|
ปีกนางฟ้า 20
20.
เช้าวันรุ่งขึ้นศัลย์โทรมาส่งข่าวว่าแยมคลอดลูกแล้ว ลูกชายของเขาแข็งแรงสมบูรณ์ดี ฟังจากเสียงปริมก็รู้ว่าศัลย์ตื่นเต้นและมีความสุขมาก ตอนสายๆ เธอจึงชวนคุณพริมาไปเยี่ยมหลานกันสองคน
แยมเป็นไงมั่ง พี่แวะไปดูหลานแล้ว น่ารักเชียวนะ แก้มกลมเชียว ปริมทักทายแยมที่ยังนอนพักอยู่บนเตียงคนไข้
ขอบคุณค่ะพี่ปริม ขอบคุณคะคุณแม่ แค่มาเยี่ยมแยมก็ดีใจแล้ว ไม่น่าจะต้องหอบอะไรมาให้เลยนะคะ อ้อ.. นี่ป้าแยมเองค่ะ เธอหันไปแนะนำป้าแต๋วให้คุณพริมากับปริมรู้จัก
หลานพี่ชื่ออะไรจ๊ะแยม ปริมชวนคุย
ชื่อลูกศรค่ะ พี่ศัลย์เป็นคนตั้งให้เอง
น่ารักดีนะคะแม่ เธอหันไปคุยกับคุณพริมา จากนั้นก็มาบอกป้าแต๋วว่า ถ้ามีอะไรให้ปริมช่วยเหลือป้าแต๋วโทรไปบอกได้เลยนะคะ ถ้าปริมไม่อยู่คุยกับแม่ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะคะ
ขอบคุณนะคะคุณ เรื่องอะไรที่ผ่านมาป้าขอโทษแทนหลานด้วยนะ คุณน้ำใจดีเหลือเกิน ดูสิถึงขนาดนี้แล้วยังมาช่วยเหลือ ป้ารู้สึกผิดต่อคุณมากๆ เลยค่ะ
ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะป้าแต๋ว เรื่องมันผ่านไปแล้วนะ
แยมวันนี้พี่ขอตัวกลับก่อนนะคะ พี่ขอให้ครอบครัวของแยมมีความสุขรักใคร่ปรองดองกันดีๆ นะ พี่ว่าศัลย์คงไม่ต้องการให้แยมรับทุนไปเรียนแล้วละ ท่าทางเขาเห่อลูกมากเลยนี่ ปริมเอ่ยลาแยมและคิดว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวนี้ จากนี้ต่อไปก็คงต่างคนต่างอยู่
แยมขอบคุณพี่ปริมมากเลยนะคะ ครอบครัวเราเป็นหนี้บุญคุณพี่ปริมไม่รู้เท่าไหร่ เมื่อไหร่จะได้ทดแทนบุญคุณกันก็ไม่รู้ แยมพูดเสียงเครือ
อย่าคิดอะไรมากเลย พี่ไปนะ ... หนูกลับนะคะป้า เธอหันไปสวัสดีป้าแต๋ว แล้วเดินกุมมือคุณพริมากลับออกไป
ไม่มีใครรู้นอกจากคุณพริมาว่าปริมเจ็บปวดกับการที่ได้มาเห็น ได้มาเจอครั้งนี้แค่ไหน มือที่จับคุณพริมาเกร็งแน่น เธอเดินเชิดหน้ากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา
ปริมเข้มแข็งไว้ลูก หนูทำดีที่สุดแล้ว เธอพูดปลอบใจลูก
แม่คะ คนที่นอนอยู่บนเตียงคนนั้นควรจะเป็นหนูไม่ใช่หรือคะ ลูกควรจะเป็นลูกของหนูกับศัลย์ มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ หนูจะทำดีไปทำไม ทำไปเพื่อใคร ทำแล้วตัวเองต้องเจ็บปวดกับการกระทำอย่างนี้
ลูกจ๋า ไม่เอาลูกอย่าคิดมาก หนูทำดีที่สุดแล้ว แม่ภูมิใจในตัวปริมมากนะลูก แม่ดีใจที่หนูตัดใจจากศัลย์ได้ คนเราเจ็บแล้วก็ต้องจำนะลูก เอากุญแจรถมาให้แม่ดีกว่า เดี๋ยวแม่ขับให้เองหนูไปนั่งเถอะไป
หลังจากวันที่ปริมไปเยี่ยมแยมกลับมาเธอก็กลับไปเป็นแบบเดิมคือเงียบเฉยชาเหมือนไม่มีจิตใจที่จะอยู่ต่อ ตอนเช้าเธอออกจากบ้านไปทำงานที่บริษัท ซึ่งเธอขอไว้ว่าช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่จะต้องทำงานจนกว่าจะครบกำหนดออกจากงาน เธอจะเข้ามาทำงานในออฟฟิศแทน พอตกเย็นเธอก็กลับบ้านเก็บตัวเงียบไม่พบปะใคร ไม่พูดเล่นหรือยิ้มหัวเราะกับใคร แล้ววันหนึ่งวันที่เธอกลับถึงบ้านตอนเย็น ขณะที่กำลังเดินจากรถที่จอดจะเข้ามา บ้านเธอรู้สึกเวียนศีรษะ เธอตะโกนเรียกแม่แล้วก็ล้มพับลงไป คุณพริมาเห็นลูกสาวเป็นอย่างนั้นก็ตกใจแทบสิ้นสติ รีบพาปริมเข้ามาในบ้านให้นอนพัก แล้วเธอก็โทรศัพท์ไปหาคุณเปรมใหhรีบกลับมาบ้านเพื่อพาปริมไปหาหมอ
