sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ 18 เหนือกาลเวลา





ธีรดลย์กระพริบตา เมื่อร่างกายทะลุผ่านบานประตูออกมาด้านนอก ใบหน้าขาวราวอิสตรีเบิกกว้างทั้งงวยงงเมื่อทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ตัวดูเหมือนจะมีแต่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มจ้องบานประตูที่เพิ่งผ่านทะลุออกมาอย่างกังขาว่าตัวเขาข้ามผ่านบานไม้หนานั่นมาได้ยังไง

ชายหนุ่มหมุนตัวไปทางลานบ้าน “โอ๊ะ...” แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเกือบปะทะกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนใบหน้าซีดเซียวอยู่ตรงหน้า

“คะ....คุณเป็นใคร?” ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าถามออกไป

“เป็นใครงั้นหรือ?.....ใยต้องถามซ้ำๆ ซากๆ” เสียงหวานหากเย็นยะเยือกเอ่ยออกมาน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“ก็ต้องถามสิเพราะผมไม่รู้จักคุณ” อารมณ์ขุ่นเคืองที่มีปิดรับความหวาดกลัวไปหมดสิ้น

ณชนกยืนเก้ๆ กังๆ อยู่อีกฟากของประตู หญิงสาวหันซ้ายหันขวายกมือเกาหัวเพราะไม่รู้จะตัดสินใจไปทางไหนดี “เอาวะไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน” พูดจบเธอจึงหลับตาแล้วพุ่งตัวทะลุบานประตูออกไป ร่างบอบบางอ้อนแอนที่สปีดมาเต็มแรงทะยานไปข้างหน้า

“เฮ้ย!...” หญิงสาวแหกปากเสียงลั่นบ้านเมื่อร่างกายของเธอที่กำลังทะยานทะลุบานประตูกำลังจะประสานงากับเจ้าตี๋หน้าหล่อ

“อ้าว...เฮ้ย!....” ธีรดลย์หันไปตามเสียงแหลมปรี๊ดของหญิงสาว พอเห็นว่าอีกคนกำลังทะยานออกมาเต็มสปีดชายหนุ่มก็ผงะหงายพร้อมกับแหกปากบ้าง

ผลั่ก!! “อูย...” ร่างโปร่งใสที่ถลาออกมาประสานงากับร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มเต็มแรง จนทำให้ร่างบอบบางหากโปร่งใสนอนแอ้งแม้งอยู่บนแผงอกกำยำของอีกฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ณชนกคุณทำบ้าอะไรฮึ” ชายหนุ่มตำหนิน้ำเสียงห้วน

“ฉัน...ก็แค่ลองวิ่งฝ่าประตูนั่นออกมา” ณชนกลนลานลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัว

“วิ่งฝ่าประตูมาได้ทำไมไม่ฝ่าทะลุผมออกไปบ้าง ผู้หญิงอะไรอยู่ใกล้แล้วซวยเป็นบ้า” ธีรดลย์บ่นอุบอิบ

“คุณว่าอะไร?” และเสียงเขียวๆ ของหญิงสาวก็ลอยมาทันใด

“ผมเปล่า หูหาเรื่อง” ชายหนุ่มอ้ำอึ้งผุดลุกขึ้นนั่ง

“เฮ้ย!....” เสียงหวานอุทานขึ้นอีกครั้งเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวแปลกหน้ายืนหน้าตื่นๆ อยู่ห่างออกไป

ธีรดลย์ที่นั่งสูดลมหายใจเข้าปอดถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆ ยัยแต๋วแหววก็แหกปากเสียงดังลั่นขึ้นมา “ณชนกคุณจะแหกปากทำไมผมตกใจหมด”

“คุณธีรดลย์..นะ...นะ...นั่น” หญิงสาวชี้ไม้ชี้มือไปทางหญิงสาวแปลกหน้า
ชายหนุ่มมองตามปลายนิ้วเรียวยาวของเธอไปอย่างว่าง่าย พอเห็นเป้าหมายเต็มตาใบหน้าขาวตี๋ก็พยักหงึกหงัก “จะตกใจทำไมซี้คุณไม่ใช่เหรอ” ธีรดลยที่เริ่มชินกับหญิงสาวแปลกหน้าพูดขึ้นเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมด๊าธรรมดา

