กันยายน 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ทัวร์นกขมิ้น จาก ใต้ (กลาง) ถึง เหนือสุด แดนสยาม 26 ธ.ค. 54 - 2 ม.ค. 55

ทัวร์นกขมิ้นเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจไม่มีการวางแผนล่วงหน้ายาวนัก จากตอนแรกจะไปกับเพื่อนๆกลายเป็นว่าไปกับสุดที่รักถึงสองคนเลยทีเดียว (พ่อ กะ แม่) เป็นเพราะท่านแม่อยากขับรถไปเรื่อยๆ(ค่ำไหนนอนนั่น) แต่พ่อบอกว่า ไม่ไหวม๊างง ไปอย่างงั้นพลขับ (พ่อ) เหนื่อยตาย ขับไปไม่มีจุดหมายเกิดไม่มีที่พักแล้วแย่เลย สุดท้ายลงตัวตามตารางดังต่อไปนี้

26 ธ.ค. 54 (กระบี่- กทม.)

ขับรถออกจากกระบี่ตอนบ่ายโมง(กว่าจะได้ออกจากบ้านมัวแต่เอ้อละเหย ทำโน่นนี่นั่นกันอยู่ไม่เสร็จซะที)ขับไปเรื่อยๆ แต่งานนี้คงต้องขับไปบ่นไปเพราะทางตั้งแต่สุราษไปถึงแถวก่อนหัวหินแย่มากกกกก ทางเป็นผิวพระจันทร์ชัดๆ (แต่ไม่เคยไปเดินบนดวงจันทร์หรอกนะ อิอิว่าตามเค้าไปเรื่อย) จอดแวะซื้อของรายทางเพื่อหิ้วไปฝากคนโน้นคนนั้นคนนี้เผอิญลองแวะกินข้าวที่ปั๊มคุณสาหร่ายรู้สึกผิดหวังจังเพราะว่าไม่มีอะไรอร่อยเลยขนาดเราไปกินตอนหิวนะ หรือว่าเราไม่คุ้นกับอาหารรสชาดแนวนั้นก็ไม่รู้ T__T แวะเติมน้ำมันแถวเพชรบุรีเริ่มสัมผัสได้ถึงอากาศที่เริ่มเย็นลงเย้ๆๆๆ ในที่สุดก็ได้เจออากาศแบบนี้ หวังว่าภาคเหนือจะเย็นฉ่ำกว่านี้น๊าาา ถึงกทม. ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนกันแล้ว ยังดีที่ไปบ้านป้าถูกอาศัยเจ้า GPS ช่วยนำทาง(ตอนพ่อซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มาบ่นกันใหญ่ว่าซื้อมาทำไมไม่มีประโยชน์ บลาๆๆแต่มันดันมีประโยชน์ขึ้นมาก็คราวนี้นี่หล่ะ) จบวันแรก กระบี่ - สยามด้วยการหลับปุ๋ย

27 ธ.ค. 54 (กทม. -เชียงใหม่)

ออกจากกทม. ตอนสายๆก่อนออกก็เติมพลังกันที่ร้านขายข้าวแกงนครแถวๆแฟตคลองจั่น (บางกะปิ)เส้นทางที่เราจะไปก็คือ อยุธยา - นครสวรรค์ - กำแพงเพชร - ตาก - ลำปาง - เชียงใหม่ระยะทางรวมประมาณ 700 ++ กิโลเมตร ถึงเชียงใหม่ตอนค่ำสถานที่ซุกหัวนอนสำหรับสองคืนที่เชียงใหม่คือ Le Meridien Chiangmai ห้องสวยแล้วก็ไม่อึดอัดดีขอบคุณพี่โป่งกับพี่ท๊อบสำหรับเรื่องการจองห้องพักและฟรีอินเตอร์เนตค่ะเอาของโยนเข้าห้องปั๊บก็ออกข้างนอกไปเดินที่ไนท์บลาซ่ากันดีกว่าอากาศเย็นแต่ไม่มาก :-( นึกว่าตัวเองเดินอยู่แถวจังหวัดที่มีทะเล ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหารทะเลเกือบทั้งหมดแต่ราคาปูดำที่นี่กิโลละ 1400 บาท โอ้แม่เจ้าาาาาาแวะกินวุ้นขาวแปะก้วย (ที่เค้าเขียนว่า รังนกแปะก้วย อิอิ)คนละถ้วยรอน้องอีกคนมาสมทบ พอครบทีมปั๊บก็ไปกินข้าวต้มปลากันจำชื่อร้านไม่ได้แต่มีคนบอกว่าร้านนี้อร่อย พอไปกินก็โอเคนะ อร่อยดีอากาศเย็นๆเหมาะกับของร้อนๆ ขาไปก็นั่งสามล้อเชียงใหม่ขากลับก็นั่งรถสองแถวเชียงใหม่ ได้บรรยากาศดีจริงๆ

