<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
13 กันยายน 2551

เข้าชั้นเรียนกับ Drucker (4)



เก็บตกบทเรียน

ลุ่มหลงอดีต บั่นทอนอนาคต


Slide Rule คือเครื่องมือวัดคำนวณอันแสนมหัศจรรย์เมื่อสามสิบปีที่แล้ว
เป็นผู้ช่วยที่เก่งกาจสารพัด ทั้งการคำนวณบวกลบพื้นฐานธรรมดา
หรือสูงขึ้นไปหน่อยก็พวกตรีโกณ ถอด Log ถอดรูท ชั้นเชิงเรขาคณิต ได้หมดจด
เด็กวิศวะแทบทุกคนต้องมีเจ้าไม้บรรทัดเท่ไม่เบาอันนี้
เหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์บ่งบอกสถานภาพว่าต่างจากเด็กช่างกลนะเฟ้ย
นั่นเขาใช้ไม้ T อั๊วใช้ Slide Rule
ประโยชน์ก็สารพัด เพราะบางทีก็เป็นอาวุธป้องกันตัวได้

วันดีคืนดี Slide Rule หมดมนต์ขลัง คุณค่าไม่ต่างจากไม้บรรทัด
เพราะเครื่องคิดเลขอันเบ้อเร่อเบ้อร่าเริ่มเข้ามาแทนที่
หลังจากนั้นก็มีพัฒนาการของเครื่องขนาดเล็กจิ๋วตามมา
จนตอนนี้คิดเลขบนโทรศัพท์มือถือได้

Slide Rule เลยถูกถอดวางบนแท่นอดีต
กูรูก็มีอยู่หนึ่งอันทำจากไม้ไผ่ยี่ห้อ Hemmi เอาไว้คอยถามเด็กๆรุ่นหลัง


ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องประหลาดประการใด
พัฒนาการของเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า การถ่ายทอดองค์ความรู้สู่นวัตกรรม
ล้วนสรรค์สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่ดีขึ้นๆทุกวัน
ทำให้ของเก่าหมดราคาและใช้งานไม่คุ้มในท้ายสุด

แต่น่าแปลกที่หลายๆครั้ง
บรรดาเจ้าของผลงานหรือบริษัทเหล่านั้นกลับพยายามฝืนการเปลี่ยนแปลง
ลุ่มหลงอยู่กับผลสำเร็จในอดีต จำกัดความสามารถไว้ในขอบเขตที่ตนเองคุ้นเคย
ต่อเมื่อวันหนึ่งนึกขึ้นมา ก็ถูกทิ้งโดดเดี่ยว หาคนเหลียวแลเสียแล้ว

นี่เองคือสาเหตุให้ บริษัทรถไฟของลุงแซมผู้เคยเย่อหยิ่งนักหนา
(คุณปู่ Drucker ให้คำนิยามว่า Robber Baron)
ต้องตกรางไปในท้ายสุด เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีรถประเภทไหน
มีสมรรถนะความสามารถในการขนส่งลำเลียงสินค้าข้ามทวีปได้
ตั้งแต่ยุคบุกเบิกขยายดินแดนไปตะวันตก ฆ่าล้างอินเดียนแดงไปหมดเผ่า
ก็ได้รถไฟนี่แหละ เป็นหัวหอกแล่นปรู๊น ปรู๊น ควันดำโขมง
หัวรถจักรแล่นไปที่ไหน ความเจริญถึงที่นั่น

อา..นั่นมันอดีตอันรุ่มรวย เพราะยุคของเครื่องบินยังมาไม่ถึงต่างหาก
แล้วดูปัจจุบันซิ....

คุณปู่ Drucker กล่าวว่าที่เป็นเช่นนี้พราะรถไฟผู้เย่อหยิ่ง
ตีกรอบตัวเองว่าอยู่ในอุตสาหกรรมยานพาหนะ (Vehicle Industry)
ก็เลยมองคู่แข่งเป็นแค่ยานยนต์บนบกทั่วไป
หารู้ไม่พระเอกรายใหม่มาเหนือฟ้าเสียแล้ว



Create Date : 13 กันยายน 2551
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 22:10:47 น. 10 comments
Counter : 1092 Pageviews.  