“คุณเรียกเธอมาเหรอ?” ถามพลางลูบแขนที่ขนกำลังพร้อมใจกันลุกชันด้วยความหวาดผวา ถึงจะเคยเห็นไหมงามแต่เธอก็อดกลัวไม่ได้

“ผมเปล่านะอยู่ๆ เขาก็มาเอง” ชายหนุ่มส่ายหน้าพัลวัน

“พวกเจ้าทั้งสองจะยอมช่วยเราหรือยัง” ก่อนที่สองหนุ่มสาวจะทันได้โต้วาทีเสียงเย็นหากห้วนสั้นก็โพล่งขึ้นขัดขวาง

“อะไร?....ช่วยอะไร....ผมไม่รู้เรื่อง” ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษธีรดลย์จึงรีบผลักภาระที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรออกไปให้ห่างตัว

“อย่ามาเฉไฉ....เจ้าฟ้าครามเพราะเจ้าพวกเราถึงต้องเป็นอยู่แบบนี้” ผีสาวชี้มือไปที่ชายหนุ่มแล้วตัดพ้อ

“ใครคือเจ้าฟ้าคราม....ถ้าคุณหมายถึงเจ้าหนุ่มรูปหล่อก็โน่นเลยในโน้น คุณมีปัญหาอะไรก็ไปเคลียร์กับเขาเอาเองสิ มันมาเกี่ยวอะไรกับผม”

“พวกเรารอเจ้าทั้งสองมาหลายร้อยปี พวกเจ้าละทิ้งพวกเราให้ทนทุกข์อยู่กับความเกลียดชัง ไหมแก้วเจ้ารับปากว่าจะกลับมาแต่ไหนเลยเจ้าจึงละทิ้งพวกเราให้ทนทุกข์มิจบสิ้น” ใบหน้างดงามแปรเปลี่ยนเป็นเครียดขรึมเมื่อหันไปทางณชนก

“ฉันไม่เข้าใจไหมงามคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่ผีสาวกำลังเอ่ยถึงมันคืออะไร

“พวกเรายอมเสียสละเป็นตัวแทนของเจ้า แต่ไหมแก้วเจ้ากลับละทิ้งพวกเราละทิ้งคนรักละทิ้งทุกอย่างเจ้าเจ็บปวดเพราะพิษรักแต่รู้ไหมว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับความทุกข์ทนของพวกเรา”

“ณชนกเห็นไหมว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะคุณ คุณเป็นคนดูดพวกเขาเข้ามา” ธีรดลย์รีบสรุป

“เออ...คุณวิญญาณครับเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคุณทั้งสองผมว่าผมไม่ควรเข้ามายุ่ง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องหากรรมการมาตัดสินหรอกคุณเคลียร์กันเองได้”

“อ้าว...อีตาธีรดลย์ใจคอคุณจะชิ่งหนีง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ เห็นแก่ตัวชะมัด” พออีกฝ่ายทำท่าถอยหนีหญิงสาวที่เริ่มผวานิดๆ ก็หันไปแขวะ

“ไม่หนีได้ไงคุณดูสินั่นผีเชียวนะ ขืนอยู่เกิดแม่คุณองค์ประทับขึ้นมาผมจะมีชีวิตรอดมั้ย”

“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเจ้าก็มีส่วนที่ทำให้พวกเราไปไหนไม่ได้” และเสียงเย็นยะเยือกก็ส่งสัญญาณเป็นผู้ตัดสิน

“ทำไมพูดกับผมแบบนั้นล่ะ ผมยังไม่เคยทำอะไรให้คุณเลยนะ”

ใบหน้าเซียวซีดบึ้งตึง ลำคอตั้งตรงด้วยความขุ่นเคือง ไหมงามมองหน้าคนทั้งสองด้วยแววตาขุ่นใบหน้างอง้ำ “ พวกเจ้าก็เป็นเสียอย่างนี้ลืมสิ้นว่ามีใครรอคอย”

พอไอโกรธของผีสาวพุ่งขึ้น บรรยากาศรอบกายก็เริ่มเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ธีรดลย์ขยับเข้าไปหาร่างบอบบางของณชนกชายหนุ่มโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว “เอาไงดีผมว่างานนี้เราสองคนเข้าวินทั้งคู่”

