Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
5 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ปีกนางฟ้า 4


4.

บ่ายวันเสาร์เมื่อปริมมาถึงสนามบินก็พบว่าศัลย์มายืนรอรับอยู่แล้ว เสร็จจากรายงานตัวที่ออฟฟิส ปริมก็นั่งรถกลับบ้าน ระหว่างทางปริมก็ชวนศัลย์คุย
“กลับมาคราวนี้ปริมมีวันหยุดตั้งสิบวันแน่ะค่ะศัลย์ เราไปทะเลกันมั๊ย เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนกันนานแล้วนะคะ ศัลย์ขอหยุดได้สักสองสามวันมั๊ยคะ ไม่งั้นเราก็ไปเที่ยวกันช่วงเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ศัลย์ว่าไงดี”
“เอ่อ... ช่วงนี้ศัลย์งานยุ่งมากเลยจ๊ะปริม ขอหยุดคงจะไม่ได้แน่ๆ ส่วนเสาร์อาทิตย์หน้าจะว่างรึเปล่า ศัลย์ก็ยังไม่แน่ ใจเลย เอาไว้ใกล้ๆ เราค่อยคุยกันอีกทีดีมั๊ย แต่เดี๋ยววันนี้ปริมกลับบ้านแล้วอาบน้ำแต่งตัวสวยๆ นะ ศัลย์จะพาไปทานข้าวร้านโปรดของปริม ศัลย์จองโต๊ะไว้แล้วละ สักทุ่มนึงโอเคมั๊ยจ๊ะ” ศัลย์พูดไปพร้อมทั้งเอื้อมมือมาจับมือปริมเอาไว้
“ก็ได้คะศัลย์” ปริมตอบง่ายๆ

อาหารเย็นวันนั้น ศัลย์พยายามเอาใจปริมทุกอย่าง แต่ปริมรู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างมันมากเกินไป เหมือนศัลย์ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ปริมไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆในค่ำคืนนี้
“ปริมจ๋า พรุ่งนี้ศัลย์ไม่ว่างเลย ต้องไปต่างจังหวัด ฝากปริมเอาลูกพลับไปให้แม่เองได้มั๊ยจ๊ะ” ศัลย์พูดขึ้นมาหลังจากที่เสิร์ฟของหวานเรียบร้อย
“ทำไมงานศัลย์ยุ่งจังคะพักนี้ ศัลย์แทบจะไม่มีเวลาให้ปริมเลยนะ” ปริมพูดด้วยความน้อยใจ
“ปริมช่วงนี้ศัลย์เหนื่อยและก็เครียดมาก ปริมอย่ามาถามอะไรแบบนี้ได้มั๊ย มันชวนให้หงุดหงิด” ศัลย์ไม่พูดอะไรอีกต่อไป บรรยากาศที่ดีๆ กลับอึดอัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ จวบจนกระทั่งกลับถึงบ้านต่างก็ยังไม่คุยอะไรกันจนกระทั่งเช้า ศัลย์รีบตื่นแต่เช้ามืดแล้วขับรถออกจากบ้านไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับปริมแม้แต่คำเดียว

ปริมไม่เข้าใจศัลย์อย่างที่สุด ศัลย์ผู้ชายที่ช่างพูดคุย คอยห่วงหาอาทรคนเก่าหายไปไหน นี่กลายเป็นศัลย์ที่เงียบเฉย ไม่มีคำตอบอะไรให้เธอเลยสักอย่าง เธอจะหันหน้าไปปรึกษากับใครได้ จะให้คุยกับครอบครัวของเธอ เธอก็ไม่อยากทำให้ที่บ้านไม่สบายใจ เพื่อนสนิทก็มีน้อยแสนน้อย แต่ละคนก็ยุ่งอยู่กับปัญหาของตัวเอง เธอก็คงต้องหาคำตอบในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ปริมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว รีบออกจากบ้านแต่เช้าจะได้ไม่ต้องเจอรถติด กว่าจะถึงบ้านคุณพงาคุณแม่ของศัลย์ก็เก้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว ปริมจอดรถแล้วรีบเข้าไปสวัสดีคุณแม่ เธอสนิทกับครอบครัวของศัลย์มาก และศัลย์เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน

“สวัสดีค่ะคุณแม่ ปริมไม่ได้แวะมาเยี่ยมหลายวัน คุณแม่สบายดีนะคะ”
“สวัสดีลูก นั่นหอบอะไรมามากมายละหนู” คุณพงารับไหว้
“ลูกพลับค่ะ เห็นศัลย์บอกว่าคุณแม่อยากทาน ฝากให้ปริมซื้อกลับมาจากญี่ปุ่นด้วยน่ะค่ะ” ปริมตอบพร้อมกับหันไป บอกเด็กที่มารับลูกพลับไปเก็บว่าให้ปอกมาให้คุณพงาทานเดี๋ยวนี้เลย
“อ้าวแล้วทำไมมาคนเดียวละลูก ศัลย์หายไปไหน นี่แม่ก็ไม่เจอศัลย์มานานแล้วเหมือนกันนะ ถ้าอยากจะคุยกับลูกก็ ต้องใช้วิธีโทรศัพท์ไปคุยกันนั่นละ” คุณพงาบ่น ในขณะที่ปริมเอะใจ ก็ไหนศัลย์บอกว่าระยะหลังๆ ศัลย์กลับมานอนที่บ้านแม่บ่อยๆ นี่นา
“ศัลย์ไม่ได้มานานค้างกับคุณแม่บ้างเหรอคะ” ปริมถามออกไปด้วยใจที่เต้นแรง
“ไม่มาเลย หายหน้าหายตาไปพักหนึ่งแล้วละหนู ครั้งสุดท้ายที่แม่เจอศัลย์ก็ตอนที่มาพร้อมกับปริมนั่นละลูก หนูปริม พักนี้บินบ่อยหรือลูก ไม่ค่อยแวะมาหาแม่บ้างเลย”
“ค่ะคุณแม่ พักนี้คนขาดบ่อยๆ บางครั้งปริมก็โดนเรียกไปบินแทนค่ะ”
“เที่ยงนี้อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนแล้วค่อยกลับนะ หนูลองโทรไปหาศัลย์สิว่าเย็นนี้มาทานข้าวด้วยกันได้รึเปล่า จะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันสักหน่อย” คุณพงาพูดจบก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ปริม “โทรเลยนะลูก แม่จะได้เตรียมกับข้าวถูก”

ปริมรับโทรศัพท์มาแล้วกดหมายเลขของศัลย์ลงไป แต่กลายเป็นว่าศัลย์ปิดโทรศัพท์หรืออาจจะอยู่ในที่ไม่มีสัญญาณ ปริมเลยฝากข้อความไว้ให้โทรกลับ
หลังจากอาหารกลางวันกับคุณแม่พงาจนกระทั่งบ่าย ศัลย์ก็ยังไม่โทรกลับมา ปริมเลยข้อตัวกลับบ้านก่อน โดยอ้างว่าจะแวะไปหาคุณแม่ของตัวเองด้วย
“แล้ววันหลังหนูจะแวะมาทานข้าวกับคุณแม่อีกนะคะ ถ้าศัลย์โทรมาคุณแม่บอกด้วยนะคะว่าปริมจะแวะบ้านที่ลาดพร้าวก่อนแล้วถึงจะกลับบ้านนะคะ”
“จ๊ะ แล้วแม่จะบอกให้ ต้องดุกันหน่อยแล้วนายศัลย์นี่ยิ่งโตยิ่งไม่ได้เรื่อง” คุณพงายังบ่นลูกชายไม่หยุด
“งั้นปริมลาค่ะ คุณแม่ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ” ปริมไหว้ลาแล้วขับรถออกจากบ้านทางฝั่งธน ขับรถฝ่าจราจรเพื่อไปบ้านตัวเองที่ลาดพร้าว

คืนนี้ปริมคิดว่าจะนอนค้างที่บ้านแม่ ยังไม่อยากกลับไปบ้านตัวเอง เพราะเธอสังหรณ์ใจว่าคืนนี้ศัลย์คงจะกลับบ้านดึกอีกตามเคยหรืออาจจะไม่กลับทั้งคืน

ปริมขับรถไปถึงบ้านในช่วงเวลาเย็น ปรากฎว่าพ่อกับแม่และน้องสาวของเธอออกไปทานอาหารกันนอกบ้าน ปริมไม่ ได้บอกก่อนล่วงหน้าว่าจะแวะไปหา เมื่อตอนโทรศัพท์ไปนั้นปริมก็ถึงบ้านแล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะขับรถตามออกไป เธอบอกน้องสาวว่าจะรออยู่ที่บ้านแทนก็แล้วกัน
“ไม่ต้องรีบกลับนะเปรียว เดี๋ยวพี่หาอะไรทานที่บ้านเองไม่ต้องเป็นห่วง คืนนี้พี่นอนคุยด้วยนะ” ปริมคุยกับน้องสาวทางโทรศัพท์
“แล้วพี่ศัลย์ละพี่ปริม อยู่ด้วยรึเปล่า”
“ไม่อยู่ ศัลย์ไปต่างจังหวัดกว่าจะกลับคงดึก พี่ขี้เกียจอยู่บ้านคนเดียว แค่นี้นะพี่หิวแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ” ปริมรีบตัดสายจากน้องสาว

ปริมนั่งเงียบๆ อยู่คนเดียวตรงสวนข้างบ้าน จนฟ้าเริ่มพลบค่ำ เธอหาคำตอบให้กับสิ่งที่เป็นไปในตอนนี้ไม่ได้ เจ้าตัวคนต้นเหตุก็ไม่อยู่ให้ถาม แต่ถึงถามศัลย์ก็ไม่ตอบ ปริมกดโทรศัพท์ไปหาผึ้ง พรุ่งนี้นัดผึ้งไปเดินเล่นดีกว่าอยู่บ้านคนเดียว
“ผึ้ง พี่ปริมนะคะ พรุ่งนี้ผึ้งว่างมั๊ย ไปหาข้าวกลางวันทานในเมืองแล้วเดินเล่นกันมั๊ย”
“ได้สิคะพี่ ผึ้งไปรับพี่ที่บ้านเอามั๊ย” บ้านผึ้งกับบ้านปริมอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก และผึ้งมักจะเอื้อเฟื้อมารับปริมเสมอ
“ดีค่ะ ผึ้งมารับพี่ที่บ้านแม่ได้มั๊ย คืนนี้พี่จะนอนที่นี้”
“อ๋อ ได้ค่ะ พรุ่งนี้สักสิบโมงดีมั๊ยพี่”
“ดีเลยผึ้ง งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” หลังจากวางโทรศัพท์จากผึ้งสักแป๊บ พ่อ แม่ และเปรียวก็กลับมาถึงบ้านพอดี เธอเดินออกไปเปิดประตูบ้านให้
“ไปทานข้าวกันถึงไหนมากันคะ เสียดายจังค่ะ ปริมมาช้าไปหน่อย เลยไม่ได้ออกไปทานข้าวด้วยกันเลยเนอะ”
“ไปร้านเพื่อนน้องเปรียวกันน่ะลูก เห็นว่าเพิ่งเปิดใหม่เลยไปอุดหนุนเขาหน่อย ร้านเขาจัดสวยดี บรรยากาศดีเชียวลูก ไว้ชวนศัลย์ไปทานสิปริม” คุณพริมาตอบ
“ใช่พี่ปริม เปรียวมีบัตรลดด้วยนะ เดี๋ยวเอานามบัตรไป เมื่อไหร่ว่างก็ไปลองดูนะ” เปรียวพูดพร้อมยื่นนามบัตรร้านนั้นให้
“พ่อขาแม่ขา คืนนี้ปริมขอนอนที่บ้านด้วยคนนะคะ ศัลย์ไม่อยู่ ปริมขี้เกียจกลับไปอยู่คนเดียวค่ะ” ปริมพูดพลางเดินไปโอบเอวคุณแม่พลางๆ
“เอาสิลูก ก็บ้านลูกเหมือนกัน อยากจะมานอนเมื่อไหร่ก็มา ชวนศัลย์มาก็ได้นี่ลูก” คุณพริมาตอบอย่างสบายใจ “แม่จะขึ้นไปอาบน้ำแล้วเหนียวตัว จริงๆ ปริมทานอะไรรึยังลูก”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” ปริมตอบ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วปริมยังไม่ได้ทานอาหารเย็นเลย ไม่รู้สึกหิว ตื้อไปหมด แต่เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วงจึงตอบไปอย่างนั้น
“งั้นแม่กับพ่อไปอาบน้ำกันก่อนนะลูก” พูดจบทั้งสองท่านก็เดินเข้าไปในบ้าน เหลือแต่เปรียวน้องสาวที่ยังยืนอยู่ข้างเธอ
“พี่ปริมเป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาไม่ค่อยดี” เปรียวน้องสาวคนเดียวของหล่อนทัก ความที่มีกันสองคนพี่น้อง ทำให้ทั้งสองเป็นเหมือนเพื่อนกัน เมื่อมีเรื่องอะไรก็มักเล่าให้ฟังกันเสมอๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ปริมก็เล่าให้น้องฟังว่า “พี่รู้สึกว่าศัลย์แปลกๆ ไปน่ะเปรียว เหมือนมีอะไรแอบซ่อนพี่ ดูหงุดหงิดและหลบหน้ายังไงพิกล พอพี่ถามก็เงียบไม่ตอบซะงั้น เมื่อเช้าก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าไม่พูดกับพี่สักคำ”
“งานยุ่งมั่งพี่ปริม อย่าคิดอะไรมากเลยนะ รอดูไปก่อนอีกสักพัก ใครมาทำให้พี่ปริมเสียใจ เดี๋ยวเปรียวจัดการให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วง” เปรียวตอบ เหมือนสมัยต่างที่ทั้งสองคนยังเป็นเด็กเล็กๆ เมื่อก่อนเปรียวน้องสาวคนนี่ละที่คอยลุยให้พี่สาวเสมอๆ ถึงเปรียวจะเป็นน้อง แต่ด้วยความที่เปรียว คล่องแคล่วและมั่นใจในตัวเองมากกว่า จึงเป็นฝ่ายคอยดูแลพี่สาวมาตลอด
“คืนนี้นอนดูหนังกันดีกว่าพี่ เปรียวเพิ่งซื้อดีวีดีใหม่ๆ มาหลายเรื่อง นะๆ ไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า วิ่งแข่งกันมั๊ยพี่ปริมว่า ใครจะขึ้นไปถึงห้องนอนได้เร็วกว่ากัน” พูดจบน้องสาวคนเก่งก็วิ่งปรู๊ดล่วงหน้าไปแล้ว ส่วนปริมได้แต่ยืนหัวเราะ “ไม่รู้จักโตซะทีสิน่ายัยเปรียว”





Create Date : 05 เมษายน 2550
Last Update : 5 เมษายน 2550 20:20:34 น. 4 comments
Counter : 458 Pageviews.

 
มาติดตามอ่านนิยายค่ะ อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ จังค่ะ


โดย: MoneyPenny วันที่: 5 เมษายน 2550 เวลา:21:55:57 น.  

 
มาตามอ่านต่อจ่ะ เขียนต่อเร็วๆนะจ๊ะ


โดย: แม่ลูกแฝด วันที่: 5 เมษายน 2550 เวลา:22:57:55 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ อยากรู้ตอนที่ปริมจับได้ อิอิ


โดย: ปอมปอมเกิร์ล IP: 24.7.188.159 วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:0:55:48 น.  

 
อ้าว..เผลอแผล่บเดียวมาถึงตอนสี่แล้วเหรอ เดี๋ยวไปอ่านย้อนหลังก่อนนะ ว่าแต่อันนี้จะรวมเล่มมั้ย ถ้ารวมจะได้ไม่อ่าน รออ่านเป็นเล่มดีกว่า อิ อิ (ปกติไม่ค่อยชอบอ่านนิยายนะเนี่ย)

ปล. เมนท์เค้าหายไปไหน (เมนท์ไว้ที่ปีกนางฟ้า 1 เมื่อวันก่อนอ่ะ)


โดย: Lauderdale By The Sea วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:11:06:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pim(พิม)
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]





** ถ้าต้องการรูปจากบล็อคพิม รบกวนบอกกล่าวกันสักนิดนะคะ พิมไม่หวงภาพ เพียงแต่ขอให้บอกกันก่อน อย่าเอาไปโดยพลการนะคะ ... ขอบคุณค่ะ **

++ บทความล่าสุด ++

Friends' blogs
[Add pim(พิม)'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.