sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
14 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 7 แผนแรก





เกือบสามอาทิตย์หลังจากโอนที่เรียบร้อย ธีรดลย์จึงเริ่มเดินหน้าทำตามแผนขั้นแรกที่จะใกล้ชิดกับเป้าหมาย เมื่อตัดสินใจได้วันนี้เขาจึงนัดคุยกันณชนกอย่างเป็นทางการ

เวลาทุ่มนิดๆ ที่ห้องอาหารเรือนร่มเกล้าธีรดลย์นั่งมองหญิงสาวเบื้องหน้าที่พยายามทำตัวเป็นหนุ่มน้อยสุดชีวิตด้วยความรู้สึกจั๊กจี้พิลึก ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าณชนกเป็นหญิงแท้ๆ แต่จากสภาพภายนอกที่ดูยังไงก็ไม่ผิดเพี้ยนจากเพศชาย จึงทำให้เขาเริ่มลังเล

“มองอะไรเกิดมาไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีเหรอ” ณชนกเริ่มกระสับกระส่ายกับสายตาคมเข้มที่จ้องเธอชนิดไม่เกรงอกเกรงใจถามน้ำเสียงห้วนๆ

“คนหน้าตาดีก็พอเห็นอยู่หรอกแต่หน้าตาดีแล้วผิดเพศบอกตรงๆ หาดูยาก” ธีรดลย์โพล่งคำพูดแทงใจให้อีกฝ่ายได้สะอึก

“มีกล้องไหมล่ะถ่ายใส่กรอบไว้เป็นที่ระลึกสิ ถ้าจะให้ดีเอาขึ้นหิ้งกราบเช้ากราบเย็นก็ได้นะฉันอนุญาต” ณชนกยังต่อปากต่อคำ

“หิ้งของผมมีแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น และผมก็มีสติพอที่จะไม่เอาของผิดประเภทแบบคุณขึ้นไปวางให้ของบนหิ้งผมเสื่อมหรอก”

“คุณว่าฉันเหรอ? นายตี๋” ณชนกถึงกันเดือดพล่านเมื่อเจอหมัดสวนชนิดไม่อ้อมค้อม

“ผมบอกไปตามความเป็นจริง”

“ตกลงคุณนัดฉันมาต่อว่าเล่นเหรอ? ว่างมากรึไงถ้าธุระคุณมีแค่นี้ฉันขอตัว” พอหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ณชนกจึงลุกพรวดแล้วทำท่าจะชิ่งเอาดื้อๆ

“เดี๋ยวก่อนสิคุณผมยังไม่เริ่มเข้าเรื่องงานเลยนะ” ธีรดลย์ลุกขึ้นปราม

“มีอะไรก็พูดมาฉันมีเวลาไม่มากนักหรอกนะ” ณชนกทรุดลงนั่งตามเดิม

“เอ่อ....เอ่อ...” ธีรดลย์อึกอัก

“เอ่อ..อ่าอยู่นั่นแล้วฉันจะรู้เรื่องไหม?” ณชนกที่ใจเต้นตึกตักปรายตามองตำหนิ

“ผมกำลังจะสร้างเรือนรับรองอีกสองสามหลังบนเนื้อที่ข้างๆ เรือนไหมแก้ว ผมแค่อยากจะถามว่าคุณอยากควบคุมโครงการนี้เองไหม”

“ถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ” คนถามเลิกคิ้วน้อยๆ

“ผมก็ไปจ้างคนใหม่น่ะสิไม่เห็นจะต้องคิดให้ยุ่งยาก” ธีรดลย์ยักไหล่เหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก

“ถ้างั้นก็เชิญไปจ้างคนอื่นฉันไม่รับงานนี้แน่ขอตัว” ณชนกบอกแบบไม่ต้องคิด

“ก็แล้วแต่คุณเพราะผมไม่ได้ซีเรียสอะไร เห็นเจ้านาถมันบอกว่าคุณเป็นวิศวกรที่มีฝีมือ แถมค่อนข้างใส่ใจกับสภาพคงเดิมของพื้นที่ ผมก็แค่เสียดายพวกสวนสวยๆ กันพื้นที่โดยรอบของเรือนไหมแก้ว เพราะถ้าให้วิศวกรคนอื่นทำเขาคงเหยียบย่ำแล้วอาจจะทำให้ไม่เหมือนเดิม” ธีรดลย์เอาจุดอ่อนของอีกคนขึ้นมาเปรย

ณชนกที่เกิดอาการหวงบ้านและสวนขึ้นมาตงิดๆ ถึงกับคิดหนัก มันก็จริงอย่างที่ธีรดลย์พูดไว้ เพราะหากปล่อยให้คนอื่นทำบางทีสภาพของพื้นที่โดยรอบอาจจะไม่เหมือนเดิม แต่จะให้ร่วมงานกับอีตานี่มันก็น่าคิดไม่น้อย....หญิงสาวจ้องหน้าอีกคนแล้วครุ่นคิด

“ว่าไง” ธีรดลย์เลิกคิ้วน้อยๆ

“ฉันขอคิดดูก่อนได้ไหมล่ะ”

“ผมไม่มีเวลาแล้วล่ะ เพราะผมตั้งใจจะเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลย”

“ถ้าจะเอาด่วนขนาดนั้นไม่ทำมันคืนนี้ซะเลยล่ะ” ณชนกประชด

“คุณโอเคไหมล่ะ ถ้าคุณไหวผมเริ่มคืนนี้เลยก็ได้นะ” ธีรดลย์ตอบกลับแบบไม่ต้องครุ่นคิดให้เสียเวลา

“คุณจะบ้าเรอะ ใครมันจะบ้ามานั่งทำงานกลางดึกที่บ้านหลังนั้น ประสาทเสียรึไง” ณชนกถึงกับเหวอเมื่อได้ฟังคำตอบชนิดที่อีกคนไม่หยุดคิดไตร่ตรอง

“ว่าไงล่ะทำหรือไม่ทำ ไม่ทำผมโทรไปบอกคนอื่นก็ได้” ธีรดลย์พูดพลางทำทีเป็นยกโทรศัพท์ขึ้นมา

“ฉันทำก็ได้แล้วคุณอยากได้เป็นแบบไหนล่ะ” ณชนกตอบน้ำเสียงไม่เต็มใจซักเท่าไหร่นัก

“แบบเรือนไหมแก้วแต่ลดขนาดลงอีกซักสามเท่า ตัวเรือนผมเน้นเป็นไม้สัก ส่วนประตูหน้าต่างผมขอเป็นแบบกระจกคุณวางแบบแล้วดำเนินการได้เลย”

“พูดง่ายดีนะ ฉันขอเวลาสองอาทิตย์ก็แล้วกันแค่นี้ใช่ไหม” ณชนกรีบตัดบท

“ทำไมคุณถึงเร่งรีบนักอยู่ทานอะไรกันก่อนสิ” ธีรดลย์ชวนน้ำเสียงอ่อนลง

“ฉันไม่ชอบนั่งทานอาหารกับผู้ชายถ้าคุณอยากทานก็เชิญตามสบายฉันกลับล่ะ ส่วนเรื่องงานพรุ่งนี้คุณเข้าไปคุยกับฉันที่เรือนหลวงก็แล้วกันเพราะฉันคงอยู่ที่นั่นทั้งวัน” ณชนกลุกขึ้นหมุนตัวเดินกลับออกไปโดยไม่สนใจกับคำทัดทานของอีกคน

ธีรดลย์นั่งบื้ออยู่ชั่วครู่เมื่อเห็นว่าณชนกไม่มีทีท่าจะอ่อนให้ชายหนุ่มจึงทำได้แค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ เล่นไม่เปิดช่องว่างให้แบบนี้แล้วเขาจะเข้าไปจีบได้ยังไง....เฮ้อ!.....

****************

เกือบสามทุ่มธีรดลย์กลับมาถึงบ้าน เมื่อจอดรถเรียบร้อยชายหนุ่มจึงก้าวฉับๆ ตรงเข้าบ้านพอก้าวเท้าผ่านประตูคิ้วเข้มก็ขมวดจนชนกันเมื่อเห็นใครคนหนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น “คุณแม่!”

“ทำไมทำเสียงตกอกตกใจแบบนั้นล่ะ” คุณหญิงรังรองเงยหน้าจากหนังสือปรายตามองหน้าบุตรชายแล้วสะบัดกลับอย่างแสนงอน

“โธ่คุณแม่ครับ เล่นมาไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ผมก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา คุณแม่มายังไงล่ะครับ แล้วคุณพ่อไม่ได้มาด้วยเหรอ ปกติไม่เคยเห็นปล่อยให้คุณแม่เดินทางตามลำพัง”

“พ่อแกติดงานแม่เลยนั่งเครื่องมาก่อน พอดีวันมะรืนพ่อแกนัดคุยเรื่องที่ดินกับพ่อเลี้ยงเรืองเดชที่เชียงใหม่ แม่ก็เลยถือโอกาสแวะมาดูพวกแกว่าอยู่กันยังไง คิดแล้วมันน่าน้อยใจมีลูกก็เหมือนไม่มีพากันหนีมาอยู่ป่าอยู่เขาจนลืมไปแล้วมั๊งว่าพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่” คุณหญิงรังรองตัดพ้อ

“โถ...คุณแม่ครับอย่าพูดแบบนั้นสิครับ ใครจะลืมพ่อลืมแม่ได้ล่ะครับ ถึงผมจะอยู่ที่นี่แต่ก็กลับบ้านแทบทุกเดือนกลับไปทีผมก็อยู่ตั้งหลายวัน เอาแบบนี้ดีไหมครับคุณพ่อกับคุณแม่ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่กับผมสิ อากาศทางนี้บริสุทธิ์กว่ากรุงเทพฯตั้งเยอะ” ธีรดลย์นั่งลงโอบเอวมารดาแล้วชักชวนเสียงอ้อนจนคนฟังยิ้มหน้าแช่มชื่น

“ทำเป็นมาพูดดีถ้าแม่ไม่โทรตามมีเหรอแกจะยอมกลับบ้าน” คุณหญิงรังรองยังไม่วายหาเรื่องมาต่อว่า “แล้วน้องล่ะไปไหนแม่มาตั้งนานแล้วไม่เห็นมีใครอยู่บ้านซักคน บ้านช่องก็อีกอยู่กันแค่สองคนจะสร้างใหญ่โตอะไรนักหนา” ว่าพลางกราดตามองไปรอบๆ

“ผมก็สร้างไว้เผื่อหลานๆ คุณแม่นั่นแหละครับ วันนี้ยัยดาออกไปดูร้านกว่าจะกลับก็ราวๆ ห้าทุ่มโน่นแหละ”

“กลับดึกขนาดนั้นเลยเหรอ? เป็นผู้หญิงกลับดึกดื่นแบบนั้นมันจะไม่อันตรายไปหน่อยเหรอดลทำไมถึงไม่รอบคอบเลยล่ะลูก”

“จะกลัวอะไรยัยดามันออกไปกับแฟนมัน ดึกขนาดนั้นแฟนมันก็เทียวรับเทียวส่งอยู่ประจำไม่มีอะไรหรอกครับแม่”

“อะไรนะ! ออกไปข้างนอกกับแฟน ตาดลแกดูน้องยังไงถึงปล่อยให้ออกไปไหนมาไหนกับผู้ชายเวลาดึกดื่นแบบนี้” ธีรดลย์ถึงกับหลบตาเมื่อเจอสายตาตำหนิจากมารดาส่งมาจังๆ

