<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
15 เมษายน 2551

บิ๊กบอสผู้คิดบวก



ไปๆมาๆยิ่งเขียน ยิ่งกลายเป็นนินทาลูกค้าด้วยความรักและนับถือ
แต่คงไม่เป็นไรหรอก เพราะแต่ละรายที่นำมาบอกเล่าให้ฟังก็ล้วนแต่มีคุณลักษณ์ของความเป็นเจ้านายในแต่ละแง่ แต่ละมุม แต่ละวงการธุรกิจ

ตำราเรียนเรื่อง Leadership ทั้งหลายในเมืองนอกเมืองนาก็ล้วนถอดแบบเล่าเรื่อง Big Boss ขององค์กรต่างๆมาให้คนธรรมดาได้สัมผัส เข้าใจมุมมองสารพัด

ไม่ว่าจะเป็น Jack Welch ผู้สร้างตำนานแห่งอาณาจักร GE
Louise Gerstner ผู้ทำให้ IBM จากช้างอ่อนระโหยลุกขึ้นมาเต้นระบำได้
Bill Gate เศรษฐีอันดับโลกจาก ไมโครซอฟท์
หรือ แม้แต่หนุ่มอารมณ์ดุดัน Steve Jobs จากแอปเปิ้ล
เจ้าของสุนทรพจน์อันลือลั่น "Stay Hungry, Stay Foolish"
แล้วไฉนเลยเราจะไม่มีบทเรียนจากบิ๊กบอสในบรรยากาศไทยๆได้ล่ะ

ว่าแล้ว คราวนี้ก็ขอสาธยายถึงผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการสินค้าไฮโซ
จะว่าไป ทุกคนต้องมีสินค้าของบริษัทฯนี้อยู่ในบ้านไม่มากก็น้อย
โดยเฉพาะประเภทเสื้อผ้าอาภรณ์ เอกลักษณ์ เอกบุรุษ ชุดลำลอง
ชุดบังคับสรีระหญิง เสื้อ-รองเท้ากีฬา เครื่องสำอางค์ กระเป๋าถือ ฯลฯ
ล้วนเป็นของดีปะยี่ห้อ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้านอก แบรนด์ดัง
ที่บริษัทฯขอกรรมสิทธิ์ (Licensee)ผลิตในประเทศไทย
ปีหนึ่งๆจะลดราคาผลิตภัณฑ์ในเครือกลางปีที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
เหล่าช้อปเปอร์ แทบจะเหยียบกันตายเหมือนได้ฟรี

บอกมาถึงตรงนี้ ทุกคนคงรู้ว่าเป็นบริษัทไหน
บิ๊กบอสท่านนี้ ความจริงก็ยังไม่ได้เป็นบิ๊กสูงสุดหรอก
ยังมีเดอะบิ๊กพี่ชายพูดน้อย วาจาสิทธิ์ค้ำเหนือขึ้นไปอีก
แต่เพราะบิ๊กบอสผู้คิดบวกเป็นตัวจับวางให้เจอหน้า พบปะ สื่อมวลชนประจำ
ก็เลยเป็นที่ชื่นชอบ ออกหน้า ออกตาของบริษัทฯ
ด้วยกิริยาที่นุ่มนวล ให้เกียรติสมชื่อ พูดจาติดตลก ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ
แต่อย่าเผลอลงชื่อผิดล่ะ เพราะท่านก็มีฝาแฝดผู้พี่ดำรงตำแหน่งบิ๊กเช่นกันที่อีกบริษัทหนึ่ง

สมัยที่ทำงานร่วมกันนั้น บิ๊กบอสผู้นี้ยังไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการบริหารเชิงคิดบวก แต่สิ่งที่ท่านวิจารณ์งานต่างๆ ก็เรื่มแพลมๆออกมาบ้างแล้ว
เช่น ข้อความโฆษณาของแบรนด์เสื้อผ้า Flagship ที่อยู่มานมนาน
คนเขียนข้อความหรือที่เรียกว่า copywriter ได้เสนอชิ้นงานหนึ่งที่มีแต่คำว่า ไม่...ไม่...และไม่ ตลอด เช่น ไม่ใส่ ไม่ซื้อ ไม่ชอบ
ทั้งหมดเพื่อโยงไปถึง แบรนด์ยี่ห้อเสื้อตัวดังกล่าว
ถ้าไม่ใช่ (ยี่ห้อ).....ก้อไม่สนใจ
ในมุมมองของ copywriter ต้องการจะเล่นคำว่า ไม่...ให้สะดุดหูนั่นเอง

บิ๊กบอสนั่งฟังการนำเสนอ ให้ลูกน้องคอมเม้นต์ทั้งหมดก่อน แล้วตัวเองสรุปสุดท้าย
“เออ.. คำพูดก็สะดุดดีหรอก แต่ผมติดคำว่าไม่..นี่แหละ” แล้วท่านก็มองหน้าทุกคนยิ้มๆ

“ คำว่าไม่เนี่ย มันเป็นคำปฏิเสธ ตอกย้ำบ่อยๆมันทำให้เกิดความรู้สึกติดลบ เผลอๆจะไปถึงภาพลักษณ์สินค้าติดลบด้วยหรือเปล่า”

ทุกคนนั่งเงียบ ส่วนหนึ่งพยายามคิดตาม ส่วนหนึ่ง(ซึ่งคือพวกเรา)ก็ฟังคอมเมนต์เฉยๆ ..เออ..มันจะติดลบได้อย่างไรหว่า

แล้วบิ๊กบอสก็เริ่มสาธยายถึงการคิดในเชิงบวก
นับตั้งแต่เริ่มต้นเบิกตาตื่นแต่เช้า ขอให้ใช้ชีวิตอย่างคิดบวกตลอด
ว่าจะต้องได้ ต้องดี เสมอ หากมัวแตคิดว่า ไม่ ไม่ได้ ไม่ใช่
เจ้าคำว่า ไม่ ไม่ จะฝังลึกลงไปในจิตใต้สำนึก พอจะนึกทำอะไรสักอย่าง
ก็ถูกเจ้า"ไม่" นี่แหละ โผล่ขึ้นมาตัดรอนความมั่นใจ ขัดคอ
ทำให้ใจคิดลบตลอด นานๆเข้าจะกลายเป็นคนติดลบกับโลก

เฮอ..พูดเสียยาวจนพวกเราจะหลับ (หรือถ้าคิดบวกก็คือ หลับตาซาบซึ้ง)
ผลปรากฏที่ประชุมยังยืนกรานที่จะใช้บทคำพูดเดิม
ไม่ใส่ ไม่ซื้อ ไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่........
เอาเป็นว่า คำพูดคิดลบชนะ แม้บิ๊กบอสจะไม่ต่อยสนับสนุน
แต่ก็ไม่คัดง้านตามเสียงส่วนใหญ่ นี่คือส่วนที่ดีมากของท่าน


อีกครั้งหนึ่ง นำเสนอบทคำพูดเครื่องสำอางสำหรับสาวรุ่นยี่ห้อใสซื่อ บริสุทธิ์
คำพูดดั้งเดิมประมาณทำนองว่า
เด็กสาวคนนี้ช่างไม่พอใจกับของขวัญวันเกิดที่ได้มาใหม่เลย

ไม่ชอบเลย.ลูกกวาดขวดโหลเนี่ย เห็นว่าเรายังเด็กอยู่ล่ะซิ

เจ้าโบว์ผูกผมลายหัวใจนี่เหมือนกัน ไม่เห็นเหรอว่าเลิกไว้ผมเปียตั้งนานแล้ว

อี้อย...กระเป๋ากุ๊กกิ๊กใครนะให้มาได้ ใส่ของได้แค่ผ้าเช็ดหน้ากับเศษตังค์เอง ฯลฯ

เมื่อนำเสนอบิ๊กบอส อีกเช่นเดิมความคิดเชิงบวกถูกสาธยายใหม่
ให้กลายเป็น ชอบทุกอย่างที่ได้รับ อันโน้นก็นี้ อันนี้ก็ชอบถูกใจ
มีซ้ำแล้วหรือมีอีกก้อได้
และที่ชอบมากๆที่สุดก็คือเครื่องสำอางยี่ห้อใสซื่อ บริสุทธิ์ จบ...

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ในการเสนองานทุกครั้งกับบิ๊กบอส
เป็นที่รู้กันว่าถ้าอยากจะให้งานผ่าน จะต้องไม่มีสคริปท์ต้องห้ามทั้งหลาย
ทั้งคำว่า “ไม่ ” “อย่า” "ห้าม"
ถ้าเรายืนกรานจะใช้คำพูดแบบเดิมก็น่าจะได้ แต่อาจจะเย้อ
อย่ากระนั้นเลย ให้จบเร็วๆดีกว่า งานจะได้เดิน
ดูๆไปก็เหมือนกับทำงานไม่ค่อย Pro เท่าไหร่

และก็เป็นเช่นนี้เรื่อยมา กระทั่งกูรูหลุดพ้นจากแวดวง
มาเจอบิ๊กบอสอีกทีตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่สัมภาษณ์ผู้บริหารทั้งหลาย
ก็พบว่า ท่านขยายแนวความคิดเชิงบวกครอบคลุมไปถึงการบริหารองค์กรมากขึ้น ถึงขนาดออกหนังสือของตัวเองออกมาเป็นเรื่องเป็นราว
ดังเช่น บทสัมภาษณ์ตอนหนึ่งที่ตัดตอนมาจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

" "หลักคิดที่พ่อสอนก็เยอะ แล้วเรายังได้มาจากประสบการณ์ที่ใช้เป็นประจำ ก็เอามาเขียน โดยไม่ต้องเปิดตำรา ก็เขียนขึ้นมาได้ 38 ข้อ บางข้อก็คิดขึ้นมาเอง บางข้อก็ได้มาจากคุณพ่อ"

หนึ่งใน 38 หลักคิด" ก็เช่น "รักคนอื่น ถ้าอยากให้คนอื่นรักเรา"

เขาบอกว่า คนสมัยนี้เลิกคิดอย่างนี้แล้ว แต่ชอบคิดเรื่องร้ายๆ เรื่องลบๆ

"อย่ารักใครเลย เพราะไม่มีใครรักเรา คงไม่มีใครหวังดีกับเราหรอก
นี่เป็นการคิดในทางลบ

เขาบอกว่าต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ คิดบวก ไม่คิดลบ

"รักคนอื่นถ้าอยากให้เขารักเรา หรือเคารพคนอื่นถ้าอยากให้เขาเคารพเรา"

นี่เป็นอีกสิ่งที่เขาได้มาจากพ่อ ....

"นายห้างเป็นคนที่คิดบวกมากๆ ไม่เคยว่าใครแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยด่าใคร มีแต่ชื่นชม นายห้างเป็นคนไม่เกี่ยงคน ไม่หวงวิชา สอนไม่ว่ากับใคร บางเรื่องผมฟังหลายหน"

"อย่าให้งานต้องรอการตัดสินใจของเรา" เขาบอกว่า ไม่มีใครจะคิดอย่างนี้กัน เพราะ "คนเราพอตัวเองใหญ่ขึ้นมานะ โอ้โห..... รู้สึกภูมิใจมากว่าต้องมาให้เราตัดสินใจ แล้วพอตัวเองไม่อยู่ทีไร โอ้โห! ทุกคนปั่นป่วนไปหมด

แต่ผมไม่เป็นอย่างนั้น จะตรงกันข้าม ถ้าเราสามารถทำให้งานมันเดินไปได้โดยไม่ต้องตัดสินใจ ให้ลูกน้องตัดสินใจได้ แล้วเขาทำงานเองได้ดีที่สุด

คล้ายๆ กับกระจายอำนาจ ทำให้เขามีสิทธิตัดสินใจได้ มีความเป็นตัวของตัวเองได้ มีดุลยพินิจของตัวเองได้ เมื่อนั้นองค์กรนั้น Smooth มาก"

เขาบอกว่านายห้างยังมีคำสอนหลายข้อทีเดียวที่เกี่ยวกับการ "ให้"

โดยมักจะบอกลูกทุกคนอยู่เนืองๆ ว่า ต้องรู้จักการ "ให้" และ "ช่วยเหลือ" คนอื่น

"คุณพ่อจะสอนว่าต้องรู้จักให้คนอื่น ให้อย่างไม่มีเงื่อนไข ให้แล้วไม่หวังสิ่งตอบแทน ก็เหมือนศาสนาพุทธที่สอนให้คนทำบุญอย่าหวังผล"

คำสอนที่คุณพ่อสอนพูดบ่อยๆ ก็คือ "ถ้าคนทำให้เราๆ ต้องจำ แต่ถ้าเราทำดีให้ใครเราต้องลืม" และ

"ผลักน้ำออกไป น้ำไหลเข้ามา และดึงน้ำเข้ามา น้ำไหลออกไป

หลักการทั้งหมดนี้ว่า การให้คนอื่นจะทำให้เราได้รับความสุข ขณะที่คนที่จ้องแต่จะ "รับ" จากคนอื่น หรือคิดแต่จะอยากได้ของคนอื่นก็จะเป็นทุกข์ หลักคิดเหล่านี้ เขาบอกว่า ไม่ใช่สิ่งที่นายห้างคิดขึ้นเอง แต่เป็นคำสอนของนักปราชญ์นาม "ขงจื๊อ" ซึ่งได้มาจากชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง

เป็นหลักการที่นายห้างใช้มากที่สุด และเป็นหลักการที่เขานำมาใช้เช่นกัน"

บิ๊กบอสพูดตบท้าย ให้ทุกคนมองโลกในแง่ บวก บวก เข้าไว้
เพื่อให้มีกำลังใจในการทำงานต่อเนื่อง

เอ..เห็นจะใช่ แม้แต่สินค้าที่ท่านเสนอขายก็มีแต่ราคา บวก บวก ขึ้นทุกวัน อุอุ




 

Create Date : 15 เมษายน 2551
1 comments
Last Update : 15 เมษายน 2551 20:07:50 น.
Counter : 762 Pageviews.

 

ต้องเป็น รากฐาน หมื่นล้าน บาท ของ สหพัฒฯ
1 ใน เสาหลักวิสาหกิจ แห่ง เศรษฐกิจและสังคมประเทศไทย เกือบจะแน่นอน

 

โดย: moonfleet 15 พฤศจิกายน 2551 0:14:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุ้งพลบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ใช้ชีวิตแสวงหามาหลายปี ปัจจุบันก็ยังแสวงหาไม่รู้จักเสร็จ
บางอารมณ์เหนื่อยๆ ก็หยุดพัก แล้วตรองนิ่งเขียนบันทึกในสิ่งที่พบเห็น

บางอารมณ์ที่โมแรนติค ชอบดูสายรุ้งตอนโพล้เพล้
New Comments
[Add รุ้งพลบ's blog to your web]