sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
9 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ 28 ทางออกที่หายไป



ธีรดลย์นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รอเจ้าทอรุ้งอยู่ในห้องพระ ชายหนุ่มรู้สึกระรื่นขึ้นเป็นกองเมื่อข้างกายมีว่าที่ภรรยาในอนาคตนั่งหน้าง้ำงออยู่ไม่ห่าง ใบหน้าขาวราวอิสตรีชื่นมื่นจนคนที่อยู่ข้างๆ ชักนั่งไม่ติดที่ ร่างบอบบางขยับไปอีกทางเมื่อความหมั่นไส้ในอารมณ์เริ่มประทุขึ้น

“คุณจะมานั่งเบียดฉันทำไมฮึ ที่ก็ออกจะกว้างขยับไปสิ”

หญิงสาวหันไปแยกเขี้ยวพร้อมกับใช้มือผลักร่างสูงใหญ่แรงๆ ใบหน้าสวยเฉียบบูดบึ้งเมื่อเธอขยับออกห่างแต่เจ้าตี๋หน้าหล่อก็ยังขยับตามติด

“อ้าวก็ผมว้าเหว่นี่คุณ ถามจริงๆ เถอะนี่มันห้องพระหรือห้องจิตดับกันแน่ ทั้งเงียบทั้งสลัวกลิ่นธูปก็สร้างบรรยากาศใช่ย่อยเลยนะนั่น”

“ปากเรอะนั่น คุณไม่มีตาหรือไงเห็นไหมว่าที่โต๊ะหมู่บูชามีพระอยู่เต็มไปหมด คนอะไรใจเสาะชะมัดเป็นผู้ชายซะเปล่า คุณแม่ไม่น่าคิดเอาคุณมาช่วยเลยขี้ขลาดตาขาวแบบนี้จะช่วยได้ซักเท่าไหร่กันเชียว” เบะปากดูแคลน

“อ้าวๆ อย่ามาหมิ่นประมาทผมนะครับคุณณชา ผมน่ะแมนเกินร้อยที่ผมบอกว้าเหว่เพราะผมไม่อยากอยู่ห่างแฟนต่างหากล่ะ” บอกเล่าหน้าระรื่นพร้อมขยับกายแนบชิด

“พูดดีๆ ใครเป็นแฟนคุณฮึ” ชี้มือเตือน

“ว่าที่แฟนก็ได้” ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาไม่ยอมถอยง่ายๆ

“ว่าที่ก็ไม่ได้ฉันไม่นิยมมีแฟนเป็นเพศเดียวกันฟังไม่เข้าใจหรือไง”

“ณชนกคุณไปเรียนสุขศึกษาใหม่เลยไป ครูคนไหนเขาสั่งเขาสอนมาฮึ อย่างคุณคนเขารู้กันทั้งโลกว่าเขาเรียกว่าเพศหญิง ส่วนแบบผมดูไว้แบบนี้เขาเรียกว่าผู้ชาย” ชี้มือเข้าหาตัวเองอย่างเหลืออด

“ฉันมันก็เป็นแบบคุณนั่นแหละน่า” เถียงแบบข้างๆ คูๆ

“เอางี้เรามาแก้ผ้าต่อหน้าพระกันไปเลยดีกว่าไหม ให้พระท่านเป็นพยานวัดกันจะๆ ไปเลยว่าไอ้เพศที่คุณพยายามยัดเยียดตัวเองให้เป็นน่ะ มันเหมือนหรือว่าต่างกับผม” เมื่อสุดที่จะทนกับความงี่เง่าของอีกฝ่ายชายหนุ่มจึงท้าทายออกไป

“นี่แน่ะ”

พอได้ยินคำท้ามีเหรอคนอย่างณชนกจะยอมอยู่นิ่งๆ หญิงสาวกำหมัดแล้วซัดลงบนหน้าของเจ้าตี๋ หมัดงามๆ ประทับลงกึ่งกลางระหว่างปากกับจมูกในระยะที่เหมาะเหม็งจนอีกคนถึงกับหน้าหงาย พอเห็นอีกฝ่ายพลาดท่าเธอก็ผุดลุกยกเท้าขึ้นหวังกระทืบซ้ำอีกซักทีเพื่อยุติอาการหื่นไม่รู้จักดูสถานที่ของอีกคน

“ณชาหนูจะทำอะไร?”

ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ฝากรอยเท้าลงบนร่างของเจ้าตี๋หน้าหล่อกรรมการที่เข้ามาได้จังหวะก็ลั่นระฆังช่วยไว้ได้ทันเวลา

ณชนกลดขาลงด้วยความเสียดาย หญิงสาวจ้องหน้าคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงพื้นแววตาอาฆาต ร่างบอบบางทรุดลงนั่งทำท่าไม่สะทกสะท้านกับอาการบาดเจ็บของอีกคนนัก

เจ้านางกลางคนเดินผ่านหนุ่มสาวทั้งสองไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่วางอยู่ข้างหน้าต่าง “ณชาแม่ถามว่าหนูจะทำอะไร?” เมื่อเห็นคนทั้งสองนั่งในท่าเรียบร้อยอยู่บนพรมผืนใหญ่จึงปรายตาไปทางบุตรีเอ่ยถามน้ำเสียงคาดคั้น

“เปล่า”

หญิงสาวยักไหล่ทำท่าไม่แยแสซักนิดกับความผิดที่ก่อขึ้น

“เปล่าอะไรเมื่อกี้แม่เห็นหนูทำท่าเหมือนกำลังจะเหยียบพี่เขา”

เจ้าทอรุ้งกลั้นยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อเห็นจมูกของว่าที่ลูกเขยแดงเป็นวงเล็กๆ

“ก็เค้ามาทะลึ่งกับณชาทำไมล่ะแค่กระทืบก็นับว่าปราณีแล้ว จะให้ดีปากแบบนี้มันต้องเย็บๆ” บอกอย่างมีอารมณ์

“แม่อุตส่าห์เลือกห้องพระหวังว่าลูกทั้งสองจะเห็นแก่พระพุทธองค์แล้วใช้สติช่วยกันคิดแก้ไขเรื่องราวที่กำลังเผชิญด้วยจิตใจที่สงบ แต่ดูเถอะต่อหน้าพระก็จะไม่ละเว้นกันเลยหรือไง” มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างตำหนิ

“ผมผิดเองครับคุณแม่ที่ไปยั่วน้อง ผมขอโทษครับ” ถึงจะเป็นผู้เสียหายแต่ชายหนุ่มก็ยืดอกยอมรับความผิดอย่างสุภาพบุรุษ

“รู้ก็ดีแล้วนี่” เจ้าของหมัดยังไม่วายหันไปแขวะ

“ณชาขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้” คนเป็นมารดาหันไปสั่งน้ำเสียงเขียวขุ่น

“ณชาไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องขอโทษ”

“ผิดสิถึงจะไม่พอใจแต่ลูกก็ไม่ควรจะใช้กำลังและอารมณ์ตัดสินปัญหา พี่เขาอาจจะไม่ได้เจตนาแล้วลูกไปทำร้ายร่างกายพี่เขาแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหน แม่บอกให้ขอโทษ”

“เจ้าแม่ครับอย่าไปว่าน้องเลยจริงๆ แล้วผมเป็นคนผิดเองที่เริ่มก่อน ณชาพี่ขอโทษที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป” เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกเริ่มเปิดศึกตัวต้นเหตุจึงยืดอกยอมรับผิดอีกครั้ง

“ผิดถูกมันก็ควรพูดจากันดีๆ ไม่ใช่มาใช้นิสัยพวกนักเลงตัดสินปัญหาแบบนี้ ณชา...” จ้องหน้าบุตรีสีหน้าเอาเรื่อง

“ณชาขอโทษก็แล้วกัน” เมื่ออีกคนยอมรับผิดแต่โดยดีหญิงสาวจึงละทิ้งทิฐิยกมือขึ้นไหว้แล้วเอ่ยคำขอโทษออกไป

เจ้าทอรุ้งส่ายหน้าน้อยๆ อย่างระอาเมื่อเห็นทีท่าของบุตรสาวยังแข็งกระด้าง เจ้านางกลางคนปรายตาไปทางว่าที่ลูกเขยแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างหนักใจ....จะทนได้ซักกี่น้ำกันหนอเจ้าธีรดลย์เอ๋ย.....

