Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
ปีกนางฟ้า 8


8.

วันรุ่งขึ้นกว่าปริมจะลุกขึ้นจากเตียงได้ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกโงนเงน คอแห้งผาก ปวดหัวตุ๊บๆ ปริม สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำตัวอย่างนี้อีกแล้ว เข็ดจริงๆ เธอรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน ไม่มีแม้แต่เวลาจะหาอะไรทาน แต่ถึงมีเธอก็คงทานไม่ลง ท้องหิวแต่รู้สึกพะอืดพะอมเหลือเกิน

ปริมลงไปนั่งรอรถบัสที่จะมารับบรรดาลูกเรือที่จะเข้าไปที่สนามบิน ฌอนเดินมาทักเธอ

"ปริมเป็นไงมั่ง แฮงค์โอเวอร์รึเปล่าครับ” ฌอนเดินยิ้มเข้ามาหา

ปริมพยักหน้าแล้วยิ้มตอบ “ไม่ไหวคะฌอน ฉันเข็ดจนตาย”

เขาหัวเราะเสียงดัง แล้วถามต่อว่า “เมื่อคืนคุณคิดอะไรของคุณน่ะ ถึงได้ไปที่ซิงเกิ้ลบาร์ ถ้าคุณไม่เจอผม แล้วใครจะเดินมาส่งคุณละฮะ”

“นั่นสิคะ ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้คุณเมื่อคืนสงสัยฉันนอนอยู่ที่บาร์แน่ๆ เลย”

“งั้นคุณช่วยบอกผึ้งให้โทรหาผม เราก็หายกันละกันนะฮะ”

“โอเคเลยค่ะ” ปริมหัวเราะ

จริงๆ แล้วปริมยังไม่อยากกลับเมืองไทยเลย การที่ได้มาทำงาน มาอยู่ไกลๆ ปัญหาทำให้เธอเครียดน้อยลง แต่การที่จะวิ่งหนีปัญหาไปเรื่อยๆ คงจะไม่ใช่วิธีที่ดี สู่กลับไปจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้เสร็จโดยเร็วดีกว่า


ที่สนามบินวันนี้ทั้งพ่อแม่และเปรียวต่างมารอรับปริมกลับบ้าน ปริมรู้ว่าทุกๆ คนเป็นห่วงเธอ เธออาจจะทำตัวอ่อนแอเกินไปรึเปล่า พรุ่งนี้ปริมจะ เข้มแข็งมากกว่านี้ เธอพร้อมที่จะเจอปัญหาทุกๆ อย่าง ปริมรู้ว่าทุกๆ คนในบ้านไม่มีใครเศร้าใจเสียใจน้อยไปกว่าเธอเลย เธอเดินยิ้มเข้าไปหา

“โอ้โหเกิดอะไรคะ ทำไมมาพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้” ปริมเอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้พ่อและแม่

“ก็มารับพี่ปริมไปหม่ำข้าวต้มโต้รุ่งก่อนกลับบ้านไง ตอนแรกเปรียวว่าจะไม่มาหรอก แต่ได้ยินพ่อกับแม่คุยกันแว่วๆ เรื่องไรจะอยู่บ้านให้อดละ ออกมาด้วยดีกว่า” เปรียวตอบพร้อมแย่งลากกระเป๋าไปจากเธอ เธอเลยเดินเกาะแขนคุณพริมาเดินไปยังที่จอดรถ

“แม่คะ พ่อคะ พรุ่งนี้เย็นปริมว่าจะชวนศัลย์มาที่บ้านน่ะค่ะ ปริมอยากจะเคลียร์เรื่องให้จบไปเร็วๆ” ปริมเอ่ยขึ้นมาขณะที่ทานอาหารมื้อดึกเสร็จเรียบร้อย

“ดีลูก อย่าให้มันคาราคาซังอยู่เลย” คุณเปรมเห็นดีด้วย

“หลังจากที่ปริมจัดการปัญหาเรียบร้อย ปริมอยากจะไปเที่ยวพักผ่อนสักพักน่ะค่ะ ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะไปที่ไหนดี เปรียวไปกับพี่นะหยุดงานสักอาทิตย์สองอาทิตย์ไหวมั๊ย” ปริมชวนน้องสาว เพราะรู้ว่าขืนบอกว่าจะไปคนเดียวพ่อกับแม่คงจะไม่ยอมแน่ๆ แต่เธอไม่ได้บอกหมดว่าหลังจากนั้นเธอจะอยู่ต่อคนเดียวอีกสักสองอาทิตย์

“เมื่อไหร่ละพี่ปริม เรื่องเที่ยวนี่ไม่ต้องบอกเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้เปรียวไปลางานเตรียมไว้ก่อน ไปที่ไหนค่อยว่ากันอีกทีเนอะ แต่ไปทะเลก็ดีนะพี่ว่าไง” เปรียวรีบคิดเป็นการใหญ่

“ต้องหลังพี่กลับจากบินหน้าก่อนนะเปรียว เดี๋ยวพี่จะไปส่งใบลาขอหยุดเตรียมไว้เลยเหมือนกัน”

“เออ สองสาวนี่อะไรกัน นัดเที่ยวกันไม่ชวนพ่อแม่กันเลยนะเรานะ” คุณเปรมแซวลูกสาวทั้งสองคน ในใจนึกว่าปริมกลับมาคราวนี้รู้สึกเหมือนจะดีกว่าตอนก่อนไปเยอะ ลูกเข้มแข็งขึ้นมาก

“คนแก่เฝ้าบ้านค่ะ เนอะพี่ปริมเนอะ” ทุกคนหัวเราะกับคำตอบของเปรียวน้องสาวคนเล็กของบ้าน


คืนนี้ก่อนเข้านอนปริมแอบกระซิบบอกเปรียวว่า “พรุ่งนี้โทรหาศัลย์ให้พี่หน่อยนะเปรียว พี่ไม่อยากโทรเอง”

“จะนัดกี่โมงพี่” เปรียวถาม

“แล้วแต่เขาแล้วกัน พี่อยู่บ้านทั้งวันอยู่แล้ว เขาว่างเมื่อไหร่ปลีกตัวมาได้ตอนไหนก็มาตอนนั้นละ แต่ยังไงให้มาพรุ่งนี้นะห้ามผลัด บอกเขาไปด้วย ... อ้อ แล้วมาคนเดียวนะไม่ต้องพาใครมา” ปริมตอบเสร็จก็หันกลับไปนอน

“คร้าบผม สั่งจริงเจ๊” เปรียวแอบบ่น พร้อมทั้งคิดในใจว่าจะต้องบอกพี่ศัลย์ให้มาหลังทุ่มหนึ่งไปแล้ว เปรียวจะได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย อยากดูหน้าพี่ศัลย์สิว่าจะเป็นไง


เช้าวันนี้ปริมตื่นขึ้นมาด้วยความสดใสกว่าทุกๆ วัน เหมือนคนที่หลงทางอยู่ในป่า แล้ววันหนึ่งก็ได้เห็นแสงส่องไปยังทางออก และเริ่มจากวันนี้เธอก็จะเดินก้าวไปตามทางนั้นด้วยความมั่นใจ ไม่มีอีกแล้วความรู้สึกที่เหมือนกับว่าตัวเองหลงทางอยู่ในป่ามืดทึบไร้ซึ่งทางไป

ปริมรีบโทรหาผึ้งแต่เช้า เล่าเรื่องราวที่ไปเที่ยวซิงเกิ้ลบาร์ให้ฟัง พร้อมทั้งบอกว่า “ฌอนรอโทรศัพท์ผึ้งอยู่นะวันนี้ พี่สัญญาว่าจะโทรบอกผึ้งให้”

“กรี๊ด กรี๊ด จริงเหรอพี่ นี่แสดงว่าเขาคิดถึงหนูใช่มั๊ย อุ๊ย แสดงว่าเสน่ห์เรายังใช้การได้ดีอยู่” ผึ้งหัวเราะร่ามาตามสาย “งั้นเดี๋ยวนัดทานข้าวเที่ยงซะดีกว่า พี่ไปด้วยกันมั๊ยคะ” ผึ้งชวน

“ไม่หรอก วันนี้พี่อยากอยู่บ้าน คงไม่ออกไปไหนหรอก ผึ้งไปเถอะพี่จะรอฟังข่าวดี”

“ข่าวดีอะไรกันพี่ หล่อออกปานนั้นจะมาสนใจยัยดำอย่างผึ้งจริงเร้อ” ปริมรู้ตั้งแต่ผึ้งอกหักคราวนั้นผึ้งไม่เคยเชื่อใจใครอีกเลย เธอจึงพูดแนะไปว่า

“ผึ้งอย่าปิดกั้นตัวเองเลยนะ ผู้ชายไม่ได้ร้ายไปซะทุกคนหรอก ถือว่าเราซวยเองที่ไปเจอผู้ชายแบบนั้นนะ คนดีๆ ยังมีอีกเยอะนะพี่ว่า”

“บอกตัวเองด้วยเปล่าพี่ปริม” ผึ้งแหย่ปริม

“ก็คงใช่ละผึ้ง ชีวิตเรายังต้องเดินไปอีกนานจะมาหยุดแค่ตรงนี้ไม่ได้หรอก”

“พี่ปริม แล้วเรื่องพี่ศัลย์พี่จะเอาไงคะ” ผึ้งถามด้วยความเป็นห่วง

“ก็คงต้องเลิกละผึ้ง ทางนู้นเขาท้อง พี่จะทำอะไรได้มากกว่านี้ละ”

“ท้องก็ท้องสิพี่ ให้ค่าทำขวัญไป”

“ไม่ได้หรอก พี่สงสารเด็ก ศัลย์เองก็คงจะรักทางนู้นอยู่บ้างเหมือนกันนะ แล้วยิ่งมีลูกด้วยกันอย่างนี้พี่เป็นฝ่ายถอยออกมาเองดีกว่า” ปริมพูดอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว

“แย่จัง ไม่อยากให้พี่เจออะไรอย่างนี้เลย”

“นี่ ยังไม่รีบโทรหาฌอนอีก เดี๋ยวสาวอื่นก็มาโฉบไปก่อนไม่รู้ด้วยน๊า” ปริมเปลี่ยนเรื่องคุย

“นั่นสิๆๆ งั้นแค่นี้นะพี่ ไปเตรียมตัวเดทกับหนุ่มหล่อก่อน บ๊ายบายจ้า”


เย็นวันนั้นศัลย์แวะมาหาปริมที่บ้านในสภาพอิดโรย แค่เห็นปริมก็รู้แล้วว่าศัลย์เองก็คงเครียดและคิดมากไม่ต่างไปจากเธอ ปริมต้อนรับศัลย์แค่เพียงบริเวณลานหน้าบ้าน ไม่แม้แต่จะชวนให้เข้าไปคุยในบ้าน

“ปริมกลับบ้านเราเถอะนะ ศัลย์ขอโทษ ศัลย์พร้อมที่จะเลิกกับแยมถ้าปริมต้องการอย่างนั้น แต่เรื่องลูกศัลย์คงจะตัดไม่ขาด ศัลย์คงจะทิ้งลูกไม่ได้ ปริมเห็นใจศัลย์เถอะนะครับ”

“ศัลย์คะ ปริมไม่ได้บอกให้คุณเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ..... แต่ปริมอยากจะขอเลิกกับคุณ” ปริมเอ่ยอย่างช้าๆ มั่นคงต่อการตัดสินใจของตัวเอง

“ไม่ได้นะปริม เราจะเลิกกันได้ยังไง เรารักกันมากไม่ใช่เหรอครับ ปริมนึกถึงวันเก่าๆ ของเราบ้างสิ ศัลย์เลิกกับปริมไม่ได้หรอก ศัลย์รักปริมนะ รักปริมมาก ยิ่งเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นยิ่งทำให้ศัลย์รู้ตัวว่าศัลย์ขาดปริมไม่ได้” ศัลย์พูดพลางเอื้อมไปจับมือปริมมากุมไว้

“ปริมคงอยู่แบบเราสามคนไม่ได้หรอกค่ะ และปริมก็คงรับลูกศัลย์กับผู้หญิงคนอื่นมาเลี้ยงเองไม่ได้อีกเหมือนกัน ปริมไม่ใช่คนดีขนาดนั้น สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราตอนนี้ก็คือเราเลิกกัน ศัลย์ไปหาผู้หญิงคนนั้นกับลูกของศัลย์เถอะ ส่วนปริม ปริมอยู่ได้ค่ะ ถึงปริมจะรักศัลย์มากแค่ไหน แต่สักวันหนึ่งปริมต้องทำใจได้แน่ๆ ตอนนี้ปริมรู้สึกเหมือนกับเป็นส่วนเกินในครอบครัวของศัลย์”

“ไม่นะครับ ครอบครัวของศัลย์ก็มีปริมไง แล้วอีกหน่อยเราก็มีลูกเล็กๆ ของเราเอง ส่วนแยม ศัลย์คงจะดูแลไปตามที่ควรจะเป็น เลี้ยงดูลูกตามที่ควรจะทำ แต่ปริมคือหัวใจของศัลย์นะ เรารักกันมานานแล้วนะปริม อย่าให้เรื่องแค่นี้มาทำลายความรักของเราเลย”

“เรื่องแค่นี้เหรอคะ ศัลย์มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหรอ ปริมไม่คิดเลยว่าศัลย์จะเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวขนาดนี้ ปริมพยายามทำเรื่องทุกอย่างให้ง่ายที่สุดแล้วนะ ศัลย์จะเอายังไงกับปริมอีก” เธอเริ่มจะโมโหไม่คิดเลยว่า ผู้ชายที่รู้จักรักใคร่กันมาเกือบสิบปีจะกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา

“ไม่ฮะ ศัลย์ไม่เลิก ศัลย์ไม่หย่า ปริมจะหย่าก็หย่าไปคนเดียวเถอะ ศัลย์รู้ว่าปริมยังรักศัลย์อยู่ ขอเวลาอีกสักพัก ให้เด็กคลอดก่อนแล้วเราค่อยคุยกันอีกครั้งได้มั๊ย ช่วงนี้ถ้าปริมอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่ศัลย์ก็ตามใจปริม แต่ขอให้ศัลย์ได้มาเยี่ยมมาหา ได้พาปริมไปไหนต่อไหนบ้าง ได้มั๊ยครับ”

“ไม่ได้คะศัลย์ บ้านนี้คงไม่ต้อนรับศัลย์อีกแล้วละ ศัลย์กลับไปเถอะค่ะ พร้อมเมื่อไหร่นัดปริมมาก็แล้วกัน เจอกันที่อำเภอเลย ปริมขอให้ศัลย์จัดการโดยเร็วหน่อย ปริมไม่อยากให้เรื่องมันคาราคาซังอยู่อย่างนี้ ให้เสร็จเรื่องก่อนเด็กจะเกิดก็ดีค่ะ” ปริมพูดจบก็หันหลังเตรียมตัวจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน

“ปริม อย่าใจร้ายกับศัลย์อย่างนี้ ปริมครับเดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” ศัลย์เรียกปริมเอาไว้ “อย่างน้อยที่สุด ศัลย์ขอเบอร์โทรเบอร์ใหม่ของปริมได้มั๊ย ศัลย์จะได้โทรมาหาปริมบ้าง”

“อย่าเลยคะศัลย์ มีอะไรก็โทรมาที่บ้านก็แล้วกัน ... โชคดีนะคะ แล้วปริมจะรอนัดจากศัลย์ อย่าให้นานนักนะคะ” แล้วเธอก็เดินจากไปโดยไม่แม้จะหันกลับมามองอีกสักครั้ง ศัลย์จึงไม่มีโอกาสได้เห็นน้ำตาที่ไหลรินท่วมท้นออกมาจากใจของปริม


ศัลย์ขับรถกลับออกไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย จะกลับไปบ้านก็คงจะไปเจอแต่บ้านโล่งๆ ที่มีแต่เงาของปริมทาบทาไปทุกแห่ง จะไปหาแยมวันนี้เขาก็ คงจะทำตัวไม่ถูก ดีไม่ดีเดี๋ยวกลายเป็นทะเลาะกันไปเสียเปล่าๆ ตั้งแต่ปริมรู้เรื่อง แยมหญิงสาวที่ไม่เคยมีปากมีเสียไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเขาก็เริ่ม เปลี่ยนแปลงไป แยมกลัวแต่ว่าเขาจะทิ้งเธอไป ทุกวันนี้แยมแทบจะโทรศัพท์มาเช็คเขาทุกๆ ชั่วโมง เขากลัวเธอจะเครียดและจะส่งผลถึงเด็กในท้อง เขาเลยไม่กล้าที่จะขัดใจเธอมากนัก อะไรที่พอจะทำให้ได้เขาก็ทำให้ทุกอย่าง และวันนี้ถ้าเขาไม่กลับไปหาแยมเธอก็คงกระวนกระวาย แต่วันนี้เขา เกิดอาการเบื่อ ท้อแท้ใจ เขากำลังจะเสียปริมไปอย่างไม่มีวันกลับจะให้เขาทำใจได้ยังไงกัน

ศัลย์ตัดสินใจขับรถไปบ้านแม่ ระหว่างนั้นก็โทรศัพท์หาแยม

“แยม คืนนี้พี่นอนบ้านแม่นะ พี่คงไม่แวะเข้าไปหา พี่เหนื่อยจริงๆ อยากจะรีบพัก”

“จริงนะพี่ศัลย์แวะบ้านแม่จริงๆ นะ พี่ศัลย์ไม่หลอกแยมนะ แล้วไปคุยกับพี่ปริมว่าไงบ้างคะ” แยมถามอย่างมีความหวัง

“ปริมขอหย่า ... แต่พี่ยังไม่รู้เลยแยม”

“อ้าวทำไมละพี่ พี่ไม่ห่วงแยมห่วงลูกเหรอ ในเมื่อพี่ปริมเปิดโอกาสให้เราแล้วพี่ก็รีบไปหย่าสิคะ ถือว่าทำเพื่อลูกนะคะพี่ศัลย์” แยมเอาลูกมาอ้าง ซึ่งเธอรู้ว่าศัลย์จะต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก

“ช่างเถอะแยม ยังไงพี่ก็คงยังไม่หย่าตอนนี้หรอก ลองแยกกันสักพักเพื่อว่าปริมจะลองคิดดูใหม่”

“พี่ศัลย์พูดอย่างนี้กับแยมกับลูกได้ไง ทำร้ายจิตใจแยมมากเลยนะ” เธอพูดไปร้องไห้ไป ซึ่งทำให้ศัลย์เป็นกังวลมากยิ่งขึ้น

“แยมอย่าร้องสิ อารมณ์ของแยมจะส่งผลไปถึงลูกด้วยนะ แยมก็รู้”

“รู๊ รู้แล้วไงละ รู้แล้วห้ามเศร้ากับชีวิตตัวเองเหรอ เด็กเนี่ยจะรู้มั๊ยว่าเกิดมาก็จะกำพร้าพ่อทันที”

“แยมไม่เอาน่า พี่ยังไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะเลิกกับแยม ยังไงพี่ก็รับรองบุตรอยู่แล้ว เฮ้ออ... อย่าเพิ่งพูดกันตอนนี้เลย พี่ปวดหัวและพี่กำลังจะถึงบ้านแม่แล้ว แยมเข้านอนซะนะอย่าคิดมาก พรุ่งนี้เช้าพี่ขับรถไปรับนะฮะคนดี”

“พี่ศัลย์มาหาแยมไม่ได้เหรอคะ”

“มันดึกแล้วนะแยม พี่คงขับรถไม่ไหว คืนนี้พี่อยากคุยกับแม่ด้วย ยังไงพรุ่งนี้เจอกันนะฮะ”

“ค่ะ แยมเชื่อพี่ แยมกับลูกรักพี่นะคะ”


ศัลย์ขับรถเข้าไปจอดที่โรงรถ แทนที่จะเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กที่เป็นบ้านส่วนตัวของเขา เขากลับเดินขึ้นไปที่บ้านใหญ่เพราะว่ายังเห็นแสงไฟ ยังสว่างอยู่แสดงว่าคุณพงายังคงไม่นอน คงต้องให้แม่ช่วยพูดกับปริมให้หน่อย ศัลย์คิดในใจ

“ตาศัลย์ นายตัวดีมานี่เลยลูก นี่ถ้ายังเด็กยังเล็ก แม่คงจะคว้าไม้เรียวมาตีเราให้แล้วนะ ทำไมลูก ทำไมทำตัวอย่างนี้ ไม่สงสารหนูปริมบ้างหรือไง ไปพลาดท่าเสียทีได้ไงลูกแม่” คุณพงารีบเรียกลูกชายให้เข้าไปหา เธอร้อนใจมาตั้งแต่วันที่พ่อของหนูปริมโทรมาเล่าเรื่องราวให้ฟังแล้ว พ่อตัวดี คนนี้ก็คอยหลบหน้า สั่งให้แวะมาหาก็ไม่ยอมมาจนกระทั่งวันนี้

“แม่ฮะ ช่วยศัลย์หน่อย ช่วยพูดกับปริมให้หน่อยสิฮะ ปริมจะหย่ากับศัลย์ ศัลย์ไม่ยอมนะแม่ แม่ต้องไปพูดกับปริมนะครับ” ศัลย์อ้อนแม่ให้ช่วยพูดแทนตัว

“ตาศัลย์ เรื่องที่เราทำไว้น่ะมันเรื่องใหญ่นะ แม่จะเอาหน้าไหนไปพูดกับหนูปริมละลูก ไหนจะคุณพ่อคุณแม่เขาอีก เราน่ะผิดเต็มประตูนะศัลย์” คุณพงาก็ถามต่อว่า “แล้วผู้หญิงอีกคนของเราน่ะเป็นใคร คบกันมานานเท่าไหร่แล้ว เมื่อไหร่จะคลอด นั่นก็หลานแม่นะศัลย์ ทิ้งขว้างก็คงจะไม่ได้ เราจะแก้ปัญหานี่ยังไง ไหนคุยให้แม่ฟังหน่อยสิ”

“ศัลย์ก็อยู่กับปริมเหมือนเดิมไงฮะแม่ มีลูกให้ปริมเลี้ยงโดยไม่ต้องท้องเองไม่ดีหรอกเหรอ แต่ถ้าปริมไม่อยากได้ ศัลย์ก็ไม่ให้มายุ่งก็ได้ แต่แยมน่ะ ศัลย์ก็คงต้องเลี้ยงดูไปตามเรื่องละฮะ ชีวิตแยมเขาน่าสงสาร ส่วนลูกศัลย์ก็คงไม่ทิ้งหรอกแม่ หรือถ้าแม่อยากเลี้ยงหลาน ศัลย์ให้แยมกับลูกมาอยู่กับแม่เอามั๊ยละ”

“โอ๊ยยย ฉันจะเป็นลม นี่ฉันเลี้ยงลูกชายมายังไง ทำไมถึงได้เห็นแก่ตัวอย่างนี้นะตาศัลย์ เรามันจะเอาทั้งสองฝ่าย ทำไมไม่นึกถึงจิตใจของทางฝ่ายหญิงบ้าง” คุณพงารีบเอาพัดมาพัดความเย็นให้ตัวเอง ลูกเอ๊ยลูก ทำไมถึงหาเรื่องใส่ตัวนัก “แกไปจัดการของแกเองแล้วกัน ฉันคงไม่ตากหน้าไปขอให้หนูปริมให้อภัยแกหรอก อย่างดีก็ได้แต่ขอโทษแทนแกนั่นแหล่ะ” คุณพงาเปลี่ยนสรรพนามเป็นฉันเป็นแก นั่นแสดงว่าเธอกำลังโกรธจริงจัง ศัลย์เห็นท่าไม่ดีเลยต้องหลบไปก่อน

“คุณแม่พักผ่อนเถอะครับ ผมขอตัวก่อนแล้ววันไหนว่างๆ จะพาแยมมาสวัสดีคุณแม่นะฮะ” ศัลย์พูดจบก็เดินออกไปยังบ้านหลังเล็กที่แยกเป็นสัดเป็นส่วนของตัวเอง






Create Date : 12 เมษายน 2550
Last Update : 12 เมษายน 2550 5:18:53 น. 2 comments
Counter : 483 Pageviews.

 
โอ เห็นแก่ตัวจริงๆ

รีบตามมาอ่านต่ออย่างรวดเร็วจ่ะ


โดย: แม่ลูกแฝด IP: 65.139.32.162 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:6:10:29 น.  

 

โอ๊ย...ไม่ไหวแล้ว ทำไมศัลย์เป็นผู้ชายที่แย่ได้ขนาดนี้ ตกลงใครเป็นพระเอกอ่ะคะ อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่ะ คุณพิมรีบๆมาอัพต่อนะคะ


โดย: แม่หนูพริม IP: 24.131.65.30 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:7:08:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pim(พิม)
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]





** ถ้าต้องการรูปจากบล็อคพิม รบกวนบอกกล่าวกันสักนิดนะคะ พิมไม่หวงภาพ เพียงแต่ขอให้บอกกันก่อน อย่าเอาไปโดยพลการนะคะ ... ขอบคุณค่ะ **

++ บทความล่าสุด ++

Friends' blogs
[Add pim(พิม)'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.