“คุณก็ถามเธอดูสิว่าจะให้เราช่วยอะไร” หญิงสาวหันไปบอก

“บ้าเหรอขืนถามออกไปโต้งๆ แล้วคุณคนนั้นบอกให้เราสองคนช่วยไปอยู่เป็นเพื่อนจะไม่พาลซวยกันหรือไง”

“แล้วจะเอาไง” ใบหน้านวลเนียนเริ่มงอง้ำ

“คุณลองถามเขาดูสิว่าถ้าเราทำบุญไปให้เธอจะหายไปไหม”

“คุณอยากรู้ก็ถามเธอเองสิ ขืนฉันถามไปแล้วคำถามนี้มันไม่เข้าหูเธอพาลโกรธขึ้นมาฉันจะไม่แย่หรือไง” ณชนกส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว

“เอาไงดีล่ะ” ธีรดลย์เริ่มลังเล

“คุณไหมงามฉันถามหน่อยสิว่าคุณเป็นคนพาพวกเรามาที่นี่ใช่ไหม?” ณชนกตัดใจถามขึ้น

วิญญาณสาวพยักหน้าน้อยๆ “แล้วฉันตายหรือยัง” พอหลุดคำถามออกไปหญิงสาวก็หลับตาแล้วกลั้นลมหายใจเพื่อรอคำตอบ

“ยัง”

ณชนกลืมตาขึ้นช้าๆ อย่างยินดีเมื่อได้รับคำยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ “ถ้าฉันยังไม่ตายทำไมร่างกายของฉันถึงได้โปร่งใสแบบนี้ อีกอย่างฉันจับต้องอะไรบนเรือนนี้ไม่ได้ นอกจากจับอีตานี่ได้คนเดียว”

“ทุกอย่างที่เจ้าเห็นเป็นเพียงภาพนิมิตที่จิตของเจ้าสัมผัส ตัวเราและทุกอย่างบนเรือนเป็นเหมือนสายลมที่เจ้ามิอาจแตะต้องได้”

“หมายความว่าพวกฉันกำลังฝันงั้นเหรอ?”

“ไม่ใช่ความฝัน” ผีสาวตอบกลับทันใด

“อ้าว” สองหนุ่มสาวอุทานขึ้นพร้อมๆ กันเมื่อไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังเผชิญสุดท้ายมันคืออะไร

“เจ้าสองคนกำลังยืนอยู่ในห้วงของเวลาที่ทับซ้อน ในตอนนี้เจ้าอาจจะรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวและโปร่งใส นั่นเพราะจิตของเจ้าทั้งสองกำลังล่องลอยอยู่ในห้วงเวลาของกาลเก่า พวกเจ้าอยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมเจ้าทั้งสองถึงผูกพันกับเรา”

“ใช่พวกเราอยากรู้ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมคุณถึงรอเรา” ณชนกรวบรวมความกล้าเอ่ยถามขึ้น

“มาสิ....มากับเราแล้วเจ้าจะเข้าใจ” วิญญาณสาวหมุนตัวช้าๆ

“เดี๋ยว...” ธีรดลย์ที่นิ่งเงียบมาพักใหญ่กางมือปราม “ผมถามหน่อยสิว่าถ้าผมไปกับคุณแล้วผมจะปลอดภัย” ชายหนุ่มถามด้วยความรอบคอบ

“เราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้าหาใช่ชีวิต หากเจ้าช่วยพวกเราได้พวกเราก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานที่กำลังเผชิญ เจ้าฟ้าครามหากเจ้ายังลังเลพวกเราก็จะยิ่งทนทุกข์”

“เอาอีกแล้วเรียกผมว่าเจ้าฟ้าครามอีกแล้ว ช่วยเรียกผมว่าธีรดลย์ได้ไหมผมชอบชื่อนี้” ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงคล้ายตำหนิ

“บ่นพอหรือยัง” ณชนกที่นิ่งเงียบมาซักพักยกมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วถามขึ้น
“ผมเปล่าบ่นนะ ผมก็แค่อยากให้เค้าเรียกชื่อผมไม่ใช่ชื่อใครก็ไม่รู้”

“เอาเถอะจะชื่อใครมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละน่า คุณจะมากเรื่องทำไมนักหนา คุณไหมงามตกลงคุณจะบอกได้หรือยังว่าจะให้พวกฉันช่วยอะไร” หญิงสาวถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าตี๋หน้าหล่อเริ่มสงบปากสงบคำ

