ดูไบ "The City of Gold" แล้วก็มายืนที่จุดๆ นี้ จนได้
* * * หากย้อนไปเมื่อปี 2008 (พ.ศ. 2551) ที่เราเคยมาเที่ยวดูไบ ตอนนั้นกับตอนนี้มันช่างต่างกันเยอะเชียว มันดูแห้งแล้ง ร้อนมากๆ รถก็ติด ฝุ่นก็เยอะ เพราะกำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่เลย แล้วก็อีกมากมาย หลายเหตุผล บอกตัวเองว่า ไม่ไหวอ่ะ... ก่อนมาอยู่ดูไบยังหวั่นๆ ใจอยู่เลย จะไหวมั้ยเนี่ย .... แต่เมื่อถึงวันนี้ ก.พ. 2555 (ปี ค.ศ. 2012) อะไรๆ หลายๆ อย่าง เปลี่ยนไปเยอะมาก อย่างแรก ต้นไม้ ดอกไม้!!!! ในดูไบ เท่าที่เราเห็นต้นไม้เยอะมากๆ เขียวชอุ่มเชียว จนบางครั้งนึกว่าเดินอยู่เมืองกรุงซะอีก มันทำให้เรารู้สึกดีกับดูไบขึ้นมาเยอะทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะ อีกหลายแห่งที่ทางรัฐดูไบ ทำขึ้นมา จึงทำให้เมืองนี้มีสีเขียว มีสีสัน ของดอกไม้ และ ต้นไม้ใบหญ้าเยอะแยะไปหมด ถัดมาก็คือเรื่อง..ถนนหนทาง เรารู้สึกว่า...ดูไบจ๋า..เธอไร้ฝุ่นลงไปเยอะเชียว อาจจะเป็นเพราะว่า รถไฟฟ้าสร้างเสร็จ แล้วก็เปิดบริการทุกเส้นทางแล้วด้วย จึงทำในความรู้สึกของเราเริ่มเปลี่ยนไป..เรารู้สึกว่าดูไบ น่าอยู่ขึ้นเยอะมากๆ มากไปกว่านั้น เรื่องการคมนาคมก็ค่อนข้างสะดวก สบาย นั่งรถเมล์ ต่อรถไฟฟ้า แล้วมีทางเชื่อมต่อเข้าห้างฯ หรือสำนักงาน และอาคารต่างๆ อย่างสะดวกสบายมาก รถไฟฟ้าเปิดให้บริการ 2 สาย คือ สายสีแดง และ สายสีเขียว (รายละเอียดขอเล่าในตอนอื่นๆ ดีกว่านะ) ซึ่งค่อนข้างจะครอบคลุมเมืองดูไบเลย หรืออาจเป็นเพราะเราอยู่ในตัวเมืองดูไบ จึงทำให้รู้สึกว่ามันสะดวกสบาย เขียวชอุ่มกว่าทีคิดเยอะ เราคงต้องหาโอกาศออกนอกเมืองบ้างว่าจะแตกต่างกันมากแค่ไหน ** ** ขอเล่าต่อเรื่องทั่วๆไปของประเทศนี้ ..."รัฐดูไบ" ใครๆได้ยินก็ต้องคิดว่าเป็นเมืองหลวงของ ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แน่ๆ แต่จริงๆ แล้วเราคิดว่าน่าจะใช้คำว่า "เมืองหลัก" ซะมากกว่า "รัฐอาบูดาบี" ต่างหากที่เป็นเมืองหลวง และเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดใน 7 รัฐ ข้อมูลเบื้องต้นที่เจ้านายให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศนี้คือ United Arab Emirates มีทั้งหมด 7 รัฐประกอบไปด้วย (7 Emirates): * ~ * 1. Abu Dhabi (aboo dub-bee) เป็นเมืองหลวงและมีเนื้อที่ใหญ่ที่สุดของประเทศนี้ ถ้าดูจากแผนที่เกือบ 80% ของพื้นที่เป็นของ อาบูดาบี เราเองไม่ค่อยรู้อะไรมาก แต่ตอนมาใหม่ๆ รู้จากข่าวในดูไบ ว่าอาบูดาบี กำลังสร้างรถไฟฟ้าคาดว่าจะแล้วเสร็จ ในอีกประมาณ 4- 5 ปีข้างหน้า (ปี ค.ศ. 2016-17 คงจะได้ใช้บริการของรถไฟฟ้า) เมืองหลวงเพิ่งจะสร้างรถไฟฟ้าเอง เชื่อยังว่า ดูไบเป็นเมืองหลัก (เจ้านายแนะนำให้เราอ่านข่าวสารของประเทศนี้ ซึ่งมันก็ช่วยเราได้เยอะจริงๆ) * ~ * 2. Dubai (du-bay or du-buy) "The City of Gold" โอ้วดินแดนแห่งทองเลยนะ แล้วจะค่อยๆ เล่าให้ฟังกันไป แต่ขอบอกก่อนว่า มันเป็นเรื่องราวในมุมมองของเราเอง เป็นสิ่งที่เราพบเราเจอ แล้วเก็บเอามาเล่า ในบางตอนอาจจะดูว่า หาสาระไม่ได้เลย ก็เป็นได้ ทั้งหลายทั้งปวง อยากเก็บเรื่องราวต่างๆ ไว้ในบันทึกเล่มนี้ ยามเหงาครั้งใด ก็กลับมาอ่านให้หวลนึกถึง "วันวานใน นคร ดูไบ" ที่ใครๆ หลายๆ คนก็คงอยากมาบ้างล่ะน่า * ~ * 3. Sharjah (shar-ja) "The City of Knowledge" เค้าว่างั้นว่าเป็นเมืองแห่งความรู้ แต่ก็มีสถาปัตยกรรมสวยๆ มากมาย * มีชายหาด และน้ำตก... โอ้วๆ ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ ~ * 4. Fujairah (foo-jai-ra) รัฐนี้เป็นรัฐที่สวยเพราะแวดล้อมด้วยวิว ของภูเขา * ~ * 5. Al Ain / Umm Al Quwain (um al kee-wayne) รัฐนี้ชื่อเรียกย้าก-ยาก ชะมัด ที่นี่เลื่องลือเรื่องสวนน้ำ "Dreamland" Aqua park..นักท่องเที่ยวเค้าจะชอบไปแล่นเรือ และส่องนก แปลมาตรงๆ เล้ย อิอิ (sailing and bird watching) * ~ *
6. AJman (aj-man) เป็นรัฐที่เล็กที่สุดของประเทศ * ~ * 7. Ras Al Khaimah (ras al kay-ma) "head of the tent" ความหมายของรัฐนี้คือ เต๊นท์ "tent" รัฐนี้ก็มีชายหาด ทะเลด้วยเหมือนกัน และเป็นที่รู้กันว่าที่รัฐนี้ เหมาะกับการไป camping มาก
เรื่องที่เด่นๆ ของรัฐนี้ก็คือ ที่นี่กำลังจะมีการเปิดรีสอร์ทใหญ่บึ้มๆ ของทีมฟุตบอลชื่อดัง Real Madrid Resort Island, open in January 2015 คงจะอลังการงานสร้างมากๆ แน่ๆ ที่นี่จะมี Sport facilities, a marina, a luxury hotels and villas, an amusement park, มีคลับหรูหรา แล้วก็มีสนามฟุตบอลที่รองรับผู้เข้าชม 10,000 ที่นั่ง ที่ออกแบบให้ด้านหนึ่งของสนามเป็นวิวทะเล ... เลิศมั้ยล่ะ เนี่ยล่ะ โครงการดังๆ ของเมืองนี้เค้าล่ะ ถ้ามีโอกาศก็ต้องอยากไปสัมผัสบรรยากาศกันซักครั้งนึง.. ** ** กลับมาที่เรื่องทั่วๆ ไปของดูไบ ....ประชาชนของที่นี่เค้าจะเรียกว่า "Emairati" จากประกาศของทางการ the Emirates Identify Authority ซึ่งทุกคนที่มีอายุครบ 15 ปี จะต้องมี Emirates ID card ก็เหมือนบัตรประชาชนนั่นล่ะ ช่วงที่เรามาอยู่ดูไบ (กพ. 2555) ทางรัฐเค้าประกาศให้ประชาชนทุกคนต้องทำบัตรประชาชน โดยต้องทำให้เสร็จภายใน 31 พค. 2555 (May 31th, 2012) ถ้าเกินกำหนดจะโดนค่าปรับเป็นรายวัน วันละ AED 20/day * ~ * แต่สำหรับคนที่เข้าไปทำงานอย่างเรา (Expats/Worker) เดิมทีแค่มี Visa + Work permit + Labor card แค่นี้ก็ทำงาน และเดินบนท้องถนนอย่างสบายใจแล้ว เพราะถ้าพี่โปลิศเมืองแขกเดินมาขอดูบัตรหน่อยจิ ... เราก็รอดไป ถ้าไม่มี ก็มีปัญหากับพี่โปลิศแน่ๆ .. สำหรับ ณ ปัจจุบัน (February 2012) เอกสารแค่ที่บอกมาข้างต้นไม่เพียงพอ จะต้องทำ บัตรประชาชน เมืองแขกด้วยเหมือนกัน (Emirates ID) ถ้าไม่ทำก็โดนปรับเหมือนกันล่ะ ขั้นตอนและเอกสาร ขอเก็บไว้เล่าตอนเดียวดีกว่า ว่าเอกสาร ขั้นตอน และค่าใช้จ่ายของการที่ เข้ามาอยู่ดูไบแบบถูกกฏหมายเค้าต้องมีอะไรบ้าง เพราะรายละเอียดมันเยอะแยะอยู่เหมือนกัน * ~ * วันนี้เล่ายาวๆ แต่ก็ยังไม่ไปถึงไหนเล้ย แต่เราต้องอยู่เมืองนี้อีกนาน ก็ค่อยๆ เล่ากันไป อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เราก็จะเก็บมาเล่า ไว้เป็นประสบการณ์ของชีวิต ว่าครั้งนึง เราเคยใช้ชีวิตในต่างแดน ที่ชื่อว่า * "Dubai ... The City of Gold" * แล้วจะมาเล่าเรื่องราว อีกมากมายในครั้งหน้านะคะ
เรื่องราว โดย "ยัยพรลี่"
ข้อมูลสนับสนุน โดย "ยัยพรลี่ และ * *
Create Date : 29 พฤษภาคม 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 1 มิถุนายน 2555 17:42:47 น. |
Counter : 2125 Pageviews. |
|
|
|
เอาอีกๆ