน้าได้ราคา 100 บาทมา เิิอิ๊กๆๆ) เข้าไปดูแสง สี เสียง และซุ้มดอกไม้เล็กน้อยพอเป็นพิธีว่าได้มาแล้ว เนื่องจากเข้าไปถึงก็เกือบทุ่มๆ ฟ้ามืดสลัวมองอะไรก็สวยไปหมด ออกมาจากพืชสวนโลกก็ตรงดิ่งไปที่ ร้านมนต์นมสด สาขาเชียงใหม่กันเลยทันที สั่งกันเต็มโต๊ะ (อันนี้ไม่ถูกเ่ท่าไหร่ ฮ่าๆๆ) แถมยังซื้อแยมสตรอเบอรี่กับแยมถั่วพร้อมหนมปังอีกหนึ่งแถวเอาไว้เป็นเสบียงด้วย จบวันนี้ด้วยการพักผ่อนเอาแรง และเปลี่ยนโปรแกรมจากที่จะไปนอนดอยห่มฟ้า เป็น ดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ทที่แม่สลอง






29 ธ.ค. 54 ดอยอ่างขาง - สวนส้มธนาธร - ดอยแม่สลอง

เก็บข้าวของออกจากโรงแรมที่เชียงใหม่ตอนเช้าแวะตลาดวโรรสซื้อพวกหมูทอด ขาวเหนียว น้ำพริกที่ร้านดำรงค์ (ร้านอะไรคนเยอะได้ขนาดนี้) ขายไม่ได้แบ่งปันร้านอื่นๆกันเลยทีเดียว วางแผนกันว่าจะไม่กินข้าวในเชียงใหม่แต่จะซื้อสเบียงแล้วไปกินกลางทางระหว่างขับรถไปเรื่อยๆ ก็เลยแวะกินที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งเลยแยกที่จะไป อ. ปาย (จากเชียงใหม่ไปปายไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลย เสียดายมาก ถ้ารู้เส้่นทางล่วงหน้าจะออกเช้าแล้วแวะเข้าปายก่อนซะเลย) กินเสร็จก็ขึ้นดอยอ่างขางแวะเข้าไปชมโครงการหลวง แล้วกลับลงมาเพื่อขับรถไปดอยแม่สลอง ระหว่างทางแวะสวนส้มธนาธรซื้อส้มสักลังไว้เป็นสะเบียงไปเรื่อยๆ ส้มถูกมาก ลังนึงมี 100 นิดๆลูก ราคา ห้าร้อยสี่สิบบาท ทำไมมาถึงบ้านเรามันแพ๊งงงแพงงง ขึ้นไปถึงดอยแม่สลองก็เริ่มค่ำมืดอีกแล้ว กะเวลาผิดเล็กน้อย คืนนี้พักที่ ดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท ห้องกว้างมาก สิ่งที่ดีที่สุดในห้องคือ "น้ำอุ่น" :-P อากาศสบาย วิวสวย แต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อย ระหว่างทางไปรีสอร์ทเค้ามีงานชิมชา ชมซากุระ ประจำปีของที่นั่น น่าเสียดายที่มันเริ่มค่ำแล้วเลยไม่ได้แวะเที่ยว อยากลงไปดูวิถีชีวิตของเค้าซะหน่อย คืนนี้ฝากท้องที่รีสอร์ทที่พัก อาหารที่ต้องสั่งบนดอยแม่สลองก็คือ ขาหมู หมั่นโถ และ เห็ดหอมอบซีอิ้ว และก็อร่อยจริงๆด้วย โดยเฉพาะเห็ดหอมอบซีอิ้วอร่อยมากกก อาหารก็ราคาไม่แพง เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน อ้อ คืนนี้อากาศค่อนข้างเเย็นติดหนาวกันเลยเพราะว่าไม่ต้องเปิดแอร์นอนแล้วก็ปิดหน้าต่างทั้งหมดห่มผ้าก็ยังรู้สึก (โคตร) เย็น