“เจ้าแม่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับเห็นน้องบอกว่าเจ้าแม่มีเรื่องจะคุยกับผม” พอเห็นสีหน้าหนักอกหนักใจของว่าที่แม่ยายเจ้าตี๋จึงเริ่มเข้าเรื่อง

“แม่มีเรื่องจะปรึกษากับดลเล็กน้อย”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“เรื่องคนบนเรือนไหมแก้ว ณชาเล่าให้แม่ฟังเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆ บนเรือนนั่นแม่เชื่อว่าบางทีพวกเขาอาจต้องการความช่วยเหลือ” จ้องหน้าอีกคนเพื่อประเมินท่าที

“ผมว่าไม่ใช่แค่ต้องการให้ช่วยอย่างเดียวหรอกครับ แม่ผีตนนั้นโทษว่ามันเป็นความผิดของผมกับคนนี้เลย” ชี้มือไปหาคนข้างๆ

“ดลหมายความว่ายังไงลูก”

“วันแรกที่ผมมาดูบ้านกับเจ้านาถผมขึ้นไปบนเรือนแล้วอยู่ๆ ก็เหมือนตัวเองหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งบนเรือนนั่นได้ยินคนอื่นๆ เรียกเธอว่าไหมแก้วแล้วผมเห็นสามีของเธอด้วยรู้สึกจะชื่อเจ้าฟ้าครามอะไรนี่แหละ”

“ให้ตายเถอะ....มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” หญิงกลางคนยกมือขึ้นทาบอกเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าอันน่าสะพรึงจากชายหนุ่ม

“มันไม่แค่นั้นหรอกครับตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่บนเรือนไหมแก้วผมก็พบ....เค้าชื่ออะไรนะ” หันไปถามผู้เชี่ยวชาญที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ

“ไหมงาม”

“ขอบคุณครับนึกว่าจะกั๊กไว้ซะอีก” ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาเมื่อตัวช่วยทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด

หญิงสาวทำท่าจะอ้าปากแต่พอเห็นสีหน้าเอาเรื่องของมารดาเธอจึงทำได้แค่เข่นเขี้ยวอย่างขัดเคืองเมื่อทำอะไรไปมากกว่านั้นไม่ได้ พอเห็นคู่ปรับสาวกลับเข้าสู่ความสงบเจ้าตี๋จึงเริ่มเล่า

“คนชื่อไหมงามบอกว่าเธอรอผมกับ” ชายหนุ่มปรายตาไปหาคนข้างตัว

“กับณชาใช่ไหม” หันไปจ้องหน้าบุตรีพร้อมกับโพล่งคำถามออกไป

“ใช่ครับเธอเรียกณชาว่าไหมแก้ว” ชายหนุ่มพยักหน้ายอมรับ

“คุณพระ!! มันเป็นไปได้ยังไง”

เจ้าทอรุ้งอุทานขึ้นพร้อมๆ กับทำท่าจะเป็นลมล้มพับไป

“เจ้าแม่! / คุณแม่!” สองหนุ่มสาวอุทานขึ้นพร้อมๆ กันก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งหน้าซีดหน้าเซียวอยู่บนเก้าอี้ ธีรดลย์รีบประคองร่างอ่อนระทวยของเจ้านางกลางคน

“ยาดมอยู่ไหนณชาไปเอายาดมมา”

ธีรดลย์หันไปถามอีกคนน้ำเสียงลนลานขณะหยิบพัดที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นพัดวีให้ว่าที่แม่ยายมือเป็นระวิง ณชนกลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องพระไปหยิบกระเป๋าถือของมารดาแล้วห้อกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว หญิงสาวควานมือหายาดมโบราณในกระเป๋าพอได้จึงเปิดแล้วยื่นไปที่จมูกของมารดา

“คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ”

เจ้าทอรุ้งปรือตาขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกค่อยยังชั่ว “แม่ดีขึ้นแล้วจ๊ะ” หญิงกลางคนพยักหน้าบอกคนทั้งสองก่อนคว้ายาดมจากมือบุตรีมากำไว้ ใบหน้าซีดขาวหันไปจ้องหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วยกยาดมขึ้นสูดดมอีกปื๊ดใหญ่