“ยัยดามันโตแล้วแฟนมันก็เพื่อนผมมันไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกครับแม่ อีกอย่างยัยดาออกไปทำงานนะครับไม่ได้ออกไปเที่ยวซักหน่อยคุณแม่คิดมากไปได้ ”

“แกพูดแบบนี้ได้ยังไง สมัยนี้มันไว้ใจใครได้ซะที่ไหน แล้วไอ้ข่าวสลดใจที่กางหราอยู่หน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่เกิดจากคนที่ไว้ใจใกล้ชิดหรอกเหรอ”

“โธ่คุณแม่ถ้าผมไม่วางใจผมจะปล่อยน้องไปกับเขาทำไมล่ะครับ” ธีรดลย์บอกน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจจนได้สายตาอาฆาตจากมารดา

“แกวางใจแต่แม่ไม่ โทรเรียกน้องกลับมาเดี๋ยวนี้ อายุเพิ่งเข้าเบญจเพสริอาจจะออกเรือนแล้วหรือไง แม่ไม่เห็นชอบแน่”

“จะโทรตามทำไมเดี๋ยวร้านปิดมันก็กลับมาเองนั่นแหละ หวงมันมากๆ ระวังเถอะลูกสาวขึ้นคานขึ้นมาจะหาว่าผมไม่เตือน” ธีรดลย์บอกยิ้มๆ

“แล้วแกก็อีกคนเมื่อไหร่จะไปดูตัวคนที่แม่เลือกให้ซักที” ธีรดลย์ถึงกับเซ็งที่มารดายังอุตส่าห์เบนเข็มหาเรื่องหนักใจมาให้จนได้

“เอ้าคุยกันเรื่องยัยดาอยู่ดีๆ ทำไมคุณแม่โยนมาทางผมแบบนี้ล่ะ ผมเคยเรียนคุณแม่แล้วนะว่าผมไม่ไปดูตัวใครทั้งนั้น”

“ได้ยังไงเมื่อก่อนแกอ้างว่าแกกำลังดูใจกับหนูรัน แม่ก็ถอยให้ตอนนี้หนูรันเขาก็แต่งงานแต่งการไปแล้วแกก็ต้องเดินหน้าให้แม่บ้าง อีกอย่างลูกสาวเพื่อนแม่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร เรื่องนี้ผู้ใหญ่คุยกันจนเป็นมั่นเป็นเหมาะแกจะมาทำให้พ่อกับแม่เสียคำพูดหรือยังไง”

ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่แต่หาแฟนเองไม่ได้นี่นะ พูดยังไงผมก็เชื่อไม่ลงจริงๆ”

“ยังไม่เคยเห็นเขาแล้วสรุปเองแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ไม่รู้ล่ะแกต้องไปแล้วห้ามอ้างอะไรทั้งสิ้น” พอได้ยินคำขาดจากมารดาธีรดลย์ก็ได้แต่นั่งถอนใจ

“โบราณเค้าว่าไว้ปลูกเรือนมันต้องตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ก็ต้องตามใจผู้นอนคุณแม่ให้ผมปลูกเรือนตามใจผมไม่ได้เหรอครับ” ธีรดลย์ขอร้องเสียงอ้อน

“แกก็มัวแต่อ้างอยู่แบบนี้ แม่ให้เวลาแกปลูกเรือนเองมาพอแล้ว ป่านนี้ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่างซักที วันมะรืนเตรียมตัวไปเชียงใหม่กับแม่ด้วยก็แล้วกัน” คุณหญิงรังรองสรุป

“โธ่....คุณแม่”

“ไม่ต้องมาธ่งมาโธ่แล้วข้ออ้างอีกไม่ต้องหามาล่ะ เพราะแม่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” พอเห็นบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนกำลังจะอ้าปากปฏิเสธคุณหญิงจอมเฮี๊ยบจึงรีบดักคอ

“แต่ผมไม่ว่าง”

“แกจะไปไหน?”

