Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

ปีกนางฟ้า 19


19.

ช่วงเวลาหนึ่งเดือนบนเกาะมาวีทำให้ปริมได้รู้จักไมค์มากขึ้นและเธอก็บอกกับตัวเองว่าคงไม่อยากนักหรอกที่จะรับผู้ชายคนนี้มาไว้ในใจ ปัญหาอยู่ที่พ่อกับแม่เธอจะว่ายังไงเท่านั้นเอง เธอรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะให้พ่อยอมรับไมค์ได้


วันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องเดินทางกลับไปยังเกาะโออาฮู เธอจะพักที่นั่นหนึ่งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นถึงจะขึ้นเครื่องไปลงสนามบินนาริตะแล้วพักที่ญี่ปุ่นอีกหนึ่งคืนแล้วถึงจะกลับเมืองไทย ที่เธอต้องค้างหลายแห่งก็เป็นเพราะว่าเธอต้องการที่จะเดินทางกลับเที่ยวบินเดียวกับที่ไมค์ทำงาน

“ปริมเสร็จยังฮะ เราต้องไปกันแล้วนะ” ไมค์มาตะโกนเรียกเธออยู่หน้าห้องพัก ปริมเหลียวมองห้องมองวิวทะเลด้านนอกอีกครั้งแล้วหันกลับมา เธอสัญญากับตัวเองว่าจะต้องได้กลับมาที่นี้อีกครั้งแน่นอน

“ไหนฮะกระเป๋า ผมยกออกไปให้”

“ปริมคงคิดถึงที่นี่มากเลยล่ะค่ะ”

“เชื่อผมนะฮะ คุณจะต้องได้กลับมาที่นี่อีกแน่ๆ แล้วคราวหน้าคุณจะอยู่จนกระทั่งบ่นเบื่อเกาะไปเลยละฮะ ผมรักเกาะนี้มากเลยนะปริม ยิ่งได้มีโอกาสอยู่กับคุณที่นี่ได้พาคุณเที่ยวตลอดเกือบหนึ่งเดือน ยิ่งทำให้ผมรู้สึกรักที่นี่มากขึ้นไปอีกครับ”

“แล้วปริมจะกลับมาอีกค่ะ” เธอหันไปยิ้มหวานให้กับไมค์


การจากฮาวายเข้าไปถึงญี่ปุ่นการเดินทางไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งเที่ยวบินจากนาริตะไปเมืองไทย ปริมพบกับซินดี้ซึ่งทำงานในเที่ยวบินนั้น


“ฮันนิมูนหวานมั๊ยคะพี่ปริม” ซินดี้รีบทักทายเธอด้วยน้ำเสียงหวานเจี๊ยบแต่หน้าตาของเธอแสดงความสะใจอย่างเหลือเกิน

“พี่ไปพักผ่อนค่ะ ไม่ได้ไปฮันนิมูน” ปริมตอบเรียบๆ อย่างไม่ใส่ใจ

“อ้าวเหรอคะ ไหนหนูได้ยินมาว่าพี่ปริมไปฮันนิมูนกับกัปตันไมค์ หวานกันจนเกาะแทบจะเต็มไปด้วยมด กลับมาด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ วันนี้กัปตันไมค์ทำงานนี้ ทำไมพี่ปริมไม่ขอไปนั่งในห้องกัปตันด้วยนะคะ จะได้เอาใจกันได้ตลอดเวลา”

“ซินดี้ พี่ว่าเราไปทำงานต่อเถอะ อย่ามายุ่งกับพี่เลย” ปริมตัดบทอย่างใจเย็น เธอบอกตัวเองว่าจะต้องไม่เก็บเอาคำพูดเหล่านี้มาคิดมาก

“โอเคค่ะ หนูไม่กวนพี่แล้ว พี่ปริมคงจะเหนื่อยมาก” เธอลากเสียงให้ยาวเป็นพิเศษ อยากจะให้รู้ว่ามากน่ะ มากจากอะไร แล้วก็เดินหัวเราะกลับไป

ปริมรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ทำไมใครๆ จะต้องมาสนใจ ใส่ใจกับชีวิตเธอด้วยนะ ทุกคนต่างมองเธอแล้วหันไปพูดอะไรซุบซิบกันใหญ่ เรื่องของเรื่องคือเธอเดินทางกลับพร้อมไมค์ด้วยสิ เมื่อวานออกไปเดินเล่นที่ญี่ปุ่นก็เจอรุ่นน้องมากมาย เรื่องราวที่ใครมาใส่ความเธอไว้คงจะกระจายไปจนทั่วแล้วกระมัง แต่ปริมพยายามปลง พยายามทำใจ ไม่แคร์สายตาหรือคำพูดของใคร ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าตัวเธอหรอก ท่องไว้ ไม่แคร์ ไม่แคร์


เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน ปริมผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงไปเอากระเป๋า เธอถึงเห็นว่าไมค์หยิบกระเป๋าของเธอมายืนรออยู่แล้ว ทั้งคู่เดินผ่านออกไปบริเวณด้านนอก เธอก็เห็นเปรียวยืนโบกมือเรียกอยู่อีกด้านหนึ่ง เธอหันไปถามไมค์ว่า

“คุณพร้อมที่จะเจอพ่อกับแม่ฉันรึเปล่าคะ”

ไมค์ตอบกลับทันทีว่า “ผมพร้อมครับปริม”


ทั้งคู่เดินมาด้วยกัน ปริมเห็นเลยว่าคุณเปรมมองดูไมค์เขม็ง รีบวางฟอร์มไม่ยิ้มแย้มเหมือนอย่างปรกติที่เคยมารับเธอ เธอยกมือสวัสดีพ่อกับแม่ ไมค์เองก็รีบยกมือสวัสดีตามด้วยเช่นกัน ปริมเข้าไปกอดแขนพ่อแล้วแนะนำพ่อกับไมค์

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ไมค์พยายามพูดเป็นภาษาไทย

“เอ๊ะ คุณไปหัดพูดมาจากไหนคะ ปริมไม่เคยสอนสักหน่อย” ปริมเองก็งง เพราะไมค์ไม่เคยพูดภาษาไทยกับเธอเลยสักคำ

ไมค์หันไปยิ้มกับเปรียว เปรียวเลยตอบกลับมาว่า “เปรียวสอนเองละพี่ปริม” เปรียวพูดกับไมค์ต่อว่า “เย็นนี้เราจะไปทานข้าวกันไปด้วยกันนะคะ”

เขาไม่กล้าตอบ หันมามองปริมอย่างต้องการถามความคิดเห็น ปริมเองก็หันไปมองพ่อต่ออีกครั้ง พ่อพยักหน้าตกลง ปริมเลยบอกว่า “เดี๋ยวปริมขับรถมารับคุณที่โรงแรมนะคะ สักกี่โมงดีเปรียว”

“ทุ่มหนึ่งเป็นไงพี่”

“ตกลงครับ ผมต้องขอตัวก่อนเดี๋ยวจะไปขึ้นรถกลับโรงแรมไม่ทัน” ไมค์พูดจบก็หันไปสวัสดีคุณเปรมและคุณพริมาอีกหนึ่งรอบ


ปริมหันไปเดินเกาะแขนแม่ไปที่รถ พร้อมถามว่า “เป็นไงมั่งคะแม่”

คุณพริมาตอบลูกสาวอย่างกระเซ้าว่า “ปริมหมายความถึงอะไรลูก แม่กับพ่อเป็นไง หรือลูกเป็นไง หรือตาฝรั่งคนนั้นเป็นไง”

“แหม แม่ก็ แม่กับพ่อสิคะเป็นไงกันบ้าง คิดถึงปริมรึเปล่า”

“คิดถึงสิลูก ไม่งั้นจะเร่งให้ปริมกลับเร็วๆ เหรอ มีแต่เราน่ะเที่ยวจนลืมพ่อกับแม่เลย” คุณพริมาบ่นอย่างไม่จริงจังนัก “เราคล้ำไปเยอะเลยนะปริม”

“อยู่ริมทะเลนี่คะ ก็ต้องคล้ำบ้างละ แต่ก็ไม่มากนี่คะแม่ ดูยัยเปรียวสิกลับมาก่อนปริมตั้งนานตัวยังดำปี๋อยู่เลย ...พ่อละคะเป็นไงบ้างยังไม่คุยกับปริมสักคำ”

คุณเปรมตอบลูกว่า “ดีลูกดี พ่อก็แข็งแรงดีเหมือนเดิม ว่าแต่เพื่อนลูกคนนี้คบกันยังไง ไหนเล่าให้พ่อฟังสิ”

“ก็เป็นเพื่อนกันค่ะพ่อ ปริมรู้จักไมค์นานพอสมควรแล้วละ แล้วรีสอร์ทที่ปริมไปพักเนี่ยไมค์เขามีหุ้นส่วน แล้วเขาก็อยู่ดูแลพาปริมกับเปรียวเที่ยวน่ะค่ะ”

“เรื่องพวกนี้พ่อรู้จากเปรียวแล้วลูก แต่ที่พ่ออยากรู้คือ เขาคิดอะไรแค่ไหนกับลูก แล้วลูกคิดยังไงกับเขา”

“ก็ ... ไมค์เขาก็ชอบปริมค่ะพ่อ เขาบอกรักปริมแล้วด้วย แต่ปริมยังไม่ได้ตอบอะไร เขาก็ไม่ได้คาดคั้นค่ะ ปริมก็ดูไปก่อนเรื่อยๆ” เธอไม่ได้บอกพ่อถึงเรื่องไมค์ชวนให้เธอไปทำงานด้วยกันในฐานะหุ้นส่วนชีวิต เอาทีละเรื่องก็แล้วกัน เดี๋ยวพ่อจะตกใจซะก่อน อีกอย่างเอาไว้ให้เธอแน่ใจตัวเองมาก ขึ้นกว่านี้ก่อนแล้วค่อยบอกทางแม่ดีกว่า ปริมคิดไว้ในใจ

“ดูให้ดีๆ นะปริม พ่อกับแม่เป็นห่วงนะลูก ผู้ชายก็ไม่ใช่คนชาติเดียวกัน พูดจากันคนละภาษา มันจะรู้เรื่องเข้าใจแค่ไหนกันนะ”

“พ่อคะ บางครั้งการที่ดูกันนานๆ มันก็ไม่ได้ทำให้เรารู้จักคนคนนั้นดีเลยนะคะ”

คุณพริมานึกอะไรขึ้นมาได้เลยเล่าให้ลูกสาวฟัง

“ปริมช่วงที่ลูกไม่อยู่บ้าน ศัลย์โทรมาหลายรอบเลยลูก บอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับหนู แม่ถามว่าเรื่องอะไรก็ไม่ยอมบอก บอกเพียงแต่ว่าถ้าปริมกลับมาเมื่อไหร่ก็ให้โทรหาเขาหน่อย ตาศัลย์น่ะย้ำแล้วย้ำอีกนะลูก”

“เฮ้อ คุณก็ ไม่ต้องให้ลูกเราโทรไปหามันหรอก ไม่ต้องโทรไปปริม ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับไอ้ผู้ชายแบบนั้นอีกแล้ว” คุณเปรมชักเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา

แค่เพียงปริมได้ยินว่าศัลย์โทรมาด้วยเรื่องสำคัญ แค่นั้นปริมก็อยากจะรีบหยิบโทรศัพท์แล้วโทรไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความเกรงใจคุณเปรม เธอจึงได้แต่นั่งเงียบ ศัลย์เป็นอะไรรึเปล่า สิ่งแรกที่จะทำเมื่อถึงบ้านก็คือโทรศัพท์ไปถามข่าวคราว ปริมนั่งรถไปอย่างกระวนกระวายใจ


“แม่คะพ่อคะ ปริมขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวสักหกโมงครึ่งปริมค่อยขับรถไปรับไมค์ แล้วเราไปเจอกันที่ร้านเลยนะคะ” ปริมพูดพลางวิ่งขึ้นบ้านชั้นบนทันที


เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ที่คุ้นเคย และเมื่อศัลย์รับโทรศัพท์เธอก็รีบถามไปทันทีว่า

“ศัลย์เป็นอะไรรึเปล่าคะ แม่บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะพูดกับปริม”

ศัลย์แทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง นี่ใช่เสียงปริมจริงๆ ปริมกลับมาแล้ว “คิดถึงคุณจังเลยปริม ทำไมคุณหนีไปเที่ยวนานขนาดนี้ครับ ปริมผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณมากๆ ผมไปหาที่บ้านได้มั๊ยครับเย็นนี้”

“ปริมไม่ว่างค่ะ ศัลย์มีอะไรบอกปริมตอนนี้เลยได้มั๊ย”

“เรื่องของเราครับ ผมหาทางออกสำหรับเรื่องของเราได้แล้ว แต่ผมอยากจะไปคุยกับปริมด้วยตัวเอง ถ้าเย็นนี้ปริมไม่ว่าง พรุ่งนี้ผมแวะไปหาก็ได้”

ปริมไม่อยากจะให้พ่อรู้ว่าเธอติดต่อกับศัลย์อีก เธอจึงบอกไปว่า

“พรุ่งนี้ปริมออกไปเจอศัลย์ดีกว่าค่ะ นัดเจอกันที่ร้านอาหารที่เราเคยไปทานตอนกลางวันด้วยกันบ่อยๆ ดีมั๊ย อยู่แถวๆ ที่ทำงานศัลย์ด้วย”

“ก็ได้ฮะ ผมจะรอนะปริม”

เธอกดตัดสัญญาณโทรศัพท์ไปแล้วก็ได้แต่นั่งนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก หาทางออกสำหรับเรื่องของเราเหรอ ยังมีคำว่า ‘เรา’ ระหว่างเธอกับศัลย์อีกหรือ เธอไม่มีเวลาจะมานั่งคิดมากตอนนี้ เดี๋ยวจะต้องรีบไปรับไมค์ที่โรงแรมแล้ว เรื่องของศัลย์เก็บไว้ก่อน อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้ว่าศัลย์ไม่ได้เป็นอะไร


“เปรียวจะไปรับไมค์กับพี่ หรือจะไปพร้อมกับพ่อแม่” ปริมตะโกนถามน้องสาว

“ไปกับพ่อ พี่ปริมไปเถอะ เดี๋ยวเจอกันที่ร้านเลยนะ เปรียวโทรไปจองไว้แล้วชื่อพ่อนะพี่” เปรียวตอบทั้งๆ ที่ยังนอนอ่านหนังสือเล่นอยู่อย่างนั้น

“อย่าช้านะเปรียว พี่ไปละ บอกแม่ด้วย”


ปริมขับรถมารับไมค์ที่โรงแรมตามนัด “ตื่นเต้นมั๊ยคะไมค์” ปริมหันไปถาม

“พ่อคุณท่าทางดุเหมือนกันนะปริม”

“พ่อเก๊กท่าไปงั้นละคะ เมื่อกี้ถามปริมใหญ่ว่าเราคบกันถึงขั้นไหนแล้ว” ปริมหันมายิ้ม “คุณไม่ต้องกลัวพ่อหรอกนะคะ พ่อน่ะจริงๆ แล้วใจดีมากเลยนะ”

“แล้วคุณตอบพ่อไปว่าไงครับ”

“ปริมก็ตอบว่าเราเป็นเพื่อนกันไงคะ”

“โธ่ปริม เมื่อไหร่ผมจะได้เลื่อนตำแหน่งซะที ผมเบื่อกับการที่คุณบอกแต่ว่าเป็นเพื่อนแล้วนะ เมื่อไหร่คุณจะบอกใครๆ ว่าเราเป็นแฟนกันสักทีละครับ”

“ใจเย็นสิคะไมค์ ปริมไปเที่ยวเพิ่งกลับมาบ้านปุ๊บ ก็บอกพ่อกับแม่เลยเหรอว่านี่แฟนใหม่ปริม”

“โอเคฮะ ผมเข้าใจ ... แต่พรุ่งนี้ผมต้องบินกลับไปแล้ว ผมคงคิดถึงคุณแย่เลย ตกลงคุณจะลาออกแน่ๆ หรือครับ”

“ใช่ค่ะ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ปริมว่าจะเข้าไปยื่นใบลาแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปบินอีกกี่ครั้งน่ะค่ะ คงสักครั้งสองครั้งละมั่ง”

“คุณช่วยบอกตารางบินคุณให้ผมรู้ด้วยได้มั๊ยครับ ถ้าผมพอจะเปลี่ยนได้ ผมจะได้เปลี่ยนไปบินพร้อมกับคุณ แล้วเมื่อไหร่คุณจะพูดกับครอบครัวคุณถึงเรื่องของเรา เมื่อไหร่ผมจะขอคำตอบจากคุณได้ครับ”

“ขอเวลาปริมหน่อยนะคะไมค์” เธอพูดตอบไมค์ไปอย่างนั้น แต่อีกใจเธอกำลังคิดถึงศัลย์ ‘เรื่องของเรา’ มันหมายความว่ายังไงกันนะ ปริมหันไปมองไมค์อย่างสงสาร เธอชอบผู้ชายคนนี้มากแต่เธอไม่แน่ใจว่าจะมากพอที่จะทำให้เธอลืมผู้ชายคนเก่าไปได้เลยรึเปล่า


บรรยากาศในค่ำคืนนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น คุณเปรมชวนไมค์พูดคุยกันอยู่หลายเรื่อง ไมค์เองก็ชวนคุณเปรมและคุณพริมาไปเที่ยวเกาะมาวีเช่นกัน เขาเล่าให้ทุกคนฟังว่า เขาอาจจะซื้อกิจการไว้เองซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ แต่เขาไม่ได้บอกไปว่าคนที่ตัดสินใจน่ะคือปริม ไม่ใช่เขาหรอก ทุกคนตกลงกันว่าจะไม่อยู่กันจนดึกนัก เพราะปริมกับไมค์เองก็เพิ่งจะกลับมาคงจะเหนื่อยและเพลีย คุณเปรมถูกใจอัธยาศัยของไมค์ถึงขนาดที่กล่าวชวนว่าวันไหนไมค์บินมาเมืองไทยอีกก็ให้แวะไปหาที่บ้าน ปริมกับเปรียวได้แต่หันหน้ามาแอบยิ้มกัน แต่อยู่ๆ รอยยิ้มก็ของปริมก็หายไปจากหน้า เปรียวหันไปมองตามพี่สาวถึงได้เห็นว่าพี่ศัลย์กับเพื่อนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ซึ่งในขณะนั้นที่บ้านของเธอกำลังที่จะเตรียมตัวกลับกันอยู่พอดี

“ให้ตายเถอะ ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้” เปรียวบ่นพร้อมทั้งบุ้ยใบ้ให้แม่หันไปมองทางนั้น


ศัลย์พอเห็นครอบครัวปริมก็รีบเข้ามาทักทาย สวัสดีคุณเปรม คุณพริมา แล้วแทบจะปรี่เข้ามากอดปริม ดีว่าเปรียวรีบขยับมากันเอาไว้ก่อนนะ

“สวัสดีครับ ทานข้าวกันเสร็จแล้วเหรอฮะ เสียดายผมไม่รู้ว่าจะมาที่นี้กัน ไม่งั้นจะได้ตามมาเร็วกว่านี้ครับ ... ปริม คุณคล้ำไปเยอะเลยนะ ไปเที่ยวมาสนุกมั๊ยครับ สบายใจขึ้นบ้างรึเปล่า”

“ปริมสบายดีค่ะศัลย์ ... เอ่อ ศัลย์คะ นี่ไมค์ กัปตันสายการบินปริม” เธอแนะนำไมค์กับศัลย์ พร้อมหันไปบอกไมค์ว่า “สามีเก่าปริมเองค่ะ”

ทั้งสองหนุ่มจับมือทักทายกันอย่างเสียไม่ได้ ศัลย์คิดในใจว่า ไอ้หนุ่มนี่ต้องมาชอบปริมแน่ๆ ไม่งั้นจะมาทานข้าวด้วยกันอย่างนี้เชียวหรือ ส่วนไมค์ก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ยังไม่ลืมปริมอย่างแน่นอน แค่เห็นอาการดีใจที่ได้เจอเธอ เขาก็ปลาบเปล็บใจเหลือเกินแล้ว

“ไปกันเถอะลูกเดี๋ยวจะยิ่งดึก” คุณเปรมรีบเร่งปริม

ศัลย์หันมาบอกกับปริมว่า “เจอกันพรุ่งนี้นะครับปริม”


ปริมขับรถไปส่งไมค์กลับโรงแรม ระหว่างทางเธอนิ่งเงียบจนไมค์รู้สึกได้ว่าเธอมีอะไรในใจ และเขาเดาว่าคงจะเป็นเรื่องสามีเก่าของเธออย่างแน่นอน เขาเอื้อมมือไปจับเธอ “ปริมครับ”

“ขอโทษค่ะไมค์ ปริมมีเรื่องคิดนิดหน่อย” ปริมหันมาบอกเขาค่อยๆ

“เรื่องของผู้ชายคนนั้นใช่มั๊ยครับ” เขาถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าใช่ เธอพยักหน้าตอบแต่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งมาถึงโรงแรมเธอเอ่ยปากลา

“พรุ่งนี้เดินทางปลอดภัยนะคะไมค์”

“เมื่อไหร่ผมจะได้เจอคุณอีกนะปริม”

เธอถอนหายใจเนิ่นนาน “ปริมยังไม่รู้เลยค่ะ”

“ปริมครับ อย่าลืมคิดถึงเรื่องของเราด้วย เจอกันคราวหน้าผมอยากจะขอคำตอบจากคุณ” ไมค์ตัดสินใจพูดเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากจะคาดคั้นอะไรกับเธอ เขาอยากจะให้เธอเวลาเธอให้มากกว่านี้แต่หลังจากที่เขาเจอสามีเก่าของเธอคืนนี้ เขาก็รู้ว่าเขาไม่ควรจะรอนานนัก

“ปริมต้องตอบเร็วขนาดนั้นเลยหรือคะไมค์”

“ได้มั๊ยครับปริม ผมไม่อยากจากคุณไปนานๆ อย่างนี้อีก ผมอยากจะมีชีวิตอยู่กับคุณตลอดไป ขับรถกลับบ้านดีๆ นะปริม ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกผมหน่อยนะฮะ ผมจะได้สบายใจ”

“ค่ะไมค์ แล้วเจอกันนะคะ” ปริมกล่าวลาแล้วขับรถกลับมายังบ้าน ที่บ้านยังไม่มีใครเข้านอนสักคน ทุกนั่งรอเพื่อที่จะคุยกับเธอ


“ศัลย์มันว่ายังไงละปริม โทรไปหามันมาแล้วละสิ” คุณเปรมถามทันทีที่เธอเดินเข้ามาในบ้าน

“ปริมนึกว่าศัลย์จะไม่สบายหรือมีเรื่องอะไรร้ายแรงค่ะพ่อ ปริมเลยรีบโทรไปถาม” เธอตอบคุณเปรมเบาๆ

“มันจะมีอะไร เราน่ะใครพูดอะไรก็เชื่อเขาไปหมดนะลูก ไหนแล้วศัลย์ว่าไงบ้าง พอจะเล่าให้พ่อฟังได้มั๊ย”

“ยังไม่ได้คุยอะไรกันค่ะพ่อ ปริมนัดคุยกับเขาวันพรุ่งนี้”

“เออแน่ะ ยังจะไปเจอกับมันอีก เจ็บแล้วต้องจำนะลูก จำเอาไว้พ่อรักและห่วงลูกมากที่สุดนะ มีอะไรก็มาปรึกษากันได้ อย่าเก็บไปคิดไปเครียดอยู่คนเดียวนะลูก” คุณเปรมพูดพลางลูบผมลูกสาวคนโตพลาง “แล้วตาไมค์นี่ละ มีอะไรอยากจะเล่าให้พ่อฟังบ้างมั๊ย”

“พ่อคิดว่าไมค์เป็นยังไงคะ” เธอถามความคิดเห็นของพ่อ

“ก็ดูดีนะ เป็นผู้ใหญ่ พูดจามีเหตุผล ท่าทางใจเย็น แต่อายุเยอะไปนิดแล้วก็เป็นฝรั่ง ต่างเชื้อต่างชาติมันก็ลำบากนะปริมนะ คิดเรื่องนี้ให้ดีๆ ด้วยนะลูก ลูกน่ะโตแล้ว ชีวิตก็เป็นของลูก มีอะไรก็ต้องตัดสินใจเอง พ่อแม่จะไปคิดไปเลือกแทนลูกไม่ได้หรอก แต่ถ้าลูกต้องการคำปรึกษาพ่อกับแม่ยินดีให้ลูกเสมอ แต่ลึกๆ แล้วพ่อก็อยากจะให้ปริมกลับมาอยู่บ้านเราสักพักก่อนที่จะคิดเริ่มต้นชีวิตใหม่นะลูก”

“พ่อคะแม่คะ ปริมมีอีกเรื่องที่อยากจะบอก คือว่าปริมคิดว่าจะลาออกจากงานแล้วละคะ พรุ่งนี้ปริมจะไปเขียนใบลาออกเลย ถ้าเป็นไปได้ปริมก็คงจะไม่ไปบินอีกแล้ว ถ้าจำเป็นก็จะขอทำงานในออฟฟิสไปจนกว่าถึงกำหนดวันออกจากงานน่ะค่ะ ปริมเบื่อแล้วล่ะค่ะ”

“ดีลูก พ่อก็อยากจะให้เราน่ะลาออกอยู่นานแล้ว ลูกสาวคนหนึ่งทำไมพ่อจะเลี้ยงไม่ได้ ใช่มั๊ยแม่” คุณเปรมหันไปพยักเพยิดกับคุณพริมา ท่าทางแสดงให้รู้ว่าดีใจเป็นอย่างมาก

“ค่ะคุณ” เธอเองก็เห็นด้วยกับสามี “พรุ่งนี้จะให้แม่ไปเป็นเพื่อนมั๊ยปริม” คุณพริมาหันมาถามลูกสาว

“ไม่เป็นไรคะแม่ ตอนเช้าปริมจะเข้าไปจัดการเรื่องลาออก แล้วเที่ยงปริมนัดกับศัลย์ไว้ค่ะ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ปริมไม่อยากจะเจ็บอีกแล้วค่ะ กว่าปริมจะผ่านมาได้ก็ลำบากเหลือเกิน”

“พ่อก็แล้วแต่ลูกละ ยังไงพ่อก็ขอเตือนหน่อยว่า ใจแข็งนะลูก หนูไปนอนเถอะปริม เดินทางมาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนเถอะลูก”


เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่ปริมจะแวะเข้าไปที่ออฟฟิส เธอโทรหาไมค์ชวนทานอาหารเช้าด้วยกันที่โรงแรม ช่วงที่อยู่ด้วยกันที่เกาะมาวีไมค์ดูแลเธออย่างดีมาก เธอไม่อยากให้เขาคิดว่าพอกลับมาเมืองไทยแล้วเธอลืมช่วงเวลาเหล่านั้นไปกลายเป็นคนไม่มีน้ำใจไปซะ

“ผมไม่นึกว่าวันนี้คุณจะแวะมาหาผมนะครับปริม ผมดีใจมากจริงๆ” ไมค์รีบบอกเธอทันทีที่เจอกัน

“ไม่อยากให้คุณต้องทานอาหารเช้าคนเดียวไงคะ แต่จะพาคุณไปไหนไกลๆ ก็ไม่สะดวกปริมวันนี้เหมือนกัน เพราะเดี๋ยวปริมจะเข้าไปจัดการเรื่องลาออก แล้วเที่ยวปริมมีนัดน่ะค่ะ เลยรีบมาหาคุณแต่เช้าก่อน เราหาอะไรทานที่ร้านอาหารในโรงแรมนี้แล้วกันนะคะ”

“แค่คุณนึกถึงผมแค่นี้ ผมก็ดีใจแล้วฮะปริม เมื่อคืนผมโทรไปเช็คตารางบินว่าเมื่อไหร่ผมจะมีมาที่เมืองไทยอีก ก็พอดีว่าปลายๆ อาทิตย์หน้าผมจะเข้ามาอีกครับ ผมจะได้เจอคุณรึเปล่า”

“ต้องได้เจอสิคะ แล้วปริมมารับคุณไปทานข้าวเย็นเองค่ะ คราวหน้าลองแวะไปบ้านปริมดูนะ ฝีมือทำอาหารของแม่อร่อยมากค่ะ คุณต้องชอบแน่ๆ”

“แล้วเมื่อถึงเวลานั้นผมจะขอคำตอบจากคุณได้มั๊ยฮะปริม”

“ไมค์คะ ปริมยังไม่รู้เลย ช่วงนี้อะไรก็ประดังประเดเข้ามาเหลือเกิน เอาเป็นว่าปริมจะรีบคิดแล้วจะรีบบอกคุณนะคะ จริงๆ แล้วเรื่องรีสอร์ทคุณตัดสินใจไปเถอะค่ะ อย่ารอปริมเลย แต่ปริมสัญญาว่าถ้าปริมสามารถไปช่วยงานคุณได้ปริมไปแน่ๆ ค่ะ”

“ผมรอได้ฮะปริม”


หลังจากที่ปริมแยกกับไมค์ เธอก็เข้าไปจัดการยื่นจดหมายลาออก เสร็จจากนั้นเธอก็ขับรถไปนั่งรอศัลย์ที่ร้านที่นัดกันเอาไว้ เธอโทรไปบอกศัลย์ว่าถึงที่ร้านแล้ว สิบนาทีถัดมาศัลย์ก็เดินหน้าตารื่นเข้ามาในร้าน

“คิดถึงคุณที่สุดในโลกเลยปริม”

“คุณดูสดชื่นมากเลยนะคะศัลย์ มีเรื่องอะไรเหรอคะ” ปริมถามอย่างแปลกใจ

“มีข่าวดีสำหรับเราสองคนไงฮะ ปริมสั่งอาหารรึยัง เราทานไปคุยกันไปนะ” ศัลย์หันไปเรียกพนักงานในร้านมาสั่งอาหารให้เธอและตัวเอง เขายังจำได้ว่าปริมชอบทานอะไรที่ร้านนี้

“ไหนคะ ปริมอยากรู้ ศัลย์มีข่าวดีอะไร” ปริมคาดคั้นถาม

“คืองี้ฮะ เรื่องแยม ผมคุยกับแยมตกลงกันแล้วว่าหลังจากที่แยมคลอดลูก เธอจะไปเรียนปริญญาโทและเอกต่อที่นิวยอร์คโดยทุนของธนาคาร ซึ่งผมหามาให้แยมฮะ โดยการแลกกับอิสระภาพของผม ซึ่งแยมเองก็ตกลงด้วยดี ส่วนลูกแยมยังไม่ตัดสินใจว่าจะพาไปที่นู้นด้วยหรือจะฝากให้แม่ผมเลี้ยงให้ เห็นมั๊ยปริม คุณตัดสินใจเรื่องหย่าเร็วไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรฮะ เราแต่งงานกันใหม่อีกรอบก็ได้นะ คุณอยากจะแต่งที่ไหน อยากจะไปฮันนิมูนที่ไหน ผมตามใจปริมทุกอย่างเลย ขอเพียงแต่ให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม และคราวนี้ผมสัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมเข็ดแล้วปริม ผมรักปริมคนเดียวจริงๆ นะฮะ อยู่โดยที่ไม่มีปริมชีวิตมันไร้ค่าสิ้นดีเลย ตอนนี้ก็อีกแค่เดือนเดียวแยมก็จะคลอดแล้ว หลังจากนั้นชีวิตของเราก็จะคืน กลับมาเหมือนเดิม”

“ทำไมศัลย์คิดว่า ปริมจะตกลงอย่างที่ศัลย์บอกละคะ”

“ก็เพราะว่าเรารักกันไงปริม ความรักของเรามันนานมากแล้วก็มั่นคงมากด้วยใช่มั๊ยครับ กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผ่านเข้ามาเพียงแค่นี้ ไม่ทำให้ความรักของเราสั่นคลอนลงหรอก ใช่มั๊ยครับปริม”

“ศัลย์ไม่สงสารลูกเหรอ เกิดมาปุ๊บก็ขาดพ่อขาดแม่เลยอย่างเนี่ย”

“ถ้าปริมสงสาร เดี๋ยวศัลย์พูดให้แยมยกลูกให้ปริมเอามั๊ย ดีกับเขาซะอีกจะได้ไปตัวเปล่าเป็นสาวโสดอีกครั้ง” ศัลย์เสนอความคิดเห็น ซึ่งปริมฟังแล้วรู้สึกว่าไม่ได้เรื่องเป็นอย่างที่สุด

“ถ้าปริมปฎิเสธ ศัลย์จะกลับไปหาแยมรึเปล่า”

“ไม่ฮะ ผมกับแยมอยู่ด้วยกันไมได้หรอก บ้านแตกแน่ๆ ผมเองก็ไม่ได้รักแยมเหมือนกับที่ผมรักปริม ชีวิตนี้ผมรักปริมได้เพียงคนเดียวนะปริม ปริมครับให้โอกาสศัลย์หน่อยนะ ศัลย์พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว ขอโอกาสให้ศัลย์ได้เริ่มต้นใหม่นะครับปริม”

“ปริมไม่รู้คะศัลย์ ปริมยังตอบไม่ได้” เธอตอบไปอย่างสับสนลังเล รักน่ะยังรักศัลย์อยู่เหมือนเดิม แต่ให้ทำใจเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอก็คงทำไม่ได้เช่นกัน

“เอางี้นะปริม คุณเก็บเอาไปคิดนะครับ ผมจะรอคำตอบจากปริม .. วันนี้ปริมทานข้าวให้อร่อยเถอะ เดี๋ยวจะไปไหนต่อ ให้ศัลย์ไปเป็นเพื่อนด้วยมั๊ย” และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงผู้ชายคนนั้นคนที่เจอเมื่อคืน “แล้วกัปตันคนนั้นน่ะทำไมเขาถึงไปทานข้าวกับที่บ้านคุณละปริม เขามาจีบคุณรึเปล่า”

เธอรีบเงยหน้ามอง แล้วตอบไปว่า “ไมค์คอยดูแลปริมช่วงที่ปริมอยู่ฮาวายค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน”

“เฮ้อ ค่อยสบายใจหน่อย แต่ปริมระวังตัวนะ ผมดูออกว่าไอ้ฝรั่งนั่นน่ะมันไม่ได้มองคุณแค่เพื่อนหรอก แค่เห็นเมื่อวานผมก็หึงแล้วล่ะ”

“เดี๋ยวปริมจะกลับบ้านละศัลย์ คงไม่ไปไหนต่อหรอก ศัลย์กลับไปทำงานเถอะ” เธอรีบตัดบท รู้สึกไม่ชอบใจที่ศัลย์กระทบไปถึงไมค์ในทำนองอย่างนั้น ปริมรู้จักกับศัลย์มาเกือบสิบปี แต่ทำไมวันนี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าศัลย์เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวเหลือเกิน


ปริมแทบไม่รู้เหมือนกันว่าเธอขับรถกลับมาถึงบ้านได้อย่างไร เธอครุ่นคิดถึงแต่คำพูดที่ศัลย์พูด แยมจะไปเรียนต่อด้วยทุนของธนาคารซึ่งศัลย์นั่นละเป็นคนช่วยหาให้ นั่นเหมือนกับว่าศัลย์ซื้ออิสระให้กับตัวเองเพื่อที่จะได้กลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ดีใจมั๊ยนะ ปริมเฝ้าถามตัวเองมาตลอดทาง แต่คำตอบที่เธอมีให้กับตัวเธอเองคือความสับสน เหมือนจะดีใจแต่มันก็ไม่ใช่ มันยังมีอะไรค้างคาอยู่ในใจ มีอะไรที่เธอไม่แน่ใจว่าเธอสามารถที่จะกลับไปอยู่กับศัลย์ได้อีก ความศรัทธาในตัวศัลย์หมดลงไปเมื่อไหร่เธอก็ไม่รู้ แล้วกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ทุกอย่างมันจะเหมือนเดิมได้หรอกหรือ แก้วที่ร้าวไปแล้วจะกลับมาสมานกันได้เหมือนเดิมอีกหรือ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเธอหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ แล้วยิ่งตอนนี้ผู้ชายสองคนเฝ้ารอคำตอบจากเธอ ตอบรับคนหนึ่งก็ต้องทำให้อีกคนหนึ่งเสียใจ เธอไม่ต้องการให้ใครสักคนเสียใจ จะทำไงดีนะ ... เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้นมา เธอรีบควานหาอยู่นานจนกระทั่งสันญานเงียบไป เธอมองเบอร์ที่โชว์ขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่เคยรู้จักเธอจึงไม่คิดที่จะโทรกลับ ปริมเลยไม่รู้ว่าไมค์โทรมาจากเครื่องโทรศัพท์สาธารณะในโรงแรม โทรมาเพื่อกล่าวลาเธอก่อนที่จะไปทำงานในค่ำคืนนี้ ไม่นานนักโทรศัพท์ที่บ้านก็ส่งเสียงขึ้นมาบ้าง ปริมเอื้อมมือไปรับ “สวัสดีค่ะ”

“ศัลย์นะจ๊ะปริม ถึงบ้านเรียบร้อยดีนะครับ ศัลย์เป็นห่วง” ศัลย์เสียงระรื่นมาตามสาย

“ค่ะ ศัลย์มีธุระอะไรรึเปล่า”

“ไม่มีฮะปริม แค่อยากฟังเสียงปริมเท่านั้นเอง พรุ่งนี้เย็นศัลย์ไปรับปริมมาทานข้าวด้วยกันนะ ถือว่าเป็นการเลี้ยงวันเกิดปริมย้อนหลังนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกคะศัลย์” เธอกล่าวปฎิเสธ ในใจนึกถึงความสุขในคืนวันเกิดของเธอบนเกาะมาวี

“อย่าปฎิเสธผมเลยนะปริม ผมอยากอยู่ใกล้ๆ คุณ คุณจากผมไปเกือบสองเดือนแล้วนะครับ”

“ศัลย์อย่าเร่งรัดปริมเลยค่ะ ปริมยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้ แค่นี้ก่อนดีกว่านะศัลย์ ปริมอยากจะพักผ่อนค่ะ”

“โอเคครับ ปริมหายโกรธศัลย์เร็วๆ นะ ศัลย์จะรอนะครับ แล้วไงพรุ่งนี้ศัลย์ค่อยโทรมาหาใหม่นะ”


หลังจากวางโทรศัพท์จากศัลย์ ปริมเดินไปยาแก้ปวดหัวมาทานสองเม็ด เธอเครียดซะจนปวดหัวตุ๊บๆ นึกว่าเรื่องราวจะจบสิ้นลงไปแล้วตั้งแต่วันหย่า พยายามทำใจให้คุ้นเคยกับคำว่าม่าย แล้วที่ไหนได้กลับมากลับเจอปัญหาเรื่องใหม่อีกหนึ่งเรื่อง นึกๆ แล้วก็อยากจะคุยกับแยม อยากจะรู้นักว่าศัลย์ พูดยังไงแยมถึงตัดสินใจยอมเลิกรากับศัลย์ได้ ก็วันก่อนยังมานั่งร้องขอให้เธอหย่ากับศัลย์อยู่เลยนี่นา แต่ปริมก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะติดต่อแยมได้จากทางไหน

เช้าวันรุ่งขึ้นเธอแทบจะไม่เชื่อว่าแยมมาหาเธอถึงที่บ้าน เหมือนกับจะรู้ว่าเธอกลับมาแล้วและกำลังอยากจะเจออยู่ ดีนะที่เธอเป็นคนไปเปิดประตูรับเอง ถ้าคุณพริมาแม่ของเธอมาเจอเข้าคงไม่ยอมให้เธอได้เจอกับแยมแน่ๆ

“สวัสดีค่ะพี่ปริม” แยมยกมือไหว้เธอทันที

“สวัสดีค่ะ พี่กำลังอยากจะคุยด้วยอยู่เลย แล้วนี่ใกล้คลอดรึยัง มายังไงกันเนี่ย” ปริมถามอย่างเป็นห่วง

“แยมนั่งรถแท็กซี่มาค่ะ แยมไม่ขับรถมาสักพักนึงแล้ว”

“มีอะไรรึเปล่าแยม หน้าตาเธอไม่ค่อยดีนะ” ปริมเห็นหน้าแยมแล้วก็สงสาร ลูกก็ใกล้จะคลอดแต่ดูตัวแม่แล้วแทบจะไม่เห็นความสุขในใบหน้านั้นเลย แยมวันนี้ต่างจากแยมคนที่เธอบังเอิญเห็นกับศัลย์เมื่อวันก่อนมาก เวลาแค่เดือนกว่าๆ ทำให้แยมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ

“แยมอยากจะคุยกับพี่ปริมค่ะ”

“มาสิ เข้ามานั่งคุยกัน รอแป๊บนะเดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้” ปริมพาแยมมานั่งเล่นหน้าบ้านแล้วตัวเองก็เดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อที่จะหยิบน้ำมาให้ และเพื่อที่จะบอกคุณพริมาด้วยว่าใครมาหาเธอถึงบ้าน

สักครู่เธอก็เดินกลับออกมา พร้อมน้ำส้มคั้นแก้วสูง

“พี่เองก็มีเรื่องอยากจะถามเธอเหมือนกัน” ปริมนั่งลงตรงข้ามกับหญิงสาวคนนั้น

“เรื่องพี่ศัลย์ใช่มั๊ยคะ” แยมถามขึ้นมาอย่างมั่นใจ

“ใช่ ศัลย์บอกพี่ว่าแยมจะไปเรียนต่อแล้วจะทิ้งลูกไว้ที่นี้ ไม่ห่วงลูกเหรอแยม”

“แยมไม่อยากจะทำหรอกค่ะพี่ แยมเคยบอกพี่ปริมแล้วว่าแยมอยากจะมีครอบครัวเล็กๆ ที่สมบูรณ์อบอุ่น แยมถึงขนาดกล้าบากหน้ามาขอพี่ศัลย์จากพี่ปริม แต่ในที่สุดแยมก็รู้ว่าแยมไม่ใช่ผู้หญิงคนที่พี่ศัลย์รัก ตั้งแต่วันที่พี่ศัลย์หย่ากับพี่ปริม พี่ศัลย์ก็ไม่เคยสนใจแยมและลูกอีกเลย ดีแต่ให้เงิน ตัวเองก็กลับไปอยู่บ้านคุณแม่ ทิ้งแยมกับลูกไว้กับป้า ไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูดำดูดี แล้ววันหนึ่งพี่ศัลย์ก็มาหาแยม มาบอกแยมว่าให้แยมไปจากชีวิตเขาซะ พี่ศัลย์หาทุนให้แยมไปเรียนที่นิวยอร์ค แยมไม่อยากจะไปเลยนะพี่ปริม แต่พี่ศัลย์ขอร้องว่าให้ทำเพื่อเขา พี่ศัลย์พูดออกมาว่าถ้าแยมรักเขาจริง แยมต้องไป ถ้าแยมปฎิเสธเขาจะคิดว่าแยมมีลูกเพื่อที่จะจับเขา มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะพี่ปริม” เธอพูดจบก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ปริมเองก็พูดอะไรไม่ออก เธอรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนี้อย่างเหลือเกิน

“แยม พี่ไม่เคยคิดจะแย่งศัลย์กลับมาหรอกนะ ถ้าพี่คิดจะทำพี่จะไปหย่ากับศัลย์ทำไม ถึงตอนนี้ก็เช่นกัน พี่คงไม่กลับไปคืนดีกับศัลย์อีกแล้ว แยมสบายใจตรงนี้เถอะนะ เรื่องทุนที่ได้รับ ถ้าไม่อยากไปแยมก็ปฎิเสธไปเถอะ แม่ลูกจะต้องพรากจากกันทำไม พี่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วนะแยม เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถ้ายังไม่สบายใจอยู่คุยกับพี่ที่นี่ก่อน เย็นๆ ค่อยกลับ ไว้พี่จะไปส่งที่บ้านเอง อย่าคิดอะไรมากลูกก็จะคลอดอยู่แล้ว แม่เครียดแล้ว เดี๋ยวจะมีผลกับเด็กนะ เข้าไปนั่งเล่นในบ้าน ไปรู้จักคุณแม่พี่ก่อนเถอะ” เธอพูดพลางก็ช่วยพยุงแยมให้ลุกขึ้นแล้วพาเดินเข้าไปแนะนำให้คุณพริมารู้จัก


ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว แยมเองก็เป็นเด็กน่ารักท่าทางช่างคุย เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมศัลย์ถึงพลาดได้ เทียบกับเธอแล้วเธอช่างจืดชืด ไม่ออดอ้อน ไม่ออเซาะ ก็น่าอยู่หรอกที่สามีจะเบื่อ ตลอดวันที่แยมอยู่ที่บ้านเธอ แม่ก็ชวนทำนู้นทำนี่ บางทีก็ชวนไปช่วยในครัว บางทีก็ชวนไปเดินดูดอกไม้ แม่กับเธอนิสัยเหมือนๆ กันตรงที่ใจอ่อนสงสารคนนู้นคนนี่เรื่อยไป ผิดกับเปรียวที่เหมือนพ่อ สองคนนั้นโกรธเป็นโกรธ เกลียดเป็นเกลียด


ผ่านไปจนเย็น ขณะที่ทั้งสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีเสียงออดดังหน้าบ้าน ปริมลุกขึ้นบอกว่าจะเดินออกไปดูเองว่าใครมา แต่พอเธอเป็นว่าเป็นใครเธอก็แทบจะกุมขมับ

“ดอกไม้สำหรับปริมครับ” ศัลย์ยื่นช่อดอกไม้ลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ให้ปริม เขารู้ว่าเธอหลงรักดอกไม้ชนิดนี้มาก ทั้งรูปร่างสีสันและกลิ่นที่หอมอบอวล

“ขอบคุณค่ะ ไม่น่าจะต้องซื้อมาเลยศัลย์” เธอยื่นมือไปรับมาถือเอาไว้เฉยๆ

“ปริมชอบไม่ใช่เหรอ ผมยินดีหาซื้อมาให้ฮะ ขอศัลย์ไปสวัสดีคุณแม่หน่อยนะปริม จะมาขออนุญาตพาลูกสาวคุณแม่ไปทานข้าวเย็นด้วยกันซะหน่อย” ศัลย์พูดอย่างอารมณ์ดี ไม่ทันเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนใจของปริม เขาพูดจบก็เดินเข้าไปในบ้านเลย แต่ภาพที่เขาเห็นข้างหน้าคือคุณพริมา กำลังนั่งคุยกับแยม เขารีบหันมาถามปริม “แยมมาทำอะไรน่ะปริม มาทำความลำบากใจให้คุณรึเปล่า ผมบอกแล้วนะว่าอย่ามายุ่งกับคุณ”

เสียงศัลย์ไม่ใช่เบาๆ ทั้งแยมและคุณพริมาต่างหันหน้ามามอง แยมหน้าซีดลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“แยมไม่ได้มายุ่งอะไรหรอกศัลย์แค่มาคุยกันนิดๆ หน่อยๆ ปริมเลยชวนให้นั่งเล่นอยู่ที่นี้” เธอรีบแก้ตัวให้แยมโดยเร็ว

“ผมขอโทษนะปริม” ศัลย์พูดจบ ก็หันไปสวัสดีคุณพริมา แล้วพูดกับแยมว่า “กลับบ้านเถอะแยม อย่ามายุ่งกับบ้านนี้เลย พี่เคยบอกแล้วใช่มั๊ย”

“พี่ศัลย์ แยมขอโทษ อย่าโกรธแยมนะ” เธอพูดเสียงสั่น น้ำตารินอาบแก้ม

ปริมรีบดึงมือศัลย์เอาไว้ “ไม่เอาน่ะศัลย์ น้องไม่ได้มาทำความเดือดร้อนอะไรให้ แค่มาคุยเล่นเฉยๆ อย่าโมโหเลยนะ”

ขณะที่ศัลย์พยายามดึงมือปริมออก เพื่อที่จะไปดึงแยมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แยมก็เกิดปวดท้องขึ้นมากระทันหัน

“โอ๊ย พี่ศัลย์คะแยมปวดท้องเหลือเกิน” แยมร้องขึ้นมาอย่างตกใจ ทุกคนต่างหันมามองแยม เห็นเธอนั่งกุมท้องหน้าตาซีดเซียว ศัลย์รีบวิ่งปราดเข้าไปหา “แยมเป็นไงมั่ง นี่จวนจะครบกำหนดคลอดแล้วใช่มั๊ย แยมปวดท้องจะคลอดลูกรึเปล่า”

“นั่นสิตาศัลย์ รีบพาน้องไปโรงพยาบาลเลยดีกว่า” คุณพริมาแนะขึ้นมาอย่างตกใจ

“พี่ศัลย์ช่วยแยมด้วย ปวดท้องจังเลยค่ะ พาแยมไปโรงพยาบาลหน่อย” ศัลย์รีบอุ้มแยมไปยังรถ ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว จิตใจจดจ่ออยู่กับแยมและลูก ลูกชายของเขากำลังจะคลอด ปริมรีบเดินไปเปิดประตูไว้รอ แล้วเดินกลับมากอดแม่ น้ำตาไหลรินนี่ละนะสายใยแห่งชีวิตตัดอย่างไรก็คงไม่ขาด ศัลย์คงรักลูกของเขามาก ปริมคิดว่าต่อจากนี้เธอคงต้องทำตัวให้ห่างไกลกับครอบครัวนี้อย่างจริงจังสักทีแล้วล่ะ ถ้าเธอไม่อยู่นี้สักคน ศัลย์ก็คงทำใจยอมรับได้เร็ว ครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนั้นก็คงจะอยู่กันอย่างมีความสุข เธอเชื่อแน่ว่าแยมรักศัลย์อย่างจริงใจ อนาคตต่อไปข้างหน้าศัลย์ คงมีความสุขกับชีวิตครอบครัวและลูกของเขา


** วันนี้ยาวหน่อยนะคะ ^^ **





 

Create Date : 12 กรกฎาคม 2550
8 comments
Last Update : 12 กรกฎาคม 2550 6:17:10 น.
Counter : 440 Pageviews.

 

มาสวัสดีตอนเช้าให้กับนักเขียนนะคะ อย่าหักโหมงานเขียนมากนักนะคะ เดี๋ยวดังทะลุฟ้า แบบ JK ที่เขียน Harry potter แล้วจะเอากะตังค์ไปทำอะไรดีหละ...

แวะมาเยี่ยมนะคะ

 

โดย: kookkom (the kookkom ) 12 กรกฎาคม 2550 7:15:22 น.  

 


วันนี้ยาวสะใจดีจังค่ะ....ชอบๆ..มายาวๆอย่างนี้อีกนะคะ คุณพิมทำเอาแฟนนิยายเคยตัว ถ้าวันหลังเกิดมาสั้นกว่านี้ คงถูกต่อว่าแย่เลย

 

โดย: แม่หนูพริม. IP: 136.142.118.199 12 กรกฎาคม 2550 7:20:00 น.  

 

เข้ามาทักทาย ยังติดตามอ่านอยู่ทุกวันนะคะ

 

โดย: Ormmie IP: 68.252.235.74 12 กรกฎาคม 2550 7:26:52 น.  

 

เป็นนักเขียนด้วยหรือครับเนี่ยะ...สุดยอดจริงๆ

ด้วยความเคารพ มากความสามารถ สำหรับสาวคนนี้

 

โดย: pompier 12 กรกฎาคม 2550 8:11:42 น.  

 

เเวะมาทักทายยามเช้าครับ....วันเก่าผ่านไปวันใหม่ที่สวยงามรออยู่ข้างหน้าครับ

 

โดย: อู๋ (ฟ้าสีส้ม ) 12 กรกฎาคม 2550 8:34:00 น.  

 

หวังว่าศัลย์คงจะคิดได้ซักทีนะคะ เมื่อได้เห็นหน้าลูก

 

โดย: pumpam IP: 58.8.77.231 12 กรกฎาคม 2550 13:43:26 น.  

 

แม่ยกของปริม&ไมค์ตามมาเชียร์ค่ะ

ขอบคุณน้องพิมที่เขียนมาให้อ่านอย่างจุใจ

 

โดย: นวลกนก (นวลกนก ) 12 กรกฎาคม 2550 19:21:36 น.  

 

ลุ้นค่ะ ลุ้นๆๆๆ คุณพิมเขียนได้น่าติดตามมากเลยค่ะ :D

 

โดย: MoneyPenny 12 กรกฎาคม 2550 19:23:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


pim(พิม)
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]





** ถ้าต้องการรูปจากบล็อคพิม รบกวนบอกกล่าวกันสักนิดนะคะ พิมไม่หวงภาพ เพียงแต่ขอให้บอกกันก่อน อย่าเอาไปโดยพลการนะคะ ... ขอบคุณค่ะ **

++ บทความล่าสุด ++

Friends' blogs
[Add pim(พิม)'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.