Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ปีกนางฟ้า 5


5.

เมื่อคนปริมหลับสบาย แต่กว่าจะได้นอนก็ดึกพอสมควร พอหนังจบแล้วสองสาวก็ยังนอนคุยกันไปเรื่อยจนเปรียวเริ่มโอดครวญกลัวว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไม่ไหว นั่นละถึงได้แยกย้ายกันนอน

เช้านี้คุณพริมาทำข้าวต้มปลาเตรียมไว้ให้ เพราะรู้ว่าเป็นอาหารจานโปรดของลูกสาว ปริมเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่าอยากกลับมาอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นอย่างนี้อีกสักครั้ง ไม่อยากกลับไปเป็นปริมหญิงสาวที่แต่งงานแล้วเลย เธอถึงกับตกใจในความคิดของตัว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะรู้สึกอย่างนี้ เธอพอใจในชีวิตของตนเอง เธอมีครอบครัวที่อบอุ่นและรักเธอมากเหลือเกิน และถึงจะแต่งงานแยกบ้านออกไปแล้ว ศัลย์ก็ไม่เคยทำให้เธอต้องหวนกลับมาคิดถึงบ้านเก่า จนกระทั่งวันนี้ แต่ปริมก็แก้ตัวกับตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เธอคิดมากเกินไป มันอาจจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ได้ วันนี้ศัลย์กลับบ้านทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม เป็นอย่างที่เคยเป็นมาตลอด

ยังไม่ทันที่ข้าวต้มปลาจะหมดชาม ผึ้งก็โทรศัพท์เข้ามา
“พี่ปริม เช้าวันนี้คุณแม่ทำอะไรให้ทานคะ” ผึ้งถามพร้อมหัวเราะไป “คือว่า หนูแวะไปทานเช้ากับพี่ด้วยได้มั๊ย ทานเสร็จแล้วเราก็ค่อยไปเดินเล่นกัน”
“มาสิผึ้ง วันนี้มีข้าวต้มปลาด้วยนะ ชอบไม่ใช่เหรอ” ปริมรีบชวน
“หู๊ยยย คิดถูกนะนี่ที่โทรมาถาม นึกแล้วเชียวว่าต้องมีของอร่อยๆ งั้นผึ้งไปถึงบ้านพี่เก้าโมงละกันน๊า อย่าทานคนเดียวหมดละเหลือให้ผึ้งด้วย”

สักเก้าโมงนิดๆ ผึ้งก็มาจอดรถที่หน้าบ้าของปริม พร้อมทั้งเดินหอบสัมภาระพะรุงพะรังเข้ามาเชียว
“ทุเรียนกรอบค่ะพี่ปริม น้องชายผึ้งกลับบ้านต่างจัดหวัด แม่เลยฝากมาให้เยอะเลย บอกว่าให้เอามาฝากพี่ปริมด้วย” พูดเสร็จก็รีบหันไปสวัสดีคุณพริมาที่กำลังถือถ้วยข้าวต้มควันกรุ่นออกมาจากครัว
“คุณแม่ขา ไม่ต้องยกมาเองหรอก เดี๋ยวผึ้งไปหยิบเองก็ได้ค่ะ ลาภปากจริงๆ วันนี้” ผึ้งรีบไปรับถ้วยข้าวต้มมาถือไว้เอง แล้วจัดการทานอย่างไม่ต้องปรุงเครื่องเพิ่มเลย
“ผึ้งทำไมหอบเอาทุเรียนกรอบมาเยอะแยะอย่างนี้ บ้านตัวเองน่ะเหลือกี่ถุงเนี่ย” ปริมถาม
“มีเยอะเลยพี่ พี่แบ่งๆ ไว้เถอะ พี่ก็รู้ หนูทานมากเดี๋ยวก็อ้วนกันเท่านั้นเอง มาแบ่งให้บ้านนี้อ้วนกันมั่ง” ผึ้งพูดจบ ก็ดื่มน้ำตาม ตีพุงแปะๆ “ฝีมือคุณแม่ไม่มีตกเลยนะคะ ถ้าผึ้งเป็นลูกสาวบ้านนี่คงจะอ้วนกลมแน่ๆ เลย”
“คุณแม่อยากได้อะไรมั๊ยคะ ปริมจะได้ซื้อมาฝาก” ปริมหันไปถามคุณแม่
“ไม่หรอกลูก เดินเที่ยวให้สนุกเถอะ แล้วหนูจะกลับบ้านเลยหรือจะแวะมาที่นี่อีกรอบละลูก” คุณพริมาถามลูกสาว
“คงกลับบ้านเลยดีกว่าค่ะ เย็นนี้ว่าจะทำกับข้าวเตรียมไว้ให้ศัลย์แปลกใจเล่นซะหน่อย” ปริมเดินเข้าไปกอดลาคุณแม่ ผึ้งยกมือไหว้ แล้วบอกว่าวันหลังจะมาขอทานข้าวด้วยสักมื้อ


สองสาวขับรถไปยังห้างหรูกลางใจเมือง เดินซื้อของคุยกันอย่างสนุกสนาน จนทั้งคู่เริ่มรู้สึกหิวจึงพากันไปนั่งข้าวร้านในร้านอาหารภายในห้างหรูแห่งนั้น ปริมเลือกมั่งตรงมุมที่ไม่สะดุดตาหันหน้าออกไปทางประตูทางเข้า ส่วนผึ้งขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ขณะที่ปริมนั่งรอบริกรอยู่นั่นสายตาก็ เหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินประคองกันเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาน่ารัก ผิวแทนสวย และที่สำคัญเธอใส่ชุดคลุมท้องสีชมพูใส ดูช่างน่ารัก หลือเกิน ปริมเลื่อนสายตามามองสามีของผู้หญิงคนนั้น ทันใดนั้นเธอรู้สึกหวิวๆ เหมือนจะเป็นลม มือไม้สั่น ผู้ชายคนนั้นคือศัลย์สามีของเธอเอง ดูท่าทางเข้าทนุถนอมผู้หญิงคนนั้นอย่างเหลือเกิน เธอไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองแต่เธอก็โกหกตัวเองไม่ได้ นั่นคือ ศัลย์ ศัลย์อย่างแน่นอน

ผึ้งเดินกลับมาที่โต๊ะ พร้อมอุทานว่า “พี่ปริมเป็นอะไรน่ะ ทำไมหน้าซีดอย่างนั้น มีอะไรเหรอพี่” พลางรื้อกระเป๋าค้นหายาดมส้มโอมือที่มีติด กระเป๋าไว้ตลอดเวลายื่นส่งให้ปริม “ดมซะพี่เดี๋ยวเป็นลมไป” ขณะนั้นบริกรกำลังเดินมารับออเดอร์อาหาร ผึ้งเลยสั่งชามะนาวสองที่

“พี่ปริมมีอะไรเหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงไม่สบายขึ้นมาละ” ผึ้งถามอย่างเป็นห่วง
ปริมตอบเพียงแต่ว่า “ผึ้งลองค่อยๆ หันไปมองคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้านหลังนะ ค่อยๆ หันนะผึ้ง แล้วช่วยดูให้พี่ทีว่าผู้ชายคนนั่นน่ะใช่ศัลย์รึเปล่า”
ผึ้งหันไปตามที่ปริมบอก แล้วรีบหันกลับมาพร้อมพูดว่า “ใช่พี่ศัลย์เลยพี่ เค้ามากับใครน่ะ พี่ปริมรู้จักรึเปล่า”

ปริมส่ายหัว น้ำตาเริ่มเอ่อคลอตา ปริมไม่ได้คิดมากไปเอง ท่าทางที่ศัลย์เอาอกเอาใจผู้หญิงคนนั้น ใครที่มองเห็นก็รู้ ว่ารักและเป็นห่วงขนาดไหน ปริมเจ็บยอกขึ้นมาในอก “พี่ควรจะทำยังไงดีผึ้ง จะทำยังไงดี” เธอเอ่ยถามผึ้งเสียงสั่น

