พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
2 พฤศจิกายน 2550

เสื้อหนาวซามูไร

2 กันยายน 2550



Those Were The Days - Engelbert Humperdinck


กระทู้นี้แตกประเด็นจากกระทู้ของคุณลูกอิสาน
//www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=27202
อ่านไปแล้วกี่เล่มครับ...100 หนังสือที่คนไทยควรอ่าน

ตอบไปตอบมากำลังพูดถึงวรรณกรรมคลาสสิคตะวันตก
คอหนังสือวรรณกรรมระดับโลกเชิญทัศนากันตามสบาย

ขณะที่กำลังพูดถึงวรรณกรรมของรัสเซียอยู่
ก็เลยนึกถึงหนังสือเด็กน่ารักๆเล่มหนึ่งของนักเขียนรัสเซีย
Alexander Raskin แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “When Daddy was a Little Boy”
หรือแปลเป็นไทย(และจีน)ว่า “เมื่อคุณพ่อ(ปะป๊า)ยังเด็ก”
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคุณพ่อคนหนึ่งต้องเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟังทุกคืน
เล่าไปเล่ามาหมดกรุแล้ว เลยต้องแต่งเอง
ก็เอาเรื่องราวสมัยตัวเองยังเด็กๆซุกซน เปิ่น เท่อ
ทำผิดพลาดมาขยายต่อให้ลูกรู้ว่า
ตอนพ่อยังเด็กๆก็ทำผิดเป็นเหมือนกัน
(ฉะนั้นอย่าหัวเสียกับลูกๆเลย
ถ้าเจ้าตัวเล็กนึกอยากจะแหย่นิ้วลงไปในปลั๊กไฟบ้าง
หรือขว้างแจกันใบสวยตกแตกแล้วยิ้มแฉ่ง
โธ่ โธ่ ก็อยากจะรู้น่ะว่ามันจะประกอบใหม่ได้เหมือนในหนัง
Harry Potter หรือเปล่านี่นา)

หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนึ่งในวรรณกรรมเยาวชนขายดีในรัสเซีย
และมีอิทธิพลต่อนักเขียนหนังสือเด็กทั่วโลกเคยแปลมาขายในบ้านเราด้วย

ลองดูความผิดพลาดในเยาว์วัยของคุณพ่อท่านนี้บ้าง

ขนมปังก้อนสุดท้าย
เมื่อคุณพ่อยังเด็ก กินแต่ขนมปังอาหารหลักของรัสเซีย
กินไปกินมา ก็เริ่มเบื่อ หนักเข้าก็อาละวาดจนโยนทิ้งขนมปังลงถังขยะอย่างไม่แยแส
จนโดนพี่เลี้ยงตำหนิว่า ยังมีเด็กมากมายทั่วรัสเซียที่โหยหิวขนมปังแม้เพียงกะบิเล็กๆ
คุณหนูน่ะโชคดีกว่าพวกเด็กจนๆเหล่านั้นตั้งเยอะ
ทำไมกินทิ้งกินขว้างขนมปัง (เหมือนพวกเราเทข้าวทั้งจานทิ้งอย่างไม่รู้คุณ)
คุณพ่อยังเด็กปิดหู ไม่สนใจฟัง ก็มันเบื่อนิ(ฟะ) อ้ายก้อนขาวๆฟูๆนี่
แสนจะจืดชืดไร้รสชาติ สิ้นดี กินเข้าไปอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน
จนคูณปู่ทราบเรื่อง คุณพ่อเลยถูกทำโทษให้อดมื้อเย็น
คุณพ่ออึดด้วยทิษฐิแบบเด็กๆ เป็นไงเป็นกัน ไม่กินก็ได้
ตกดึกคืนนั้นคุณพ่อยังเด็กนอนไม่หลับ เกิดอาการหิวทุรนทุราย
ปวดท้องจนถึงเช้า เมื่อเห็นขนมปังตั้งบนโต๊ะ ก็จัดการฟาดเสียเรียบ
และหลังจากนั้นคุณพ่อยังเด็กก็ไม่เคยกินทิ้งกินขว้างขนมปังอีกเลย

เอาล่ะครับ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก น่าหยิกน่าชังในหนังสือ
ลองมาดูวัยเยาว์ของพวกเราชาวคุณพ่อ คุณแม่ ปะป๊า มะม้าตัวจริงกันบ้างครับ
ทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์ความเปิ่นเท้อ...
ประเภทเรื่องนี้ต้องขยายเล่าสู่กันฟังสนุกๆ
เผื่อวันดีคืนดีอาจจะมีใครรวบรวมไปตีพิมพ์เป็นนิทานก่อนนอน
ให้กับบรรดาลูกๆหลานๆรุ่นหลังๆให้หัวเราะขำขัน
ขอเริ่มเรื่องของตัวเองก่อนเลยครับ

เสื้อหนาวซามูไร
สมัยกูรูยังเด็ก เสื้อหนาวไหมพรมเป็นเครื่องนุ่งห่มที่ราคาแพงมาก
(แทบไม่น่าเชื่อ) ทุกตัวต้องนำเข้าจากเมืองนอก
ฉะนั้นเด็กที่มีโอกาสใส่เสื้อหนาวไหมพรมต้องมีฐานะพอสมควร
(และชอบอวด)
ถ้าญาติผู้ใหญ่ของใครมีฝีมือก็จะถักนิ้ตติ้งเสื้อไหมพรมเส้นหยาบๆให้
ถึงกระนั้นลายถักด้วยมือหรือจะเรียบเนียนสู้เครื่องจักรได้

อาม่าของกูรูพอมีฝีมือตัดเย็บบ้าง
ก็เลยตัดผ้าสำลีเป็นเสื้อคลุมตัวเล็กๆทรงซามูไรให้พี่ๆน้องๆของกูรูใส่คนละตัว
เนื้อผ้าสีน้ำตาลตุ่นๆดูไม่สดใสเอาเสียเลย
แรกที่ตัดเสร็จ กูรูก็ไม่ยอมใส่ไปโรงเรียน
เพราะเพื่อนคนอื่นๆมีเสื้อหนาวสวยๆเท่ๆทั้งนั้นเลย
เลยยอมทนหนาวไม่สวมเสื้อทับ
อ้างกับเพื่อนๆว่า อากาศเย็นสบายดี เดี๋ยววิ่งไปวิ่งมาก็หายหนาวแล้ว
(ตอนเข้าแถวเคารพธงชาติ ฟันก็กระทบกึกๆ
อากาศหน้าหนาวเมื่อหลายสิบปีก่อนจะหนาวจริงๆครับ
และหนาวนานด้วย) จนกระทั่งตัวเองไม่สบายเป็นหวัด จำต้องใส่เสื้อหนาวไปโรงเรียน
ก็ยังดื้อ(และโง่)ไม่ยอมใส่ อ้างว่า ผ้าสำลีบางเกินไป
ร้อนถึงมะม้าของกูรูต้องซื้อเสื้อหนาวไหมพรม (แพงระยับ)
จึงค่อยเชิดหน้าชูตาหน่อย

แต่แปลกเสื้อไหมพรมที่ซื้อมา
ใส่แล้วไม่รู้สึกอุ่นเหมือนเสื้อซามูไรของอาม่าเลย
ทุกวันนี้ เสื้อหนาวซามูไรสีตุ่นก็ยังถูกเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าเก่าแก่
ไม่ได้ให้ใครใส่ต่ออีกเพราะเนื้อผ้าเริ่มยุ่ย
วันดีคืนดีก็เอามาปัดๆใส่โครงแขวนไว้
ดูเป็นที่ระลึกนึกถึงอาม่า แล้วก็เก็บพับเรียบร้อยตามเดิม

ถึงตอนนี้อยากจะเสกตัวเองให้ขนาดเล็กจิ๋วเ
พื่อกลับไปใส่เสื้อหนาวซามูไรสีตุ่นตัวเดิมได้อีก
โอม..เพี้ยง ไหงยังเห็นเจ้ายักษ์ปักหลั่น
ผมขาวแซมประปรายยืนมู่ทู่ตรงหน้าล่ะ

เพื่อนๆล่ะ ช่วยเล่ากันฟังหน่อยสมัยที่พวกเรายังเด็กอยู่
มีความทรงจำอะไรที่ควรขยายบ้าง
คนที่กำลังจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ (ทั้งปัจจุบันและอนาคต)
ก็มาร่วมแชร์ได้ด้วย




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2550
2 comments
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2551 20:52:51 น.
Counter : 799 Pageviews.

 

ตอนนี้ก็มีลูกสาวไม่ยอมกินผัก
ยังนึกไม่ออกเลยว่า
ทำไมตัวเองถึงยอมกินผักตอนเด็กๆ
จะได้เอามาสอนลูก

 

โดย: Pinball 11 พฤศจิกายน 2550 18:09:13 น.  

 

ตอนเด็กๆเป็นเด็กที่ดื้อมากแล้วนิสัยนั้นก็ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้หลายๆอย่างหลายๆความทรงจำที่จำได้จะเป็นการที่ถูกพ่อลงโทษและภาพต่อจากนั้นก็คือมีแม่ที่คอยปลอบประโลมคอยเช็ดน้ำตา
แต่วันนี้ไม่มีพ่อแล้วความทรงจำสุดท้าย ภาพสุดท้ายก็คือวันและตอนที่พ่อเสีย การที่เราต้องสูญเสียคนที่เรารักและเค้าก็รักเราที่สุดไปต่อหน้าต่อตาสร้างความเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แม่บอกกับเราว่าเราต้องปล่อยให้พ่อไปสบายอย่าทุกข์ อย่าเศร้า แต่คุณเชื่ออะไรมั๊ย? ถึงเวลาจะผ่านมาเกือบ3ปีแต่ไม่มีวันไหนเลยที่แม่ไม่คิดถึงพ่อเราได้เห็น ได้พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า คำว่า "รัก" สำหรับคนที่ "มีรัก" ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์จริงๆอย่างคุณแม่ของเราทำให้เราได้รู้ซึ้งว่า "รักที่แท้จริง" ที่มีความซื่อสัตย์เป็นเสมือนน้ำที่หล่อเลี้ยงหัวใจของเค้าทั้งสองนั้นยิ่งใหญ่จริงๆ
ทุกวันนี้เรายังคิดถึงพ่อ เมื่อเจอเหตุการณ์ทั้งดี-ร้ายยังไงเราบอกกับตัวเองว่าเราต้องเข้มแข็งและพร้อมที่จะก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นไปให้ได้เพื่อที่ว่าเมื่อเราเข้มแข็งแล้วพ่อของเราที่ตอนนี้ยังอยู่ในใจเราเสมอจะได้หายห่วง เรากับแม่และพร้อมด้วยคนในครอบครัวจะดูแลซึ่งกันและกัน ให้สมกับคำที่พ่อได้พูดเป็นครั้งสุดท้ายว่า"เราต้องรักกัน เพราะครอบครัวเรามีกันและกันอยู่แค่นี้ เมื่อเรารักกันดีแล้ว อย่าลืมที่จะเผื่อแผ่ความรัก ความเห็นอกเห็นใจส่งต่อให้กับคนที่อยู่ใกล้ชิด รวมถึงคนที่อยู่ในสังคมรอบๆตัวเราด้วย" รักพ่อมากค่ะ..............

 

โดย: Matoo-aey. IP: 58.8.14.241 9 ธันวาคม 2551 19:07:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]