สิงหาคม 2550

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
31 สิงหาคม 2550
All Blog
ไหว้ไปกินไป
วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2007 ที่ผ่านมานี้มีโอกาสได้ไปเดินสายไหว้พระตามวัดต่างๆในกรุงเทพฯ แต่อย่าคิดว่าได้ไหว้หมด เก้าวัดอย่างที่คนอื่นๆเค้าทำกันนะคะ แต่เราสองคนคือตัวเมย์แล้วก็เพื่อนอีกคนคือนู๋เอ๊ก เก็บได้แค่สามวัดกะสองศาล เท่านั้นเอง เนื่องจากลำไส้และกระเพาะอาหารทำงานหนักมาก ร้องโครกครากจนทนไม่ไหว ต้องขอหยุดไว้แค่นั้นแล้วหาอะไรกินกันก่อน

เริ่มต้นจากนัดกันตอนเช้าที่สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิตตอนแปดโมงตรง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเส้นทางไปเจอกันที่สถานีราชเทวีแทน หลังจากลงรถไฟฟ้ามาก็เดินลัดเลาะผ่านทางซอยเพชรบุรี (จำไม่ได้ว่าซอยที่เท่าไหร่) สายตาก็บังเอิญไปเจอะเข้ากับร้านโจ๊กหมูของอาซิ้มคนหนึ่งในซอยที่เราเดินผ่าน ท้องเจ้ากรรมก็ทำงานทันทีสั่งการก่อนสมองซะอีกบอกว่า กินเหอะนะ เราสองคนก็มองหน้ากัน ตกลงว่ากินโจ๊กก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อก็แล้วกัน ก็สั่งโจ๊กมากินคนละชาม (มีโจ๊กไข่เยี่ยวม้าด้วยนะ) แต่เสียดายไข่เยี่ยวม้าไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ (ขมไปหน่อย) คิดถึงโจ๊กฮ่องกงจริงๆเลย T_T

เสร็จจากมื้อเช้า เราสองคนก็ไปรอรถเมลล์สาย 12 เพื่อไปวัดพระแก้ว จ่ายค่ารถเมลล์ไปเท่าไหร่ก็จำไม่ได้แฮะลืมจดเอาไว้ พอถึงวัดก็เดินตัวปลิวเข้าไปในวัดโดยไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ อันนี้ถือเป็นความโชคดีที่เกิดมาเป็นคนไทย เพราะว่าถ้าเป็นชาวต่างชาติก็ต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 200 หล่ะมั้งถ้าจำไม่ผิดนะ เราสองคนเลือกที่จะซื้อดอกไม้ธูปเทียนภายในวัด ถือว่าเป็นการช่วยทำบุญวัดอย่างหนึ่ง ราคาสามสิบบาทต่อชุดสำหรับดอกไม้ธูปเทียน เค้าก็มีบริเวณให้จุดธูปเทียนไหว้พระด้านนอก หลังจากนั้นก็เข้าไปไหว้พระแก้วมรกต เราสองคนไม่ได้เดินชมรอบๆวัดอย่างนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเพราะว่าการเดินทางของเรายังอีกยาวไกล เราก็เลยหาทางออกที่ใกล้ที่สุดเพื่อไปยังศาลหลักเมืองซึ่งอยู่ใกล้ๆกันกับวัดพระแก้ว สามารถเดินไปได้สบายๆ

พอไปถึงศาลหลักเมืองก็จัดแจงซื้อของไหว้ อันประกอบด้วย ดอกบัว ธูป เทียน มาลัยพวงใหญ่ ผ้าคละสี น้ำมัน (ชุดใหญ่) ซึ่งมีราคา หกสิบบาท ต่อหนึ่งชุด แต่ถ้าใครไม่ต้องการก็สามารถซื้อแค่ชุดเล็กๆก็ได้เหมือนกัน หลังจากจุดธูปเทียนไหว้ศาลหลักเมืองเสร็จจากลานด้านนอก เราก็เข้าไปด้านในที่ตั้งของศาลหลักเมือง เพื่อไปกราบไหว้อีกครั้งหนึ่ง เป็นอันเสร็จการไหว้ที่ศาลหลักเมือง

ด้วยความที่อากาศร้อนและเริ่มขี้เกียจเดิน เราสองคนก็ตัดสินใจนั่งรถตุ๊กๆ ทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวไปยังวัดโพธิ์เพื่อไปนวด เอ้ยไม่ใช่ เพื่อไปไหว้พระที่วัดโพธิ์ต่อ ที่นี่มีพระนอนองค์ใหญ่ซึ่งเป็นพระประจำวัดเกิดของผู้ที่เกิดวัดอังคารทั้งหลาย เราก็ซื้อดอกไม้ธูปเทียนในวัดอย่างเคย ที่นี่เค้าจำหน่ายในราคาชุดละ ยี่สิบบาท และที่นี่เองที่ข้าพเจ้าป้ำๆเป๋อๆ ลืมหมวกเอาไว้ตอนนั่งไหว้พระ นึกออกอีกครั้งกลับมาถามเจ้าหน้าที่ก็ไม่เจอแล้ว (แถมยังยืมของน้ามาซะด้วย) เป็นอันว่าหายไปเรียบร้อย อ้อลืมบอกไปว่าที่นี่นักท่องเที่ยวก็ต้องเสียค่าเข้าชมเหมือนกัน โชคดีอีกแล้วที่เป็นคนไทย ^_^ พวกเราไม่ได้เดินดูรอบๆมากนักเนื่องจากว่าเรายังต้องไปต่อที่วัดสุทัศน์ฯ คราวนี้ตุ๊กๆก็ไม่ไหวแล้ว ขอเป็นแท๊กซี่ก็แล้วกัน เข้าไปในวัดสุทัศน์ฯ ถามเพื่อนว่าทำไมเค้านิยมมาวัดนี้กัน เอ๊กบอกว่าเพื่อให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เราก็เดินไปบริเวณที่มีดอกไม้ธูปเทียนวางไว้ ที่วัดนี้ไม่มีการขายแต่ให้คนที่มากราบไหว้บริจาคตามกำลังและศรัทธา โดยมีตู้รับบริจาควางเอาไว้ให้ หลังจากไหว้พระเสร็จเรียบร้อย จริงๆก็คิดว่าคงไม่ต่อแล้ว แต่ไหนๆ ศาลเจ้าพ่อเสือ ก็อยู่ใกล้ๆก็เลยตัดสินใจเดินไปนมัสการศาลเจ้าพ่อเสือกันต่อ ระหว่างทางก็จะผ่าน เสาชิงช้า ของกรุงเทพฯ ข้ามถนนไปก็จะเจอกับศาลเล็กๆแห่งหนึ่งแต่จำชื่อไม่ได้ มารู้ตอนหลังว่าศาลแห่งนี้จะเป็นของพราหมณ์ต่างๆ เดินไปศาลเจ้าพ่อเสือ ระหว่างทางมีคนขายไข่ดิบเพื่อเป็นของไหว้ที่ศาลเจ้าพ่อเสือ แต่ก็ไม่ได้ถามว่าเพราะอะไรถึงต้องเป็นไข่ดิบ ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะคะ ที่นี่ดอกไม้ธูปเทียนชุดละสิบบาท คนเยอะเหมือนกัน แต่เอ๊กบอกว่านี่เราโชคดีแล้วนะที่ไม่ได้มาตรงกับช่วงเทศกาล ไม่งั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าไปเดินกลางๆของศาล เนื่องจากว่าคนจะแน่นมากๆเข้าไม่ถึง



หลังจากไหว้เสร็จก็อย่างที่บอกตอนต้นว่า กระเพาะอาหารกับลำไส้ทำงานหนักมาก แข่งกันร้องใหญ่เลย พวกเราเลยตัดสินใจเรียกรถแท๊กซี่ไปส่งที่รถไฟฟ้าอนุเสาวรีย์แล้วเพื่อต่อไปสุขุมวิท 12 วันนี้ตั้งใจแน่วแน่ว่าอยากกินอาหารเกาหลี ก็เลยไปตระเวนแถวๆนั้น แต่ความผิดพลาดยิ่งใหญ่คือจำชื่อร้านไม่ได้แบบว่ามัวแต่หาร้านที่มีเมนูเค๊กข้าวผัดกับซอสเผ็ดหวานของเค้าที่ชื่อ Tokpoki อ่ะ ไงก็ตามแต่ ได้กินสมใจอยาก รสชาดก็ใช้ได้ ปลาแผ่นเค้าก็รสชาดดี เสียอย่างเดียวเค๊กข้าวเค้าแข็งไปหน่อยแล้วก็เค้าไม่ได้ใส่ไข่ต้มลงไปผัดด้วย คิดถึงร้านแถวๆ Korean Town จริงๆเลยนะเนี่ย แล้วก็คิดถึงเพื่อนๆทั้งหลายที่เคยไปกินด้วยกันด้วย ก็สั่ง B.B.Q มากินกันแล้วก็ กิมจิจิเกะ เป็นซุปกิมจิแล้วก็มีเนื้อหมูกับผักด้วย side dish เค้าก็มีหลายอย่างเหมือนกันนะประมาณหกอย่างเห็นจะได้ อันนี้ขอเพิ่มได้ตลอด เราก็ขอเพิ่มอยู่อย่างเดียวอ่ะ กิมจิ หุหุ กินกันไปตกคนละ 450 บาท แต่อิ่มมากๆ

หลังของคาวก็คิดได้ว่า น่าจะมีของหวานซะหน่อย ข้าพเจ้าก็เกิดความคิดอยากกินบัวลอยไข่เค็มที่คลองสาน เพราะว่าเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์เค้าเขียนแนะนำ ก็เลยตัดสินใจโบกแท๊กซี่ไปท่าเรือสี่พระยาแล้วก็ข้ามฟากไปคลองสาน ค่าเรือไปกลับคนละห้าบาทค่ะ ไปเดินๆดูของแถวๆนั้นแล้วก็แวะกินบัวลอยไข่เค็ม เค้ามีทั้งไข่เค็ม ไข่หวาน แล้วในบัวลอยเค้าก็ใส่ ข้าวโพด แห้ว แล้วก็ มะพร้าวอ่อนด้วยนะคะ เสียดายอย่างเดียว หุหุ ถ้วยเล็กไปหน่อย ฮ่าๆๆๆๆ เป็นอันเสร็จทัวร์สำหรับวันนี้ ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน เอ๊กบอกว่า มาหนึ่งวันยิ่งกว่าทำงานหนักสองวันอีก ฮ่าๆๆ ขอบใจมากนะเพื่อนที่อุตส่าห์ไปตะลอนเป็นเพื่อนหน่ะ ซึ้งมากมายก่ายกอง (ไว้ตรงไหนดีอ่ะ) วันนี้ก็ขอจบการเดินทางครั้งนี้พร้อมกับสายฝนที่เทลงมาในวันนั้น



Create Date : 31 สิงหาคม 2550
Last Update : 31 สิงหาคม 2550 15:21:58 น.
Counter : 188 Pageviews.

4 comments
  

ฮึม.....น่าสน
โดย: Raynu วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:16:55:21 น.
  
แวะมาตามรอยไหว้พระ แต่ได้แหล่งของกินแถมด้วย หากมีภาพด้วยก็ดีนะจ๊ะ
โดย: mam (mamminnie ) วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:18:29:48 น.
  
โอ้โห!! เดินทางกันสุดๆ แต่ละที่ไม่อยู่ใกล้กันซะด้วยสิ ทั้งกิน ทั้งเที่ยว ทั้งทำบุญ วันเดียวคุ้มเลย เยี่ยมไปเล้ย!!!
โดย: แมวน้อยตาพราว วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:18:59:24 น.
  
ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม blog นะคะ เรื่องรูปต้องขอโทษด้วยจริงๆ แบบว่าย่อรูปให้มีขนาดเล็กพอที่จะเอามาไว้ใน blog ไม่เป็นอ่ะค่ะ เค้าให้ไม่เกิน 150 KB แต่รูปที่ถ่ายๆไว้ก็เกินทั้งนั้น ก็เลยไม่สามารถจริงๆ
โดย: tabokrabi IP: 125.27.196.247 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:22:31:00 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

manatabo
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตคือการเดินทางตลอดเวลา