สอง อย่าให้ความเก่งกาจของบริษัท (Core Competency) มาบดบัง เช่น บอกว่า เราไม่เคยทำธุรกิจนี้มาก่อน เราเก่งแต่เรื่องนี้เท่านั้น จำได้ไหม ครั้งหนึ่งที่ บิลเกตต์เข้าไปหาผู้บริหาร IBM เพื่อเสนอโปรแกรมการทำงานของคอมพิวเตอร์ แล้วหนุ่มน้อยหลุดโลกมหาวิทยาลัยอย่างบิล เกตต์ก็ต้องเจอคำตอบหงายหลังออกมาว่า คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องของฮาร์ดแวร์เท่านั้น ( Computer is all about Hardware) แล้ววันนี้คุณก็เห็นแล้วว่า ใครเป็นอย่างไร
สาม สนับสนุนให้ทีมงานของคุณคิดนอกกรอบด้วย อย่าด่วนตัดสินหรือถามคำถามที่ปิดหนทางสิ้นเชิง เช่น ไหนทำอย่างไร บอกมาซิ ใช้เงินเท่าไหร่ โอ๊ย..นี่มันอยู่นอกเหนืองบนะ แค่นี้ก็จบ ลูกน้องเดินกลับไปทำงานแบบเก่าตามเดิม ควรจะเริ่มด้วยการถามว่า 1. จะมีคุณค่าอะไรใหม่ๆให้ลูกค้าบ้าง ( Is There any benefits to customer ?) 2. คิดว่าลูกค้าจะยินยอมจ่ายเงินซื้อในราคาเท่าใด ( How much or what should be the price that customer willing to pay ? ) 3. ต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ตั้งไว้ประมาณเท่าไหร่ ( What is target cost ? )และก็มาถึงคำถามข้อสุดท้าย 4. ควรใช้รูปแบบดำเนินงานอย่างไรดี ( How are we going to make it ?) เรามีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่ เรามีความสามารถเหมาะสมหรือเปล่า หากเราไม่เก่งพอหรือไม่ใช่ความสามารถพิเศษของเรา ควรหาพันธมิตรที่เก่งกว่ามาร่วมงานด้วยหรือเปล่า เป็นต้น
ฉะนั้น BOS ไม่ใช่เรื่องของนวัตกรรมเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ล้ำเลิศ แต่เป็นกระบวนการปรับปรุงในสิ่งสามัญที่เราสามารถทำให้ดีกว่าเดิมได้ สร้างความพอใจให้กับลูกค้ากลุ่มที่ถูกมองข้าม เป็นกระบวนการแสวงหาคุณค่าใหม่ตอบสนองความสุขของมนุษย์ ดังเช่น Michael Dell กล่าวไว้ว่า นวัตกรรมที่แท้จะต้องเป็นนวัติกรรมเพื่อความสุขของลูกค้าเท่านั้น An innovation is no innovation if it is not a customer innovation
ขอบคุณนะคะ ที่มาให้ความรู้ วันที่ 26พย.นี้ เราก็จะไปสัมนาวันนักการตลาดแห่งประเทศไทย หัวข้อเรื่อง triumph over the red ocean ของMATเหมือนกัน (เอ๊ะ คุณกูรูขอบสนาม ไปงานนี้ด้วยรึเปล่าคะ)
วันที่ 26พย.นี้ เราก็จะไปสัมนาวันนักการตลาดแห่งประเทศไทย หัวข้อเรื่อง triumph over the red ocean ของMATเหมือนกัน
(เอ๊ะ คุณกูรูขอบสนาม ไปงานนี้ด้วยรึเปล่าคะ)
ปล.มาขอสมัครเป็นเพื่อนใหม่ด้วยคนนะคะ