“โธ่ พี่ปริม” ผึ้งทำท่ากระวนกระวาย เธอควรทำอย่างไรดีในเวลาเช่นนี้ “เอางี้มั๊ยพี่ปริม เดี๋ยวผึ้งจะเดินไปทักพี่ศัลย์ ดูสิ พี่ศัลย์จะว่ายังไง บางทีอาจจะเป็นแค่คนรู้จักกันก็ได้นะ” ผึ้งหวังให้เป็นอย่างนี้ ถึงแม้ว่าลักษณะท่าทางที่เห็นมันไม่น่าที่จะเป็นไปได้
“อย่าเลยผึ้ง พี่คงทำตัวไม่ถูก” ปริมค้าน
“ทำตัวอะไรไม่ถูกละพี่ นั่งอยู่ตรงนี้ละ เดี๋ยวผึ้งลุยเอง” ว่าแล้วเธอก็ลุกเดินไปยังโต๊ะนั้น
“อุ๊ย พี่ศัลย์ มาทานข้าวกลางวันไกลเชียวนะคะ” ผึ้งทักทาย แต่เธอไม่ยกมือไหว้ ขอเสียมารยาทหน่อยเถอะ ถ้าพี่ศัลย์เป็นอย่างที่คิด จะต้องยกมือไหว้ทำไม
ศัลย์สะดุ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคนรู้จักที่นี้ แถมคนที่มาทักดันเป็นเพื่อนสนิทกับปริมเสียอีกด้วย
“เอ่อ... น้องผึ้ง มาทานข้าวเหรอครับ มากับใคร” ศัลย์เอ่ยทักอย่างตะกุกตะกัก
“ผึ้งมากับพี่ปริมค่ะ นั่งกันอยู่ที่โต๊ะนั้น” ผึ้งชี้ไปทางโต๊ะที่ปริมนั่ง แต่ขณะนั้นโต๊ะนั้นกลับว่างไม่มีใครสักคน “อ้าว พี่ ปริมไปไหนซะแล้วล่ะ ก็บอกให้นั่งรอ ไม่รู้พี่ปริมโดนใครทำร้ายจิตใจมาค่ะพี่ศัลย์ นั่งหน้าซีดน้ำตาคลอเชียว เฮ้อ แล้วนี่หายไปไหนนะ ผึ้งไปละค่ะ ทานข้าวให้อร่อยก็แล้วกันนะคะ” ผึ้งเดินกลับมาที่โต๊ะ มาเจอกระดาษโน๊ตจากปริม เขียนบอกไว้ว่าจะไปรออยู่ที่ทางออกชั้นจอดรถ ผึ้งรีบเดินตามออกไปโดยเร็ว ไม่แม้แต่ที่จะหันไปมองโต๊ะตัวการนั่นอีก

“พี่ศัลย์ค่ะ จะตามไปคุยกับพี่ปริมมั๊ย” แยมสาวน้อยที่กำลังอุ้มท้องคนนั้นกล่าวกับศัลย์
ศัลย์อึ้งไปพักหนึ่ง แล้วตอบว่า “ไม่ดีกว่า ไว้พี่ค่อยคุยกับปริมคืนนี้ก็ได้ แยมบอกป้านะว่าคืนนี้ให้มานอนเป็นเพื่อนแยมด้วย พี่คงไม่ได้แวะไปหา” ศัลย์ตอบอย่างหน้าตาเคร่งเครียด แล้วเขาจะบอกกับปริมว่าอย่างไรดีสำหรับเรื่องนี้ ก็คงต้องพูดความจริงเสียทีละมั่ง


“พี่ปริม มายืนตัวสั่นเป็นลูกนกอยู่ทำไมตรงนี้ รีบลุกขึ้นมาทำไม ก็ผึ้งบอกว่าให้รอก่อนไงคะ” ผึ้งรีบวิ่งเข้ามาหาทันทีที่ เห็นปริมยืนรออยู่
“พี่ไม่รู้จะทำตัว ทำหน้ายังไงดีผึ้ง พี่ทำไม่ถูก” ปริมพูดปนสะอื้น
“พี่ปริม พี่ไม่ใช่เป็นคนผิดซะหน่อยนะ ทำไมต้องหนีด้วยนะ เป็นผึ้งหน่อยละไม่ได้เชียว”
“ผึ้งช่วยไปส่งพี่ที่บ้านหน่อยนะ พี่ขอหยิบของแป๊บเดียวแล้วพี่จะไปบ้านแม่” ปริมวานรุ่นน้อง ตอนนี้เธอคงจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองไม่ได้ ขืนไปก็คงต้องนั่งร้องไห้ในรถแน่ๆ
“ได้ค่ะพี่ ว่าแต่พี่ไม่รอคุยกับพี่ศัลย์ก่อนเหรอ ถามให้รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ” ผึ้งแนะนำ ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับไปยังที่รถจอด
“ไม่หรอกผึ้ง ศัลย์ทำตัวแปลกมาพักนึงแล้ว จนมาวันนี้พี่ถึงได้คำตอบว่าเพราะอะไร พี่เชื่อในสิ่งที่พี่เห็น พี่คงกลับไป อยู่บ้านคนเดียวไม่ได้แน่ๆ ถ้าศัลย์อยากเจอพี่ เขาก็รู้ละว่าจะหาพี่ได้ที่ไหน” ปริมตอบ พร้อมทั้งกล่าวต่อไปว่า “พรุ่งนี้พี่จะลองโทรไปที่ออฟฟิส ถ้าพอมีไพล์ทบินพี่คงจะบินเร็วหน่อย ขืนให้พี่หยุดอยู่บ้านเฉยๆ สิบวัน พี่คงเป็นบ้าไปก่อนแน่ๆ เลยผึ้ง” ปริมพูดพลางก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาพลาง
“พี่ปริม อีกสองวันผึ้งมีบินสามวัน พี่เอาของผึ้งไปมั๊ย เดี๋ยวผึ้งโทรไปบอกที่ออฟฟิสให้ แล้วพี่โทรไปคอนเฟิรม์อีกครั้ง แล้วเที่ยวบินหน้าเราก็บินด้วยกันเหมือนเดิม พี่ลองคิดดูแล้วกันนะ ถ้าจะบินก็โทรบอกผึ้งได้ตลอดนะ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
“ขอบคุณมากนะผึ้ง”

หลังจากที่ปริมกลับมาเก็บของใช้ส่วนตัว แล้วให้ผึ้งช่วยไปส่งที่บ้านแม่ ผึ้งก็ขอตัวกลับก่อน “พี่ปริมมีอะไรโทรหาผึ้งได้ตลอดนะคะ แล้วถ้าจะบินแทนผึ้งก็รีบโทรบอกผึ้งก็แล้วกัน จะได้จัดการให้เรียบร้อยเร็วๆ แล้วก็อย่าคิดอะไรไปในทางที่ร้ายนะพี่ มันอาจจะไม่แย่อย่างที่เราคิดก็ได้นะ”
“ขอบคุณนะผึ้ง แล้วพี่โทรหาจ๊ะ” แล้วปริมก็เดินเข้าบ้าน คุณพริมายังอยู่ในครัวจัดเตรียมอาหารเย็นสำหรับสามีและลูกสาวคนเล็ก เธอได้ยินเสียงรถมาจอดก็บอกเด็กในบ้านว่า “จิ๋มไปดูสิใครมา คุณเปรียวรึเปล่า ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วผิดปรกติ”

จิ๋มวิ่งหายไปสักพัก ก็กลับมาบอกว่า “คุณปริมค่ะคุณ ไม่ใช่คุณเปรียวหรอก”
“อ้าว ไหนปริมบอกว่าจะไม่แวะมาแล้วไง” คุณพริมารีบล้างมือ แล้วเดินออกมาดูลูกสาวคนโต ซึ่งตอนนี้เดินขึ้นข้าง บนแล้ว คุณพริมาเดินตามขึ้นไปเคาะประตูห้อง “ปริม เป็นอะไรรึเปล่าลูก ไหนว่าไม่แวะมาแล้วไง ให้แม่เข้าไปได้มั๊ยจ๊ะ”

สักพักคุณพริมาได้ยินเสียงลูกสาวเดินมาเปิดประตู แล้วโผเข้ากอดเธอร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ปริม หนูเป็นอะไรลูก ไหนบอกแม่สิ” คุณพริมาตกใจที่เห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ ลูกสาวทั้งสองคน ปริมกับเปรียว รักน่ะรักเหมือนกัน แต่ความเป็นห่วงมีให้ปริมมากกว่า ลูกสาวคนเล็กคล่องทันคนและไม่ยอมใคร ส่วนปริมหัวอ่อน เชื่อคนง่าย ไว้ใจคนง่าย และช่างตามใจคนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

คุณพริมาเดินโอบลูกมานั่งเก้าอี้ที่อยู่หน้าเตียง ปลอบกอดลูกสาวคนโต “เป็นอะไรลูก มีอะไรไม่สบายใจ บอกแม่สิคะ”
“ปริมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงค่ะแม่” ปริมพยายามห้ามตัวเองให้หยุดร้องไห้ เธอรู้เธอกำลังทำให้แม่ตกใจและเป็นห่วง “แม่ขา ปริมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้คะแม่”
“เรื่องอะไรละลูก เล่าให้แม่ฟังได้มั๊ย ช่วยๆ กันคิดไงจ๊ะ”
“เรื่องศัลย์คะแม่ วันนี้ปริมเห็นศัลย์กับผู้หญิงท้องคนหนึ่ง คือ ปริมคิดว่า ....” เธอพูดไม่จบ น้ำตาก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“โธ่ ลูกเอ๊ย หนูคุยกับศัลย์รึยัง หนีมาละสิแบบนี้” คุณพริมาพูดอย่างรู้จักลูกสาวของตัวเองดี
“แม่ขา ศัลย์เปลี่ยนไปสักพักแล้วค่ะ ไม่ค่อยกลับมานอนบ้าน ศัลย์ไม่เหมือนเมื่อก่อน ปริมรู้ค่ะแม่”
“ถึงไงก็เถอะลูก ยังไงหนูก็ต้องคุยกับศัลย์ให้รู้เรื่อง มางอนมาน้อยใจอย่างนี้คนเดียวได้ไงจ๊ะ” คุณพริมาพูดปลอบใจลูกสาว ถึงแม้ว่าตัวเองก็หวั่นใจ กับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
“ไปล้างหน้าล้างตาซะลูก ไหนแม่ดูหน้าหน่อยสิ เห็นมั๊ยตาบวมเชียว เดี๋ยวคุณพ่อกลับมาคงซักหนูแย่เลยเนี่ย”
“แม่คะ คืนนี้ปริมค้างที่นี้นะคะ”

ถึงแม้ว่าคุณพริมาจะไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกสาวหนีปัญหา แต่นี่คือลูก ลูกไม่สบายใจเธอจะผลักไสออกไปได้เชียวหรือ
“ได้สิลูก แต่ปริมต้องโทรไปบอกศัลย์ซะก่อนนะ”
ปริมเลี่ยงตอบโดยการเดินเข้าไปล้างหน้า แล้วกลับมานั่งข้างคุณพริมาอีกครั้ง
“แม่อย่าเพิ่งบอกพ่อได้มั๊ยคะ ปริมไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจ”
“แม่ยังไม่บอกหรอกลูก แต่ปริมสัญญากับแม่ได้มั๊ย ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไงหนูต้องเล่าให้แม่ฟัง” คุณพริมาขอคำสัญญาจากลูกสาว
“ค่ะแม่ ปริมสัญญา”