30 ธ.ค. 54 แม่สาย - สามเหลี่ยมทองคำ - งานดอกไม้เชียงราย

ขับลงจากดอยแม่สลองไปอีกเส้นทางจากที่ขึ้นมา แวะนมัสการพระสยามเทวาธิราช ชมวัฒนธรรมของชาวเขา (จำเผ่าไม่ได้) เค้ามาร้องรำทำเพลงอยู่ตรงนั้น ชอบเด็กที่นั่นไม่คดโกงเหมือนนักการเมืองบ้านเรา เราถ่ายรูปกับเด็กแล้วให้เงินเด็ก เค้าไม่เก็บเข้ากระเป๋าตัวเองแต่เอาไปหย่อนที่เงินกองทุนหมู่บ้านที่เป็นกล่องตั้งเอาไว้ ขนาดเด็กตัวเล็กๆยังรู้เลย ทำไมผู้ใหญ่ในบ้านเราิคืดไม่ได้ก็ไม่รู้น๊า ขับลงมาก็ตรงไปเที่ยวแม่สาย ในที่สุดก็มาถึง เหนือสุดแดนสยาม นานแล้วที่ไม่ได้มาก็เลยแวะเข้าไปเที่ยวต่างประเทศกะเค้าซะหน่อย วิธีการก็คือต้องไปออกใบผ่านข้ามแดนที่อำเภอ (เดี๋ยวนี้เค้าไม่ให้ออกที่ด่านแ้ล้ว) ราคา 30 บาท แต่ถ้าหาที่จอดรถยากไม่สะดวก็ให้มอไซด์รับจ้างทำให้ก็ได้ ไป - กลับ 40 บาทใช้เวลาไม่นานเลย เข้าไปก็มีแต่ของก๊อบปี้ซะเป็นส่วนใหญ่ ก็เลยไม่ค่อยได้อะไรติดไม้ตืดมือมา นอกจากของกินจำพวกเห็ดหอม บ๊วยต่างๆ ฯลฯ ออกมาจากแม่สายก็ตรงดิ่งไปที่สามเหลี่ยมทองคำ ขับผ่านๆไม่ได้แม้แต่จะลงไปถ่ายรูป กะจะไปแวะหอฝิ่นแต่ดันปิดซะแล้ว ก็เลยขับไปเที่ยววัดพระธาติผาเงา เป็นอีกวัดที่สวยงามและมีจุดชมวิวที่มองเห็นทางฝั่งดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ ทำบุญกันเสร็จก็กลับลงมาหาข้าวกินที่ครัวเชียงแสนริเวอร์ไซด์ ร้านนี้ขอแนะนำ อาหารอร่อยเกือบทุกอย่างเลย คงไม่ใช่เพราะเราหิวมากหรอกนะ เจ้าของร้านน่ารักด้วย ออกมาขายปูขนยักษ์ (ด้วยตัวเอง) ฮ่าๆๆๆ งานนี้ถูกและอร่อยอีกแล้ว โดยเฉพาะต้มยำปลาคังน้ำใส อร่อยมากกกก ออกจากเชียงแสนกลับเข้าเมืองเชียงรายหาทางไปที่พักกว่าจะเจอก็เล่นเอาเหงื่อตก GPS ไม่ทันสมัยหาโรงแรมที่จองไว้ไม่เจอ เป็นโรงแรมเล็กๆเปิดได้ประมาณสามปี เลยต้องอาศัย GPS ของน้องนำไป พักที่เรือนอินทร์ เป็นโรงแรมขนาดเล็ก 3 ชั้น ไม่มีลิฟ (เหงื่อตกเลยตรู เพราะพักชั้น 3) ห้องสะอาดและใหม่ดี ต้องขอบคุณแฟนเจ้านายที่ช่วยหาโรงแรมให้แบบกระทันหันในช่วงเวลาสิ้นปีที่หาโรงแรมยากเช่นนี้ โยนของเสร็จก็บึ่งออกไปงานดอกไม้เชียงรายกันเลยเพราะเค้าปิดประมาณเที่ยงคืน งานนี้บอกได้เลยว่าดอกไม้สวยกว่าที่พืชสวนโลกอีกอ่ะ มีทุ่งทิวลิปสวยงามมากก ดอกลิลลี่ทั้งบานทั้งหุบเยอะแยะ กล้วยไม้เป็นกะตั๊กให้เลือกเดินดู และ อื่นๆ อีกมากมาย จบคืนนี้ที่เรือนอินทร์ เก็บแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้กันดีกว่า

31 ธ.ค. 54 ส่งท้ายปีเก่า ที่ ภูชี้ฟ้า - บ้านไร่เชิญตะวัน - วัดพระสิงห์ (เชียงราย)