ลูกสาวผมเป็นอะไรครับหมอ คุณเปรมรีบถามนายแพทย์หนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องตรวจของปริม
ไม่เป็นอะไรมากครับ คิดว่าคงมาจากความเครียด คุณควรที่จะให้ลูกคุณพักผ่อนมากๆ นะครับ อย่าให้คิดอะไรมากไม่งั้นร่างกายจะรับไม่ไหวนะ เดี๋ยวผมจะให้ยาช่วยผ่อนคลายไป ทานยาแล้วจะทำให้หลับจะได้พักผ่อนไปในตัว นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ
ผมพาลูกกลับบ้านได้เลยรึเปล่าครับคุณหมอ
ได้ครับหมดน้ำเกลือขวดนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว แต่อย่างที่ผมบอกนะครับ อย่าให้คนไข้มีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจ เดี๋ยวคิดมากขึ้นมาอีกนะครับ
ครับคุณหมอ ขอบคุณนะครับ คุณเปรมกล่าวขอบคุณคุณหมอเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องพักของลูกสาว เห็นปริมนอนหน้าเซียวอยู่ก็เดินไปลูบหัวลูก
มีอะไรในใจทำไมไม่คุยกับพ่อกับแม่ละลูก เก็บเอาไว้ทำไมคนเดียว หมอสั่งห้ามไม่ให้หนูคิดมากแล้วรู้มั๊ย คุณเปรมพูดกับลูกสาวอย่างอ่อนโยน
พ่อแม่คะ ปริมขอโทษ ปริมทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วงอีกแล้ว
อย่าคิดอย่างนั้นสิลูก หนูต้องทำใจบ้างนะลูกนะ คุณพริมาหันมาถามคุณเปรมว่า ปริมต้องนอนโรงพยาบาลมั๊ยคะคุณ
หมอบอกว่าไม่ต้องหมดน้ำเกลือนี้แล้วก็คงกลับบ้านได้เลย คุณโทรไปบอกเปรียวแล้วรึยังเดี๋ยวจะแปลกใจว่าไปไหนกันหมด
โทรแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักคงมาถึง
คุณเปรมหันไปมองลูกสาว ดูสิแค่เพียงไม่กี่วันปริมดูผ่ายผอมไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาหน้าตาหมองเศร้าเหลือเกิน ลูกเอ๊ยเมื่อไหร่ลูกจะทำใจให้หลุดจากเรื่องราวพวกนี้ได้เสียทีนะ ปริมอยากทานอะไรมั๊ยลูก เดี๋ยวพ่อโทรให้เปรียวซื้อเข้ามาให้
ไม่คะพ่อ ปริมไม่หิว
ต่อไปหนูต้องทานอาหารให้มากกว่านี้นะรู้มั๊ย ทานเข้าไปน้อยแล้วไหนจะเครียดคิดมาก ร่างกายจะสู้ไหวได้ไงละลูก อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปซะ ลูกพ่อต้องเข็มแข็งสิลูก สัญญากับพ่อได้มั๊ยว่าหนูจะพยายาม
ค่ะพ่อ ปริมสัญญา
เปรียวเปิดประตูเข้ามา สองมือถือถุงอะไรหลากหลายชนิดเข้ามาด้วย
พี่ปริมเป็นไงมั่ง นี่เปรียวซื้อขนมมาฝากด้วยนะ จะทานอะไรก่อน มีน้ำเต้าหู้ด้วย มีเค้ก หรือจะเอาขนมครก เธอชูถุงเหล่านั้นให้พี่สาวดู
ไว้ก่อนเถอะเปรียว พี่ค่อยกลับไปทานที่บ้านก็แล้วกันนะ
