1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
ไม่ใช่ที่ 1 แต่เป็นที่ 6 พันล้าน คุณค่าความเป็นคนของเราจะด้อยลงหรือ ?
เมื่อออกไปทำธุระนอกบ้าน ก็เป็นอันว่าต้องปิดร้าน ไหนๆก็ปิดร้านเลยถือโอกาสเถลไถล ที่ๆฉันเถลไถลมันก็ไม่มีที่ไหน ให้ความสบายใจที่จะไถล ได้เท่ากับร้านหนังสือ เดินดูหนังสือตามชั้นต่างๆ ก็เจอเข้ากับหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือแนวไบโอกราฟฟี่ ของวาทยากรชื่อดังสายเลือดไทย ที่สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นวาทยากรระดับโลก ชื่อหนังสือนั้นคือ "ต้องเป็นที่หนึ่ง" ของ คุณ บัณฑิต อึ้งรังษี แต่ฉันไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้ติดมือมา ถูกล่ะค่ะ ฉันเองไม่ต่างกับคนอื่น ที่อดปลาบปลื้ม ชื่นชมไม่ได้ เมื่อเห็นคนที่มีสายเลือด เป็นสีธงชาติไทยแบบเดียวกับฉัน พิสูจน์ตัวเองจนได้ขึ้นมายืนอยู่บนที่อันมีเกียรติ เป็นที่ยอมรับ และในฐานะที่เราเป็นไทย มีเลือดไทยด้วยกัน ก็อดมองด้วยความนิยมยินดีไม่ได้ เขียนมาถึงตรงนี้เพื่อนๆคงสงสัยว่า แล้วอะไรหนอทำให้ฉันจั่วหัวบล็อกนี้ด้วยคำถามนั้น คำตอบคือชื่อหนังสือค่ะ "ต้องเป็นที่หนึ่ง" ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจฉันว่า เลขหนึ่งนั้นมีแค่ตัวเดียว แล้วสองหรือสามเล่าไม่มีค่ามีความหมายเลยหรือ? งั้นหกพันล้านก็ยิ่งไร้ความหมายสินะ และหากไม่ใช่ที่หนึ่ง คุณค่าความเป็นมนุษย์ในตัวเราก็ด้อยลงด้วยหรือ? คิดเลยไปถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เพิ่งได้อ่านไปเมื่อสองสามวันก่อน หน้าปกข้างล่างนั่นแหละค่ะ พักนี้ฉันอ่านแนวนี้เยอะ ฉันเชื่อมั่นเสมอมาว่าหนังสือคือเพื่อน เพื่อนทั้งในยามเหงา ยามสุข ยามสนุก หรือยามเซ็งๆเบื่อๆ แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นกับฉันเมื่อไม่นาน ฉันก็ยิ่งเชื่อว่ามันคือเพื่อนแท้ ฉันได้รับหนังสือดีๆสองเล่มจากพี่ชายคนหนึ่ง หนังสือที่ฉันสามรถพูดได้ว่า เปลี่ยนทัศนะคติบางอย่างต่อชีวิตฉัน หาไม่แล้วฉันอาจยืนขึ้นไม่ได้เร็วเท่านี้ ถึงจะมีบางเวลาที่เกิดความรู้สึกจิตตกขึ้นมาบ้าง เพราะเผลอสติไป ซึ่งนั่นก็คงเป็นกันทุกคน แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาเช่นตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ เลยอยากจะขอยกข้อเขียนบางส่วนจากหนังสือ "ทุกข์เพียงใด ต้องไม่ยอมแพ้" มาให้เพื่อนๆได้อ่านดูค่ะ
หยุดให้เป็น ก็เย็นได้ "เครื่องร้อนเพราะทำงานไม่หยุด ฉันใด ชีวิตรุ่มร้อนเพราะหยุดไม่เป็น ฉันนั้น" รถแรงดี ออกตัวเร็ว แล่นฉิว ใครๆก็ชอบ แต่ถ้าเกิดรถคันนั้นไม่มีเบรค คุณยังจะอยากได้อยู่หรือ รถไม่ติดเบรค ใครๆก็รู้ว่าอันตราย ชีวิตที่ไม่ติดเบรคล่ะ มีใครเห็นโทษของมันบ้าง" มีบางคนเปรียบชีวิตของคนสมัยนี้ว่าเหมือนรถยนต์บนทางด่วน ที่ต้องเร่งเครื่องเต็มที่ ที่จริงเราเป็นยิ่งกว่านั้น เพราะเราถูกกระตุ้นให้ต้องวิ่ง ๆๆตลอดเวลา ไม่ใช่เพื่อแข่งให้ทันคนอื่นเท่านั้น หากยังต้องแซงคนอื่นให้ได้มากที่สุด ไหนจะต้องแข่งเพื่อแซงเรื่องคะแนน อาชีพ การงาน ชื่อเสียง หน้าตา และทรัพย์สมบัติ อะไรต่ออะไรพากันเร่งให้เราวิ่งเร็ว เปิดโทรทัศน์ ไม่ว่าละครหรือโฆษณา ก็บอกว่าเราต้องมี เราต้องเป็น ไม่ด้อยกว่าคนอื่น ดูแผงหนังสือก็เต็มไปด้วยประเภท how to ว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นที่หนึ่ง ถามว่าชีวิตบนลู่วิ่งเช่นนี้มีเบรคช่วยชะลอหรือไม่ อาจจะมี แต่ใครต่อใครก็พากันปลดทิ้ง หาไม่ก็ปล่อยปละละเลยจนขึ้นสนิม ชีวิตที่บึ่งห้อไม่หยุดมีผลตามมาคือ เหนื่อยล้า เครียดจัด และโทรมเร็ว จนเป็นอันตราย ชีวิตแบบนี้จะชะลอความเร็วได้ก็หลังจากแล่นชนใครต่อใครดะไปหมดแล้ว เกิดความร้าวฉานกับผู้คนทั่วไป ความเสียหายเกิดขึ้นมากมายเพราะไม่รู้จักติดเบรกให้กับชีวิตชะลอชีวิตให้ช้าลงหรือหยุดเสียบ้าง ด้วยการรู้จักพักผ่อนและละวางจากการแข่งขัน บางครั้งเราก็ต้องรู้จักพาชีวิตออกจากทางด่วน มาแล่นบนทางธรรมดาหรือทางเกวียนเสียบ้าง เช่น ออกจากโลกธุระกิจมาสู่โลกแห่งครอบครัว จากห้องทำงานมาสู่สวนหย่อมหรือแปลงผักหน้าบ้าน แต่พักกายก็อย่าลืมพักใจด้วย การนอนจะมีประโยชน์อะไร หากความคิดแล่นไม่หยุด ฟังเพลงย่อมไร้รสชาติ หากกังวลกับสารพัดเรื่อง จะว่าไปแล้ว ตัวการที่ทำให้ชีวิตวิ่งไม่ยุดและหยุดยากก็คือความคิดของเรานี่แหละ ถ้าชีวิตเปรียบเหมือนรถยนต์ ความคิดหรือจิตใจก็คือตัวเครื่อง ทุกวันนี้คนเก่งคิดกันมาก เราถูกฝึกให้คิดรวดเร็วฉับไว และคิดๆๆอยู่เสมอ ไม่ว่าที่โรงเรียน ที่ทำงาน แต่กลับไม่มีการฝึกให้หยุดคิดเสียบ้างเลยเรียนผูกย่อมไม่สมบูรณ์ หากมิได้เรียนแก้ด้วย เดี๋ยวนี้เราถนัดในการผูกเงื่อนปมแก่ชีวิต ด้วยการคิดอยากได้โน่นได้นี่ไม่รู้จบ กังวลร้อยแปด แต่กลับไม่รู้จักแก้ปมด้วยการปล่อยวางเสียบ้าง เครื่องร้อนเพราะทำงานไม่หยุด ฉันใด ชีวิตรุ่มร้อนเพราะหยุดไม่เป็นฉันนั้น เป็นเพราะไม่ตระหนักถึงความข้อนี้ คนเป็นอันมากจึงไม่ต่างจากคนที่พยายามวิ่งหนีเงาเมื่อยามบ่าย ไม่ว่าจะวิ่งไกลแค่ไหน เร็วเพียงใด