ตื่น (สาย) เหมือนเคย เมื่อสมาชิกทุกคนพร้อมก็ออกเิดินทางไปยังภูชี้ฟ้า จุดประสงค์เพื่อให้ได้บอกคนอื่นว่า ชั้นไปภูชี้ฟ้ามาแล้วนะ ถ้าเค้าถามต่อว่า หมอกสวยไม๊ จะเงียบเป็นที่สุด ฮ่าๆๆๆ เพราะว่าไปถึงตอนประมาณเกือบเที่ยง แวะเตรียมใจเล็กน้อยเพราะต้องเดินขึ้นภูอีกประมาณ 700++ เมตร เล่นเอาเราหน้ามืดเลยด้วยความรีบเดินทำให้หายใจไม่ค่อยทัน ยังคิดอยู่ว่าแล้วชั้นจะไปทิเบตได้ไม๊เนี่ยยยยยยย ก็เลยต้องนั่งพักสักแป๊บนึง แล้วเดินต่อไปจนถึงจุดชมวิวบนภูชี้ฟ้า สวยนะ ถ้าได้มาตอนมีหมอกคงจะยิ่งสวยกว่านี้ แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ชมความงามสักพักก็เดินลงมาพร้อมพ่อ ค่อยๆเดินเพราะเหมือนว่าพ่อเริ่มจะปวดเข่าเล็กน้อย ลงมาปั๊บก็โรตีหนึ่งแผ่น ตามด้วย มาม่าต้มยำ 1 ถ้วย แล้วปิดด้วย โรตีกล้วยไม่นมไม่น้ำตาลอีกหนึ่งแผ่น เอ๊ะ ไปทำอะไรหนักมาเนี่ยช๊านนน แต่อยากบอกว่า มาม่าบนภูอร่อยมากกกกกกกก ฮ่าๆๆๆ มันได้บรรยากาศยังไงก็ไม่รู้อ่ะ กลับลงมาผ่านบ้านไร่เชิญตะวันแวะนมัสการ ท่าน ว. วชิระเมธี ขอย้อนกลับไปตอนวางแผนเล็กน้อย ความตั้งใจปีนี้คือสวดมนต์ข้ามปี แล้วได้อ่านข่าวว่าจะมีสวดมนต์ข้ามปีที่ บ้านไร่เชิญตะวัน โดย ท่าน ว. วชิระเมธี จะอยู่ที่นั่นด้วย เราก็อยากไปมาก แต่พอดูโปรแกรมแล้วคิดว่าไม่ไหวเพราะว่าต้องไปอยู่ตั้งแต่กลางวันจนถึงสายๆของอีกวัน คนอื่นๆคงไม่ได้อยากมาด้วยขนาดนี้ ก็เลยตัดโปรแกรมนี้ทิ้งไป โชคดีของเราที่แม่ดันเห็นป้ายว่า บ้านไร่เชิญตะวันอีก 4 กม. เราก็ขอพ่อแวะเลยทันที อยากบอกว่าถนนเข้าไปคือ ถนนเข้าสวนจริงๆ ฝุ่นเยอะ ทางยังไม่ค่อยดี ลาดด้วยหิน แต่พอเข้าไปที่ไร่รถเยอะมาก เจ๋งสุดคือมีคนขับแรมโบกินี่เข้าไป ป้ายแดงซะด้วย อิอิ เข้าไปถึงก็ไปแวะกราบท่านก่อนเลย ท่านนั่งอยู่ริมสระน้ำพร้อมลูกศิษย์อีกเยอะแยะมากมาย โชคดีที่เราไปขอถ่ายรูปกับท่านแล้วท่านก็ใจดีให้ถ่ายรูปเลยได้มีรูปเรากับน้องๆถ่ายกับท่าน ว. พร้อมน้องเวย์ (หมาของน้องชาย) เป็นผู้โชคดีที่สุดเพราะท่าน ว. ขออุ้ม กลายเป็นดาวไปซะเลย คนรุมถ่ายรูปกันเยอะแยะ ^___^ ก่อนกลับแวะกินอาหารมังสวิรัติที่ซุ้มอาหารที่เค้านำมาทำบุญ ออกจากไร่ก็กลับโรงแรมอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวนุ่งขาวห่มขาวไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดพระสิงห์ สมความตั้งใจ สวดมนต์กันไปหลายบท จบด้วย อิติปิโส 108 จบ ก็สวดไปหลับไป ด้วยความที่แอบง่วง เสร็จพิธีตอนประมาณเกือบๆีตีหนึ่ง ก็รับน้ำมนต์ รับพร รับพระ ต้อนรับปีใหม่กันไป กลับมานอนเอาแรงไว้สำหรับเดินทางกลับ


1 ม.ค. 55 เชียงราย - ลำปาง - กทม.