เดาไว้ไม่ผิดว่าพี่ปริมต้องไม่เอาอะไรสักอย่าง อุตส่าห์ซื้อมาหลายชนิดเลยนะเนี่ย เปรียวพูดพลางก็หอบของทั้งหมดไปวางไว้บนโต๊ะข้างๆ สภาวะจิตใจพี่ปริมยิ่งอยู่ยิ่งแย่ลง ไม่เหมือนตอนอยู่ที่เกาะตอนนั้นพี่ปริมร่าเริงสดใสกว่านี้เยอะเลย แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าไมค์จะต้องบินกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อไหร่กันนะ ไมค์อาจจะช่วยพี่สาวเธอให้หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ไปได้ เออนี่พี่ปริม ไมค์จะกลับมาวันไหนนะคะ
พรุ่งนี้บ่ายๆ พี่นัดเขาให้มาทานข้าวที่บ้านด้วยนะ ... พ่อไม่ว่าอะไรใช่มั๊ยคะ
ไม่ว่าหรอกลูก แต่ปริมน่ะคงจะขับรถไม่ไหวหรอกนะ เดี๋ยวขับๆ อยู่แล้วเกิดหน้ามืดเป็นลมขึ้นมาอีกจะทำยังไงกัน ให้เปรียวไปรับมาที่บ้านแทนได้มั๊ยละลูก ถึงคุณเปรมจะไม่ค่อยชอบที่จะให้ลูกสาวคบหากับฝรั่งก็ตาม แต่เขาก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าฝรั่งคนนี้ดูเป็นคนดีมั่นคง ไว้ใจได้ จะห้ามไม่ให้ลูกคบหากันเป็นเพื่อนก็คงเป็นไปไม่ได้ ลูกก็โตจนป่านนี้แล้วก็ต้องปล่อยให้ตัดสินใจเอง
ปริมโทรไปบอกไมค์ไว้ก่อนก็ได้ค่ะว่าเปรียวจะไปรับแทน .. แม่คะ แม่โชว์ฝีมือหน่อยนะ แล้วปริมจะไปช่วยเป็นลูกมือแม่เองค่ะ
เอาสิลูก อยากให้แม่ทำอะไรก็บอกมานะ
เรื่องพวกนั้นไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ดีมั๊ยลูก ตอนนี้ปริมนอนพักก่อน เดี๋ยวพอน้ำเกลือหมดขวดหมอก็ให้กลับบ้านแล้วละ พ่อกับแม่ลงไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า เปรียวอยู่กับพี่สักแป๊บนะลูก แล้วพ่อจะรีบขึ้นมา
เปรียวไปทานข้าวกับพ่อกับแม่ก็ได้นะ พี่อยู่เองได้
เปรียวยังไม่หิวหรอก เพิ่งทานขนมเมื่อกี้นี่เอง เธอหันไปขยิบตาบอกพ่อเป็นทำนองว่าไปเถอะไม่ต้องเป็นห่วง
เมื่ออยู่กันสองคนพี่น้อง เปรียวคิดว่าเธอคงต้องพูดกับพี่สาวให้เป็นเรื่องเป็นราวหน่อยแล้ว แค่ผู้ชายคนเดียวทำไมถึงต้องทำให้ตัวเองลำบากถึงขนาดนี้นะ
พี่ปริม เปรียวคุยอะไรด้วยหน่อยนะ ... ทำไมพี่ปริมต้องทำร้ายตัวเองขนาดนี้ ปากก็พูดว่าทำใจได้ ไม่คิดอะไรแล้ว แต่ทำไมจริงๆ พี่ปริมถึงไม่พยายามทำอย่างนั้นเลยค่ะ ถ้าพี่ปริมไม่ช่วยตัวเองใครก็ไม่สามารถช่วยพี่ได้นะ ผู้ชายไม่ใช่ว่ามีแค่พี่ศัลย์คนเดียว เรื่องลูกพี่ปริมก็เพิ่งจะสามสิบยังมีโอกาสที่จะมีลูกเป็นของตัวเองได้ อย่าไปคิดอะไร อย่าไปอิจฉาเขาเลย เปรียวขอโทษนะที่ต้องพูดออกมาอย่างนี้ แต่เปรียวคิดว่ามามัวแต่ถนอมน้ำใจ ไม่มีใครกล้าพูดให้พี่ปริมฟังตรงๆ พี่ปริมก็เป็นอย่างเนี่ย ไม่หายสักที เปรียวหันไปมองพี่สาวก็เห็นว่านอนน้ำตาไหลซึมมาจากปลายตาเธอจึงเดิน ไปหยิบกระดาษมาซับน้ำตาให้พี่ ตัวเองก็พูดต่อเสียงเครือ เปรียวรักพี่ปริมนะ ไม่อยากเห็นพี่ปริมเป็นอย่างนี้ พ่อกับแม่เองก็เป็นห่วงพี่มาก ลุกขึ้นสู้ นะคะพี่ปริม เพื่อตัวเองด้วย เพื่อพ่อกับแม่ด้วยนะคะ
เปรียว พี่ขอโทษนะเปรียว ขอโทษที่พี่อ่อนแอ พี่ไม่เก่ง พี่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง พี่ไม่อยากจะเป็นอย่างนี้ พี่อยากจะลืมทุกอย่าง แต่มันยากเหลือเกิน ปริมร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากจะกลับมาเป็นปริมคนเดิม แต่เรื่องราวบางอย่างมันยากที่จะลืมเช่นกัน
ยาที่หมอให้มาทานทำให้เธอนอนหลับสนิททั้งคืนทำให้เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสสำหรับปริม เธอโทรศัพท์ไปลาป่วยพร้อมทั้งขอหยุดไปจนกระทั่งถึงวันสุดท้ายที่ทำงาน คุณเปรมบอกไว้อย่างเด็ดขาดว่าให้หยุดทำงานตั้งแต่วันนี้ ทางบริษัทจะหักเงินเดือนเท่าไหร่ก็ให้หักไป ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะเธอก็รู้ตัวว่าสุขภาพตัวเองช่วงนี้แย่มากๆ วันนี้เธอจึงเข้าครัวช่วยคุณพริมาทำกับข้าวเพื่อรอเลี้ยงไมค์ในตอนเย็น ซึ่งคุณพริมาเตรียมทำต้มยำกุ้ง ข้าวผัดปู น่องไก่ทอด และผัดผักรวมเอาไว้ ส่วนอาหารหวานปริมเป็นคนจัดการทำ เธอเลือกที่อบเค้กช็อกโกแลตเตรียมทานกับไอศครีม เธอรู้สึกเพลินกับการทำนั่นทำนี่อยู่ในครัว จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงช่วงบ่ายแก่ๆ หันไปมองนาฬิกาก็รู้ว่าขณะนี้ไมค์ก็คงจะถึงโรงแรมที่พักเรียบร้อยแล้ว เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปหาเขา
ไมค์คะ ปริมนะ
คิดถึงคุณจังปริม คุณเป็นไงบ้างครับ ผมโทรเข้าโทรศัพท์มือถือคุณตั้งหลายครั้งแต่คุณก็ไม่เคยรับเลย
ปริมไม่ค่อยสบายค่ะ ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ แต่พ่อไม่ยอมให้ปริมขับรถเองวันนี้ปริมคงไปรับคุณไม่ได้นะคะ เดี๋ยวเปรียวเลิกงานแล้วจะเลยไปรับคุณมาที่บ้านนะ ปริมรอคุณอยู่ที่บ้านนะคะ
เป็นอะไรมากรึเปล่าปริม ให้ผมนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้นะครับ
ยังไงเปรียวก็ต้องผ่านแถวๆ โรงแรมที่คุณอยู่อยู่แล้วละไมค์ รอให้เปรียวไปรับเถอะค่ะ
แต่คุณไม่สบายเป็นอะไรฮะปริม บอกผมหน่อยได้มั๊ย ไมค์ถามเสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วง ใจจริงแล้วพอถึงเมืองไทยเขาก็อยากจะตรงไปหาปริมเลยทันที ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกัน แถมยังไม่ได้แม้แต่จะได้ยินเสียง ทำให้เขาคิดถึงเธออย่างเหลือเกิน เขาแทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานเอาซะเลย
ปริมหายแล้วค่ะ หมอบอกว่าปริมเครียดนิดหน่อยเท่านั้นเอง ตอนนี้ปริมเลยอยู่บ้านไม่ไปทำงานแล้วค่ะ ถือว่าลาออกโดยปริยายตั้งแต่วันนี้เลยค่ะ
ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากผมก็สบายใจแล้วครับ นี่ปริมผมมีของฝากมาให้พ่อกับแม่คุณด้วยนะ ไม่รู้ว่าท่านจะชอบรึเปล่า ผมซื้อเสื้อฮาวายสีสดใสมาฝากพ่อคุณ แล้วก็ชุดมูมู่สำหรับแม่คุณครับ ไม่รู้ท่านจะใส่รึเปล่านะ
แหม ไม่น่าจะต้องลำบากเลยนะคะไมค์ พิมขอบคุณแทนท่านด้วยนะ พ่อน่ะใส่แน่ค่ะเสื้อฮาวายปริมเคยซื้อมาให้ใส่หลายตัว ส่วนชุดมูมู่ของแม่ก็เหมือนกัน แม่ปริมชอบมากเลยนะ บอกว่าใส่สบายชุดยาวติดกันผ้าสีสวยๆ อย่างนั้น แม่ชอบใส่อยู่บ้านค่ะ
เหรอฮะ ผมดีใจจัง ว่าแต่ว่าเปรียวจะมารีบสักกี่โมงฮะ ผมอยากพบคุณจะแย่อยู่แล้วนะปริม ไม่อยากรออยู่ที่นี้เลย อยู่ใกล้ๆ แค่นี้แต่กว่าจะได้เจออีกตั้งนาน ทรมานใจจังครับ ปริมไปอยู่เกาะกับผมเถอะฮะ