อาหารเย็นวันนั้น ปริมทานข้าวน้อยจนคุณเปรมเอะใจสงสัย
“ปริมไม่สบายรึเปล่าลูก หนูหน้าซีดๆ ข้าวปลาก็แทบจะไม่แตะอย่างนั้น” คุณเปรมกล่าวขึ้นอย่างเป็นห่วงลูกสาว
“ปริมปวดหัวค่ะพ่อ กำลังคิดว่าจะไปทานยาแล้วนอนพักดีกว่า” ขอโทษนะคะพ่อที่ปริมโกหก
“งั้นไปลูกไป ทานยาแล้วนอนพักซะ เปรียวแน่ะบริการพี่เขาหน่อย” คุณเปรมหันไปบอกเปรียวให้ไปหยิบยามาให้พี่สาว
เปรียวกำลังจะลุกขึ้น แต่ได้ยินเสียงแตรรถดังหน้าบ้าน ปริมหันไปบอกน้องว่า
“เปรียวออกไปดูเถอะว่าใครมา พี่ไปหยิบยาเอง” แล้วหันไปบอกพ่อกับแม่ว่า “หนูขอตัวก่อนนะคะ”
ไม่ทันที่ปริมจะเดินขึ้นไปข้างบนบ้าน เปรียวก็ส่งเสียงดังมาบอกว่า “พี่ปริม พี่ศัลย์มา งอนอะไรกันมาน่ะ มาคุยกันก่อนเลย ไม่ต้องหนีขึ้นข้างบนเลยพี่ปริม”
ปริมถอนใจ เธอนึกแล้วว่าคืนนี้ศัลย์คงจะตามมาที่บ้าน ใจหนึ่งก็คิดว่า ขึ้นข้างบนหนีปัญหาไปก่อน แต่อีกใจก็บอกกับตัวเองว่า หนีไปก็เท่านั้น อะไรที่ควรรู้ก็ควรจะรู้ไว้ซะตั้งแต่วันนี้เลย ดังนั้นเธอจึงเดินกลับมาหาศัลย์แล้วบอกว่าเธอจะไปรอที่ม้าหินหลังบ้าน

ศัลย์เข้ามาสวัสดีคุณเปรมกับคุณพริมาด้วยสีหน้าที่จืดเจื่อน โชคดีที่ไม่มีใครถามอะไร คุณพริมาบอกเขาว่า “ศัลย์ไปคุยกับปริมเถอะลูก มีอะไรก็พูด จากันตรงๆ นะ”
“ครับ” ศัลย์ไม่รู้จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ นี่แสดงว่าคุณพริมาคงจะรู้เรื่องแล้วนั่นเอง

ศัลย์เลื่อนเก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงข้ามปริม คว้ามือปริมมาจับเอาไว้ แต่ปริมดึงออกมาแล้วนั่งกอดอกเอาไว้
“ปริม ....” ศัลย์ไม่รู้จะเริ่มต้นว่ายังไงดี
“ผู้หญิงคนนั้นคือใครคะศัลย์” ปริมถาม
“แยม รุ่นน้องที่ทำงาน”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เกือบปีครับ”
“ศัลย์หลอกปริมมาเกือบปีเชียวเหรอ ศัลย์ทำกับปริมอย่างนี้ได้ไงคะ ไม่รักกันปริมไม่ว่าศัลย์เลย แต่ทำไมต้องทำร้ายกันอย่างนี้ด้วย” ปริมแทบจะไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายคนที่เธอรักคนนี้หลอกเธอได้นานขนาดนี้เชียวหรือ
“ศัลย์รักปริมนะครับ เพราะรักศัลย์ถึงไม่กล้าบอกปริม” ปากพูดแต่ก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าปริม
“หมดเวลาที่จะพูดกันเรื่องรักแล้วค่ะศัลย์ กำหนดคลอดเมื่อไหร่” ปริมถาม เธอไม่วายแปลกใจตัวเองว่าเธอทนถามคำ ถามเหล่านี้ได้ยังไง ดวงตาแห้ง ผากไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด
“อีกสองเดือนครับ”
“พรุ่งนี้ปริมจะไปเก็บของจากที่บ้าน ช่วงนี้ศัลย์คงไม่ต้องแวะมาหาปริมที่นี่หรอกนะ ปริมยังไม่อยากเจอ ยังไม่อยากคุยกับศัลย์ ขอเวลาให้ปริมหน่อย”
“ปริม อย่าย้ายออกมาเลยนะ ปริมอยู่บ้านของเราต่อเถอะ ศัลย์สัญญาว่าจะกลับมานอนที่บ้านทุกคืน” เขารู้ว่าไม่ควรจะต่อรองกับปริม แต่เขายังทำใจที่จะเสียปริมไปไม่ได้ ศัลย์แน่ใจตัวเองว่าเขารักปริมมาก ทุกวันนี้ก็ยังรักอยู่ แต่กับอีกทางกลับกลายเป็นปมหลายชั้น ในเมื่อแยมอุ้มท้องเด็กที่เป็นสายเลือดของเขา และศัลย์ก็ยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถที่เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ เขาไม่อยากจะเสียผู้หญิงทั้งสองคนนี้ไป
“ศัลย์กลับไปเถอะค่ะ ปริมรู้ในสิ่งที่อยากจะรู้แล้ว ถ้าปริมอยากคุยกับศัลย์เมื่อไหร่ ปริมจะติดต่อไปเอง ตอนนี้ขอเวลาปริมหน่อยเถอะค่ะ สงสารปริมบ้าง” เธอพูดแล้วก็ซบหน้าลงกับมือ “กลับไปก่อนเถอะศัลย์ ปริมขอร้อง”
“ครับ ปริม.. อย่างหนึ่งที่ศัลย์แน่ใจคือ ศัลย์รักปริมนะ เคยรักยังไงศัลย์ก็ยังรักปริมอยู่อย่างนั้น” ศัลย์พูดจบก็เดินจากไป





Create Date : 09 เมษายน 2550
Last Update : 9 เมษายน 2550 0:40:19 น. 6 comments
Counter : 485 Pageviews.

 
แปะไว้ก่อนนะง่วงแล้ว


โดย: somnumberone วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:1:21:12 น.  

 
ไม่อยู่ 8 วันกลับมาอีกทีจะตามอ่านทันมั้ยเนี๊ย


โดย: Lauderdale By The Sea วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:7:27:45 น.  

 
อ่านรวดเดียวจบ 5 ตอน

สนุกจังค่ะ...แต่เห็นด้วยกับพี่ปอม ว่า พิมคงต้องบรรยาย ลักษณะตัวละคร อีกนิดจะได้วาดภาพออก ตอนนี้นึกเอาว่า ปริมเป็นพิม ซะเลย


โดย: *พิณ* วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:7:42:18 น.  

 
แงๆๆๆ เรื่องนี้คล้ายเรื่องของญาติคนหนึ่งเลย แต่ของน้าพี่กว่าจะรู้ ลูกของผู้หญิงอีกคนก็โตจน 8 ขวบแล้วอ่ะ สงสารปริมที่สุด



โดย: ปอมปอมเกิร์ล วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:21:17:47 น.  

 
ไว้จะแวะมาอ่านใหม่นะคะ ไม่ได้อ่านตั้งแต่ตอนแรก เดี๋ยวประติดประต่อไม่ได้ ตอนนี้ขอนอนก่อนพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า....ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: วันวานที่ผ่านมา วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:22:03:10 น.  

 
แงๆ เกลียดผู้ชายใจร้าย


โดย: ตะเกียงแก้ว วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:23:39:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pim(พิม)
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]





** ถ้าต้องการรูปจากบล็อคพิม รบกวนบอกกล่าวกันสักนิดนะคะ พิมไม่หวงภาพ เพียงแต่ขอให้บอกกันก่อน อย่าเอาไปโดยพลการนะคะ ... ขอบคุณค่ะ **

++ บทความล่าสุด ++

Friends' blogs
[Add pim(พิม)'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.