ออกจากเชียงรายตอนสายๆ ผ่านวัดร่องขุน แต่ไมไ่ด้แวะเข้าไป เพราะต้องมุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปางเพื่อไปเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง คนเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นวันแรกของปี คนก็อยากเข้าวัดขอพรพระกัน ขากลับก็แวะรายทางไปเรื่อยๆ กินบ้าง ซื้อของบ้าง ชมนั่น ชมนี่ กว่าจะถึง กทม. ก็มืดมากแล้ว วันนี้หมดแรง แค่คิดว่าอีกสองสามวันก็ต้องกลับมาทำงานต่อก็ เฮ้ออออออออ ซะแล้ว



2 ม.ค. 55 กทม. - กระบี่

ออกจาก กทม. ตอนสายๆ (อีกแล้ว) แวะกินข้าวที่ร้านแดงอาหารทะเล จ. สมุทรสาคร อาหารที่สั่งมามี ปลาทูเตี๊ยะ เหมือนปลาต้มหวานต้มเค็ม กุ้งอบเกลือ ปลาเต๋าเต้ยต้มบ๊วยหม้อไฟ หอยหลอดผัดฉ่า อร่อยดีเหมือนกัน ได้มาตามที่ใครหลายคนแนะนำแล้วว่า ร้านนี้ควรต้องมาลอง ออกจากร้านแดงก็มุ่งหน้ากลับบ้านอันแสนอบอุ่นของเรากันดีกว่า ขากลับมาท้องฟ้าขุ่นมัวตลอดทางและฝนเริ่มละเลงตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมาเลย แย่ที่สุดคือที่ หลังสวน ทางเอเชียมีปัญหาน้ำป่าไหลทะลักวิ่งไม่ได้ ต้องอ้อมไปวิ่งเส้นเพชรเกษมทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปอีกเป็นชั่วโมงเพราะฝนตกหนักและรถติดมาก แต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่แถวนั้นที่คอยตากฝนบอกทางเป็นระยะๆ หลุดออกมาได้ก็ต้องทำเวลาเพราะไม่อยากถึงบ้านดึกเกินไปนัก แถมมาเจอที่สุราษฎร์ตรงเส้นเซาท์เทิร์น มืดและกำลังก่อสร้างทาง งานนี้มันส์จริงๆ แต่สุดท้ายเราก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่ต้องรีบไปนอนเพราะเรายังต้องขับจาก กระบี่ มา ภูเก็ต เพื่อกลับมาทำงานวันรุ่งขึ้นอีก จบแล้ว ทัวร์นกขมิ้น ของเรา ไม่รีบ ไม่เร่ง เน้นเอาที่อยากไปเข้าว่า ไปเรื่อยๆ ไม่มีโปรแกรมตายตัว


ขอขอบคุณเป็นพิเศษ

- คุณป๋า สำหรับการเป็นพลขับกิตติมศักดิ์ ระยะทางทั้งหมดที่เราร่วมเดินทางกันคือ 4,073 กิโลเมตร
- คุณนายแม่ สำหรับ สปอนเซอร์ใหญ่ในการเดินทางครั้งนี้ สรุปว่า เราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ยกเว้นขนม ของฝาก อิอิ
- น้องชาย และ กู๊หม่วย สำหรับการอยู่ดูแลบ้านและน้องหมาๆทั้งหลายในช่วงที่เราไม่อยู่กัน
- กู๊อึงและครอบครัว สำหรับการร่วมเดินทางด้วยกันครั้งนี้
- พี่ใหญ่ และ คุณวิทูร สำหรับประสานงานเรื่องที่พักในเชียงใหม่ และ เชียงราย
- พี่ป่อง สำหรับ การจองที่พักที่เชียงใหม่
- พี่ท๊อป สำหรับ free wifi
- หลิง หลิง สำหรับ การแนะนำเรื่องที่เที่ยวต่างๆ
- น้องลี่ สำหรับ เส้นทาง สะเมิง แม่ริม และช่วยหาที่ซุกหัวนอน (แต่ขอโทษน๊าที่ไปพักไม่ได้ ราคามันสูงไปหน่อย แฮะๆๆ)

เจอกันใหม่ทริปหน้านะค๊าาาาาาาา



Create Date : 16 มกราคม 2555
Last Update : 16 มกราคม 2555 22:22:25 น.
Counter : 732 Pageviews.

1 comments
  

โดย: Kavanich96 วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:7:49:18 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

manatabo
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตคือการเดินทางตลอดเวลา