sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
4 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 17 ทับซ้อน



ณชนกอยากผลักไสร่างแกร่งกำยำที่กอดรัดเธอไว้ให้ออกห่าง แต่ร่างกายกลับอุ่นซ่านไปกับไอร้อนของอกแกร่ง หญิงสาวพลิกหน้าออกจากแผงอกขยับกายพลิกตะแคงไปอีกทาง

ใบหน้าสวยเฉี่ยวเบิกกว้างผงะหงายเมื่อเห็นบางอย่างตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า.....กระจก!.........เงาใคร?....นั่นคือเงาของใคร?.....เธอได้แต่ตะลึงแล้วจ้องเขม็งไปที่ผู้หญิงใบหน้าสวยหวานงดงามราวภาพนิรมิตดวงตาคู่งามกลมโตแต่อมโศกเล็กน้อยหากส่องเป็นประกายสุกใส....เรือนผมของเธอดำยาวหากเกล้ามวน.....ผิดกับใบหน้าเฉี่ยมคมสวย.....และผมซอยสั้นเหมือนเด็กหนุ่มของเธอจนแตกต่างจนสิ้นเชิง

กรอบหน้าสวยหวานค่อยๆ หลุบตาลงและหลับพริ้มอย่างเป็นสุข หากดวงตาของเธอกลับเบิกโพลงด้วยความกังขา มือเรียวพยายามตะกายไขว่คว้ากระจกกรอบไม้งดงามเบื้องหน้า เธอหลับตาแน่นเมื่อรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีและบอกตัวเองให้ลุกขึ้น หญิงสาวหันไปมองกระจกบานใหญ่พอสายตาปะทะกับเงาในนั้นใบหน้างามถึงกับซีดเผือด เพราะภายในกระจกเธอเห็นเงาอะไรบางอย่างทับซ้อนอยู่ในร่างเธอ

ใบหน้าเรียวสวยขาวซีดเมื่อเห็นร่างบางระหงของหญิงสาวปริศนานอนระโหยโรยแรงอยู่ในอ้อมกอดของชายแปลกหน้า ภาพพร่าเลือนที่อยู่ในกระจกเงาสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับเธอไม่น้อย มือบางพยายามเอื้อมมือไขว่คว้าหาตัวตนของตนเองที่ลางเลือนเหมือนผิวน้ำที่กำลังกระฉอกออกจากกันในยามที่มีวัตถุบางอย่างตกกระทบ

ในที่สุด....เมื่อเธอรวบรวมสติสัมปชัญญะที่มีและพละกำลังทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว วินาทีต่อมาร่างบอบบางที่ทับซ้อนอยู่ในร่างของหญิงแปลกหน้าก็ผละออก หญิงสาวก้มมองตัวเองแล้วผงะหงายอีกครั้ง....ณชนกยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเองเมื่อเธอหลุดออกจากร่างอ้อนแอ้นมายืนอยู่ข้างๆ เตียง......เนื้อตัวเธอยังคงมีไออุ่น......แต่ร่างกายกลับบางใสราวกับผู้หญิงที่เธอเห็นอยู่บนเรือนไหมแก้ว...อะไรกันนี่เธอตกใจกลัวผีจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วหรือไง....

“โฮ! ฉันตายแล้วหรือนี่....ไม่ยอมไม่ยอมฉันยังไม่ได้ล่ำลาใครซักคนเลย” หญิงสาวทรุดลงนั่งแล้วร่ำไห้อย่างหดหู่

“ณชนกคุณเป็นอะไร?” เสียงทุ้มนุ่มถามขึ้นเมื่อหลุดผละออกจากร่างที่ตนกำลังทับซ้อนอยู่เช่นกัน

“เฮ้ย! พ่อแก้วแม่แก้วอีตาธีรดลย์อย่าบอกนะว่าคุณก็กลัวผีจนช๊อคตายอีกคน” หญิงสาวยกมือป้ายน้ำตาแล้วถามไถ่ด้วยสีหน้าที่ยังหดหู่ไม่หาย
“ไม่รู้สิ แต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยังมีลมหายใจ”

“มันคงเป็นอาการเริ่มแรกของคนตายที่ยังไม่รู้ตัว ฮือๆๆ....ฉันยังไม่ได้สั่งเสียใครเลย” ถึงจะเศร้าใจแต่ก็ยังไม่วายหาทฤษฎีที่น่าเชื่อถือได้มายืนยันให้อีกฝ่ายเออออกับความคิดของตัวเอง

“คุณพูดจริงพูดเล่นฮึ.....ผมนี่นะตายแล้ว...ไม่จริงๆ” ธีรดลย์ส่ายหน้าไม่เออออด้วย

“ถ้าคุณไม่เชื่อรอให้ครบเจ็ดวันก่อนก็ได้เดี๋ยวยมทูตคงปล่อยพวกเรากลับไปเยี่ยมบ้าน ไปเยี่ยมคนในครอบครัว ฮือๆ ฉันยังไม่อยากตาย” หญิงสาวเริ่มคร่ำครวญมือบางยกขึ้นปาดน้ำตาเมื่อสันนิษฐานว่าตัวเองคงดับสูญ

“เพ้อเจ้ออะไรฮึยัยแต๋วแหวว...ยมทูตที่ไหนพูดจาไม่เป็นมงคล เมื่อกี้ผมเพิ่งตะกายขึ้นไปเหยียบสวรรค์มาหมาดๆ....อยู่ๆ จะชวนลงนรกแล้วเหรอ”
“คุณพูดถึงอะไร?....”

“อ้าวก็เหตุการณ์ณ์เมื่อกี้ไง....โอย....มันเหมือนจริงซะผมคิดว่าตัวเองกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลยนะนั่น” ชายหนุ่มทำหน้าเคลิ้บเคลิ้ม

“คุณธีรดลย์! คุณอย่าบอกนะว่าเมื่อกี้....เมื่อกี้....ว๊าย!...คนบ้า....คนลามก” ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยความอับอายเมื่ออีกฝ่ายกำลังบอกเธอว่าเขาก็มีส่วนอยู่ในเรื่องราวที่เพิ่งพ้นผ่าน

“ลามกอะไรมันช่วยไม่ได้นี่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องที่จะเข้าไปอยู่ในร่างของผู้ชายคนนั้น แล้วคุณจะหน้าแดงทำไมผมไม่ได้เข้าด้ายเข้าเข็มกับคุณซักหน่อย”

ณชนกหยุดวี๊ดว๊ายแล้วนิ่งคิด....ใช่สิเธอจะหน้าแดงไปทำไมในเมื่อเธอก็มองเห็นแต่หน้าของผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น หญิงสาวหันไปมองหน้าเจ้าตี๋หน่อมแน้มแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ.....มันเกิดอะไรขึ้นกันทำไมเธอกับอีตานี่ถึงหลุดมาอยู่ที่นี่ และหึ๋ย......แต่พอนึกถึงช่วงเวลานั้นใบหน้านวลเนียนก็พาลแดงเข้ม....และยิ่งเข้มจนแดงก่ำไปทั้งหน้าเมื่อหันไปเห็นหนุ่มสาวทั้งสองกำลังนอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอน......

“หน้าแดงอีกแล้ว....คิดอะไรอยู่ฮึ”

“ไม่แดงได้ยังไงเป็นผีแล้วตาบอดเหรอ ไม่เห็นรึไงว่าสองคนนั่นล่อแหลมขนาดไหน” ณชนกโบ้ยปากไปทางสองหนุ่มสาวที่นอนท่อนบนเปล่าเปลือยอยู่บนเตียงนุ่ม ใบหน้านวลเนียนโปร่งใสมีสีแดงจางๆ เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เพิ่งพ้นผ่าน ถึงสองร่างบนเตียงนุ่มจะมีผืนผ้าห่อหุ้มแต่ก็หมิ่นเหม่จนใจหวิว

“นั่นคุณไหมแก้ว!” ธีรดลย์โพล่งออกมา

“อะไรนะ?” และเสียงหวานๆ ก็แทรกซ้อนขึ้นทันใด

“ก็คนที่นอนสวยอยู่นั่นไง เธอคือคุณไหมแก้ว”

“ผู้หญิงคนนั้นคือย่าไหมแก้วงั้นเหรอ?” ณชนกถามย้ำน้ำเสียงไม่ปักใจเชื่อ

“ก็บอกอยู่หยกๆ”

“คุณรู้จักเธอด้วยเหรอ โม้หรือเปล่า”

“ผมเคยเห็นเธอ” ธีรดลย์บอกสีหน้ามั่นอกมั่นใจ

“เมื่อไหร่?”

“วันที่ผมมาดูบ้านกับเจ้านาถ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็คือเจ้าฟ้าคราม” ธีรดลย์เล่าเป็นตุเป็นตะ

“ฉันว่าดวงดูดผีคงไม่ใช่ฉันแล้วล่ะ เล่นเจอตั้งแต่วันแรกที่มามันก็ชัดๆ แล้วว่าใครมันแรงกว่ากัน ผู้ชายอะไรน่ากลัวชะมัด” ณชนกรีบมอบตำแหน่งอันทรงเกียรติไปให้อีกฝ่ายทันที

“ผมก็แค่เห็นแต่ไม่เคยไปเจรจากับผีแบบที่คุณทำหรอก แล้วพวกเรามาทำอะไรกันที่นี่ ณชนกคุณบอกให้คนบนเรือนพาผมมาที่นี่ใช่ไหม” ธีรดลย์กราดตามองไปรอบๆ ตัวห้อง

“จะบ้าเรอะฉันเปล่านะ ถ้าฉันสั่งพวกเขาได้รับรองฉันจะสั่งให้พวกเขาเอาคุณมาแค่คนเดียวเรื่องอะไรฉันจะให้พวกเขาพาฉันมาด้วย”

“ณชนกคุณว่าตอนนี้เรายังมีชีวิตอยู่หรือว่าเราตายไปแล้ว”

“ไม่รู้สิ” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา

“ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกมันสับสนไปหมด คุณดูร่างกายของพวกเราสิมันโปร่งใสเหมือนดังผลึกแก้วแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันว่างเปล่า....ฉันกลัว” หญิงสาวก้มลงมองร่างกายของตัวเองสีหน้าหวาดหวั่น

“บางทีเราอาจจะแค่ตกใจแล้วจิตมันก็พุ่งออกมาจากร่าง เราอาจจะยังไม่ตายก็ได้คุณอย่าเพิ่งกังวลเลย” ธีรดลย์พยายามปลอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของเธอดูหม่นเศร้า

“ถ้าฉันตายจริงๆ มันคงแย่มากฉันยังไม่ได้ทำอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอัน ฉันยังไม่ได้แก้ไขกับเรื่องราวที่ผิดพลาด ฉันยังไม่พร้อมที่จะตายในตอนนี้” หญิงสาวบอกเล่าเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านๆ

“ผมว่าทุกอย่างมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คุณคิด เราลองออกไปข้างนอกกันดูไหม ไม่แน่นะถ้าเราก้าวผ่านประตูบานนั้นไปบางทีเราอาจจะได้กลับบ้าน” ชายหนุ่มบอกอย่างมีหวัง

“แล้วถ้าด้านนอกนั่นมีคนอื่นอยู่เต็มไปหมดล่ะ ฉันกลัว”

“บางทีคนพวกนั้นอาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาที่ความกลัวของเราสร้างมันขึ้นมาก็ได้ หรือคุณจะอยู่ในห้องนี้กับสองคนนั่น ” ธีรดลย์ยังมีแก่ใจชี้ไม้ชี้มือไปทางเตียงนอน

“ทะลึ่ง...ฉันไม่อยู่หรอกถ้าคุณอยากอยู่ก็เชิญเถอะฉันไปล่ะ” กรอบหน้าบางใสแดงเข้มเมื่อความรู้สึกวาบหวิวกำลังวิ่งเข้าจู่โจม

“เดี๋ยวสิคุณจะไปไหน”

“ฉันก็จะข้ามประตูบานนั้นไปยังไงล่ะ เผื่อบางทีฉันอาจจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม” ณชนกชี้มือไปที่บานประตูแล้วหันกลับไปจ้องหน้าอีกคนอย่างมีหวัง

“ถ้าคุณก้าวออกไป แล้วทุกอย่างไม่เหมือนเดิมล่ะเราจะทำยังไง” ธีรดลย์ไม่วายสร้างเงื่อนไข

“ฉันว่าเราออกไปตามหาคนที่ชื่อไหมแก้วกันดีกว่า บางทีเธออาจจะมีคำตอบให้เรา” หญิงสาวนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา

“อืม....ผมว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากๆ เราไปกันเถอะ ณชนกคุณว่าห้องนี้มันดูคุ้นๆ ไหม” มือหนาสะกิดถาม

“ห้องนี้เหรอ...” หญิงสาวกราดตามองไปรอบๆ

“ก็ห้องนี้น่ะสิ ผมว่ามันคุ้นมากๆ เลยนะ” ธีรดลย์กราดตามองแล้วครุ่นคิด

“อ๋อ...ก็ห้องนี้เป็นห้องนอนของคุณไง ฉันจำหน้าต่างบานนั้นได้” หญิงสาวชี้มือบอก

“หน้าต่างมันก็เหมือนกันหมดคุณอย่ามามั่ว”

“หน้าต่างมันเหมือนกันก็ใช่อยู่ แต่ทิศทางของหน้าต่างมันไม่เหมือนกัน คุณดูหน้าต่างบานนั้นสิบานที่เปิดอยู่นั่นน่ะ จากมุมนี้มันจะเห็นสวนกุหลาบ บานนั้นถ้าเปิดออกจะเห็นลำห้วย ส่วนด้านนั้นจะมองเห็นเรือนหลวงทิศทางของมันจะตรงกับหน้าต่างห้องนอนของฉัน ถ้าไม่เชื่อคุณก็เดินไปแหกตาดูเอาเอง”

“รู้ดีแบบนี้มีพรายกระซิบหรือไง เออ...ณชนกคุณไม่ลองใช้ความสามารถพิเศษของคุณเรียกซี้คุณมาคุยซักหน่อยล่ะ บางทีเราอาจจะได้คำตอบดีๆ จากเธอก็ได้”

“คุณอยากคุยกับเธอก็จุดธูปเรียกเอาเองสิ” ใบหน้างามงอง้ำก่อนจะสะบัดหน้าเดินดุ่มๆ ตรงไปที่ประตู

“อยู่ใกล้ๆ คนดวงดูดผีอย่างคุณไม่ต้องใช้กลิ่นธูปเรียกเขาก็มา ชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะไรกับเขาไว้ล่ะ เขาถึงได้ตามราวีไม่เว้นชาติขนาดนี้”

“อีตาธีรดลย์ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ฮึ ทำไมฉันต้องมาตายวันเดียวกับคุณด้วยนะ ตายแบบมีเพื่อนแล้วเจอคนแบบนี้ฉันว่าตายเดี่ยวยังดีกว่าซะอีก เซ็งชะมัด” ปรายตามองอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้

“เอ๊ะ...หรือว่าเราสองคนจะเกิดมาเพื่อคู่กัน ดูสิขนาดตายเค้ายังสร้างให้ตายพร้อมๆ กันเลย สงสัยฟ้าเขาคงให้เราสองคนมาสร้างครอบครัวใหม่ในเมืองผีแน่ๆ” ธีรดลย์เริ่มเพ้อเจ้อ

“คิดอะไรแผลงๆ ให้ฉันตายอีกสิบรอบฉันก็ไม่สร้างครอบครัวกับคุณแน่ เชิญฝันไปคนเดียวเถอะย่ะ” หญิงสาวตวัดตามองอีกฝ่ายแล้วตวัดกลับไปจ้องที่ประตู มือเรียวยกขึ้นทาบบานประตูแล้วออกแรงผลัก หวังนักหนาว่าประตูบานใหญ่จะเปิดผัวะไปตามแรงที่ผลักไส

“เฮ๊ย!!” ณชนกแหกปากเสียงดังจนลั่นบ้านเมื่อร่างกายของเธอคะมำไปข้างหน้า ส่วนฝ่ามือที่ทาบอยู่บนบานประตูก็ผ่านทะลุออกไปอีกฟากเหมือนสิ่งกีดขวางที่กางกั้นเป็นเพียงแค่อากาศธาตุ

“บอกไปใครเขาจะเชื่อ โอ้โห....เราทะลุผนังได้” ธีรดลย์ที่กำลังตื่นเต้นกับสถานะใหม่ของตัวเองผลุบเข้าผลุบออกจากบานประตูอย่างสนุกสนาน

“ระรื่นไม่ดูสภาพ” หญิงสาวปรายตามองเข่นเขี้ยวด้วยความหมั่นไส้สุดๆ

“หรือคุณไม่ตื่นเต้นมันไม่ใช่เรื่องปกติเลยนะที่เราจะมาทำอะไรๆ แบบนี้”

“เชิญตื่นเต้นไปคนเดียวเถอะตายจนเป็นผีขนาดนี้ยังมีหน้ามาระรื่น ฉันไม่เข้าใจคุณเลยจริงๆ คุณไม่รู้สึกเศร้าใจมั่งเลยเหรอกับความตายกะทันหันแบบนี้” เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับสถานะของตัวเองหญิงสาวก็ชักเริ่มแปลกใจขึ้นมาตหงิดๆ

“พวกเรายังไม่ตายหรอก เชื่อผมสิ”

“คุณบ้าหรือโง่ฮึ ร่างกายพวกเราบางใสเป็นกระจกแบบนี้ถ้าเราไม่ใช่วิญญาณแล้วมันจะเรียกว่าอะไร” ณชนกผายมือออกเพื่อชี้ชวนให้อีกคนยอมรับ

“ถ้าเราตายจริงๆ ก็ต้องเห็นกายหยาบของเราสิ แต่นี่ไม่เห็นมีอะไรเลย ผมว่าบางทีเราสองคนอาจจะกำลังฝันกันอยู่ก็ได้”

“ฝันบ้าอะไรมันจะเหมือนจริงขนาดนี้ สันนิษฐานอะไรให้มันอยู่ในข้อมูลที่พอรับได้บ้างได้ไหม”

“ถ้าเราสองคนยังไม่ตาย วันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาในโลกของเราคุณอยากจะทำอะไรเป็นอันดับแรกเหรอ?” ธีรดลย์ตั้งคำถามขึ้น

“ฉันไม่รู้” ส่ายหน้าไปมา

“อ้าว...ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ”

“ฉันมีเรื่องที่จะต้องทำเยอะแยะมากมาย และถ้าฉันกลับไปได้ฉันจะทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ของฉันสบายใจมากกว่านี้ ฉันจะกลับไปเป็นลูกที่ดีของท่าน”

“พอตายเข้าหน่อยกตัญญูเชียว” ถึงจะแอบปลื้มกับความคิดของหญิงสาวแต่เขาก็อดที่จะแขวะไม่ได้

“แล้วคุณล่ะอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”

“ทำไมถามผมแบบนั้นล่ะ”

ธีรดลย์จ้องใบหน้านวลเนียนสีหน้าฉงนสงสัย

“ถ้าฉันกลับไปจะได้บอกธิดาทำบุญมาให้ อยากฝากอะไรไปหาญาติมิตรหรือเปล่าล่ะ ฉันจะได้กลับไปสั่งเสียให้เสร็จสรรพ” พอได้ยินคำตอบจากหญิงสาวเจ้าตี๋หน้าหล่อก็ได้แต่อึ้งแล้วก็อึ้ง

“ใจคอคุณจะเห็นแก่ตัวกลับโลกอยู่คนเดียวหรือไง”

“เอ้า...ก็ใครจะไปรู้ล่ะเผื่อฉันดวงยังไม่ถึงฆาต มันก็ต้องเป็นไปตามนั้นสิ”

“แล้วถ้าผมได้กลับไปคนเดียวล่ะคุณอยากสั่งเสียอะไร” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ใยดีเขาจึงถามย้อนบ้าง

“ถ้าคุณได้กลับฉันก็ต้องได้กลับด้วย” หญิงสาวตอบกลับแบบไม่ต้องคิดให้จิตเศร้าหมอง

“ทีตัวเองรีบตามติด แต่คนอื่นกลับทอดทิ้งเห็นแก่ตัวชะมัด” ธีรดลย์อดที่จะเปรยขึ้นไม่ได้

“คุณว่าฉันเหรอ”

“เปล่าผมบ่นกับตัวเอง หูหาเรื่องนะเราน่ะ”

“ปากคุณนี่มันเหลือรับจริงๆ ตอนเป็นยังไงตอนตายก็เป็นอย่างนั้น สาธุขอให้ยมบาลจับกรอกน้ำในกระทะทองแดงด้วยเถอะ”

“ณชนกคุณว่าพวกยมบาลเขาจะเอาผีที่ผิดเพศแบบคุณไปรวมไว้ที่ไหน” ธีรดลย์เริ่มคำถามกวนอวัยวะขึ้น

“อยากรู้ก็ไปถามยมบาลเอาสิ ไอ้ตี๋ปากไม่มีหูรูด” ณชนกผลักร่างสูงใหญ่ของเจ้าตี๋ปากร้ายเต็มแรงจนอีกฝ่ายทะลุออกไปอีกด้าน





Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 11:48:37 น. 2 comments
Counter : 677 Pageviews.

 
สภาพศพไม่ให้ แต่ใจเกินร้อยจ้า ตอนนี้ค่อยยังช่วงแล้วแต่ยังปวดหลังนิดหน่อย ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ้านนอกหนาวแล้วค่ะ วันนี้มีไข้นิดหน่อย แต่ก็พยายามอัพให้เรื่อยๆ นะคะ ขอบคุณสำหรับความห่วงใย เรื่องนี้สงสัยมีอาถรรพ์ ต้องรีบไปทำบุญแล้วล่ะ ฮ่าๆ เล่นกะของลี้ลับก็งี้

ผู้อ่านของแสนสุขก็อย่าลืมดูแลลุขภาพด้วยนะคะ ห่วงใยคุณเช่นกันค่ะ


โดย: sansook วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:46:29 น.  

 
น่าสงสารนักเขียนจริงๆ แต่ขอบคุณนะคะที่ลุกมาเขียนให่ได้อ่าน
พรุ่งนี้คงเริ่มยุ่ง ไม่รู้จะได้อ่านทุกวันไหมเนี่ย

ตาดลนี่ป่วนจนโลกนี้โลกอดีตจริงๆ แล้วตกลงสอง
คนนี้อยากกินอะไรกันคะ 555

คุณเลขาหายไปไหนเนี่ย ปล่อยให้ตาดลเก็บคะเเนน
ความบ้าอยู่คนเดียว


โดย: karaked IP: 68.105.5.210 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:10:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.