28 ธ.ค. 54 (เชียงใหม่)

วันนี้สิงสถิตอยู่ในจังหวัดนี้ทั้งวันโปรแกรมเรื่อยเปื่อยของเราคือ ตื่นสายๆ ตื่นมาก็เดินทางไปไร่สตรอเบอรี่ที่สะเมิงเดินทางไปแบบ งงๆ ขาไปดันไปอีกทางนึงซึ่งไม่ค่อยมีอะไรให้ดู (ทางเดียวกับทางไปกฤษดาดอย) เห็นป้ายบอกขายที่เกือบตลอดทาง อาศัยเจ้า GPS บอกทางไปจนถึงไร่สตรอเบอรี่วงศ์วานงานนี้ผิดหวังค๊าบบ สตรอเล็กมากแถมไม่ค่อยมีให้เก็บ เสียค่าเข้าไปเก็บคนละ 20บาท เป็นค่าบำรุงสวน แล้วห้ามชิมในไร่ต้องใส่ถังออกมาชั่งกิโลข้างนอกกิโลละสองร้อย ฮ่าๆๆๆๆ ไม่ต้องเก็บก็ราคานี้เก็บเองก็ราคานี้ สุดท้ายจ่าย 20 บาทเข้าไปถ่ายรูปไร่เล็กน้อยก็ออกมาพร้อมถังเปล่าเพราะสงสารลูกสตรอเบอรี่เล็กๆเลยเอ็นดูไม่อยากเก็บ ก็อาศัยซื้อเอาข้างนอกมากินเล่นกันขากลับจากสะเมิงขับมาทางแม่ริมด้วยความกรุณาบอกทางของน้องลี่เราก็ได้เห็นอีกบรรยากาศหนึ่งของแม่ริมถนนสายนี้ท่าทางจะเศรษฐกิจดีกว่าอีกสายที่ขึ้นมาเพราะว่าไม่ค่อยมีป้ายบอกขายที่และมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะกว่ามีสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แล้วก็มีม่อนแจ่ม (สองที่ๆบอกมา ไม่ได้แวะสักที่ แค่ผ่านเฉยๆ)

ลงมาจากแม่ริมก็พาลุงไปบ้านจ๊างนักของน้องหยกเพื่อไปเจรจาทางธุรกิจเล็กน้อยเสร็จธุระก็ได้เวลาเติมน้ำมันใส่ท้องแวะกินร้านอาหารอีสานหน้า ม. เชียงใหม่(เจ้าถื่นเค้าแนะนำว่าร้านนี้อร่อยมากกก) ก็ไปนั่งกินสั่งกันเหมือนไม่ได้กินข้าวกันมาหลายเดือนเต็มโต๊ะไปหมดแต่ค่าเสียหายแสนถูก (ชอบที่สุดของภาคเหนือคือของกินไม่แพงเลย ^^) หลังจากหนังท้องตึงเราก็ไปงานพืชสวนโลกกันค่าบัตรคนละ 200 บาท ได้ลด 10 บาทเนื่องจากไปซื้อบัตรจากไกด์ที่มาดักขายหน้างานตัดราคาเหลือ 190 บาท ฮ่าๆๆ (จริงๆไกด์คงจองล่วงหน้าได้ราคา 100 บาทมาเอิ๊กๆๆ) เข้าไปดูแสง สี เสียง และซุ้มดอกไม้เล็กน้อยพอเป็นพิธีว่าได้มาแล้วเนื่องจากเข้าไปถึงก็เกือบทุ่มๆ ฟ้ามืดสลัวมองอะไรก็สวยไปหมดออกมาจากพืชสวนโลกก็ตรงดิ่งไปที่ ร้านมนต์นมสด สาขาเชียงใหม่กันเลยทันที สั่งกันเต็มโต๊ะ(อันนี้ไม่ถูกเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ)แถมยังซื้อแยมสตรอเบอรี่กับแยมถั่วพร้อมหนมปังอีกหนึ่งแถวเอาไว้เป็นเสบียงด้วยจบวันนี้ด้วยการพักผ่อนเอาแรง และเปลี่ยนโปรแกรมจากที่จะไปนอนดอยห่มฟ้า เป็นดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ทที่แม่สลอง

29 ธ.ค. 54 ดอยอ่างขาง- สวนส้มธนาธร - ดอยแม่สลอง

เก็บข้าวของออกจากโรงแรมที่เชียงใหม่ตอนเช้าแวะตลาดวโรรสซื้อพวกหมูทอดขาวเหนียว น้ำพริกที่ร้านดำรงค์ (ร้านอะไรคนเยอะได้ขนาดนี้)ขายไม่ได้แบ่งปันร้านอื่นๆกันเลยทีเดียววางแผนกันว่าจะไม่กินข้าวในเชียงใหม่แต่จะซื้อสเบียงแล้วไปกินกลางทางระหว่างขับรถไปเรื่อยๆก็เลยแวะกินที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งเลยแยกที่จะไป อ. ปาย(จากเชียงใหม่ไปปายไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลย เสียดายมาก ถ้ารู้เส้นทางล่วงหน้าจะออกเช้าแล้วแวะเข้าปายก่อนซะเลย)กินเสร็จก็ขึ้นดอยอ่างขางแวะเข้าไปชมโครงการหลวง แล้วกลับลงมาเพื่อขับรถไปดอยแม่สลองระหว่างทางแวะสวนส้มธนาธรซื้อส้มสักลังไว้เป็นสะเบียงไปเรื่อยๆ ส้มถูกมาก ลังนึงมี100 นิดๆลูก ราคา ห้าร้อยสี่สิบบาททำไมมาถึงบ้านเรามันแพ๊งงงแพงงง ขึ้นไปถึงดอยแม่สลองก็เริ่มค่ำมืดอีกแล้วกะเวลาผิดเล็กน้อย คืนนี้พักที่ ดอยหมอกดอกไม้รีสอร์ท ห้องกว้างมาก สิ่งที่ดีที่สุดในห้องคือ"น้ำอุ่น" :-P อากาศสบาย วิวสวยแต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อย ระหว่างทางไปรีสอร์ทเค้ามีงานชิมชา ชมซากุระประจำปีของที่นั่น น่าเสียดายที่มันเริ่มค่ำแล้วเลยไม่ได้แวะเที่ยวอยากลงไปดูวิถีชีวิตของเค้าซะหน่อย คืนนี้ฝากท้องที่รีสอร์ทที่พัก อาหารที่ต้องสั่งบนดอยแม่สลองก็คือขาหมู หมั่นโถ และ เห็ดหอมอบซีอิ้ว และก็อร่อยจริงๆด้วยโดยเฉพาะเห็ดหอมอบซีอิ้วอร่อยมากกก อาหารก็ราคาไม่แพง เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปนอนอ้อคืนนี้อากาศค่อนข้างเเย็นติดหนาวกันเลยเพราะว่าไม่ต้องเปิดแอร์นอนแล้วก็ปิดหน้าต่างทั้งหมดห่มผ้าก็ยังรู้สึก(โคตร) เย็น

30 ธ.ค. 54 แม่สาย- สามเหลี่ยมทองคำ - งานดอกไม้เชียงราย

ขับลงจากดอยแม่สลองไปอีกเส้นทางจากที่ขึ้นมาแวะนมัสการพระสยามเทวาธิราช ชมวัฒนธรรมของชาวเขา (จำเผ่าไม่ได้)เค้ามาร้องรำทำเพลงอยู่ตรงนั้น ชอบเด็กที่นั่นไม่คดโกงเหมือนนักการเมืองบ้านเราเราถ่ายรูปกับเด็กแล้วให้เงินเด็กเค้าไม่เก็บเข้ากระเป๋าตัวเองแต่เอาไปหย่อนที่เงินกองทุนหมู่บ้านที่เป็นกล่องตั้งเอาไว้ขนาดเด็กตัวเล็กๆยังรู้เลย ทำไมผู้ใหญ่ในบ้านเราคิดไม่ได้ก็ไม่รู้น๊าขับลงมาก็ตรงไปเที่ยวแม่สาย ในที่สุดก็มาถึง เหนือสุดแดนสยามนานแล้วที่ไม่ได้มาก็เลยแวะเข้าไปเที่ยวต่างประเทศกะเค้าซะหน่อยวิธีการก็คือต้องไปออกใบผ่านข้ามแดนที่อำเภอ (เดี๋ยวนี้เค้าไม่ให้ออกที่ด่านแล้ว)ราคา 30 บาทแต่ถ้าหาที่จอดรถยากไม่สะดวก็ให้มอไซด์รับจ้างทำให้ก็ได้ ไป - กลับ 40 บาทใช้เวลาไม่นานเลย เข้าไปก็มีแต่ของก๊อบปี้ซะเป็นส่วนใหญ่ก็เลยไม่ค่อยได้อะไรติดไม้ตืดมือมา นอกจากของกินจำพวกเห็ดหอม บ๊วยต่างๆ ฯลฯออกมาจากแม่สายก็ตรงดิ่งไปที่สามเหลี่ยมทองคำ ขับผ่านๆไม่ได้แม้แต่จะลงไปถ่ายรูปกะจะไปแวะหอฝิ่นแต่ดันปิดซะแล้ว ก็เลยขับไปเที่ยววัดพระธาติผาเงา เป็นอีกวัดที่สวยงามและมีจุดชมวิวที่มองเห็นทางฝั่งดินแดนสามเหลี่ยมทองคำทำบุญกันเสร็จก็กลับลงมาหาข้าวกินที่ครัวเชียงแสนริเวอร์ไซด์ ร้านนี้ขอแนะนำอาหารอร่อยเกือบทุกอย่างเลย คงไม่ใช่เพราะเราหิวมากหรอกนะ เจ้าของร้านน่ารักด้วยออกมาขายปูขนยักษ์ (ด้วยตัวเอง) ฮ่าๆๆๆ งานนี้ถูกและอร่อยอีกแล้วโดยเฉพาะต้มยำปลาคังน้ำใส อร่อยมากกกกออกจากเชียงแสนกลับเข้าเมืองเชียงรายหาทางไปที่พักกว่าจะเจอก็เล่นเอาเหงื่อตก GPSไม่ทันสมัยหาโรงแรมที่จองไว้ไม่เจอเป็นโรงแรมเล็กๆเปิดได้ประมาณสามปี เลยต้องอาศัย GPS ของน้องนำไปพักที่เรือนอินทร์ เป็นโรงแรมขนาดเล็ก 3 ชั้น ไม่มีลิฟ(เหงื่อตกเลยตรู เพราะพักชั้น 3) ห้องสะอาดและใหม่ดีต้องขอบคุณแฟนเจ้านายที่ช่วยหาโรงแรมให้แบบกระทันหันในช่วงเวลาสิ้นปีที่หาโรงแรมยากเช่นนี้โยนของเสร็จก็บึ่งออกไปงานดอกไม้เชียงรายกันเลยเพราะเค้าปิดประมาณเที่ยงคืนงานนี้บอกได้เลยว่าดอกไม้สวยกว่าที่พืชสวนโลกอีกอ่ะ มีทุ่งทิวลิปสวยงามมากกดอกลิลลี่ทั้งบานทั้งหุบเยอะแยะ กล้วยไม้เป็นกะตั๊กให้เลือกเดินดู และ อื่นๆอีกมากมาย จบคืนนี้ที่เรือนอินทร์ เก็บแรงไว้สำหรับพรุ่งนี้กันดีกว่า

31 ธ.ค. 54 ส่งท้ายปีเก่าที่ ภูชี้ฟ้า - บ้านไร่เชิญตะวัน - วัดพระสิงห์ (เชียงราย)

ตื่น (สาย) เหมือนเคย เมื่อสมาชิกทุกคนพร้อมก็ออกเดินทางไปยังภูชี้ฟ้าจุดประสงค์เพื่อให้ได้บอกคนอื่นว่า ชั้นไปภูชี้ฟ้ามาแล้วนะ ถ้าเค้าถามต่อว่าหมอกสวยไม๊ จะเงียบเป็นที่สุด ฮ่าๆๆๆ เพราะว่าไปถึงตอนประมาณเกือบเที่ยงแวะเตรียมใจเล็กน้อยเพราะต้องเดินขึ้นภูอีกประมาณ 700++เมตร เล่นเอาเราหน้ามืดเลยด้วยความรีบเดินทำให้หายใจไม่ค่อยทันยังคิดอยู่ว่าแล้วชั้นจะไปทิเบตได้ไม๊เนี่ยยยยยยย ก็เลยต้องนั่งพักสักแป๊บนึงแล้วเดินต่อไปจนถึงจุดชมวิวบนภูชี้ฟ้า สวยนะ ถ้าได้มาตอนมีหมอกคงจะยิ่งสวยกว่านี้แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ชมความงามสักพักก็เดินลงมาพร้อมพ่อค่อยๆเดินเพราะเหมือนว่าพ่อเริ่มจะปวดเข่าเล็กน้อย ลงมาปั๊บก็โรตีหนึ่งแผ่นตามด้วย มาม่าต้มยำ 1 ถ้วย แล้วปิดด้วยโรตีกล้วยไม่นมไม่น้ำตาลอีกหนึ่งแผ่น เอ๊ะ ไปทำอะไรหนักมาเนี่ยช๊านนนแต่อยากบอกว่า มาม่าบนภูอร่อยมากกกกกกกก ฮ่าๆๆๆ มันได้บรรยากาศยังไงก็ไม่รู้อ่ะกลับลงมาผ่านบ้านไร่เชิญตะวันแวะนมัสการ ท่าน ว. วชิระเมธีขอย้อนกลับไปตอนวางแผนเล็กน้อย ความตั้งใจปีนี้คือสวดมนต์ข้ามปีแล้วได้อ่านข่าวว่าจะมีสวดมนต์ข้ามปีที่ บ้านไร่เชิญตะวัน โดย ท่าน ว. วชิระเมธีจะอยู่ที่นั่นด้วย เราก็อยากไปมากแต่พอดูโปรแกรมแล้วคิดว่าไม่ไหวเพราะว่าต้องไปอยู่ตั้งแต่กลางวันจนถึงสายๆของอีกวันคนอื่นๆคงไม่ได้อยากมาด้วยขนาดนี้ ก็เลยตัดโปรแกรมนี้ทิ้งไปโชคดีของเราที่แม่ดันเห็นป้ายว่า บ้านไร่เชิญตะวันอีก 4 กม.เราก็ขอพ่อแวะเลยทันที อยากบอกว่าถนนเข้าไปคือ ถนนเข้าสวนจริงๆ ฝุ่นเยอะทางยังไม่ค่อยดี ลาดด้วยหิน แต่พอเข้าไปที่ไร่รถเยอะมากเจ๋งสุดคือมีคนขับแรมโบกินี่เข้าไป ป้ายแดงซะด้วย อิอิเข้าไปถึงก็ไปแวะกราบท่านก่อนเลย ท่านนั่งอยู่ริมสระน้ำพร้อมลูกศิษย์อีกเยอะแยะมากมายโชคดีที่เราไปขอถ่ายรูปกับท่านแล้วท่านก็ใจดีให้ถ่ายรูปเลยได้มีรูปเรากับน้องๆถ่ายกับท่านว. พร้อมน้องเวย์ (หมาของน้องชาย) เป็นผู้โชคดีที่สุดเพราะท่าน ว. ขออุ้มกลายเป็นดาวไปซะเลย คนรุมถ่ายรูปกันเยอะแยะ ^___^ ก่อนกลับแวะกินอาหารมังสวิรัติที่ซุ้มอาหารที่เค้านำมาทำบุญออกจากไร่ก็กลับโรงแรมอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวนุ่งขาวห่มขาวไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัดพระสิงห์สมความตั้งใจ สวดมนต์กันไปหลายบท จบด้วย อิติปิโส 108 จบก็สวดไปหลับไป ด้วยความที่แอบง่วง เสร็จพิธีตอนประมาณเกือบๆตีหนึ่ง ก็รับน้ำมนต์รับพร รับพระ ต้อนรับปีใหม่กันไป กลับมานอนเอาแรงไว้สำหรับเดินทางกลับ

1 ม.ค. 55 เชียงราย- ลำปาง - กทม.