ใบหน้าสวยหวานหากซีดเซียวเริ่มมีโครงร่างที่เข้มขึ้นจนเหมือนเป็นคนปกติธรรมดา “มากับเราสิแล้วพวกเจ้าจะรู้” ไหมงามหมุนตัวเดินลงบันไดไปช้าๆ ณชนกหันไปมองหน้าธีรดลย์แล้วพยักหน้าชวน ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ เป็นเชิงปฏิเสธ

“ใจเสาะเป็นปลาซิวไปได้” หญิงสาวปรายตามองแล้วเบะปากดูแคลนก่อนจะเดินตามร่างบางอ้อนแอ้นลงจากเรือนไป

ธีรดลย์ยืนชั่งใจชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเจ้าแต๋วแหววยังบ้าระห่ำได้ขนาดนั้น ขืนผู้ชายอกสามศอกอย่างเขายังมัวมายืนแข้งขาสั่นอยู่อย่างนี้มีหวังคงถูกทับถมไม่จบไม่สิ้น ....แต่จะให้เดินตามผีไปต้อยๆ แบบนั้นมันก็ทำใจลำบากไม่เบา....เมื่อเห็นคนที่กำลังเดินนำอยู่ข้างหน้าเป็นคนภพอื่นชายหนุ่มก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี

“อ้าวอีตาธีรดลย์ยังไม่มาอีกเหรอ เป็นผู้ชายซะเปล่าใจเสาะชะมัด” และเสียงสวรรค์ก็ลอยแว่วมาถากถาง

“.....เอาวะผีก็ผีมีหลวงพ่อซะอย่างก็ให้มันรู้ไปว่าหลวงพ่อที่มีจะเผ่นหนีมันทุกวัด....” มือหนาดึงสร้อยพระออกมาเพิ่มขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ถึงจะรู้ว่าพระที่ร้อยอยู่เต็มคอคงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้พึ่งพิงบ้างก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย เมื่อตัดใจได้ชายหนุ่มจึงเดินแกมวิ่งลงจากเรือน

******************************

เวลาไม่นานคนทั้งสองก็เดินลงมายืนอยู่กลางสวนกุหลาบ บรรยากาศที่สว่างจ้าในคราแรกเริ่มพร่าเลือน ดวงอาทิตย์ที่ฉายส่องสว่างจ้าพลันหม่นครึ้ม สายลมอ่อนๆ เริ่มกระโชกโหมพัดแรงขึ้นจนกลีบดอกกุหลาบที่เบ่งบานเริ่มร่วงหล่นปลิดปลิวกันให้ว่อน

“เกิดอะไรขึ้น!” ธีรดลย์ที่ไม่คิดวางใจกับอะไรโพล่งออกมาด้วยความตระหนก เมื่อเห็นความวิปริตของบรรยากาศรอบๆ ตัว

แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรอยู่ๆ ความมืดมิดก็คลี่เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งสวน ธีรดลย์ที่สติมีน้อยกว่าใครผวาเฮือกพร้อมๆ กันกระโจนเข้าไปโอบกอดคนร่างเล็กไว้ในขณะที่ร่างกายเริ่มสั่นเทา ชายหนุ่มหลับตาปี๋เมื่อรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังหมุนลอยไปอย่างไม่มีจุดหมาย

หญิงสาวร่างบางอ้อนแอ้นคว้าหมับไปที่ร่างสูงใหญ่ของอีกคนแล้วซบหน้าลงบนอกกว้างเมื่อรู้สึกว่าความมืดมัวกำลังทำให้ใจประหวั่นหวาดกลัว สายลมที่กำลังโหมพัดเข้ามาดังหวีดหวิวจนน่าสะพรึง

เมื่อสองกายที่คุ้นเคยประสานแน่น อยู่ๆ ภาพในหนหลังก็วิ่งพล่านไปทั้งความรู้สึกหญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เมื่อรู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังสงบนิ่ง....”คุณพระ!” เสียงหวานอุทานขึ้นเมื่อมองเห็นภาพพร่าเลือนของใครคนหนึ่ง

เสียงหรีดหริ่งดังแผ่วมาไกลๆ ณชนกยืนจ้องชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนประสานมือไขว้ไว้ด้านหลังจ้องมองดอกกุหลาบขาวที่ชูช่อบานสะพรั่งอยู่เต็มแปลงด้วยใบหน้าที่อิ่มเอมเหมือนคนที่กำลังหลงอยู่ในห้วงรัก กลิ่นหอมจางๆ ของกลีบกุหลาบลอยมาตามลมจนเธออดไม่ได้ที่จะสูดดมเพื่อเพิ่มความสุนทรีให้กับความรู้สึก ร่างแกร่งสูงสง่าที่ยืนเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้.....ช่างคุ้นเคยนัก....

ไม่นานเธอมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเนิบนาบใกล้เข้ามา พอคนทั้งสองประสานสายตาเธอกลับรู้สึกวูบไหวไปกับแรงอารมณ์ชองชายหนุ่มที่พุ่งทะยานขึ้น ห้วงเวลาของคนทั้งสองที่กำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้าหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็วเร็วจนเหมือนมองแทบไม่ทัน แต่น่าแปลกที่เธอกลับจดจำทุกรายละเอียดและความรู้สึกของคนทั้งสอง

ธีรดลย์จ้องหน้าคนที่ยืนนิ่งอยู่ในอก แล้วมองเลยไปที่ภาพพร่าเลือนตรงหน้า ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเต้นแรงเมื่อรับรู้ถึงแรงอารมณ์ของผู้ชายอีกคนที่กำลังร่ำร้องเรียกหารัก หญิงสาวร่างบางอ้อนแอ้นในชุดนางรำอันงดงามช่างสวยงามบาดใจ....เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงรักเธอในขณะที่ร่างกายกำลังเรียกเร้าและปรารถนา....

ทั้งธีรดลย์และณชนกต่างยืนนิ่งงันอยู่กับที่เมื่อถูกภาพนิมิตฉุดรั้งและตรึงเขาและเธอให้หยุดนิ่งอยู่อย่างนั้น ภาพของเจ้าฟ้าครามและไหมแก้วเริ่มเด่นชัดขึ้นทีละนิดๆ จนกลายเป็นเหมือนเขาทั้งสองกำลังล่องลอยอยู่ในร่างกายของคนทั้งสอง

ภาพกิจวัตรของคนทั้งสองยังคงหมุนวนอยู่ในความรู้สึกจนทำให้ทั้งเขาและเธอเริ่มเข้าใจกับความเป็นไปในอดีต ธีรดลย์รู้สึกอิ่มเอมไปกับความสุขที่กำลังดำเนินไปในวันต่อวัน ขณะที่ณชนกก็เริ่มปล่อยกายใจให้ดื่มด่ำอยู่ในห้วงแห่งเสน่หาที่ชายหนุ่มตักป้อนจนอิ่มเปรม

จากวันหมุนผ่านเป็นเดือนจนเลื่อนข้ามเข้าสู่ห้วงแห่งปี ความสุขปรีดิ์เปรมที่คนทั้งสองสัมผัสยังคงหวานชื่น ใบหน้าสวยหวานแย้มยิ้มเมื่อยืนอยู่ในอ้อมกอดของชายคนรัก ใบหน้าคร้ามคมโน้มลงจรดริมฝีปากลงบนแก้มนวลเนียนพลางชี้ชวนให้เธอมองดูเรือนไม้หลังใหญ่ที่ปลูกสร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์

“นั่นเรือนของเรา เรือนที่พี่สร้างขึ้นเพราะความรักที่มีต่อไหมแก้ว” ชายหนุ่มกระซิบบอก

“เรือนหลังนี้งามเหลือเกินเจ้า” หญิงสาวยิ้มบางๆ

“พี่จะเรียกเรือนรักหลังนี้ว่าเรือนไหมแก้ว”

“ทำไมเจ้าพี่ถึงเรียกชื่อนี้ล่ะเจ้า” หญิงสาวเอียงหน้าถามไถ่

“เพราะพี่รักไหมแก้ว เรือนเป็นที่อยู่อาศัยในยามที่พี่เหนื่อยล้า เมื่อพี่จากเรือนไปหัวใจพี่ก็คะนึงหาแต่น้องนาง เรือนหลังนี้พี่สร้างขึ้นเพราะความรักที่มีให้น้องจนล้นหัวใจ ไหมแก้วรู้ไหมเจ้านั้นมีความหมายต่อพี่จนสุดที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบได้” เจ้าหนุ่มเอื้อนเอ่ยคำรักได้หวานละมุนจนคนฟังได้แต่ยิ้มรับอย่างปลาบปลื้มใจ

“ไหมแก้วก็รักเจ้าพี่จนสุดหัวใจไม่ต่างกัน” หญิงสาวทรุดกายลงนั่งพับเพียบ ทาบมือขวาลงบนหลังเท้าแล้ววางปลายมือซ้ายไขว้กับปลายนิ้วข้างขวาก่อนจะโน้มใบหน้าก้มจรดหน้าผากนวลลงซบกับแผ่นมือ

“ไหมแก้วอย่าทำแบบนี้” เจ้าฟ้าครามทรุดกายลงประคองร่างบางอ้อนแอ้นขึ้นมาแล้วสวมกอดไว้แนบอก

“ไหมแก้วเทิดทูลเจ้าพี่ไว้เหนือเกล้า”

“ไหมแก้วคนดีโปรดฟังคำพี่ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันหน้าพี่ก็จะรักและเทิดทูลเจ้าไว้ในหัวใจ ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายพี่ก็หารักใครได้ดังเจ้า หากเทพยาดาสดับคำรักที่เรามีโปรดเถิดโปรดเป็นพยานให้ความรักของเรากับนางนั้นจงมั่นคงไปตราบจนชีวิตจะหาไม่ เราขอสาบานว่าหากวันใดเราละทิ้งนางขอให้เรานั้นจงไร้สิ้นลมหายใจภายในสามวันเจ็ดวัน” เจ้าฟ้าครามเงยหน้าขึ้นมองไปยังเบื้องบนเพื่อบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนทิพย์พิมาน

“เจ้าพี่อย่า...สาบาน...” ไหมแก้วยกมือขึ้นทาบกับริมฝีปากหนาแต่หากช้าไปเมื่อคำสาบานที่เอื้อนเอ่ยถูกขานรับด้วยเส้นแสงสว่างวาบที่ผ่าเป็นสายฟาด.....เปรี้ยง! ....ลงมาในบันดล

ไหมแก้วก้มหน้ากรีดร้องอยู่ในอกแกร่งด้วยความตกใจ ใบหน้าสวยหวานซีดเซียวเพราะตื่นตระหนกกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาอย่างไม่มีเค้าว่าฝนจะตก

“ไหมแก้วอย่าตกใจ สิ่งที่เกิดขึ้นคงเป็นเพราะเทพยาดาท่านเมตตาสดับรับฟังคำสาบานของพี่” เจ้าหนุ่มประคองกอดร่างอ้อนแอ้นที่สั่นเทาด้วยความรักที่เต็มล้นไปทั้งใจ

“เจ้าพี่ใยจึงเอ่ยคำสาบานพร่ำเพรื่อเช่นนี้ ไหมแก้วใจไม่ดีเลยรู้ไหม” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ

“ไหมแก้วใจไม่ดีกับคำมั่นของพี่อย่างนั้นหรือ? เมียรักเจ้าอย่าเป็นกังวลหากที่พี่กล้าสาบานนั่นก็เพราะคงไม่มีสิ่งใดอีกแล้วที่จะมาพรากพี่ให้ละทิ้งไหมแก้ว” เจ้าฟ้าครามแย้มยิ้มเพราะเชื่อมั่นในคำสัตย์ที่ลั่นออกไป







 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552
3 comments
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 8:45:43 น.
Counter : 421 Pageviews.

 

คุณเกดขาช่วงนี้อีตาหิรัญคงหนีไปเข้าคอร์ทเจ้าบ่าวค่ะ เอาไว้เคลียร์อะดูดของสองคนนั้นก่อนแล้วจะปั่นคุณเลขาให้นะคะ อดใจรอนิดนึง .....

 

โดย: sansook 5 พฤศจิกายน 2552 9:27:21 น.  

 

ผลของคำสาบาน ผูกมัดไปทุกชาติ
น่าหวาดหวั่นจริงๆ รออ่านตอนต่อไปจ้า

 

โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) 6 พฤศจิกายน 2552 5:51:24 น.  

 

กลับมาอ่านได้เต็มที่แล้วค่ะ
สองคนนี้ทำเอาผียังกลัวเลยนะคะ

ตาหิรัญเป็นแค่พระรองนี่นาได้โผล่เต็มตอนมาบ้างก็บุญแล้ว

 

โดย: karaked IP: 68.105.5.210 8 มกราคม 2553 1:09:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.