สหัสวรรษประเทศไทย ( 3 )
ฤดูหนาวอันแสนนาน
พาดหัวสหัสวรรษใหม่ประเทศไทยคราวนี้ อาจจะทำให้ท่านผู้อ่านหลายคนเลิกคิ้วแกมฉงน เอ๊ะ คนเขียนคงถูกพิษภัยเศรษฐกิจเล่นงานจนชักจะเพี้ยนๆไปแล้วหรืออย่างไร อากาศต้นเดือนกันยายนทั้งชื้นทั้งเฉอะแฉะ บางวันก็แดดจัดจ้านตั้งแต่เช้า พอบ่ายคล้อยเมฆดำทะมึนก็แผ่กระจายวงกว้าง แล้วฟ้าก็อุ้มฝนฉ่ำไปทั่ว มองเหนือขึ้นไปก็ไม่เห็นจะมีวี่แววเลยว่า หน้าหนาวจะมาถึงเมื่อไร โดยเฉพาะในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรนี่นะหรือจะมี ฤดูหนาวอันแสนนาน
เปล่าเลย ท่านผู้อ่านที่เคารพ ขณะที่ใครๆกำลังเห่ออ่านหนังสือเด็กเล่มดัง Harry Potter ทั่วทุกหนแห่ง ตั้งแต่บนเครื่องบินยันรถไฟฟ้า ตัวเองกลับไปพลิกๆดูหนังสือเด็กชุด บ้านเล็ก (Little House) ประพันธ์โดย ลอร่า อิงกัลล์ ไวล์เดอร์ แปลเป็นบทภาษาไทยที่สละสลวยโดย สุคนธรส ทั้งชุดประกอบด้วยหนังสือเล่มต่างๆเรียงลำดับต่อไปนี้ คือ บ้านเล็กในป่าใหญ่ เด็กชายชาวนา บ้านเล็กริมห้วย ริมทะเลสาบสีเงิน เมืองเล็กในทุ่งกว้างและปีทองอันแสนสุข
เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นการบันทึกเรื่องราวการต่อสู้ของบรรพบุรุษชาว อเมริกัน ในยุคบุกเบิกมุ่งสู่ภาคตะวันตกเพื่อจับจองที่ดินทำกิน พวกเขาต้องผจญภัยกับภยันตรายต่างๆ หาหนทางเพื่อเอาชนะ ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยวิถีที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาล วิกฤตที่แปรปรวนตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมวิญญาณนักสู้รุ่นบรรพชนให้มีจิตใจหาญกล้า พี่งพาตนเอง พร้อมจะเผชิญกับสิ่งท้าทายอย่างไม่ท้อถอย อันเป็นแก่นเรื่องหลักที่เราได้รับจากการอ่านหนังสือชุดนี้
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2551 |
|
8 comments |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 21:25:26 น. |
Counter : 1844 Pageviews. |
|
|
ใน ฤดูหนาวอันแสนนาน
ลอร่า อิงกัลล์ ไวล์เดอร์ ได้เล่าเรื่องบันทึกความไว้ว่า
ภายหลังที่บิดาของเธอได้จับจองกรรมสิทธิ์ที่ดินในทุ่งกว้าง
ที่เมืองเดอสะเม็ต ในรัฐตอนกลางของอเมริกา
ก็เริ่มทำการเกษตรกรรมแบบชาวท้องถิ่น
คือปลูกข้าวโพด ข้าวสาลีไว้บริโภคภายในครัวเรือน
ส่วนที่เหลือก็เตรียมนำส่งขายในเมือง
หากปีนั้นแล้งเร็วกว่าปกติ ทำให้ธัญญาหารที่เก็บเกี่ยว
ไม่เพียงพอสำหรับการยังชีพในช่วงฤดูหนาว
แต่ทุกคนยังพออุ่นใจว่าถึงจะขาดแคลนอาหารเพียงไร รัฐบาลลุงแซมก็คงจะไม่ใจดำทอดทิ้งพวกเขา
คงจะเตรียมส่งขบวนรถไฟบรรทุกเสบียงมาให้ทันความต้องการ
และเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง
พวกเขาก็สามารถเริ่มต้นเพาะปลูกได้ใหม่
หากสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ
ปีนั้นเป็นปีที่จะหนาวรุนแรงที่สุดตามคำบอกเล่า
และความเชื่อของชาวอินเดียนแดงชาวพื้นเมือง
ผู้เคยชินกับสภาพภูมิอากาศมาเก่าก่อน
กล่าวคือจะหนาวจัดเป็นระยะเวลาที่พระจันทร์เต็มดวง จันทร์แรมและเต็มดวง
ซ้ำใหม่อีกหลายๆครั้ง ร่วม ๗ เดือน
ทุกคนได้เตรียมตัวต้อนรับความหนาวเหน็บอย่างเต็มที่
เริ่มตั้งแต่ครอบครัวของลอร่าเองได้
อพยพเข้ามาอยู่ในเมืองพร้อมกับครอบครัวคนอื่นๆ
เพราะกระท่อมไม้กลางทุ่งกว้าง
ไม่สามารถให้ความอบอุ่นกับเธอและพี่น้องได้
หากอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
บิดาของลอร่าเก็บเกี่ยวธัญญพืชทุกชนิดอย่างเร่งด่วน
ไม่ลืมเตรียมหญ้าแห้งสำหรับเป็นอาหารตลอดฤดูหนาวแก่คอกวัวและปศุสัตว์ของตน
และแล้วฤดูหนาวก็เริ่มขึ้น พร้อมกับพายุหิมะที่หวีดคราง
ส่งเสียงกรีดแหลมแทรกเข้าไปในหัวใจของทุกคน
แต่แรกพายุยังปรานี พัดมาเป็นระลอกๆ
ครั้งละสองถึงสามวันแล้วก็หยุดให้ชาวเมืองออกมาปฏิบัติภารกิจกลางแจ้งได้ตามปกติ
หากยิ่งนานวัน ดูเหมือนพายุจะแกล้งทดสอบความอดทนของพวกเขา
ด้วยการยืดเวลาความเย็นทรมานออกไปอีกคราวละสี่ห้าวัน
นานเป็นอาทิตย์ จนกระทั่งไม่ยอมหยุดเลย
โรงเรียนต้องปิด เพราะไม่เหลือถ่านหินในชั้นเรียน
ที่จะให้ความอบอุ่นระหว่างเรียนอีกแล้ว
และไม่มีใครอยากจะเสี่ยงกับการถูกหิมะกัดตลอดการเดินไปกลับ
ยิ่งแย่กว่านั้นหากนักเรียนคนใดคนหนึ่งถูกพายุกระหน่ำซัดเซ
หลงทางหลุดเขตเมืองออกไปในทุ่งกว้างนับเป็นร้อยๆตารางเอเคอร์
ก็คงไม่มีชีวิตกลับมาได้แน่
ตลอดช่วงพายุหิมะครอบครัวของลอร่าต้องทนอยู่กับภัยสีขาวหนาวเหน็บ
เสบียงอาหารนับวันก็ร่อยหรอ
รถไฟก็ถูกหิมะทับถมจนไม่สามารถแล่นมาได้
แม้จะมีคนงานรถไฟมาช่วยขุดหิมะออก
เพียงวันสองวันหิมะใหม่ก็ถล่มซ้ำพอกพูนยิ่งกว่าเดิม
จะหวังเนื้อสัตว์มาบริโภคหรือ
กวางฝูงสุดท้ายเพิ่งอพยพออกไปจากทุ่งกว้างอย่างไร้ร่องรอย
ราวกับสัตว์เหล่านี้รู้ตัวล่วงหน้าว่าช่วงเวลาวิกฤตของมันใกล้เข้ามาแล้ว
ควรอพยพไปอยู่ในที่ๆอบอุ่นและปลอดภัยกว่า
ไม่มีการเดินไปมาหาสู่ระหว่างบ้านแม้จะอยู่ถนนตรงข้ามแค่นี้เอง
วันในฤดูหนาวของครอบครัวชาวเมืองเดอสะเม็ต
จ่อมจมอยู่กับความมึนซึม ง่วงงุน ปวดร้าว หิวโหย และเย็นยะเยือก