“โอย....ไม่รู้ว่ากว่าทุกอย่างจะจบแม่จะลมจับไปกี่ครั้ง” พึมพำเสียงแผ่ว

“พวกเธอทั้งสองเจอเรื่องแบบนี้แล้วทำไมไม่บอกพ่อแม่ฮึ” สูดยาดมพร้อมๆ กับจ้องตำหนิคนนั้นทีคนนี้ที

“บอกไปใครจะเชื่อ ขืนพูดออกไปคุณแม่ได้จับณชาไปอยู่สวนปรุงพอดี”

“ณชาเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนลูกรู้หรือเปล่า” ปรายตาไปทางบุตรสาวแววตาอ่อนลง

“เพราะรู้น่ะสิคะณชาถึงต้องหาทางช่วยพวกเขา”

“ลูกจะช่วยยังไง ตาดลคนพวกนั้นเขาบอกมั้ยว่าเราจะช่วยพวกเขาได้ยังไง”

“คุณไหมงามบอกว่ามีเพียงผมกับณชาเท่านั้นที่จะช่วยเธอได้ แต่ไม่ได้บอกวิธีว่าต้องทำยังไง เธอเอาแต่โทษว่าที่ต้องทนทุกข์อยู่แบบนี้มันเกิดจากผมกับณชา” ชายหนุ่มตอบออกไปเท่าที่รู้

“ใช่ค่ะคุณแม่คุณไหมงามบอกณชาว่าที่พวกเขาไปไหนไม่ได้เป็นเพราะณชาสัญญาว่าจะกลับมา พวกเขาก็เลยรอ เออคุณแม่คะทำไมบันทึกของเจ้าทวดเล่มแรกถึงไม่มี” หันไปถามเหมือนเพิ่งนึกได้

“ไม่มีเหรอ? เป็นไปได้ยังไงหนูหาดีหรือยัง”

“หาดีแล้วค่ะหามาห้าวันแล้วด้วย ณชาว่าบางทีทุกอย่างอาจจะอยู่ในสมุดบันทึกนั่น”

“ถ้าหากคนบนเรือนบอกว่าลูกทั้งสองคือกุญแจเห็นทีเราคงต้องช่วยกัน ตาดลแม่อนุญาตให้ลูกไปค้นหาบันทึกของเจ้าหลวงเวียงครามที่ห้องหนังสือกับณชา ช่วยกันหาให้เจอแม่จะไปโทรศัพท์หาคุณพ่อก่อน ตามหาครูบาเจ้าพบแล้วเราค่อยว่ากันอีกที”

“ครับเจ้าแม่”

เมื่อแบ่งหน้าที่เรียบร้อยแล้วแต่ละคนจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องพระเพื่อไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เจ้าทอรุ้งเดินหน้าเครียดตรงไปที่ห้องนอนของเธอซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนธีรดลย์กับณชนกเดินแยกออกไปทางปีกซ้ายของเรือนชายหนุ่มเดินตามร่างบอบบางไปติดๆ แล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวลี้ลับที่กำลังเผชิญอย่างหนักใจ

******************

เวลาล่วงเลยนานนับเดือนแต่การค้นหาสมุดบันทึกยังคงล้มเหลว นับจากวันที่เจ้าทอรุ้งอนุญาตให้ณชนกกับธีรดลย์ค้นหาบันทึกของเจ้าหลวงเวียงครามพวกเขาทั้งสองต่างช่วยกันค้นหาชนิดไม่คิดหยุดพัก

วันนี้ณชนกแทบจะรื้อบ้านทั้งหลังออกเพื่อค้นหาบันทึกเล่มสำคัญที่หายไป แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่พบสิ่งที่ต้องการ เมื่อไม่รู้จะทำยังไงเธอจึงเดินลงจากเรือนตรงไปยังศาลาข้างแปลงกุหลาบ หญิงสาวนั่งพิงเสาต้นหนึ่งของศาลาหลังใหญ่แล้วเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างอ่อนแรงเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังพบทางตัน

“ณชามานั่งหน้าเซ็งอะไรอยู่ตรงนี้จ๊ะ” หญิงสาวหน้าหวานเรียกขานมาแต่ไกล

“ธิดามาได้ไงเนี่ย” ขยับนั่งตัวตรงแล้วเอ่ยถาม

“ไม่มาได้ไงณชาเล่นไม่โทรหาดาเลย พี่ดลก็อีกคนเดี๋ยวนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้บ้านช่องไม่รู้จักกลับหมกตัวอยู่แต่เรือนไหมแก้วจนดาชักจะเป็นห่วงแล้วล่ะสิ”

“คุณแม่บอกให้พี่ชายดาช่วยณชาหาของน่ะ” บอกออกไปตามตรง

“อะไรนะ? เจ้าแม่ให้พี่ดลช่วยณชาหาของ แล้วของที่หามันเป็นอะไรเหรอ?” เลิกคิ้วถามอย่างฉงน

“เป็นบันทึกของเจ้าหลวงเวียงครามเจ้าทวดผู้ก่อตั้งคุ้มเฮือนหลวง”

“แล้วณชาจะหาไปทำไม?”

“เราอยากรู้ประวัติของคุ้มน่ะ” ตอบออกไปไม่ค่อยเต็มเสียงนัก

“แม่บ้านบนเรือนก็มีตั้งหลายคนณชาไม่ให้พวกเขาช่วยหาล่ะ เอางี้ไหมเดี๋ยวดาช่วยหาอีกแรง” แนะนำพร้อมเสนอตัว

“เราหามาเป็นเดือนๆ แล้วแต่ไม่เห็น เวลาผ่านมาเป็นร้อยๆ ปีสงสัยหนูคงแทะไปแล้วมั้ง”

“แล้วบันทึกนั่นมันสำคัญยังไงเหรอ? ที่หาไม่เจอเพราะมันมีจำนวนเยอะหรือว่ามันมีที่ซ่อนที่ซับซ้อนล่ะ” จ้องหน้าอีกคนแววตาสงสัย

“สมุดบันทึกของผู้ครองคุ้มมีทั้งหมด 12 รุ่น คุณแม่เป็นรุ่นที่ 12 แต่บันทึกที่อยู่ในห้องหนังสือมีเพียง 10 เล่มทุกเล่มอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แต่น่าแปลกที่บันทึกของผู้ครองเรือนคนแรกหายไป” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด

“แหมเลือกหายเล่มที่สำคัญซะด้วยแน่ะ” ธีรดาเดินไปนั่งลงข้างๆ เพื่อนสาวแล้วร่วมด้วยช่วยคิด

“ธิดามีอะไรกับเราหรือเปล่า”

“เอ่อ...คือ..” ทำอ้ำๆ อึ้งๆ

“มีอะไรเหรอ” หันไปจ้องหน้าเพื่อนสนิทสีหน้ากังวลเพราะเกรงว่าอีกคนอาจจะกำลังประสบกับปัญหา

“คือเราอยากรบกวนอะไรณชานิดนึง” หยุดพูดแล้วจ้องหน้าอีกคนเหมือนชั่งใจ

“อ้ำอึ้งแบบนี้สงสัยจะรบกวนมาถามวิธีทิ้งพี่หิรัญล่ะสิ” สันนิษฐานแบบไม่จริงจัง

“ไม่ใช่แบบนั้น ยังมีอารมณ์ขันได้อีกนะ คืออีกเดือนกว่าๆ เรากับพี่หิรัญจะแต่งงาน เราอยากให้ณชาช่วยไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวน่ะ” บอกยิ้มๆ

“เรื่องแค่นี้เองทำอ้ำอึ้งอยู่ได้” ทำท่าโล่งใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักไม่ได้มีความทุกข์อย่างที่คิดไว้

“มันมีมากกว่านั้นอีกจ๊ะ” พยายามยิ้มหวานสุดกำลังเมื่อต้องบอกหัวข้อสำคัญ

“อย่าบอกนะว่าจะให้เราไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวคู่กับเจ้าตี๋พี่ชายดา”

พอณชนกพูดจบคนถูกถามก็ทำได้แต่ยิ้มแหยๆ “เดาแม่นเนอะอันนั้นมันก็ใช่แต่มันมีอีกเรื่องจ๊ะ”

“มีอะไรอีกล่ะ”

“เราจะให้ณชาถอดวิกนั่นออกแล้วเปลี่ยนเป็นนางซินฯ ให้ด้วยน่ะจ๊ะ ณชาช่วยเราหน่อยนะ นะคุณเพื่อนนะ” ขอร้องเสียงออดเสียงอ้อน

“ได้สิแต่ธิดาช่วยเปลี่ยนเพื่อนเจ้าบ่าวให้เราไม่ได้เหรอ บอกตรงๆ ไปยืนข้างๆ เจ้าตี๋นั่นณชากลัวว่าแขกจะได้รดน้ำศพแทนน้ำสังข์น่ะสิ” บอกออกไปตามความรู้สึก

“ฮ่าๆ ถึงขนาดรดน้ำศพเลยเหรอ พูดซะน่ากลัวถ้าพี่ดลมาได้ยินเห็นทีคงผวา” หัวเราะขบขันกับคำพูดของเพื่อนสนิท

“ผวาไปไกลๆ ได้ยิ่งดีคนอะไรก็ไม่รู้อยู่ใกล้แล้วประสาทเสียชะมัด”

“ไม่ใช่อยู่ใกล้แล้วใจกระตุกเหรอ” หรี่ตามองหน้าอีกคนอย่างรู้ทัน

“ใจกระตุกหรือชักกระตุกกันแน่ ปากก็ร้ายนิสัยก็แย่อยู่ใกล้แล้วบอกตรงๆ หวาดผวายิ่งกว่าเจอผีซะอีก” หลบตาเพื่อนแล้วกลบเกลื่อนความรู้สึกที่มีด้วยท่าทีเรียบเฉย

ธีรดาอมยิ้มน้อยๆ แล้วจ้องหน้าเพื่อนสนิทตาเขม็งหญิงสาวใช้สายตาอ่านความรู้สึกที่อยู่เบื้องลึกที่ฉายออกมาจากดวงตาคู่สวยของคนเบื้องหน้า พอเห็นแววตาของอีกคนวูบไหวยามเอ่ยถึงใครอีกคนเธอก็ได้แต่นึกขำ....ปากแข็งซะจริง....

“อ้าวยัยดา” เสียงทุ้มคุ้นหูทักทายดังมาจากแปลงกุหลาบที่อยู่ถัดไปทางขวามือ

พอเป้าหมายโผล่ออกมาแบบไม่ได้นัดหมาย นักสังเกตการณ์จึงเริ่มเก็บข้อมูล ธีรดาปรายตาไปทางเพื่อนสนิทพอเห็นหญิงสาวนั่งตัวแข็งทื่อก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นว่าพี่ชายของเธอคงเริ่มมีอิทธิพลกับความรู้สึกของคนข้างๆ

“แกมาได้ไง” เดินเข้ามาในศาลาแล้วถามไถ่

“ถามแปลกก็ขับรถมาน่ะสิ” เงยหน้าตอบน้ำเสียงกวนนิดๆ

“พี่ถามดีๆ ยังมีกวนเดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวเลย”

“พี่ดลทำไมไม่กลับบ้าน เดี๋ยวนี้น้องเนิ้งนี่ไม่ห่วงเลยนะ” ทำหน้าง้ำงออย่างแสนงอน

“สนใจพี่ด้วยเหรอ คุณหิรัญเทียวไปเทียวมาจนฉันจะไปทำเรื่องย้ายเขาเข้าบ้านให้อยู่แล้ว ยังจะต้องมาห่วงอะไรแกอีก”

“พี่ดลพูดอะไรน่าเกลียด” แหวเสียงเอาเรื่อง

“น่าเกลียดตรงไหนเรื่องจริงทั้งนั้น แล้ววันนี้ทำไมมาคนเดียวได้ล่ะเห็นทุกดีติดกันยังกะกาวตราช้างแน่ะ แงะยังไงก็ไม่ออก” ยังไม่วายแก่วงปากหาเรื่อง

“พี่ดล!...” ลุกขึ้นเท้าสะเอวจ้องพี่ชายแววตาวาววับ

ธีรดลย์หัวเราะขบขันกับท่าทางวี๊ดบึ้มของน้องสาว “ฮ่าๆ แหย่นิดแหย่หน่อยเป็นไม่ได้เลยนะกางปีกขู่ฟ่อๆ เชียว ธิดาพี่ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าแต่งงานออกเรือนไปแล้วอย่าเผลอไปกางปีกขู่คุณหิรัญเขาแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวจะเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว”

“นี่แน่ะ” เมื่อสุดที่จะทนคนเป็นน้องจึงเดินเข้าไปฟาดฝ่ามือลงบนท่อนแขนของพี่ชายเสียงดังป๊าบ “ขืนพูดไม่เข้าหูอีกจะหยิกให้เนื้อเขียวเชียว” ชี้มือขู่สีหน้าจริงจัง

คนร่างใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจอฝ่ามือฟาดลงมาแบบไม่มีแจ้งไว้ล่วงหน้า “แบบนี้ก็ไม่ควรนะเพราะผู้ชายเขาไม่ชอบคนใช้กำลัง” ยังไม่วายต่อยอด

“พี่ดลปากเสียแบบนี้ชาตินี้จะหาเมียได้ไหมฮึ”

“แล้วจะไปหาทำไมให้เมื่อยล่ะในเมื่อ....” พูดค้างไว้แค่นั้นแล้วโบ้ยปากไปหาอีกคน

ธีรดาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าแช่มชื่นของพี่ชาย “ทำเป็นมั่นใจไปเถอะปากเสียแบบนี้ผู้หญิงเขาไม่ชอบหรอกจะบอกให้” พอได้ทีจึงย้อนกลับไปบ้าง

“ณชาผมว่าเราไปหาบันทึกต่อกันเถอะ” หันไปชวนหญิงสาวอีกคนน้ำเสียงอ่อนลงจนคนเป็นน้องหูผึ่งกับน้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคย

“ฉันหาทั่วบ้านแล้วแต่ไม่เจอ” บอกน้ำเสียงเหนื่อยๆ

“มันต้องอยู่ที่ไหนซักที่หนึ่งใจเย็นๆ ค่อยๆ หากันไปซักวันมันต้องเจอ”

“เราหามาเป็นเดือนๆ แล้วนะฉันว่าบางทีเจ้าทวดเวียงครามอาจไม่ได้เขียนบันทึก”

“เจ้าแม่บอกว่าการเขียนบันทึกเป็นประเพณีที่เจ้าของคุ้มปฏิบัติสืบต่อกันมา เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ก่อตั้งจะละทิ้งเรื่องสำคัญแบบนี้” ชายหนุ่มสันนิษฐานอย่างมีเหตุมีผล

ธีรดานิ่งฟังคำสนทนาของคนทั้งคู่อย่างสงสัย หญิงสาวมองหน้าคนโน้นทีคนนี้ทีแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป จากถ้อยคำของคนทั้งสองยามเอื้อนเอ่ยฟังดูเหมือนห่วงใยระคนอาทรจนอดยิ้มให้กับสัญญาณดีๆ ของทั้งคู่ไม่ได้ ตัวธีรดลย์เธอไม่นึกแปลกใจซักเท่าไหร่เพราะมารดาเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ชายเธอรู้ว่าแท้จริงแล้วณชนกเป็นยังไง

แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจนั่นก็คือตัวของณชนกที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังเปิดรับและยอมให้พี่ชายของเธอเข้าไปอยู่ในความรู้สึก ถึงไม่ชัดเจนแต่เธอเชื่อความรู้สึกและสายตาตัวเองว่าเพื่อนสนิทกำลังเปลี่ยนไป......





Create Date : 09 ธันวาคม 2552
Last Update : 9 ธันวาคม 2552 10:36:05 น. 1 comments
Counter : 430 Pageviews.

 
ตาดล นราฮาได้ทุกฉากจริงๆค่ะ
คุณเลขาหายด๋อมไปเลย


โดย: karaked IP: 68.105.5.210 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:3:46:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.