“ผมเพิ่งซื้อบ้านเรือนไทยจากเพื่อน แล้วก็กำลังคิดที่จะสร้างบ้านพักซักสองสามหลังเอาไว้รับรองแขกที่เขาอยากพักผ่อน”

“งานของเราเองดลจะซีเรียสอะไรนักหนา ไม่รู้ล่ะแม่นัดเพื่อนไว้แล้วยังไงดลก็ต้องไป”

“คุณแม่ครับเอาไว้คราวหน้าไม่ได้เหรอครับ” ธีรดลย์พยายามบ่ายเบี่ยง

“คราวหน้างั้นเหรอเชอะใครจะไปเชื่อแกลง กี่คราวแล้วล่ะที่แกขอแม่แบบนี้ ตาดลอายุอานามแกก็สามสิบกว่า แล้วนะอายุผู้ชายขนาดนี้มันก็สมควรที่จะมีเมียมีลูกได้แล้ว”

“ผมยังไม่พร้อมนี่ครับ”

“ไม่พร้อมอะไร ไอ้คำว่าไม่พร้อมเนี่ยเลิกเอามาเป็นข้ออ้างได้ไหมฮึได้ยินแล้วต่อมโมโหมันเดือด”

“เราเอาไว้คุยกันวันหลังดีกว่าคุณแม่มาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักก่อนดีกว่านะครับ” ธีรดลย์รีบหาทางออกให้ตัวเอง

“ตาดลแม่อยากอุ้มหลานซักคนแค่นี้แกช่วยแม่ไม่ได้เลยหรือไง” คุณหญิงรังรองบอกน้ำเสียงอ่อนลง

“คุณแม่อุ้มของยัยดาไปก่อนก็ได้นี่ครับ ตอนนี้มันมีแฟนแล้วด้วย โอกาสมันมีมากกว่าของผมหลายเท่าเลยนะครับ” ธีรดลย์โยนภาระไปให้น้องสาวจนได้ค้อนงามๆ อันเบ่อเร่อจากมารดา

“ฮึ...แกมันก็เป็นเสียอย่างนี้โยนได้เป็นโยน น้องมันเป็นผู้หญิงจะให้แต่งก่อนพี่ได้ยังไง อีกอย่างยัยดาอายุเพิ่งจะยี่สิบห้ายังเด็กไปที่จะออกเรือน”

“คุณแม่ครับใครเป็นน้องใครเป็นพี่สมัยนี้เขาไม่ยึดติดหรอก น้องจะแต่งก่อนแต่งหลังมันไม่ใช่ประเด็นซักหน่อยใครพร้อมก่อนก็ให้คนนั้นปั้นหลานให้สิ” ธีรดลย์ยังไม่ยอมลงให้ง่ายๆ

“ตาดลไม่ต้องมาหว่านล้อมไม่ต้องมาโยนภาระ แม่บอกแล้วว่าในเมื่อแกหาแฟนเองไม่ได้แม่ก็จะไม่รอแล้ว ไม่รู้ล่ะแม่คุยกับเพื่อนแม่ไว้แล้ว มะรืนยังไงดลก็ต้องไปกับแม่อยู่ดีนั่นแหละ”

“โธ่คุณแม่ผมติดงานจริงๆ” ธีรดลย์โอดครวญ

“ถ้าแกไม่ไปดีๆ แม่จะสั่งปิดร้านของแกแล้วบังคับกลับกรุงเทพฯ ให้หมดทุกคนเลยเลือกเอาว่าจะไปดีๆ หรือจะไปแบบให้บังคับ” คุณหญิงรังรองยื่นคำประกาศิต

“ตอนนี้ผมมีคนที่กำลังดูใจอยู่ คุณแม่ให้เวลาผมอีกนิดได้ไหมครับ” ธีรดลย์

“แล้วไอ้เวลาอีกนิดของแกมันนานแค่ไหน”

“ไม่เกินปีนี้หรอกครับ ถ้าเธอโอเคผมสัญญาว่าจะแต่งทันที”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ”

“คุณแม่แคร์ด้วยเหรอกับชาติกำเนิดและครอบครัวของเธอ” ธีรดลย์ถามหยั่งเชิง

“แม่ไม่ได้ยึดติดหรอกกับชาติกำเนิด แม่แค่อยากรู้ว่าคนที่ดลชอบเขาเป็นคนแบบไหน มีสภาพครอบครัวเป็นยังไง การที่เราจะเลือกคู่ชีวิตซักคนมันไม่ใช่แค่ชอบตัวคนที่เรารักอย่างเดียว มันต้องชอบครอบครัวของเขาด้วยชีวิตคู่มันถึงจะไปกันรอด”

“เป็นหลักเป็นการเชียวนะครับ คุณแม่มาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะอาทิตย์ผมจะทำบุญเลี้ยงพระที่เรือนไหมแก้ว คุณแม่อยู่ก่อนได้ไหมครับ”

“ได้สิแต่มะรืนดลต้องไปเชียงใหม่กับแม่นะลูก” คุณหญิงรังรองยื่นหมูยื่นแมว

“เอางี้ดีกว่าถ้าผมไปแล้วผมไม่โอเคกับคนที่คุณแม่เลือกผมยังมีสิทธิที่จะปฏิเสธไหมครับ” ธีรดลย์ยอมถอยให้ครึ่งทาง

“ถ้ามันฝืนใจดลมากๆ แม่ก็จะคุยกับเพื่อนแม่อีกที แต่แม่เชื่อว่าดลจะต้องชอบคนที่แม่เลือก” น้ำเสียงคนพูดฟังดูมั่นอกมั่นใจกับสายตาตัวเองเป็นนักหนา

“ก็ได้ครับผมไปก็ได้ “ ธีรดลย์รับปากน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจนัก

“แบบนี้สิถึงจะน่ารัก” พอได้คำตอบที่พอใจคุณหญิงรังรองก็เริ่มยิ้มได้

ธีรดลย์นั่งยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยมารดาก็ยังให้โอกาสเขาได้ตัดสินใจบ้าง ชายหนุ่มนึกเลยไปถึงหญิงสาวหน้าตาสวยเฉียบแต่มีสภาพเป็นหนุ่มน้อยหน้ามน...ยิ่งคิดก็ยิ่งหนักใจถ้าเกิดเขาไม่สามารถเปลี่ยนณชนกให้เป็นหญิง...เรื่องราวของน้องสาวคนเดียวมันจะแดงขึ้นมาตอนไหนนะ ....ถึงแม้เขาจะแอบพอใจลึกๆ ที่เห็นหิรัญก้าวหน้าจนน่าตกใจ...แต่ธีรดาก็ยังไปมาหาสู่กับเจ้าแต๋วแหววนั่นอยู่ดี.....





Create Date : 14 ตุลาคม 2552
Last Update : 14 ตุลาคม 2552 13:29:55 น. 2 comments
Counter : 485 Pageviews.

 
อาทิตย์นี้ลงไม่เป็นเวล่ำเวลาต้องขอโทษด้วยนะคะ ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ ค่ะ กว่าจะเคลียร์งานได้ก็หอบแฮ่กๆ แสนสุขเกรงใจไม่อยากให้คนอ่านเข้ามาแล้วแห้ว อะค่ะ ฝนตกอีกแล้วรักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: sansook วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:13:36:23 น.  

 
ตาดลนี่นึกว่าจะเงียบๆธรรมดาซะอีก
แต่ว่าแสบพอตัวเลยนะคะ


โดย: karaked IP: 68.105.5.210 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:0:43:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.