 
ฟอร์ด มอเตอร์ ก็เหมือนกัน
ภาพประวัติศาสตร์ที่บริษัทปฏิวัติระบบอุตสาหกรรมรถยนต์
ด้วยระบบ Assembly Line อันตื่นตาตื่นใจกลายเป็นอดีตไปในที่สุด
Model T – No Choice Car รถรุ่นเดียวสีดำที่ฟอร์ดนำเสนอ
(ไม่ต้องให้ลูกค้าเลือกมาก)
ถูกค่ายรถ GM แซงตัดหน้าด้วยวิถีดำเนินธุรกิจแบบใหม่

GM ไม่ได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีมหัศจรรย์ลึกล้ำอย่างใด
เพียงใช้กลยุทธ์การตลาดแบบแบ่งซอย Segmentation
นำเสนอรถยี่ห้อ รุ่นต่างๆที่สนองความต้องการผู้บริโภคที่เริ่มชอบความหลากหลาย
ขณะที่ผู้บุกเบิกอย่างฟอร์ดยังภูมิใจกับเกียรติยศในอดีต
ยังยึดติดวิถีการดำเนินธุรกิจจากมุมมองของบริษัทเป็นหลัก
ในที่สุด GM ก็ขึ้นแท่นเป็นแชมเปี้ยนรถยนต์นานถึง 50 ปี
แทน Ford ซึ่งพลัดตกบังลังก์
เพราะไม่ใส่ใจกับบริบทของพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป

เช่นเดียวกับบรรดาองค์กรใหญ่ๆ
เมื่อถึงจุดที่ประสบความสำเร็จครองบังลังก์ยาวนาน
ก็ไม่มีใครเริ่มขยับอะไรต่อ ทำไปเกิดพลาดก็เข้าตัวอีก
สู้อยู่เฉยๆ ค่อยๆคิดค่อยๆทำไปดีกว่า
ลูกค้าก็เหนียวแน่นอยู่ในกำมือแล้ว
มองดูคู่แข่ง ไครสเลอร์เอย ฟอร์ดเอย ก็มีปัญหาภายในองค์กร
ต้องใช้เวลาแก้ไขเรื่องอีรุงตุงนังอีกสักพัก
คิดได้ดังนั้นแล้ว GM ก็เสวยสุข
ชมนก ชมไม้ ชมฟ้าลอยละล่องอยู่เบื้องบน
หารู้ไม่ ยักษ์ใหญ่จากแดนตะวันออกไกล
กำลังโค้งคำนับใกล้เข้ามาทุกที นั่นก็คือ โตโยต้า
ถึงวันนี้แล้ว คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากมาย


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:21:50:20 น.  

 
เอ้า อีกสักตัวอย่างหนึ่ง
ในแวดวงไฮเทคไม่มีใครไม่รู้จัก The Big Blue ยักษ์ใหญ่สีฟ้า IBM
ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมคอมพิวเตอร์ระดับโลก
ก่อนหน้านั้น IBM ก็ทำหลายอย่าง
รวมทั้งเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าหัวจุกก๊อกแก๊กเสียงดัง
ซึ่งสาวๆชาวเลขานุการนักพิมพ์ดีดคุ้นเคยกันดี

IBM มองเห็นอนาคตของคอมพิวเตอร์ที่จะมาแทนที่งานเอกสารทุกชนิด
ก็เลยรังสรรค์ประดิษฐกรรม Main Frame ขึ้นมาสำหรับออฟฟิคองค์กรขนาดใหญ่
แน่นอน หน่วยงานที่จำเป็นและต้องใช้เครื่องประเภทนี้มีอยู่จำนวนไม่น้อย
หนึ่งในผู้ใช้ Main Frame รุ่นแรกๆ ก็คือ กรมสรรพากรของเมืองมะกัน
ทีนี้ล่ะ ไม่ผิดพลาดเรื่องข้อมูลและการคำนวณเงินภาษีของประชากร
(เรื่องเงินเรื่องทองเรื่องใหญ่)
ความสำเร็จจาก Main Frame อัจฉริยะ ของ IBM นี้เอง
ทำให้ชาวบิ๊กบลูผู้มีวัฒนธรรมองค์กรสวมเชิ๊ตขาว กางเกงน้ำเงิน ผูกไทค์น้ำเงินทั้งบริษัท
หลงภาคภูมิเลือดสีน้ำเงินของตนยิ่งนัก ใครที่ไหนจะมาแข่งได้
ผู้บริหารเองก็มั่นอกมั่นใจว่ามองตลาดทะลุปรุโปร่งไว้แล้ว
ตลาดสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์น่ะหรือ ทั้งโลกอาจจะมีแค่ 5 ตัวเท่านั้นละมั้ง
(I think there is a world market for maybe five computers – Watson Thomas Senior, Chairman of IBM)
ใครนะ..แว่วๆว่าจะผลิต PC มาแข่ง
จะมีตลาดรึ ใครจะใช้ ในเมื่อ Main Frame สามารถลากต่อไปได้ทุกที่
PC เก็บไว้ให้เด็กๆเล่นดีกว่า

