<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
27 กรกฏาคม 2551

เอา Starbucks คืนมา



เพื่อนๆที่ติดตามข่าวคราวของเจ้ากาแฟสุดหรูแบรนด์นี้
คงจะทราบแล้วว่า เมื่อเร็วๆนี้ บริษัทฯได้ตัดสินใจปิดร้าน Starbucks ในเมืองมะกัน
เป็นจำนวนกว่า 600 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นสาขาแฟรนไชส์
โดยจะทะยอยปิดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฏาคมจนถึงต้นปีหน้า
ด้วยเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ จำนวนลูกค้าไม่มากพอ
หรือผลประกอบการไม่ดีพอ

แต่ก็มีปรากฏการณ์ซึ่งเป็นปฎิกิริยาจากคนมะกันที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก

อ่านจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเมื่อวานนี้
ในคอลัมน์ “ ควันหลงจากถ้วย อวสานราชา Starbucks”
ซึ่งแปลมาจาก yahoo.com สรุปใจความว่า

หลังจากบริษัทฯประกาศปิดสาขา Starbucksที่ไม่ทำเงินได้ไม่นาน
ก็เกิดกระบวนการเรียกร้องให้เปิดใหม่จากเหล่าคอกาแฟละแวกนั้น
(อาจจะมีพนักงานส่งซิกให้ด้วย เพราะกลัวตกงาน)
ผ่านแคมเปญ Save Our Starbucks หรือ SOS
โดยมีการล่ารายชื่อผ่าน E Mail ในเวป saveourstarbucks.com
เรียกร้องให้ชาวเมืองนั้นๆประท้วงคำสั่งปิดสาขา
ทั้งๆที่ก่อนหน้าก็ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายแต่อย่างไร
มิหนำซ้ำ ยังแสดงอาการกีดกันด้วยมองว่า Starbucks เข้ามาแล้ว
ทำให้กาแฟท้องถิ่นเจ้าเดิม ทำมาหากินลำบากขึ้น

ปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำให้อดนึกถึงเรื่องราวทำนองเดียวในสมัยเก่าก่อน
ที่เกิดขึ้นกับน้ำอัดลมยี่ห้อที่คุณปู่บัฟเฟ่ต์ถือหุ้นอยู่
ครั้งนั้น Coke ได้เตรียมออกสินค้าตัวใหม่ขึ้นมา
เพื่อสยบความร้อนแรงของคู่แข่งน้ำดำคือเป๊ปซี่
โดยปรับรสชาติใหม่ให้ใกล้เคียง จนมั่นใจมาก
จาก Blind Test กว่า 191,000 คน ใน 13 เมืองใหญ่
แล้วนำเสนอสู่ตลาดเรียกว่า New Coke ในฤดูร้อนปี 1985

บริษัทฯอัดเงินโปรโมชั่น เพื่อเรียกคืนส่วนแบ่งการตลาดที่เป๊ปซี่รุกคืบเข้ามา
จาก Series แคมเปญ The Choice of New Generation
ที่ได้พี่ไมเคิล แจ็คสันมาเขย่าเพลงสะท้านอารมณ์
(ตอนนั้นผิวยังไม่ขาววอกเหมือนขณะนี้)
ทุกคนในโค้กก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ครั้งนี้แหละเป๊ปซี่จะต้องสยองกลับบ้าง

แต่ใครจะนึกไปถึง การออก New Coke ครั้งกระนั้น
เป็นคืนวันฝันสยองของชาวโคคา โคล่าจริงๆ
เพียงสี่ชั่วโมงแรกที่วางตลาด บริษัทก็ได้รับโทรศัพท์ต่อว่าต่อขาน 650 สาย
ถึงกลางเดือน จำนวนโทรศัพท์เพิ่มขึ้นถึง 5,000 สายต่อวัน
ไม่นับจดหมายร้องเรียนกองพะเนินที่ส่งเข้ามาไม่ขาดระยะ
แฟนพันธุ์แท้ชาวน้ำดำร่ำหา
“Bring Back My Old Coke” ขอโค้กรสชาติเดิมกลับมา

ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพียงแค่คนเพ้อเจ้อหวลไห้ถึงอดีตไม่กี่คน
ผู้บริหารโค้กจึงเพิกเฉย ยังดื่มด่ำรสชาติช่วง Honey Moon กับ New Coke
ต่อมาชักร้อนก้น Honey Moon เริ่มขมปร่า เพราะจำนวนผู้คนที่เรียกร้องขอโค้กเก่ามากขึ้นๆ
คนรับโทรศัพท์ของบริษัทหูไหม้ฉ่า เพราะวันๆมัวแต่รับฟังคำบริพากษ์จากลูกค้า
เกิดเหตุการณ์ล่ารายชื่อ ปิดล้อมบริษัทเพื่อยืนกรานกับผู้บริหารให้เอา โค้กเก่า คืนมา ประมาณว่า
“เอ..ดูซิ ดูซิ เธอทำอย่างนี้กับฉันด้ายได้อย่างไร”
“ฉันกับโค้ก(เก่า) ไปไหนไปกันมานานแล้ว” ( Coke, Red, White and You)
“อ้อ..อ้ายกระป๋องที่ออกมาใหม่ก็ดูทันสมัยดีหรอก แต่ฉันชอบแบบขวดมากกว่า”
“ ไม่รู้หรอกหรือว่า ขวดโค้กมันมีเรื่องราวความเซ็กซี่มาอย่างไร
Curve ที่อ่อนช้อยสะท้อนเรือนร่างส่วนเว้าส่วนโค้งของผู้หญิงเชียวนะ (ซึ่งคนดื่มมากๆมักจะไม่มี)
พวกคุณ(ผู้บริหาร) รู้จักมั้ย ตำนานขวดเนี่ย”
“โค้กทำให้ฉันนึกถึงปาร์ตี้แร(ล)กหนุ่ม แร(ล)กสาว”
“โค้กสร้างเรื่องราวความเป็นมะกันให้โลกรู้จัก”
“พวกคุณกำลังทำลาย Icon เกียรติภูมิชาติเรา” ฯลฯ

เมื่อวิกฤตมาเคาะถึงประตูบ้านแล้ว จะทำอย่างไรได้ล่ะ
ผู้บริหารจำยอม(หน้าแตก)ต้องออกมาขอโทษชาวมะกันทั้งประเทศผ่านทุกสื่อ
พร้อมสัญญาจะเอาโค้กสูตรเก่าออกมาจำหน่ายใหม่แล้วตั้งชื่อว่า
โค้ก คลาสสิค เข้าสู่ตลาดในอีกหนึ่งเดือนต่อมา หลังจากหยุดไปก่อนหน้า

เกมส์นี้ผู้บริหารแพ้ แต่บริษัท(ยังไงก็)ชนะ
เพราะนี่คือการสำแดงพลกำลังของผู้บริโภคที่ผูกพันอยู่กับแบรนด์ปรัมปราของตัวเอง
ปรากฏยอดขายโค้กคลาสสิคเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทันทีที่วางจำหน่ายอีกครั้ง
เออ ความคลั่งไคล้ยึดมั่นถือมั่นของมนุษย์นี้ก็มีแปลกๆ

กลับมาถึง Starbucks
ถึงจะไม่ใช่แบรนด์ตำนานคลาสสิคแบบโค้ก
แต่มันคือสัญญลักษณ์ของความประณีตที่ชาวมะกันไม่ค่อยจะมี
ฉะนั้นถ้าให้ Starbucks หดหายถอยไปจากท้องถิ่น
ก็แสดงว่ากำลังจะถอนรากไม้ที่ชื่อว่า “รสนิยม” ออกไปจากจิตใจชาวมะกัน
ทำไปได้อย่างไร ยิ่งไม่ค่อยมีอะไรๆดีๆหลงเหลืออยู่แล้ว

เราเป็นคนนอกก็มองดู เกมส์นี้ Starbucks จะแก้อย่างไร
แต่ไม่คิดว่าจะบานปลาย ด้วยเป็นเหตุผลทางธุรกิจ
หากเปิดแล้วเจ๊งอีก คนที่ร่ำร้องเรียก Starbucks จะรับผิดชอบหรือไม่

ขณะเดียวกัน ทีนี้ล่ะจะเป็นโอกาสของกาแฟท้องถิ่นที่ได้หวลคืนสังเวียน
หลังจากถูกเบียดไปอยู่ขอบสนามเสียนาน




Create Date : 27 กรกฎาคม 2551
Last Update : 28 กรกฎาคม 2551 22:15:51 น. 10 comments
Counter : 1334 Pageviews.  

 
ข่าวล่าสุด Starbucks เตรียมปิดร้านกาแฟในออสเตรเลียอีก 61 แห่ง จาก 85 สาขา โอ้โฮ เยอะขนาดนี้เชียว

Starbucks goes cold on Australia


Coffee chain Starbucks says it plans to shut 61 of its 85 stores in Australia.

From 3 August, only people in Melbourne, Sydney and Brisbane will be able to buy the chain's lattes, frappucinos and espressos.

Starbucks first opened in Australia in 2000 but faced tough competition from a thriving cafe culture in major cities.

Local media said that 685 jobs would be lost. Earlier this month, the Seattle-based chain announced the closure of 600 unprofitable US stores.

Retreat?

Founder Howard Schultz said the decision to close the stores was part of a plan to revitalise the chain that is struggling as the US economy slows.

"While this decision represents business challenges unique to the Australian market, it in no way reflects the strong state of Starbucks business in countries outside of the United States," Mr Schultz said.

"There are no other international markets that need to be addressed in this manner."

Mr Schultz, who reprised his role as chief executive in January, portrayed the Australian closures as part of a refocus of operations and not a retreat.

Starbucks has been struggling in the US as consumers hit by the slowdown have cut back their spending on expensive coffee. Rising dairy prices have also raised costs.

There has also been increased competition with the likes of Dunkin' Donuts and McDonald's introducing their own lines of gourmet coffee.

In the first three months of the year, Starbucks' profits fell 28%.

The coffee chain giant said conditions had been especially bad in California and Florida, which account for one-third of its US revenue and have been hit hard by the housing market slump.

It will unveil its second-quarter results later this week.


Story from BBC NEWS:
//news.bbc.co.uk/go/pr/fr//2/hi/business/7530570.stm


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:10:36 น.  

 

ความจริง Starbucks ขายในต่างประเทศได้เพราะชาวอเมริกันออกประเทศ กันมากๆหลายปีก่อน

ปี2007 การใช้Gasoline ของอเมริกาลดลง33%

การเดินทางท่องเที่ยวหยุดอยู่ คนอเมริกันรัดเข็มขัด (จ่ายน้อยลง)

แค่เชียงใหม่ แปลกมากๆ ฝรั่งตั้งหลักตั้งฐานเอาลูกเอาเมียมาอยู่เลย และ starbucks ก็เป็นการดื่มง่ายๆ เหมือนการกินแฮมเบอร์เกอร์องชาวอเมริกัน ตอนนี้มี6 เเห่งแล้ว
ใครจะสั่งอะไรก็ต่างคนต่างจ่ายสไตล์อเมริกัน

การลงทุนของเขาเหมือนร้านแผงลอยค่ะ มีกำไรก็เปิด

ปิด ก็ง่ายๆ



เป็นความรู้สึกค่ะ ว่าเป็นประเทศที่มีแต่เปลือก ไม่จริงใจสักเท่าไร แค่เรื่องการกินก็ยังขาดศิลปแล้ว เพราะมนุษย์นั้น

มีคนพูดถึงอเมริกันเรื่องการกินเพื่อไปเสียเงินลดความอ้วน

ตะวันออกวัดด้วยการให้อย่างเป็นมิตร ด้วยจิตใจ

ออสเตรเลียฝรั่งเหมือนกันก็ยังไม่ปลื้มเลย สู้โรตีของแขก
ไม่ได้ค่ะมีทุกถนนคนเดินในยุโรปและเอเชีย