อีกเดี๋ยวเปรียวก็ไปรับคุณแล้วละคะไมค์ เห็นเปรียวว่าจะรีบๆ กลับค่ะ .... ส่วนเรื่องไปเกาะไว้เราค่อยมาคุยกันที่บ้านนะคะ ปริมก็มีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณอยู่เหมือนกัน
โอเคฮะ เดี๋ยวเจอกันฮะปริม
หลังจากที่วางโทรศัพท์จากไมค์ ปริมก็เริ่มที่จะคิดถึงเรื่องที่ไมค์ชวนไว้คราวก่อน เรื่องที่จะไปทำรีสอร์ทที่เกาะมาวี จะว่าไปแล้วเธอสนใจมากเลยทีเดียว ไปอยู่กับธรรมชาติที่ห่างไกลจากศัลย์และแยมคงช่วยรักษาแผลใจของเธอได้เร็วขึ้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าแม่กับพ่อจะยอมให้ไปรึเปล่าแค่นั้นเอง
นั่งคิดอะไรอยู่ลูก คุณพริมาเดินเข้ามาหา ช่วงนี้เธอคอยดูลูกสาวอยู่ตลอดเวลา เธอมักจะไม่ปล่อยให้ปริมนั่งคิดอะไรคนเดียวเพราะกลัวว่าลูกจะคิดถึงเรื่องนั้นอีก แล้วจะทำให้เกิดอาการอย่างที่เคยเป็นขึ้นมาอีกก็เป็นได้
นั่งคิดถึงอนาคตค่ะแม่ .. แม่คะ ถ้าปริมไปทำงานไกลๆ ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะว่ายังไงนะคะ
ก็แล้วทำไมต้องไปไกลด้วยละลูก หนูไม่อยู่พ่อกับแม่ก็คงเป็นห่วงกันอีกละ
ปริมเบื่อกรุงเทพค่ะ อยู่นานๆ แล้วอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ ... คือตอนปริมไปเกาะมาวีน่ะค่ะแม่ รีสอร์ทที่ปริมไปพักไมค์เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย แล้วทีนี้เพื่อนเขาอยากจะขาย ไมค์ก็จะรับทำเองเลย เขาก็เลยชวนปริมไปทำงานที่นั้น ซึ่งปริมเองก็สนใจมากๆ เกาะที่นั่นสวยมากนะคะแม่ อากาศก็ดี ผู้คนก็น่ารักค่ะ ถ้าปริมได้ไปทำงานที่นั่นก็คงจะมีความสุขค่ะแม่
คุณพริมาฟังเรื่องที่ลูกสาวเล่าให้ฟังก็ชักจะเริ่มหน้าเสีย ลูกจะไปไกลถึงขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่คิดถึงบ้านเหรอจ๊ะ ถ้าถามแม่ แม่ก็ไม่อยากให้หนูไปหรอกนะ ไกลกันอย่างนั้นกว่าจะได้เจอกันก็เป็นเดือนๆ ไม่ไหวมั้งลูก แล้วอีกอย่างหนูจะไปอยู่ยังไงคนเดียว เพื่อนฝูงญาติโยมก็ไม่มี คิดดูดีๆ นะปริม
แม่คิดว่า พ่อจะให้ปริมไปมั๊ยคะ
อู๊ย แม่ไม่รู้หรอกลูก ปริมลูกอย่าไปเพราะหนีอะไรนะลูกนะ ถ้าใจลูกยังยึดติดกับสิ่งนั้น ไม่ว่าลูกจะหนีไปไหนก็ไม่มีทางหนีพ้นหรอกนะลูก
ปริมทราบค่ะแม่ แต่บางทีการที่เราไปอยู่ไกลๆ ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องรับรู้ข่าวคราวก็อาจจะช่วยได้มากนะคะ
อีกอย่างที่แม่อยากจะบอกลูกก็คือ ถ้าลูกจะรักใครสักคน ลูกต้องรักที่เขาเป็นเขานะ อย่ารักเพราะเอามาทดแทนใครอีกคน นั่นมันไม่ใช่ความรักและจะเป็นการทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งด้วยนะลูก แม่ก็พูดเผื่อๆ ไว้ แม่ก็พอจะดูออกว่านายไมค์น่ะเขาคิดยังไงกับหนู แล้วการที่หนูจะไปทำงานด้วยกันสองต่อสอง โอกาสที่จะถูกใจซึ่งกันและกันก็มีมาก แม่ไม่ได้ว่าอะไรหรอกถ้าลูกจะรักใคร ไม่ว่าเขาจะเป็นคนชาติไหน เพียงแต่แม่อยากจะให้หนูมั่นใจว่าสิ่งนั้นคือความรักจริงๆ จำที่แม่พูดไว้นะลูก ... อ้าว นั้นเสียงรถยัยเปรียวมาแล้ว หนูไปรับเถอะนะ เดี๋ยวแม่เข้าครัวไปดูความเรียบร้อยสักหน่อย แล้วแม่จะตามออกไปนะจ๊ะ
แม่ขา หนูขอกอดแม่หน่อย หนูรักแม่จังเลย เธอเดินไปกอดคุณพริมาซุกหน้าลงกับไหล่ของผู้เป็นแม่อยู่พักหนึ่ง จนคุณพริมาต้องเตือน แม่ก็รักหนูมากนะจ๊ะ ... เอาละแสดงความรักกันพอแล้ว หนูไปรับไมค์เถอะลูก
คิดถึงปริมเหลือเกินครับ ดูคุณซูบไปนะ ไมค์รีบเดินมาจับมือปริมทันทีที่เปรียวเดินเข้าไปในบ้าน
น้ำหนักลดลงนิดหน่อยน่ะค่ะ ตอนนี้สบายดีแล้วเดี๋ยวก็อ้วนเหมือนเดิมแล้วละ เข้าไปสวัสดีแม่ข้างในกันนะคะ
ผมเอาของให้แม่คุณเลยดีมั๊ยปริม ไมค์ถามความคิดเห็น พร้อมยื่นกล่องสองกล่องที่ห่อเอาไว้อย่างสวยงามให้ปริมดู
อย่าเพิ่งเลยค่ะ รอพ่อก่อนดีกว่า เอาไว้ค่อยให้พร้อมกันเลยดีมั๊ยคะ
ดีเหมือนกันฮะ งั้นผมเอาวางไว้แถวนี้ก่อนดีกว่านะ
ปริมพาไมค์เดินไปถึงในครัว คุณพริมาบ่นใหญ่ว่าเข้ามาทำไมกันแล้วรีบพาเดินออกมาข้างนอก
หิวรึยังคะคุณ คุณพริมาเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น
ยังครับ คุณแม่ทำอะไรหอมน่าทานจังครับ ไมค์ชวนคุณแม่ปริมคุย ซึ่งปริมเป็นคนแปลเป็นภาษาไทยให้คุณพริมาฟังอีกทอดหนึ่ง
ทำหลายอย่างค่ะวันนี้ ไม่ทราบว่าทานอาหารไทยได้รึเปล่า แม่พยายามทำแบบรสไม่จัด
ผมชอบอาหารไทยมากครับ
สรุปว่าคุณพริมากับไมค์คุยกันอย่างสนุกสนาน โดยมีปริมเป็นล่ามให้ สักพักเปรียวก็เดินมาหามานั่งคุยด้วยอีกคน คุณพริมาก็เลยขอตัวไปจัดโต๊ะอาหารก่อน อีกไม่นานคุณเปรมก็คงจะถึงบ้านแล้ว วันนี้เธอเห็นลูกสาวคนโตยิ้มได้หัวเราะได้อีกครั้ง เสียงหัวเราะกลับคืนมาสู่บ้านเราอีกครั้งหนึ่ง เป็นเรื่องที่น่ายินดีเหลือเกิน
เสียงแตรรถดังอยู่หน้าบ้านเปรียวรีบวิ่งไปเปิดประตูให้คุณเปรม หลังจากที่คุณเปรมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยทุกคนก็มารวมกันที่ห้องอาหาร บรรยากาศในค่ำคืนนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน ไมค์กับคุณเปรมคุยกันอย่างถูกคอ ทั้งสองมีความสนใจในสิ่งเดียวกันไม่ว่าจะเรื่องการเมืองหรือ เศรษฐกิจจึงทำให้มีเรื่องมาคุยกันตลอดเวลา จนกระทั่งทุกคนทานอาหารหวานเสร็จ ไมค์จึงไปหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้คุณเปรมและคุณพริมา มายื่นให้ ของฝากจากฮาวายครับ
ขอบคุณมาก วันหลังมามือเปล่าก็ได้นะ ไม่ต้องมีของติดไม้ติดมือมาหรอก ถือว่าเป็นคนกันเองก็แล้วกันนะ คุณเปรมยื่นกล่องของขวัญให้เปรียวพร้อมบอกว่า แกะให้พ่อทีลูก
ส่วนเปรียวก็บ่นงึมงำ ไมค์นะไมค์ มีให้แต่พ่อกับแม่ ของเปรียวไม่เห็นจะมีอะไรมากฝากเลย วันหลังหิ้วถั่วแม็คคาเดเมยมาฝากหน่อยก็ดีนะ เปรียวชอบ
เอ๊ ผมไม่ทราบว่าเปรียวชอบรสไหนน่ะครับ ไม่รู้ว่ารสนี้รึเปล่า พูดจบไมค์ก็หยิบกล่องถั่วแม็คคาเดเมยถั่วชื่อดังจากเกาะฮาวายมายื่นให้เปรียว ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเปรียวเชียวละ แหม มีการแอบซะด้วย นึกว่าจะลืมเราซะแล้ว จำไว้นะไมค์ถ้าลืมเปรียวละก็ เปรียวจะยุให้พี่ปริมเลิกคุยกับคุณ
เออ ยัยเปรียวนี่พูดอะไรก็ไม่รู้นะลูก คุณเปรมรีบเอ่ยปรามลูกสาวคนเล็ก ขอบคุณนะคุณเสื้อสวยมาก ของแม่เขาก็สวย เข้าใจเลือกนะ
ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจหามาฝาก
งั้นเด็กๆ คุยกันต่อแล้วกัน คนแก่คงจะต้องขอตัวไปเอนหลังหน่อย แม่ไปกับพ่อมั๊ย ปล่อยเด็กๆ เอาไว้เหอะ ตามสบายนะคุณ
พ่อ เปรียวไปด้วย ไปนอนดูทีวีในห้องพ่อหม่ำถั่วเล่นดีกว่า
ดังนั้นจึงเหลือแค่ไมค์กับปริมที่ยังนั่งคุยกันต่อ เธอชวนไมค์มานั่งเล่นที่สวนเล็กๆ หลังบ้าน หยิบน้ำมะตูมแช่เย็นมาให้เขาลองดื่มซึ่งไมค์ติดใจรสชาติหอมหวานมาก ถึงขนาดอยากจะซื้อกลับไปใช้บริการที่รีสอร์ทเลยทีเดียว
ปริมครับผมไม่อยู่หลายวันมานี่ คุณคิดเรื่องของเราบ้างรึเปล่า
คิดมากทีเดียวละค่ะ ปริมเองก็อยากจะคุยเรื่องนี้กับคุณอยู่เหมือนกัน
ไมค์รีบขยับเก้าอี้เข้ามานั่งชิดตัวเธอ อยากจะนั่งโอบเธอไว้ในอ้อมแขนแต่เขาก็ยังเกรงใจพ่อกับแม่ของปริมจึงไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าขยับเก้าอี้ให้เข้ามาใกล้เธอที่สุด
ผมหวังว่าจะเป็นข่าวดีสำหรับผมนะครับ ผมพร้อมที่จะฟังแล้วละปริม เขามองเข้าไปลึกในดวงตาของเธอ เขาเห็นความลังเลสับสน ความไม่แน่ใจอยู่ในดวงตาคู่นั้น เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้บีบกระชับเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเธอ
ปริมตกลงแต่งงานกับคุณค่ะ ปริมจะไปเกาะมาวีกับคุณแล้วเราจะแต่งงานกันที่นั่น ปริมแค่ต้องการงานเล็กๆ ไม่ต้องบอกใครมากมายแค่เพียงครอบครัวคุณกับครอบครัวปริมเท่านั้นก็พอค่ะ ขณะที่เธอพูดประโยคเหล่านี้ออกไป เธอก็แทบจะไม่เชื่อเหมือนกันว่านั่นคือคำพูดของเธอ ตกลงแต่งงาน กับผู้ชายคนที่เธอแทบจะไม่รู้จักปูมหลังของเขาเลย แค่รู้ว่าเคยแต่งงานและหย่ามาแล้ว พ่อแม่พี่น้องของเขาเธอไม่เคยรู้จัก เธอรู้แต่เพียงนี่คือไมค์ ผู้ชายที่เธอคิดว่าจะช่วยดึงเธอขึ้นมาจากทะเลแห่งความทุกข์ได้แค่เพียงเท่านั้นเองแท้ๆ
ไมค์เองก็อึ้งไปพักหนึ่งเหมือนกัน เขารู้แต่ว่าเขาดีใจแทบจะตะโกนร้องให้ก้องฟ้าแต่เสี้ยวหนึ่งของหัวใจก็เตือนเขาว่าผู้หญิงคนนี้ตกลงแต่งงานกับเขาเพราะความรักหรือเพราะเหตุผลใดกันแน่ แต่ช่างเถอะเขาอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไป ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตามในอนาคตต่อไปเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงคนนี้ คนที่เขาเฝ้ารักอยู่หลายปี เขารู้แน่แก่ใจว่าเขารักเธอ รักมากขึ้นทุกวัน และเขาเชื่อว่าความรักของเขาจะหลอมหัวใจดวงนี้ได้เช่นกัน ไมค์ลุกขึ้นเดินมากอดปริม กระซิบเบาๆ ข้างหูเธอว่า คุณจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้ของคุณครับ ผมสัญญา ผมรักคุณและจะรักตลอดไป
ปริมเงยหน้าขึ้นมอง สายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนแปรเปลี่ยนไป ตอนนี้เธอมั่นใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้ เธอเห็นสายตาที่ไมค์มองเธอเต็มไปด้วยความรัก ดังนั้นเธอจึงไม่อิดเอื้อนที่จะรับจูบแรกจากผู้ชายคนนี้ ทั้งคู่นั่งคุยกันต่ออีกเนิ่นนาน ไมค์วาดฝันให้เธอฟัเขาอยากจะรื้อห้องพักที่เธอ เคยพักคราวนี้ออกแล้วสร้างบ้านริมทะเลหลังเล็กๆ เป็นเรือนหอแทน เขาฝันถึงเด็กเล็กๆ สองสามคนวิ่งเล่นกันริมทะเล ปริมบอกผมอีกครั้งสิครับ ว่าสิ่งที่คุณพูดวันนี้เป็นความจริง ผมไม่ได้ฝันไปเอง เขาพร่ำถามเธอแต่คำเหล่านี้ จวบกระทั่งเวลาผ่านไปดึกลงทุกที ปริมจึงต้องเตือนให้ไมค์กลับโรงแรม เธอโทรศัพท์เรียกรถแท็กซี่ให้มารับ ก่อนไปไมค์บอกกับเธอว่า ผมจะรีบไปจัดการลาออกก่อน แล้วผมจะไปเกาะมาวีเตรียมเรือหอสำหรับเรา หลังจากนั้นผมจะกลับมารับคุณฮะ คุณอยู่ทางนี้เตรียมเรื่องตั๋วกับวีซ่าของครอบครัวคุณได้เลย เอ่อ.. แล้วผมควรจะไปคุยกับพ่อคุณมั๊ยปริม นี่ดึกเกินไปแล้วรึยัง เพราะหลังจากวันนี้กว่าผมจะได้มาเมืองไทยอีกก็คงจะเป็นช่วงที่มารับคุณเลยนะ
เรื่องพ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงค่ะไมค์ แล้วปริมจะคุยกับท่านก่อนเองดีกว่า คุณค่อยโทรมาคุยกับพ่อทางโทรศัพท์แทนก็แล้วกัน ปริมคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ สบายใจเถอะค่ะ
โอเคครับ งั้นผมไปก่อนนะครับที่รัก ผมสัญญาว่าจะกลับมารับโดยเร็วที่สุด ไมค์รวบตัวเธอมากอดอีกครั้งพร้อมบ่นอู้อี้ว่าไม่อยากจะไปเลย
ไปเถอะค่ะไมค์ แล้วปริมจะรอคุณค่ะ เธอเดินมาส่งที่หน้าประตูบ้านซึ่งขณะนั้นรถแท็กซี่มาจอดรออยู่แล้ว เธอยืนมองจนกระทั่งรถแท็กซี่วิ่งลับตาจึงเดินเข้าบ้าน ในใจครุ่นคิดถึงแต่คำพูดที่จะบอกพ่อกับแม่เรื่องการแต่งงานใหม่อีกครั้งของเธอ เธอรู้ว่าคงจะไม่ใช่เรื่องที่พ่อจะยอมรับได้ง่ายๆ เธอจะพูดอย่างไรดี
** หยุดสองวันนะคะ กลับมาแปะอีกครั้งวันอาทิตย์บ่ายๆนะคะ ไม่ก็วันจันทร์บ่ายค่ะ **
(แอบบอกว่าเกือบจบแล้วล่ะค่ะ)
Create Date : 13 กรกฎาคม 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2550 10:00:21 น. |
Counter : 491 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นวลกนก (นวลกนก ) 13 กรกฎาคม 2550 10:18:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่หนูพริม IP: 24.131.65.30 13 กรกฎาคม 2550 11:02:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: PPP (pikTeera ) 13 กรกฎาคม 2550 15:00:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: Ormmie IP: 68.252.235.74 14 กรกฎาคม 2550 9:19:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: MoneyPenny IP: 84.190.173.96 17 กรกฎาคม 2550 20:46:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อย่างนี้เขาเรียกว่าแฟนตัวจริงเลยนะ น้องพิม
ยังไม่ได้อ่านเลย รีบมาเขียนก่อนเป็นคนแรก
ขอบคุณมากสำหรับ "ปีกนางฟ้า"
เสียดายจัง ใกล้จบแล้ว