อะหา..สายตายาว(เกินไป)เป็นเหตุ
เมื่อ IBM ตกขบวนรถไฟ PC เบื้องหน้าที่โตมหาศาล
และกินตลาดในส่วน Main Frame เข้ามาทุกขณะ
จนท้ายสุด ต้องกล้ำกลืนเลือดหยิ่ง
ออก PC ตามมาเมื่อตลาดฟ่องฟูไปแล้ว

จากตัวอย่างเบื้องต้นดังกล่าว
พวกเราเห็นความคล้ายคลึงอะไรบ้าง
องค์กรเหล่าทั้งหมดเริ่มต้นจากนวัตกรรมสร้างสรรค์
มุ่งมั่นต่อยอดประดิษฐกรรม สนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
ผลงานก้าวแรกไปได้ด้วยดี ด้วยมันสมองผนวกจินตนาการ
พัฒนาการรุ่นต่อมาแก้ไขความผิดพลาดให้ดียิ่งขึ้น
ก็ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นในคุณภาพ
จนถึงรุ่นสาม สี่ กระแสค่อยแผ่ว

เมื่อบริษัทมั่นคง ความมุ่งมั่นเริ่มจาง คนทำงานเอนหลังสุขสบาย
หากผู้บริหารทำยังตัวเสวยสุขเหมือนเป็นทองไม่รู้ร้อน
ยังโอ้อวดลุ่มหลงกับอดีตที่ยิ่งใหญ่
ไม่ยอมหันมองรอบข้างหรือปรามาสคู่แข่งตัวด้อย
เพิกเฉยต่อปัจจัยความเปลี่ยนแปลง
ไม่ต้องให้หมอดูที่ไหนมาฟันธง
เราเองในฐานะผู้สังเกตการณ์ก็คาดเดาอนาคตได้

IBM คือกรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุด
ความจริงมีเรื่องราวต่างๆอีกมากมาย
เกี่ยวกับความหลงอดีตของยักษ์สีฟ้าในกาลต่อมา
จนเกิดวิกฤตแห่งวิกฤตในองค์กร เมื่อไม่สามารถแข่งขันกับใครได้
ก่อนที่ Loiuse Gertsner CEO คนนอก
เข้าไปเป็นอัศวินม้าขาวชุบชีวิตยักษ์สีฟ้าไว้
มีใครรู้บ้างมั้ยว่า
วินาทีนั้น IBM วิกฤตถึงขนาดแทบจะไม่มีเงินสดเหลืออยู่เลย

ข่าวลับๆแจ้งมาว่า ประธานาธิบดีมะกันขณะนั้น ( George Bush ผู้พ่อ)
ถึงกับลงมาปรึกษา Board IBM เองว่า จะจัดการอาการโคม่านี้อย่างไร
เพราะ ยักษ์สีฟ้าคือสัญญลักษณ์ของ Hi Tech เมืองลุงแซม
หากปล่อยให้ล้ม นั่นหมายถึงความพินาศของอุตสาหกรรม Hi Tech ทั้งหมด
(หาอ่านเพิ่มเติม Who Says Elephants Can’t Dance : Inside IBM’s Historic Turnaround by Louis Gerstner, Jr.
กูรูเองเคยเล่าละเอียดไว้ในโรงเรียน ฮ นกฮูก : บันทึกนิยายชั้นเรียน MBA )


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:21:51:30 น.  

 
ความจริงยังมีตัวอย่างสำคัญอีกกรณีหนึ่งคือ Kodak
อันนี้ คุณปู่ Drucker ไม่ได้พูดถึง แต่กูรูพูดเอง เพราะเคยศึกษามาบ้าง

เมื่อพูดถึง Kodak กับชาวเมืองโรเชสเตอร์ มลรัฐนิวยอร์ด
ใครๆก็เชิดหน้าภูมิใจว่านี่คือ คุณพ่อสุดที่รักของพวกเรา
คุณพ่อที่อุ้มดูปูเสื่อ ให้การศึกษา ให้งานเราทำ ให้เงินเราใช้
คุณพ่อผู้เป็นสัญญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ในเมืองนี้
สมาชิกอย่างน้อย 1 คนในครอบครัวประชากรโรเชสเตอร์ทำงานที่ Kodak

การเป็นพนักงาน Kodak มีความหมายมหาศาล (พอๆกับเลือดน้ำเงินของชาว IBM)
นั่นหมายถึงอนาคตที่หมดห่วง เพราะมีงานทำจนเกษียณ
มีรายได้ตอบแทนเหนือกว่าเกณฑ์เฉลี่ย
ไม่นับโบนัสปลายปีมาพร้อมกับ Santa Kodak
สิทธิพิเศษต่างๆทางด้านสวัสดิการและสมาชิกคันทรี คลับ เลิศหรู
ทุกคนทำงาน สบายๆ 9 -5 นาฬิกา
หากทำงานนอกเวลานั้นก็มี OT ตอบแทนสาสม

ในด้านผลิตภัณฑ์เองเล่าก็เป็นผู้นำทางฟิลม์อันดับหนึ่ง
แม้มียักษ์ฟูจิตามมาติดๆแต่ก็ไม่น่ากังวลหรอก
อย่างไรเสีย ญี่ปุ่นก็แค่ญี่ปุ่น ไม่มีทางมาตีตลาดมะกันได้
หนังโฆษณา Kodak ทุกเรื่องแทบทำให้คนดูน้ำซึมไปกับการเล่าเรื่อง
อดีตและความทรงจำอันสวยงามของผู้คน
ตั้งแต่ลูกถือกำเนิดตีนเท่าฝาหอย จนโตเป็นเด็กสาวปอม ปอม เกิร์ล
ถัดมาอีกสักพักก็เป็นเจ้าสาวแสนสวย แล้วก็ท้องป่องกลายเป็นคุณแม่
มีหลานตีนเท่าฝาหอยเกิดมาอีก วนเวียนซาบซึ้งไปมา
ว่าแล้ว เราก็หรู เริด เชิด หยิ่งไปตามใจเชิบ..เชิบ

มหันตภัยเงียบมาเยือนไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่ซาบซึ้งเรื่องเก่าๆโรแมนติค
คู่แข่งรายใหม่ที่ย่ำกรายในปริมณฑลของการถ่ายภาพ
ม้นไม่ใช่ฟิล์มสีอีกแล้ว
หากคือเทคโนโลยีดิจิตอลที่นำไปประยุกต์ในกล้องถ่ายรูปไม่ต้องใช้ฟิล์ม ( Filmless Camera)
ถ่ายภาพปุ๊บ เห็นทันที ล้างลบออกก็ง่าย ไม่ต้องเสียเวลา
ไม่ต้องซื้อฟิล์ม ไม่ต้องรอล้างฟิล์ม
เอาล่ะซิ คุณพ่อ Kodak มัวแต่สั่งให้ลูกๆพัฒนาฟิล์มสีคุณภาพดียิ่งขึ้นๆ
จนลืมมองข้างนอกว่า เทคโนโลยีได้เปลี่ยนไปแล้ว
ฟิล์มสีสวยสด ถ่ายรูปสมจริง กลายเป็นสิ่งตกยุค ตกสมัย
ความจริงคุณพ่อ Kodak ก็เห็น
ใช่ว่าจะมืดบอด แผนก R &D ออกใหญ่โต
แต่คงคิดว่า นั่นเป็นการถ่ายภาพแบบโก้เก๋ ไม่ได้ใช้งานจริง
หรือถ้าพัฒนากล้องดิจิตอลขึ้นมาแล้ว
อุ๊ยโหย๋ย ก็มากินตลาดฟิล์มลูกรักสุดหวงน่ะซิ ทำไปได้อย่างไร
ว่าแล้วก็ใจเย็น วางเฉยไว้ก่อน
มันเป็นแค่แฟชั่นนะ แฟชั่น เดี๋ยวก็ไปแล้ว

แต่กล้องไร้ฟิล์มโก้เก๋ เป็นแฟชั่นระยะยาวเสียแล้ว
จำนวนกล้องที่ขายได้มากขึ้นๆ พอๆจำนวนสั่งซื้อฟิล์มสีที่น้อยลงๆ
นั่นคือจุดเริ่มต้นอวสานคุณพ่อ Kodak

กำไรที่ลดลงจนต้องขายกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปเพื่อรักษากระแสเงินสด
(บริษัทเวชภัณฑ์ Sterling Drug/ ผลิตภัณฑ์ Consumer Household L&F)
เริ่มบ่งบอกอาการอ่อนแอของคุณพ่อที่เห็นชัดขึ้นทีละน้อยๆ
ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้กระเป๋าเงินคุณพ่อพองขึ้นมาเลย
เมื่อเริ่มต้นพัฒนากล้อง Digital ออกสู่ตลาด ก็วายไปแล้ว

ทุกวันนี้จากหุ้นที่เคยสูงสุดถึง 90 กว่าเหรียญ เหลือเพียงแค่เท่าไหร่ล่ะ...(ฝากดูให้ด้วยครับ)



โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:21:52:39 น.  

 
ในวิกฤตย่อมมีโอกาส
ครานี้จะกล่าวถึงบริษัทลูกนอกคอกของคุณพ่อ Kodak
Eastman Chemical เป็นบริษัทผู้ผลิตสารเคมี
เพื่อใช้ในงานผลิตฟิล์มถ่ายภาพและป้อนบริษัทอื่นๆในเครือ
ตั้งอยู่ที่ Kingsport มลรัฐเทนเนซซี่
ห่างไกลจากคฤหาสน์เมืองผู้ดีของคุณพ่อเป็นโยชน์
ลูกกลุ่มนี้เลยมีเลือดกบฎอยู่บ้าง

โดยอุปนิสัยของคนทำงานชาวใต้ ชาว Kingsport ทุกคนทำงานหนัก
ทุ่มเท ขยันขันแข็ง งานเป็นงาน เล่นก็เป็นงาน งานทั้งชีวิต
ประหยัด อดทน อึด (คุณสมบัติหลังนี้จำเป็นมาก)
ไม่มีหรอก Vacation หรูๆ ปาร์ตี้เรือยอร์ช
หรือใช้ชีวิตสุดสัปดาห์ที่ Country Club แบบชาวโรเชสเตอร์
นั่นคือการใช้ชีวิตแบบบารอนหลงยุค ว่าเข้านั่น

แน่นอนในสายตาของชาว Kodak ที่โรเชสเตอร์
ย่อมมองชาว Eastman Chemical เป็นลูกบ้านนอก
เชย ทึ่ม ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ ดีตรงขยันทำงานเป็นวัวควาย
เพราะฉะนั้นเอาไว้สั่งงานอย่างเดียว

หาไม่รู้ไม่ ลูกบ้านนอกกลุ่มนี้ก็แสนจะอึดอัด
กับวิธีทำงานแบบลูกผู้ดีที่โรเชสเตอร์เหลือเกิน
เสนออะไรไปก็โดนปัด คิดอะไรใหม่ๆให้ก็บอกให้ชะลอไว้ก่อน
ถูกกดมากๆก็ฮึดขึ้นมา ก่ออารยะขัดขืน ขอแยกตัวออกมาจากบริษัทแม่
ในลักษณะของ Employee Buy Out (EBO)
จากพลังรวมใจพนักงานทั้งหมด ในปี 1994
ขณะที่บริษัทคุณพ่อกำลังประสบปัญหาการเงิน
ไม่สามารถเกื้อหนุนลูกๆทั้งหลายได้อีกต่อไป
วันต่อวันได้แต่จัดการขายมรดกเก่าเก็บเลี้ยงชีพ พร้อมแผนโละคนออก

Eastman Chemical ฝ่าด่านอรหันต์ออกมา ทนร้อน ทนหนาว
ดำเนินธุรกิจด้วยพนักงานกันเอง ไร้คุณพ่อคอยกุมบังเหียนและสั่งการ
ทดลองบทเรียนบริหารใหม่ๆผิดพลาด พลั้งไป
แต่ก็แก้ตัวได้และเรียนรู้จนเก่งกล้า ประสบความสำเร็จติดอันดับ Fortune 500
ด้วยยอดขาย $ 7.5 พันล้านเหรียญ ในปี 2006 มีพนักงาน 11,000 คน

นับเป็นความกล้าหาญของผู้บริหารบริษัทบ้านนอกขณะนั้น
หากยังเกาะติดกระเตงกับคุณพ่อ Kodak อยู่ล่ะก้อ
มีหวังถูกยุบหรือไม่ก็ขายทิ้ง
ความสำเร็จของลูกกบฎปรากฏยกย่องในวิกีดังนี้

Quote:
In January 2008, Corporate Responsibility Officer Magazine (CRO) named Eastman one of the five best corporate citizens
among chemical companies in the U.S.[1]
Eastman was also ranked 64th in CRO magazine's list of 100 Best Corporate Citizens for 2008. [2]


ทิ้งอดีตที่เคยรุ่งเรือง มองมุ่งไปข้างหน้า
จึงทำให้ Eastman Chemical มีวันนี้ได้


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:21:53:39 น.  

 
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัย
เราจะคาดการณ์อนาคตล่วงหน้าได้อย่างไร
ไม่ใช่พ่อมด หมอผีเสียหน่อย (ถ้าเป็น ป่านนี้คงใบ้ห้วยหุ้นสนุกแล้ว)
คุณปู่ Drucker เอ่ยคำคมทันใด

“ You cannot predict the future, but you can create it”
ทำได้อย่างไรล่ะ

หมั่นขวนขวายหาความรู้ในสิ่งใหม่ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง
ไม่ใช่เฉพาะในอุตสาหกรรมที่คุณอยู่

อย่าถามตัวเองแค่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ควรถามต่ออีกว่า อะไรจะเกิดขึ้น
ถ้าเกิด ..........(ติดเงื่อนไขเติมเอาเอง)
เล่น “what if...” บ่อยๆแบบเด็กๆ ให้สมองมองเห็นภาพในอนาคต

อะไรจะเกิดขึ้น ถ้า.....โลกนี้มีแต่คนอายุไม่เกิน 30 แบบในเวปนี้ หุหุ
อะไรจะเกิดขึ้น ถ้า.....กรุงเทพได้รับเป็นเจ้าภาพโอลิมปิคครั้งหน้า
(ควันหลงจากป่ายจิง ป่ายจิง เรารักป่ายจิง)
อะไรจะเกิดขึ้น ถ้า....ภาษาไทยกลายเป็นหนึ่งในภาษาสากล
(อันนี้ฝันเฟื่องเพราะรักภาษาจริงๆนะ)

เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงและค้นหาสาเหตุ
เมื่อยอดขายขึ้นหรือตกเกินคาดหมาย
มันต้องมีอะไรสักอย่าง อย่าเพียงแต่คิดเข้าข้างตัวเอง
เถอะน่า แล้วมันก็จะกลับมาสู่สภาพปกติเอง
(อันนี้เอาไปดัดแปลงกับการวิเคราะห์ราคาหุ้นได้)

ดัดแปลง หยิบยืม พัฒนาแนวความคิดใหม่ๆให้เข้ากับแนวทางดำเนินธุรกิจ
อย่าลุ่มหลงพอใจกับความรุ่งเรืองในอดีต
ยอมเจ็บปวดในสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หากมันนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

และจำไว้เสมอการเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์ ไม่มีอะไรอยู่คงกระพัน



การบ้าน : คิดว่ามีบริษัทไหนในบ้านเราที่ทำตัวเป็นคุณพ่อแสนดีแบบ Kodak บ้างเอ่ย


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:21:54:39 น.  

 
หายไปหลายราตรีเลยค่ะท่านอาจารย์


ครั้งแรกว่าจะอ่านแบบเน้นตัวอักษรสำคัยก้คงเข้าใจนี้หาทั้งหมด
คิดว่าตัวเองเก่งค่า


แต่ไหงอ่านไปอ่านมาต้องอ่านทุกตัวอักษรที่ท่านอาจารย์ผู้หยั่งรู้บรรยายเลยละค่ะ

พลาดมายได้สักซีอต..ค่ะ
ดีมากเลยค่ะ...อ่านแล้วได้ความรู้ที่ไม่เคยรู้มากก่อนหลายตัวอย่างเลยค่ะ

ดีมากเลยค่ะท่านกูรูฯ


ต้องนำมาขบคิดในความคิดของธุรกิจเล็กๆของเราแล้วสิค่ะนิ
เราก็ประมาทเหมือน..Slide Rule ค่ะ
คิดว่าไม่มีเทคโนโลยี่สมัยใหม่มาทำลายได้ค่ะ
ตอนนี้คงต้องเอาเครื่องจักรแสนโบราณขึ้นแท่นซะละมังนิ


แล้วจะทำอาชีพอะไรดีละนิค่ะท่านอาจารย์
ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้นะนิ


ตามยถากรรมดีไหมนิ

โอ้ออลัลลลาลลลล




นอนหลับฝันดีอย่าคิดอะไรมากดีกว่าค่ะในวันหยุดแสนดี
มีความสุขกับครอบครัวที่รักนะค่ะท่าน




โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:22:41:35 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ คุณ Catt
แวะมาเยี่ยมสม่ำเสมอเลยนะคร้าบ

นั่นนะซิ ตอนนี้มองไปทางไหนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดไปหมด
เฮอ

ว่าแล้ว กระทู้หัวข้อต่อไปจะเป็นเริ่องเบาๆบ้างเกี่ยวกับฝน
กระตุ้นต่อมความทรงจำขึ้นมาบ้าง อิอิ


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:8:30:57 น.  

 
มาชวนไปเกาะคา 200 KMs จากเชียงใหม่ค่ะ


จะพาไปทานน้ำเงี้ยว ข้าวซอย ข้าวแต๋น

พาไปซื้อส้มโอหวานลูกละ10 บาท เลยเหมามาแจกเ็ต็มท้ายรถ

Photobucket


โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:9:02:28 น.  

 
วันนี้วันพระ..ขึ้น 15ค่ำเดือน 10
ขอเยื่ยมภาพสวยๆๆจากคุณก๋าด้วยนะค่ะ
ชอบภาพนี้มากเลยค่ะสวยจังเลยค่ะ
องค์ประกอบในภาพ

ในทุกวันเวลาแต่สำหรับเราทุกสิ่งทุกอย่าง

** ยิ่งไม่รู้ยิ่งสบายใจนะค่ะ **

คนที่อยากรู้คือคนที่มีความกลัวในใจมากกว่าค่ะ
สำหรับความคิดของเรานะ



สพุเพ ตสนุติ ทณุฑสุส สัตว์ทั้งหมดกลัวโทษทัณฑ์
สพุเพ พายนุติ มจุจุโน สัตว์ทั้งหมดกลัวความตาย
อตุตานิ อุปมัง กตุวา เปรียบตัวเองกับผู้อื่นอย่างนี้แล้ว
น หเนยุย น ฆาตเย ก็ไม่ควรฆ่าเอง ไม่ควรสั่งให้คนอื่นฆ่า

สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณุเฑน วิหึสติ สัตว์ทั้งหลายปราถนาความสุขทั้งนั้น

เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด
ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา
เพราะถ้าท่านเป็นเขา
และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา
ท่านอาจตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้

**อับราฮัม ลินคอน **

ผู้ใดเอื้อเฟื้อเกื้อหนุน จะแทนคุณจนกว่าจะอาสัญ
แม้นไม่มีสิ่งใดจะให้ปัน ก็จะหมั่นสรรเสริญเจริญคุณ

*************
ชอบเสมอค่ะคำคมที่อ่านเจอ
วันนี้วันพระค่ะ
อนุโมทนาค่ะ..กัลยาณมิตรทุกๆๆคน
ที่แวะเข้าหาด้วยความรู้สึกที่ดี



เรากลายเป็นคนรู้มากแล้วค่ะ
มีคนชมเพราะขโมยซีนคุณไปเล่า
แต่บอกว่าอ่านจากอาจารย์ท่านผู้รู้มากค่ะ
แต่เขาก้ยังชมค่ะว่าดีนะมีความรู้
555555555555
เป็นปลื้ม..ขอบคุณมากเลยค่ะสำหรับเนื้อหาที่ทำให้เราดูมีความรู้ขึ้น


ปล..เราก็คิดแบบคุณค่ะเหมือนเงาต้นไม้ยามราตรีกาลนะค่ะ

มีความสุขนะค่ะ


โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:16:16:47 น.  

 
ขอบคุณ สำหรับบทความดีๆครับ ปรมาจารย์ GURU

เวลานี้อยากรู้จังเลยว่า ประชาชนชาว เมือง โรเชสเตอร์ ปัจจุบัน นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

และ ทำนองเดียวกัน อยากรู้เช่นเดียวกันว่า ประเทศไทยมีอดีตอะไรที่ทำให้ลุ่มหลง...จนไม่ยอมก้าวหน้าไปยังอนาคต




โดย: คนบ้านนอกไกลเมืองหลวง แต่ มีความฝัน (moonfleet ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:45:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]