ไม่แพง ที่จาร์กาตาร์ กาแฟStarbucks 2 แก้ว พาย2 ชิ้น

800 บาทเข้าไปละ การากำไรเกินควรนี่แหละค่ะที่ทำให้คนอเมริกันจนลง

และคงไม่มีใครเสียเวลาดื่มกาแฟ Starbucks และเจรจาธุรกิจได้ราบรื่น นอกจากสาวไทยใส่เสื้อฟอร์มนักศึกษา กางเกงขาสั้นจู๋ รองเท้าส้นสูงไปร้านกาแฟเพื่อขายบริการ
และให้บริการหลังการขาย..

น่าแปลกไหมคะ ...

ไปปีนเขาดีกว่า ...

Photobucket







โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:16:54 น.  

 
ขอบคุณคุณ Cheria สำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติม

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ Starbucks เป็น ICON อย่างหนึ่ง
ของความเป็นโลกาภิวัฒน์หรือที่เรียกเพราะๆว่า Globalization
ซึ่งแน่นอนด้วยแขนขาบนระบบของวิถีทุนนิยม
ย่อมบุกทะลวงเข้าสู่หัวใจของท้องถิ่นได้ไม่ยาก
ในประเทศต้นตำรับกาแฟชั้นยอด เช่น ฝรั่งเศส หรืออิตาลี
ซึ่งมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่เข้มแข็ง
จึงเกิดการต่อต้านและระดมพลร่วมมือขัดขวางการเปิดสาขา Starbucks
( พี่ Mc ของเราก็โดนไม่แพ้กัน ด้วยข้อหาของอาหารขยะเมืองมะกัน)

ฉะนั้น Starbucks ในต่างแดน ก็ถูกมองเป็นจุดล่อแหลมหรือเป้าประทุษร้ายได้ไม่น้อยไปกว่ากัน

ขบวนการ Slow Food เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินการ Anti Globalization
หรือพูดง่ายๆก็คือ Anti - USA Way of Life นั่นเอง
(หาดูได้ในเวป Slowfood.com)โดยขัดขวางการเข้ามาดำเนินกิจการของ
Chain อาหาร Fastfood และกาแฟ เบเกอรี่ของมะกันทุกยี่ห้อ
วันเปิดสาขาของ Chain เหล่านี้ในยุโรป มักจะมีเหตุการณ์ประท้วงรุนแรง
ปาก้อนหิน พังร้าน ยื่นตะโกนเย้วๆอยู่ล้อมรอบ
ทำให้การเปิดร้านทุกครั้งต้องคอยประหวั่นเรื่องน่าสะพึงกลัวนี้

สำหรับในบ้านเรา ยังไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
แสดงว่าวัฒนธรรมการกินอยู่ของเรา ไม่เข้มแข็งพอหรืออย่างไร
หรือว่าเราเป็นชาติดื่ม กินอะไรก็ได้
เปิดใหม่ แวะชิมสักหน่อย พอให้ได้ชื่อว่า เคยมาลองแล้ว
ไม่ชอบใจก็ไม่ต้องไปกินอีก
เรามีร้านอาหาร เครื่องดื่มข้างทางเยอะแยะ

แต่อย่างหนึ่ง ที่ Starbucks เข้ามาปลุกตลาดก็คือ
ทำให้ตลาดกาแฟสดบ้านเรากระเตื้องขึ้นและมีคุณค่าขึ้นทันที
โดยเฉพาะกาแฟสดที่ดื่มข้างทาง ต่างจังหวัดแต่เก่าก่อน
อาทิ เช่น แถววังน้ำเย็น พิษณุโลก กาแฟสดตั้งเป็นแถบ
หากชิมทุกร้าน มีหวังตาแข็งทั้งคืน

โกปี๊ โอเลี้ยง กาแฟเย็น
พอเปลี่ยนเป็น Caffe Au Lait ว๊าว ดูหรูขึ้นทันที
แถมขายราคาถูกกว่าด้วย
เออ..อย่างนี้ ถ้าพี่ Bucks จะกลับบ้านก็ไม่เห็นเดือดเนื้อร้อนใจเลย

อ้าว เขียนตอนแรก เรียกร้อง Satarbucks คืนมา
มาถึงตอนนี้ กลับไล่ Starbucks กลับบ้านเสียล่ะ
เออ.. เห็นมั้ย สิ่งๆเดียวกันบนบริบทและผลประโยชน์ที่ต่างกัน
ก็มักจะมีมุมมองที่ต่างกันฉะนี้แล


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:24:19 น.  