ออกจากเชียงรายตอนสายๆ ผ่านวัดร่องขุน แต่ไม่ได้แวะเข้าไปเพราะต้องมุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปางเพื่อไปเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระธาตุลำปางหลวงคนเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะเป็นวันแรกของปี คนก็อยากเข้าวัดขอพรพระกันขากลับก็แวะรายทางไปเรื่อยๆ กินบ้าง ซื้อของบ้าง ชมนั่น ชมนี่ กว่าจะถึง กทม.ก็มืดมากแล้ว วันนี้หมดแรง แค่คิดว่าอีกสองสามวันก็ต้องกลับมาทำงานต่อก็เฮ้ออออออออ ซะแล้ว

2 ม.ค. 55 กทม. -กระบี่

ออกจาก กทม. ตอนสายๆ (อีกแล้ว)แวะกินข้าวที่ร้านแดงอาหารทะเล จ. สมุทรสาคร อาหารที่สั่งมามี ปลาทูเตี๊ยะเหมือนปลาต้มหวานต้มเค็ม กุ้งอบเกลือ ปลาเต๋าเต้ยต้มบ๊วยหม้อไฟ หอยหลอดผัดฉ่าอร่อยดีเหมือนกัน ได้มาตามที่ใครหลายคนแนะนำแล้วว่า ร้านนี้ควรต้องมาลองออกจากร้านแดงก็มุ่งหน้ากลับบ้านอันแสนอบอุ่นของเรากันดีกว่าขากลับมาท้องฟ้าขุ่นมัวตลอดทางและฝนเริ่มละเลงตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมาเลยแย่ที่สุดคือที่ หลังสวน ทางเอเชียมีปัญหาน้ำป่าไหลทะลักวิ่งไม่ได้ต้องอ้อมไปวิ่งเส้นเพชรเกษมทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปอีกเป็นชั่วโมงเพราะฝนตกหนักและรถติดมากแต่ก็ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่แถวนั้นที่คอยตากฝนบอกทางเป็นระยะๆหลุดออกมาได้ก็ต้องทำเวลาเพราะไม่อยากถึงบ้านดึกเกินไปนักแถมมาเจอที่สุราษฎร์ตรงเส้นเซาท์เทิร์น มืดและกำลังก่อสร้างทาง งานนี้มันส์จริงๆแต่สุดท้ายเราก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่ต้องรีบไปนอนเพราะเรายังต้องขับจาก กระบี่มา ภูเก็ต เพื่อกลับมาทำงานวันรุ่งขึ้นอีก จบแล้ว ทัวร์นกขมิ้น ของเรา ไม่รีบไม่เร่ง เน้นเอาที่อยากไปเข้าว่า ไปเรื่อยๆ ไม่มีโปรแกรมตายตัว

ขอขอบคุณเป็นพิเศษ Smiley

- คุณป๋า สำหรับการเป็นพลขับกิตติมศักดิ์ระยะทางทั้งหมดที่เราร่วมเดินทางกันคือ 4,073 กิโลเมตร

คุณนายแม่ สำหรับสปอนเซอร์ใหญ่ในการเดินทางครั้งนี้ สรุปว่า เราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ยกเว้นขนมของฝาก อิอิ

- น้องชาย และ กู๊หม่วยสำหรับการอยู่ดูแลบ้านและน้องหมาๆทั้งหลายในช่วงที่เราไม่อยู่กัน

- กู๊อึงและครอบครัว สำหรับการร่วมเดินทางด้วยกันครั้งนี้

- พี่ใหญ่ และ คุณวิทูรสำหรับประสานงานเรื่องที่พักในเชียงใหม่ และ เชียงราย

- พี่ป่อง สำหรับการจองที่พักที่เชียงใหม่

- พี่ท๊อป สำหรับ free wifi 

- หลิง หลิง สำหรับการแนะนำเรื่องที่เที่ยวต่างๆ

- น้องลี่ สำหรับ เส้นทาง สะเมิง แม่ริม และช่วยหาที่ซุกหัวนอน(แต่ขอโทษน๊าที่ไปพักไม่ได้ ราคามันสูงไปหน่อย แฮะๆๆ)

เจอกันใหม่ทริปหน้านะค๊าาาาาาาา



Create Date : 04 กันยายน 2555
Last Update : 4 กันยายน 2555 22:17:00 น.
Counter : 820 Pageviews.

1 comments
  
โดย: Kavanich96 วันที่: 5 กันยายน 2555 เวลา:10:20:34 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

manatabo
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตคือการเดินทางตลอดเวลา