ยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นคำที่สกปรกสำหรับมารส์ ( Status at Mars is a dirty word) ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครมีออฟฟิคส่วนตัว ทุกคนถ่ายเอกสารเอง รับโทรศัพท์เอง หากจะต้องเดินทางโดยเครื่องบิน ตั๋วโดยสารชั้นประหยัดเท่านั้นที่บริษัทจะอนุญาต ไม่มีนอกเหนือจากนี้
ระบบราชการเป็นสิ่งที่พึงรังเกียจ การออกบันทึกภายใน (Memo) เป็นการกระทำที่ค้านกับนโยบายบริษัท ทุกคนทำงานบนพื้นฐานความเสมอภาค เรียกชื่อหน้ากัน ( A first name basis)ไม่เว้นเจ้าของตระกูล พนักงานของมารส์จะถูกเรียกว่า ผู้ร่วมงาน (Associate)
๕. อิสรภาพ (Freedom) มีข้อความตอนหนึ่งระบุในบัญญัติห้าประการของมารส์ไว้ว่า เราต้องการอิสรภาพเพื่อจะกำหนดอนาคตของเราเอง เราต้องการผลกำไรเพื่อดำรงภาวะความเป็นอิสระ ( We need freedom to shape our future: we need profit to remain free) นัยที่ซ่อนไว้ในรูปประโยคข้อนี้ก็คือ ตระกูลมารส์ต้องการความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจ เหตุนี้เองครับ มารส์จึงไม่เคยพินิจพิจารณาข้อเสนอจากตลาดหลักทรัพย์ใด ที่เชื้อชวนให้เข้าระดมทุนเป็นบริษัทมหาชน เพราะไม่ต้องการสูญเสียอิสรภาพ หรือก็คือความเป็นส่วนตัวของตระกูล
The Five Principle of Mars ฟังดูแล้วก็เหมือนกับปรัชญาในการดำเนินธุรกิจทั่วๆไปที่เราๆท่านๆชินตาทุกวันๆ แต่สิ่งที่แตกต่าง ทำให้ปรัชญาของมารส์โดดเด่นก็คือ ความเคร่งครัด เอาจริงเอาจังของผู้บริหารประจำตระกูล ผสานกับความร่วมมือร่วมใจของบรรดา Associate ทั้งหลาย ซึ่งมารส์ได้ให้รางวัลตอบแทนสมนาคุณพวกเขาอย่างสาสมกับ ที่ได้อุทิศตนอย่างหนักเพื่อบริษัทมาตลอด จึงทำให้ธุรกิจมารส์มีความเข้มแข็ง ครองส่วนแบ่งในตลาดมายืนยาว มีการขยายงานอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ ที่ธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันต้องล้มระเนระนาด แต่มารส์ยังผงาดท้าทายคลื่นวิกฤตหลายต่อหลายครั้ง
"Moving into fourth generation family ownership, the company recently passed from family leadership into non-family leadership however, the business is still owned by the family.
The global CEO of Mars, Inc. is Paul Michaels. Michaels is part of a new group of non-family management that has taken over since the retirement of John and Forrest Mars, Jr..
The family now oversees the business as a council or board of directors."
บริษัทมารส์ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มบุคคลตระกูลมารส์ตั้งแต่ปี ๑๙๒๒
ดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทเอกชนมาตลอด
ไม่เคยข้องเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์
ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ไม่เคยเผยแพร่เรื่องราวใดๆของตระกูลออกมานอกจากผลิตภัณฑ์ในตลาด
ไม่เคยมีบทสัมภาษณ์จากประธานกรรมการบริหารตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูก
จดหมายขอสัมภาษณ์จากนิตยสารใดๆจะถูกเก็บเงียบนอนสงบนิ่งในแฟ้ม
และไม่เคยมีการหยิบยกปัดฝุ่นขึ้นมาพิจารณาใหม่
ข้อมูลเท่าที่ปรากฏสู่การรับรู้ของคนภายนอกก็คือ
จอห์น มารส์ แชร์ตำแหน่ง CEO ร่วมกับพี่ชายอีกคน
คือ ฟอร์เรส มารส์ จูเนียร์
โดยแบ่งสายงานรับผิดชอบคนละสายงานออกจากกันไป
CEO สองคนจะนั่งด้านในสุดของชั้น ๒
โดยมีแจ็คเกอลีน มารส์ น้องสาวอีกคนนั่งถัดมาในฐานะตำแหน่ง Vice President
พวกเขาทั้งหมดใช้เลขานุการร่วมกัน
ความลึกลับของตระกูลมารส์ได้รับการกล่าวขานถึงอย่างน่าชวนทึ่ง
และเผยแพร่ในวงการนักการตลาดหัวสมัยใหม่
เพราะสิ่งที่สามพี่น้องตระกูลมารส์ปฎิบัติอยู่ทุกวันนี้
ขัดแยังอย่างสิ้นเชิงกับทฤษฎีการบริหารองค์กรทั้งหลาย
ปรมาจารย์หลายสำนักพยายามสรรหาทฤษฏีใหม่ๆเพื่ออธิบายลักษณะเฉพาะตัวของมารส์
และองค์ประกอบของความสำเร็จเชิงธุรกิจ
ซึ่งบริษัทมารส์นำหน้ามาตลอด
จนถึงทุกวันนี้ อาจจะกล่าวได้ว่า
มารส์เป็นธุรกิจครอบครัวที่มีขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แต่เงียบและสงวนเนื้อสงวนตัวมากที่สุด
แล้วอะไรล่ะครับ ที่ทำให้มารส์เป็นองค์กรที่น่าอัศจรรย์ใจปานนั้น
ขอยังไม่เฉลย แต่จะให้ท่านลองอ่านบันทึกเบื้องล่างต่อไปนี้ซิครับ
ข้อความบางส่วนเป็นการตัดตอนมาจากบันทึกภายใน
ของเอเยนซี่โฆษณาแห่งหนึ่ง (กูรูก็เคยทำงานที่นี่)
ที่ให้บริการโฆษณาผลิตภัณฑ์ของมารส์อยู่ปัจจุบัน
ข้อความเหล่านี้กำลังแนะนำให้เอเยนซี่ท้องถิ่นประเทศ
หนึ่ง
เตรียมการเสนองานและพบกับผู้บริหารระดับสูงของมารส์
ที่จะมาเยี่ยมเยือนตลาดลูกอมในภูมิภาคต่างๆ
คำแนะนำดังกล่าวได้แก่
หนึ่ง เตรียมข้อมูลการตลาดให้พร้อม
ตัวเลขต่างๆจะต้องทันกับสภาวะตลาดปัจจุบันให้มากที่สุด
ห้ามปั้นตัวเลขเด็ดขาด
สอง เตรียมผู้เข้าประชุมให้พร้อม
ไม่ต้องขนเข้าไปเยอะ ขอเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับงานจริงๆ
ระบุตำแหน่งและหน้าที่ของแต่ละคนให้ชัดเจนว่า
เกี่ยวข้องกับการดูแลลูกค้ามารส์อย่างไร
ทุกคนที่ร่วมประชุมจะต้องเอ่ยปากพูด
ถ้าคิดว่าการนิ่งเฉยนั้นดีที่สุด
ก็จงออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
สาม จงแสดงความกระตือรือร้นที่อยากจะร่วมงานกับมารส์
แต่อย่ามากเกินไปจนถึงขนาดถ้าไม่ได้มารส์มาเป็นลูกค้าแล้ว
เอเยนซี่จะต้องพังทลายในไม่ช้า
มารส์ไม่ชอบการแสดงบทบาทเกินจริง
( ฝ่ายบริการลูกค้าผู้หญิง
กรุณาสำรวจเครื่องแต่งกายของตนด้วย
ขอให้งดใส่ตุ้มหูกระตุ้งกระติ้งหรือสร้อยข้อมือแวววาว ระหว่างประชุม
เพราะอาจจะดึงดูดความสนใจของการประชุมมากเกินไป)
สี่ รูปแบบการนำเสนอนั้น
ขอให้เรียบง่ายต่อความเข้าใจ ด้วยตัวเลข และเหตุผลที่ประกอบอย่างหนักแน่น
อย่าหวือหวาหรือเน้นเทคนิคแพรวพราว
จนทำให้คนฟังลืมไปว่ากำลังดูหนังการ์ตูนหรือฟังบทวิเคราะห์การตลาด
อย่าใช้เวลานำเสนอมากจนเกินความจำเป็น
ขอให้ตรงประเด็นและชัดเจน
ห้า หากตอบคำถามใดๆไม่ได้ หรือไม่แน่ใจ
ให้ยอมรับออกไปตรงๆ อย่าอ้อมค้อมหรือเฉไฉ
ลูกค้ามารส์จะตะขิดตะขวงใจถ้ารู้ว่าถูกหลอกด้วยข้อมูล จงสืบเสาะหาข้อมูลนั้นกลับมาตอบให้ได้โดยเร็วที่สุด
หก ลูกค้ามาร์สอาจจะอยากตรวจตลาดท้องถิ่นนั้นๆ
โดยจะไปตามลำพังหรือไปกับเอเยนซี่
ขอให้ดูความประสงค์ของพวกเขาด้วย
เจ็ด ไม่ต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับใดๆทั้งสิ้น
ผู้บริหารมารส์ให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัวมาก
ไม่นิยมการสังสรรค์ใดๆนอกเหนือจากเรื่องงานและผลิตภัณฑ์ของบริษัท