 


คุณพูดถูกต้องค่ะ Stabucksทำให้กาแฟบ้านเราลืมตาอ้าปาก และระวังรักษามาตรฐาน

ดิฉันชอบapple pie ที่ไร้ Vanilla source ที่94 เชียงใหม่

กาแฟนี่คงเป็นการดื่มกินเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว

แปลกเมื่อไปที่อื่นที่จะเลือกดื่มก็Starbucks นี่แหละ

Photobucket


โดย: Cheria (SwantiJareeCheri ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:15:28 น.  

 





เวลานี้ วันนี้ และเดี๋ยวนี้
ห่างหายไปหลายวันใช่หัวใจนั้นไร้ห่วง
ยังคิดและคนึงเฝ้าระลึกถึงเสมอ
ว่าวันนี้เป็นวันดีถึงมีจันทร์ที่ไร้แสง
ใช่ว่าใจต้องหม่นเพราความมืดเข้ามาเยือน

ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ
สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา

แรม 15 ค่ำเดือน 8

มีสติ..ละกิเลส เบรกอารมณ์
จิตสงบ..ใจย่อมสุขสมดังหวัง
อนุโมทนาบุญ..เช่นเคย..ที่มิเคยลืมค่ะ







โดย: catt.&.cattleya.. วันที่: 2 สิงหาคม 2551 เวลา:0:14:58 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค่ะท่านอาจารย์

เราเป็นคนไม่ชอบดื่มกาแฟค่ะ
แต่ต้องดื่มค่ะ
เพราะทุกเช้าคนข้างกายจะชงให้แล้วจะไม่ดื่มได้เหรอ
เป็นแบบนี้มานานแล้วค่ะ

แต่เราก็ไม่ติดกาแฟนะ
เราชอบร้านนี้ค่ะ..
ชื่อน่ารักดีค่ะสัญลักษณ์สวยค่ะชอบ
มีคนชอบนัดพบปะกัน
ทานอาหารเบาๆๆสบายๆนะค่ะ

การกินอยู่แบบเรียบง่าย
ก็ทำให้มีความสุขได้นะค่ะ

มีความสุขกับการอยู่แบบเรียบง่ายกันนะค่ะ
ระลึกถึงเสมอค่ะ




โดย: cattleya..^ _ ^ IP: 58.9.59.193 วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:6:55:48 น.  

 
สวัสดีคุณ Cat
กินอยู่แบบเรียบง่าย ดีแน่ๆ
ทั้งต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพกระเป๋า

แต่สำหรับ Starbucks
ไม่ค่อยแน่ใจว่า เป็นมิตรกับสุขภาพกระเป๋าหรือเปล่า อิอิ


โดย: กูรูขอบสนาม วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:21:24:56 น.  

 
ค่ะ รู้จักคุูุณสุชาติ สวัสดิศรี จากทีเดียวกัน

และเรียกเขาว่าคุณเช่นเดียวกัน หนังสือนี้เพราะคุณตาให้อ่าน

ท่านเป็นอาจารย์์ใหญ่โรงเรียนวัดพระสิงห์ เชียงใหม่

เลยเป็น Activist แบบสวยไม่เข้าป่า ไม่บ้าคัมภีร์

คุณกูรูที่รัก คุณ เหมือนดิฉัน เกือบ เป็น Pattern เดียวกัน


เริ่มแก่เ่ช่นกัน กลัวจะตายไป แบบไม่มีคุณค่า

วันนี้ยิ้มแก้มแทบปริ มีคน Search หาบทกวี กูรู

เต็มไปหมด

วันนี้ ดิฉันได้สาวเรียนปริญญาโท ศิลปการแสดง ปรึกษา

เรื่องงิ้วธรรมศาสตร์ จะทำ Thesis


เลยแนะนำให้เขาเปิด Blog จะได้ ความคิดดีๆจากคนรุ่นใหม่

และจะได้ เหนื่อยกันอีกหลายGeneration


ช่วยๆกันทำให้สังคมรักกัน นะคะ



โดย: Cheria IP: 58.64.73.66 วันที่: 4 สิงหาคม 2551 เวลา:11:17:48 น.  

 
เ ราชอบกาแฟ starbucks นะคะแต่รสชาด แต่ละสาขาแตกต่างกันมาก ไม่เข้าใจเลย แถมราคายังแพงมหาโหดขนาดนั้น เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: nanyath วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:11:36:37 น.  

 
กาแฟ starbucks เคยทาน 1 ครั้ง เมื่อ 2-3 ปี ก่อนที่ได้ไป กทม. เป็นประสบการณ์ชีวิตเท่านั้น ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต
เคนทานแล้ว

แล้ว กลับไปทานกาแฟชงเองที่บ้าน (ตามเส้นงบประมาณที่มีจำกัด) อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ตามประสาคนชอบทานกาแฟ แต่ ไม่ชอบชงกาแฟ

แต่ ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ starbucks แล้ว จะประทับใจ หนังสือ starbucks โดยเฉพาะ Pour Your Heart into it.


starbucks มีคุณต่อเกษตรกรไทยอยู่บ้างในเรื่อง ธุรกิจการเกษตร ไร่กาแฟ

เมื่อ สิบกว่าปีก่อน ผมเคยทำงานอยู่ ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ สาขา อำเภอ.... ได้พบเกษตรกร เขาบอกว่า เมื่อก่อน พวกส่งเสริมเกษตรมาส่งเสริมให้เราปลูกกาแฟ แต่ตอนนี้มาบอกให้เราตัดต้นกาแฟทำเป็นฟืน (เพราะราคาเมล็กกาแฟตกต่ำ) เพื่อใช้พื้นที่ไปปลูก "เมี่ยง" แทน

เมื่อ starbucks มาเมืองไทย มีความต้องการกาแฟมากขึ้น และ คนไทย รับประทาน "เมี่ยง" น้อยลง หรือ อาจจะไม่มีเลย ?

เวลานี้ ชาวบ้าน ตัด "ต้นเมี่ยง" ทำเป็น "ฟืน" เพื่อนำพื้นที่ มาปลูก "กาแฟ" แทน

2-3 เดือนมานี้ ผมได้เปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมชงกาแฟ Instant มาซื้อ รับประทาน "กาแฟ สด" จากเครื่องต้มกาแฟระบบ หยดน้ำ โดยใช้ ผลิตภัณฑ์กาแฟ ที่ปลูกบนดอย แถว อำเภอ พร้าว , ดอยสะเก็ด, เชียงดาว หรือ อมก๋อย ซึ่ง จากเดิม เป็นเทพธิดาดอยสาวป่าเมี่ยง มาเป็น เทพธิดาดอย สาว ป่ากาแฟ แทน


จริงๆแล้ว comment ที่ตั้งใจเขียนคือ ความอยู่รอดของธุรกิจก็เป็นไปตามกฏของดาร์วินนั้นแหละ แต่ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแรงอยู่ได้ ผู้อ่อนแอตาย แต่ เป็นกลไกตลาดเป็นผู้ตัดสินเองว่าจะให้ใครอยู่หรือไป บางครั้ง ตลาดก็ยอมให้ "เหยี่ยว" มีชีวิต รอด "นกเขาตาย" บางครั้ง ตลาด ก็จะยอมให้ "นกเขา" มีชีวิตรอด และ ให้ "เหยี่ยว" ตาย



โดย: moonfleet วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:17:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]