sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ 15 ตัวช่วย



เกือบสองอาทิตย์ที่ณชนกเริ่มดำเนินการก่อสร้างเรือนรับรอง หญิงสาวลงมือควบคุมดูแลการวางผังและรูปแบบของตัวเรือนด้วยตัวเอง ใบหน้าสวยเฉี่ยวมีแววเคร่งขรึมพลางก้มลงมองแปลนอาคารในมือ เธอจะบอกเจ้าตี๋นั่นยังไงดีกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้

หญิงสาวร่างบางในคราบหนุ่มน้อยหน้ามนยืนชั่งใจมาพักใหญ่อยู่หน้าเรือนไหมแก้ว เรือนรักแห่งตำนานและเรือนร้างที่น่าหวาดเกรง จะขึ้นไปก็กลัวจนขนหัวตั้งจะไม่ขึ้นงานก็จะไม่เสร็จ ถึงจะรู้สึกแปลกใจที่ดูเหมือนธีรดลย์จะไม่เดือดร้อนกับการที่ต้องอยู่ร่วมกับคน...ภพอื่น...แต่เธอก็ไม่อยากจะละลาบละล้วงถามไถ่ว่าชายหนุ่มใช้ของขลังชนิดไดถึงได้ไม่สติแตกอย่างคนอื่นเขา

“คุณมีอะไรจะคุยกับผมหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นหญิงสาวยืนยึกยักอยู่หน้าเรือนมาเกือบห้านาที

“เอ่อ....คือ....ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“ขึ้นมาสิ” ชายหนุ่มผายมือเชื้อเชิญ

“แต่....” ใบหน้าสวยมีแววกังวลชัดเจนอยู่บนสีหน้า

“คุณกลัวคุณไหมแก้วเหรอ?”

หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ เรือนอย่างไม่ไว้วางใจนัก ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

“จะกลัวทำไมกลางวันแสกๆ แบบนี้ผีที่ไหนจะออกมาท้าแสงตะวันกันล่ะคุณ คุณไหมแก้วเป็นสาวไทยไม่ใช่ฝรั่งที่จะนิยมอาบแดดในยามนี้” ธีรดลย์พูดอย่างคึกคะนอง

“ปากดีแบบนี้กลางคืนไม่กลัวมั่งหรือไง คุณธีรดลย์ฉันถามจริงๆ เถอะคุณไม่คิดจะกลัว...เอ่อ....เอ่อ...คนบนเรือนนี้เลยเหรอ” เมื่อสุดที่จะทนหญิงสาวจึงเอ่ยถามออกไปตรงๆ

“ถามแปลก...กลัวสิทำไมผมจะไม่กลัว แต่มันทำยังไงได้ล่ะในเมื่อผมไม่มีทางเลือก อีกอย่างผมรู้สึกผูกพันกับเรือนหลังนี้ มันเหมือนผมกำลังติดค้างอะไรซักอย่าง แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมไม่อยากไปไหนไกลผมรักเรือนหลังนี้ ณชนกคุณขึ้นมาข้างบนก่อนสิผมก็มีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเหมือนกัน”

“คุณลงมาข้างล่างไม่ได้เหรอ....ฉันบอกตรงๆ นะว่าเวลาที่ฉันขึ้นไปอยู่บนเรือนนั่นมันรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้” บอกพลางลูบแขนป้อยๆ

“มาเถอะ ....มาเถิด” ณชนกถึงกับหูผึ่งเมื่อเสียงทุ้มที่เชิญชวนมีเสียงหวานละมุนของผู้หญิงผสมผสานอยู่ด้วย บรรยากาศยามสายที่เจิดจ้าไปด้วยไอร้อนของดวงตะวันพลันวูบสลัว อากาศที่กำลังอบอ้าวในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นร่มรื่น สายลมที่นิ่งสงบค่อยๆ พัดพลิ้วจนบรรยากาศเย็นลงทุกขณะ

หัวใจดวงน้อยเริ่มพุ่งพล่านเมื่อจิตสำนึกที่มีใกล้ขาดผึง หญิงสาวกลั้นลมหายใจเมื่อสายลมเย็นๆ พาดผ่านร่างกายแล้วหมุนมวนอยู่รอบๆ ตัว เสียงวิหกที่ดังขับขานอยู่ปลายยอดไม้เงียบกริบเมื่อสายลมบางๆ พัดโชยกลิ่มหอมอ่อนๆ ของหมู่มวลมาลีเข้ามาปะทะจมูก

“กลิ่นกุหลาบดอกไม้ของย่าไหมแก้ว....” หญิงสาวพึมพำเหมือนรำลึกได้

“มาเถิด.....ขึ้นมา.....เรารอพวกเจ้าอยู่.....รอมานานเหลือเกิน.....ขึ้นมา.....” เสียงหวานหากเย็นยะเยือกแว่วลอยมาตามลม

ร่างบอบบางก้าวขาเดินตรงขึ้นเรือนเหมือนคนเลื่อนลอย ความรู้สึกนึกคิดของเธอคล้ายคนกำลังอยู่ในห้วงแห่งนิทราอันลึกล้ำ......หรือว่านี่คือความฝัน.....เธอกำลังนอนหลับอยู่งั้นเหรอ?.....ความเงียบงันจากสรรพสิ่งรอบกายยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน.....

เมื่อเท้าก้าวเข้าสู่ตัวเรือนพลันทุกอย่างก็พร่าเลือนเหมือนเธอกำลังข้ามไปอยู่ยังอีกฝั่งหนึ่งของโลกที่เธอไม่รู้จัก อาการกึ่งหลับกึ่งตื่นที่เป็นทำให้เธอรู้สึกเหมือนสติที่มีถูกสิ่งอื่นควบคุมอยู่ วูบหนึ่งเธอเหมือนเห็นใครบางคนกำลังขยับร่างอยู่ใกล้ๆ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อร่างโปร่งบางของหญิงสาวปริศนากำลังล่องลอยใกล้เข้ามา

“คุณเป็นใคร?....คุณต้องการอะไร?” ถึงจะกลัวจนขนหัวลุกแต่หญิงสาวก็ยังมีแก่ใจถามไถ่ออกไป

“เป็นใครงั้นเหรอ?.....หึหึ.......”

“คุณคือย่าไหมแก้วใช่ไหม?....”

ดวงตาเศร้าสร้อยเปล่งประกายสุกใสแวววาวเมื่อคำถามที่เธอเอื้อยเอ่ยยุติลง เรือนร่างโปร่งบางหากวาวใสค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กลิ่มหอมจางๆ ของดอกกุหลาบทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ...จนเริ่มอบอวลไปทั่ว

ท่าทีของหญิงสาวปริศนาดูเปลี่ยนไปเมื่อคำถามที่สองจบลงจนเธอต้องถามซ้ำอีกครั้ง “คุณต้องการอะไร?”

“พวกเราต้องการความช่วยเหลือ.....เราต้องการเจ้าทั้งสอง” เสียงหวานหากเย็นยะเยือกเหมือนดังกระซิบอยู่ข้างหู หญิงสาวห่อไหล่เล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับไอเย็นของสายลมที่ยะเยือกไปจนถึงไขสันหลัง

“ทำไมต้องเป็นฉัน ฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยฉันไม่เข้าใจ แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมไปผุดไปเกิดจะมาวนเวียนอยู่อย่างนี้ทำไม”

“ทำไมต้องเป็นเจ้างั้นหรือ?...” ผีสาวเอียงคอกรอบหน้าบางใสคลี่ยิ้มหวานละมุน “ที่ต้องเป็นเจ้าก็เพราะเราเคยมีชีวิตอยู่ร่วมกันมา ทุกอย่างถือกำเนิดจากพันธะสัญญา เรารอพวกเจ้าเพียงเพราะต้องคำมั่นที่พันธนาการให้พวกเราต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ไปชั่วกาล....ไหมแก้ว!....เพราะเจ้าเราถึงไปไหนไม่ได้”

ณชนกสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำเรียกขานจากผีสาวชัดๆ เต็มสองหู “อะ...อะ...ไร...คุณพูดว่าอะไรนะ...อะไรคือไหมแก้ว....คุณคือไหมแก้วไม่ใช่เหรอ?....”

“หลายร้อยปีที่เจ้าดับสูญแต่เรายังเฝ้ารอการกลับมา......เจ้าละทิ้งพวกเราเพียงเพราะปวดร้าวจากพิษรัก....พิษรักที่เจ้าไม่มีวันเข้าใจว่าใครอีกคนก็ทุกข์ทนไม่ต่างกัน....ไหมแก้ว....เจ้าต้องแก้ไขแล้วปลดปล่อยพวกเราให้เป็นอิสระ....เจ้าต้องช่วยพวกเรา.....นั่นคือหน้าที่”

“มันเกิดอะไรขึ้น....ฉันไม่เข้าใจ....ฉันไปทำอะไรให้พวกคุณฉันไม่ใช่ไหมแก้วฉันชื่อณชา ฉันไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพวกคุณ ใช่อยู่ที่ฉันมีเชื้อสายสืบทอดจากคนตระกูลนี้แต่ฉันก็เป็นฉัน”

“พวกเรารอเจ้าอยู่ รอมานานเหลือเกินกว่าเจ้ากลับมา”

ณชนกจ้องกรอบหน้าบางใสอย่างกังขา อะไรกันตลอดเวลาทุกคนเข้าใจผิดกันมาตลอดเลยเหรอว่าคนที่วนเวียนอยู่บนเรือนนี้คือ....ไหมแก้ว....หากผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่ย่าไหมแก้ว...แล้วเธอเป็นใครกัน?....

“ถ้าฉันในวันนี้คือการจุติใหม่เรื่องราวแต่หนหลังมันก็ควรจบสิ้นไม่ใช่เหรอ? "

“ผิดแล้ว...ไหมแก้ว....ทุกอย่างสูญสิ้นแต่พันธะสัญญายังคงอยู่ ในเมื่อเรายังผูกพันต่อให้ผ่านไปนานเท่าใดสายใยเหล่านั้นก็ไม่อาจสูญสลายไปกับกาลเวลา”

“แล้วฉันควรทำยังไง? คุณจะให้ฉันทำยังไงฉันไม่รู้ว่าฉันเคยผูกพันอะไรกับคุณ ฉันไม่รู้จริงๆ”

“หากเจ้ารู้เจ้าจะช่วยเราไหม?”

“ฉันคงช่วยคุณไม่ได้หรอก เพราะฉันไม่รู้จะช่วยยังไง หรือว่าคุณต้องการให้ฉันทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ฉันทำได้นะกับเรื่องแค่นั้นและฉันยินดีที่จะทำ”

หญิงสาวโปร่งบางเหมือนกำลังเลือนลางจางหาย ใบหน้างดงามเมื่อครู่หมองหม่นลงทันใด ดวงตาสุกสกาวในคราแรกปรับเปลี่ยนเป็นทุกข์โศก ชั่ววินาทีเธอเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นไห้คล้ายปวดร้าวนักหนา ไม่มีทางผีไม่มีทางร้องไห้....แต่คำสันนิษฐานของเธอกลับต้องพับเก็บลงทันใดเมื่อเสี้ยววินาทีต่อมาหยาดน้ำตาวาวใสดังผลึกแก้วก็หยาดหยดลงมาอาบแก้มนวล

ณชนกยืนตะลึงมองภาพพร่าเลือนตรงหน้าอย่างสับสน ถึงเธอจะไม่เดือดร้อนกับหยาดน้ำตาของอีกคนแต่น่าแปลกที่เธอกลับรับรู้ถึงความปวดร้าวของแรงอารมณ์ที่หล่อนกำลังรู้สึก ใบหน้าคนเป็นเผือดซีดเมื่อเสียงสะอื้นไห้ดังระงมเหมือนไม่ได้มีแค่หญิงสาวแปลกหน้าเท่านั้นที่เจ็บปวด

กรอบหน้างดงามอ่อนหวานหากโปร่งใสแปรเปลี่ยนเป็นหม่นหมอง เมื่อการรอคอยของเธอกำลังถูกปฏิเสธ ณชนกนิ่งงันเมื่อเห็นใบหน้าโปร่งใสดูระทมทุกข์เสียงสะอื้นคล้ายเจ็บปวดจนสุดจะทานทนสร้างความร้าวรานให้กับความรู้สึกของเธอจนเหมือนปลายมีดแหลมคมกำลังกรีดลงบนเนื้อผิว

ห้วงเวลาที่คนบนเรือนไหมแก้วต้องทนทุกข์เวียนวนอยู่อย่างนี้มันผ่านมากี่ปี่กี่วันกันหนอ พวกเขาต้องรอคอยและรอการหลุดพ้นมานานแค่ไหน หากเธอคือคนที่พวกเขารอคอยจริงๆ เธอควรที่จะวางเฉยหรือควรที่จะช่วยเหลือ...หญิงสาวเริ่มลังเล

“ก็ได้...ก็ได้ฉันช่วยก็ได้...หยุดทำเสียงปวดร้าวนั่นเสียที คุณกำลังทำให้ฉันปวดใจรู้ไหม” เมื่อทนเห็นความทุกข์ทรมานของวิญญาณสาวไม่ไหวหญิงสาวจึงหลุดคำมั่นออกไป

กรอบหน้าบางใสหยุดชะงักแล้วเปลี่ยนเป็นยินดีเมื่อได้ยินคำพูดที่เธอเฝ้ารอมานาน “เจ้าจะช่วยเราใช่ไหม?”

“ถ้าทุกอย่างมันเกี่ยวกับฉันและฉันสามารถช่วยคุณได้ฉันก็ยินดี” ณชนกแทบยกมือขึ้นตีปากตัวเองที่ดันไปรับปากโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไร

“เจ้าช่วยเราได้....ไหมแก้ว” ดวงตาแห้งผากหมองเศร้ากลับทอประกายฉ่ำใสจนมีแสงสะท้อนแวววาวดังเกร็ดเพชร

“แล้วจะให้ฉันช่วยเธอยังไง? ฉันไม่ใช่แม่มดหมอผีที่จะเสกหม้อดินกับผ้ายันต์ได้หรอกนะ”

“มากับเราสิ...แล้วเจ้าจะรู้ว่าต้องทำยังไง” มือบางหากโปร่งใสยื่นออกมารับมือเรียวที่กำลังยื่นไปหา หญิงสาวมองมือบางโปร่งสีนวลเรืองรองด้วยประกายตาหวาดหวั่น เมื่อมือเธอสัมผัสกับมือหล่อนไอเย็นที่อยู่รายล้อมก็แทรกผ่านเข้าสู่เนื้อผิวจนรู้สึกเยือกเย็นไปทั้งร่าง

“คุณพาฉันมาหาเขาทำไม?” ณชนกหยุดเท้าเมื่อเห็นว่าตัวเธอกำลังเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนไหมแก้ว

“เจ้าต้องไปกับเขา”

“ทำไมฉันต้องไปกับอีตานี่ด้วย ฉันช่วยคุณได้ด้วยตัวของฉันเอง” บอกอย่างมาดมั่น

“พวกเจ้าหลีกเลี่ยงกันไม่ได้หรอก เพราะพวกเจ้านั้นผูกพันกันมาเนิ่นนาน”
ณชนกนิ่วหน้าอย่างขัดใจเมื่อต้องร่วมหัวจมท้ายกับเจ้าตี๋ที่เธอไม่คิดปรารถนาจะอยู่ใกล้ มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของเธอนะถึงต้องมาผูกพันกับเรื่องเร้นลับพวกนี้ หญิงสาวยืนจ้องชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่หน้าเรือนด้วยสีหน้าฉงนสงสัย ก่อนจะหันไปพินิจหญิงสาวโปร่งใสข้างกายอีกครั้ง

“คุณเป็นใคร? เรือนหลังนี้เป็นของย่าไหมแก้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าคุณไม่ใช่ย่าไหมแก้วแล้วคุณคือใคร?” หญิงสาวถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ยังไม่หายจากอาการมึนงง

“เราคือใครงั้นหรือ....เราคือไหมงาม....”

“...ไหมงาม....งั้นเหรอ? “ หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อของคุณ แล้วก็ไม่เคยมีใครเอ่ยถึงคุณ ทำไมไม่มีใครรู้จักคุณทำไมคุณถึงเรียกตัวเองว่าไหมงามล่ะ....คุณชื่อไหมแก้วไม่ใช่เหรอ?” คำถามหลายข้อโพล่งออกจากริมฝีปากสีสวยอย่างสับสนปนเปเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญมันซับซ้อนจนยากที่จะเข้าใจ

“เราชื่อ.....ไหมงาม.....”

“โอเคไหมงามก็ไหมงาม คุณช่วยเล่ารายละเอียดให้ฉันฟังหน่อยสิว่าเรื่องราวที่มีมันเป็นมายังไง แล้วทำไมคนที่อยู่บนเรือนนี้ถึงเป็นคุณ แล้วคุณจะบอกได้หรือยังว่าจะให้ฉันช่วยอะไร”

“มาสิ.....มากับเรา แล้วเจ้าจะเข้าใจกับทุกสิ่ง” ร่างบอบบางผายมือเชิญชวน พอเธอวางมือลงบนมือบางอีกครั้งก็กลับพบแต่ความว่างเปล่าจนไม่อาจสัมผัสได้

บรรยากาศรอบกายเริ่มหนาทึบดำทะมึนจนน่ากลัว หญิงสาวเหมือนกำลังเดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกลอยคว้างโดยไร้จุดหมาย ร่างบอบบางเดินตามแสงสว่างที่ส่องอยู่เบื้องหน้าลิบๆ อย่างมีหวัง ความอึดอัดที่เธอกำลังเผชิญกำลังลดลงจนรู้สึกเหมือนร่างกายคล้ายเบาหวิว

“คุณ!....คุณ!” เสียงทุ้มนุ่มเรียกขานเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครกำลังเขย่าร่างกายของเธอ

“หืม....” ณชนกขยับตัวไปมาค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่สวยกราดมองไปรอบๆ พอเห็นใบหน้าขาวตี๋ของอีกคนโน้มใกล้เข้ามาร่างบางที่แน่นิ่งอยู่เมื่อครู่ก็เด้งลุกพรวดขึ้นทันที

“คุณจะทำอะไร?”

“เอ้า..ถามแปลกผมก็ปลุกคุณไง คุณเป็นอะไรหน้ามืดเหรอ?”

“คุณจะปลุกฉันทำไม? ฉันก็ตื่นอยู่ไม่เห็นเหรอ” หญิงสาวปรายตาตำหนิ
ธีรดลย์ถึงอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้ฟังคำพูดพร้อมประกายตาขวางๆ ของเจ้าหนุ่มหน้ามน “เมาแดดหรือเมาอากาศล่ะแม่คุณตื่นบ้าอะไรคุณคุยอยู่กับผมอยู่ดีๆ ก็ล้มตึงอยู่หน้าเรือน เล่นซะผมตกใจแทบแย่นึกว่าผีคุณไหมแก้วเข้าร่างซะอีก”

“อะไรนะ! ฉันเนี่ยนะมานอนล้มตึงอยู่หน้าเรือน คุณเมาค้างหรือเปล่าฉันเดินขึ้นมาเอง ฉันยังเห็นคุณยืนอยู่ตรงหน้าบันไดอยู่เลย ฉันตื่นอยู่ตลอดเวลาคุณอย่ามามั่ว”

“แล้วผมจะโกหกคุณหาสวรรค์อะไร คุณเป็นลมจริงๆ เล่นซะผมตกใจหมดนึกว่าคุณขึ้นสวรรค์ซะแล้วแค่ผีนางรำโบราณผมก็ผวาจะแย่ มาเจอผีผิดเพศแบบคุณเข้าไปอีกไม่อยากจะคิดว่าเรือนไหมแก้วจะหรรษาขนาดไหน”

พอได้ยินคำพูดเหน็บแนมหญิงสาวถึงกับกัดริมฝีปากล่างแน่นด้วยความขัดเคือง....ปากมันเรอะนั่น....ผู้ชายอะไรใจแคบไม่เปลี่ยน ขนาดธีรดาประกาศตัวเจ้าบ่าวไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเจ้านี่ก็ยังกังวลไม่จบอีกหรือไง...จับอัดให้หายงี่เง่าซักหมัดดีไหมเนี่ย...ปรายตามองเสี้ยวหน้าอีกคนอย่างเอาเรื่อง

“คุณเป็นอะไรทำตาขวางยังกับคนโดนผีเข้าแน่ะ”

“ฉันสบายดีขอบคุณที่ช่วยปลุก”

“คุณไม่สบายเหรอ? หรือว่าปวดใจที่แฟนหนีไปแต่งงานกับผู้ชายอื่นจนเรี่ยวแรงหดหาย อกเดาะแบบนี้จะทำงานให้ผมได้ไหมเนี่ย” ปรายตามองอย่างตำหนิ

ณชนกเหลือบมองใบหน้าขาวตี๋ที่กำลังแกว่งปากหาเรื่องอย่างอดกลั้น เธอบอกตัวเองให้วางเฉยกับถ้อยคำดูแคลนที่อีกฝ่ายกำลังสาดใส่ไม่หยุดด้วยธรรมะที่พระพุทธองค์เคยสั่งสอนไว้ตามหลักศาสนา....โกรธคือโง่....โมโหคือบ้า....ท่องไว้ณชาเอ๋ย...หญิงสาวพร่ำบอกตัวเองเพื่อระงับอารมณ์ให้เย็นลงจนอีกคนเริ่มแปลกใจที่เจ้าแต๋วแหววไม่เดือดอย่างที่คิด

“ฉันบอกว่าฉันสบายดี และสามารถทำงานให้คุณได้ไม่ต้องห่วงหรอกฉันแยกแยะได้”

“ให้มันแน่เถอะไม่ใช่พอเศร้าเข้าหน่อยแล้วมาพาลกับงานของผมล่ะ อกหักแบบนี้สภาพจิตมันจะปกติได้ยังไง นี่แหละไปรักกับคนผิดประเภทมันก็ชีช้ำแบบนี้แหละ” เจ้าตี๋ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมยังหาเรื่องไม่เลิก

“แล้วคุณจะมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับฉันทำไมฮึ ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน”

“ผมก็แค่หวังดีเผื่อคุณอยากได้คนมาดามอก ผมก็แค่อยากจะสงเคราะห์ช่วยเผื่อคุณต้องการ”

“ฉันไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดหาคนมาดามอกไม่ได้หรอกนะ และฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการที่ธิดาจะไปแต่งงานกับพี่หิรัญเพราะฉันไม่ได้ใจแคบเหมือนคุณ ฉันจะกลับแล้ว”

หญิงสาวสะบัดหน้าทำท่าจะลุกจากเตียง

“เดี๋ยวสิ คุณบอกว่ามีอะไรจะคุยกับผมไม่ใช่เหรอ?” ธีรดลย์คว้าข้อมือของเธอแล้วรั้งไว้

“เอาไว้คุยกันวันหลังวันนี้หมดอารมณ์คุย”

“แหมจะคุยแต่ละทีคุณต้องใช้อารมณ์เลยเหรอ? เอาอารมณ์อย่างอื่นมั้ยเผื่อคุณชอบและอาจจะอยากคุยกับผมนานๆ” ใบหน้าขาวตี๋ฉายแววกรุ้มกริ่ม

“นี่แนะ..อีตาบ้า คนลามก” เสียงนี่แน่ะที่ดังขึ้นพร้อมๆ กับปลายดัชนีนางทิ่มลงบนลูกกะตาของชายหนุ่มสร้างความเจ็บปวดให้กับเจ้าตี๋ปากหาเรื่องไม่น้อย

“โอ๊ย.....ยัยบ้า...คุณเอานิ้วมาจิ้มตาผมทำไมฮึ เดี๋ยวก็ตบจูบแล้วปล้ำให้ลืมเพศซะหรอก” ชายหนุ่มผงะถอยยกมือขยี้ตาชี้นิ้วขู่ ก่อนจะทำท่าถลาเข้าไปหาร่างบางที่ง้างหมัดเตรียมพร้อม

“เอาอีกดอกมั้ยไอ้ตี๋บ้ากาม” เสียงเขียวๆ โพล่งขึ้นพร้อมกับท่าเตรียมพร้อม

ธีรดลย์ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าแต๋วแหวววางท่าได้น่าคลุกวงใน แต่เพราะภาพผู้ชายที่ครอบกายของเธอทำให้เขาไม่กล้าพุ่งเข้าไปหา เฮ้อ! ขืนเจ้านี่ยังมีภาพเป็นหนุ่มน้อยแบบนี้เขาจะทำยังไงดี....จะแตะต้องก็ยังทำใจไม่ได้....จะปล่อยไปก็รู้สึกเหมือนต้องการเธอ... ชายหนุ่มยืนขยี้ตาไปมาแล้วนิ่งคิด....




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2552
5 comments
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 8:34:17 น.
Counter : 619 Pageviews.

 

ถ้าเมื่อไหร่คุณธีรดลย์ทำใจกับมาดชายของณชาได้สงสัยโดนรังแกไม่เหลือแน่

“เจ้าต้องไปเขา” ขาดคำว่าอะไรไปรึเปล่าเอ่ย

 

โดย: cruduslife 29 ตุลาคม 2552 18:01:04 น.  

 

ตาคุณดลทำกลัวทอมปลอมๆไปได้
ทีผียังไม่กลัวเลย รีบจีบเร็วๆเข้า

 

โดย: karaked IP: 68.105.5.210 30 ตุลาคม 2552 0:40:55 น.  

 

แจ้งให้ทราบค่ะ แสนสุขขออนุญาตงดอัพนิยาย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันจันทร์นะคะ เนื่องจากต้องเตรียมงานต้อนรับรัฐมนตรี แล้วต่อด้วยงานลอยกระทงค่ะ ปีนี้กะจะไปเป็นนางนพพะเมิดค่ะ ลอยมันอยู่กลางน้ำซักคืน หุหุ เมื่อคืนไม่ได้เขียนเพราะต้องไปทำงานเหนื่อยมากมายค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เรื่องนี้แสนสุขลงให้ไม่ต่อเนื่อง เดือนนี้งานค่อนข้างเยอะโปรดเห็นใจแสนสุขด้วยนะคะ (อ้อนๆ อิอิ)

 

โดย: sansook 30 ตุลาคม 2552 8:41:49 น.  

 

จ้า เห็นใจเละก็เข้าใจ คนเขียนเป็นที่สุด

ยังงัยงานหลวงก็มาก่อนค่ะ

งานหนักพักผ่อนบ้างนะค่ะ

จุ๊บุ๊ๆๆๆ....

 

โดย: น้องเอ๋ IP: 61.47.26.154 30 ตุลาคม 2552 13:04:22 น.  

 

ทาทักทายแสนสุข...นักเขียนดัง...

 

โดย: นิยายฝันหวาน 30 ตุลาคม 2552 17:37:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.