เงาก็ยังไล่ตามอยู่นั่นเอง แต่ถ้าเฉลียวใจสักนิด ก็จะรู้ว่าเพียงแต่หยุดวิ่ง แล้วมาอยู่ใต้ร่มไม้ เงาก็หายไปโดยไม่ต้องเหนื่อย ในความคิดเห็นของฉัน การแข่งขันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร แต่ถามว่ามันจำป็นไหม? ที่เราจะต้องเอาเป็นเอาตายกับมัน เราล้มกันบ้างแพ้กันบ้างไม่ได้หรือ? อย่างมากเราก็แค่แข่งขันกับตัวเอง ให้รู้สึกตัวเองว่ามีพลัง มีแรงกระตุ้น และป้องกันความเฉื่อยชา ไม่ได้เชียวหรือหากจะเดินไปพลาง ชมนกชมไม้ข้างทางไปบ้าง หรืออาจจะวิ่งเหยาะๆหากรู้สึกว่า ทำท่าจะถึงจุดหมายช้าเกินไป รู้สึกเหนื่อยกันไหม? ที่ต้องคิดแต่ว่าทำอย่างไร? ถึงจะได้เป็นที่หนึ่ง มันจะเหนื่อยน้อยกว่าไหมหากหัดที่จะเรียนรู้ว่า "คนเรานั้นมีวันที่ แพ้บ้างหรือล้มบ้างก็ได้" ลืมไปหรือเปล่าว่าก่อนจะเดินเป็น เราก็ล้มกันมาแล้วตั้งกี่ครั้ง ล้มตอนเด็กกับตอนโต เราก็ลงไปกองอยู่ที่พื้นดิน เปื้อนดินเปื้อนโคลน เจ็บและถลอกปอกเปิด ด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเมื่อเราโตขึ้น วันหนึ่งเดินล้มหรือพ่ายแพ้ แล้วจะทำให้คุณค่าความเป็นคนของเราด้อยลงหรือก็เปล่า สำหรับคนที่วันนี้ยืนอยู่บนแท่นของผู้ชนะ ก็อย่าได้ลำพองหรือกระหยิ่มใจ ผู้ที่เคยแพ้กลับมาชนะได้ฉันใด คนเคยมีชัยก็อาจแพ้ได้ฉันนั้น ที่หนึ่งหรือที่เท่าไหร่ แท้จริงมันคือแก่นหรือแค่กระพี้สำหรับชีวิตเรากันแน่ ..
Create Date : 02 เมษายน 2550
18 comments
Last Update : 2 เมษายน 2550 0:37:25 น.
Counter : 649 Pageviews.
โดย: smack 2 เมษายน 2550 1:28:06 น.
โดย: Beee (Beee_bu ) 2 เมษายน 2550 4:30:14 น.
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 2 เมษายน 2550 7:41:59 น.
โดย: อุ้มสี 2 เมษายน 2550 9:33:02 น.
โดย: Nilz 2 เมษายน 2550 9:51:55 น.
โดย: อัญชา 2 เมษายน 2550 12:04:33 น.
โดย: tu_bong 3 เมษายน 2550 23:29:10 น.
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [? ]
"ถ้าลดขนาดความต้องการของเราให้เล็กลง ขนาดของความสุขจะเพิ่มมากขึ้น" Everything happens for a reason,live it, love it,learn from it, make your smile change the world but don't let the world change your smile ชื่อติ๊กนะคะ ...... จะเรียกน้อง (ถ้ายังมีคนที่อายุมากกว่าอยู่อ่ะนะ) จะเรียกพี่ เรียกน้า อา หรือป้าก็ได้ไม่ว่ากัน แต่อย่าเพิ่งเรียกยายเท่านั้นเพราะอายุยังไม่ถึง ขณะนี้อยู่ที่สถานีรถไฟหลักสี่ตอนต้น ๆ ค่ะ ก่อนอื่นใด ....คงต้องกล่าวคำขอบคุณจากใจ ทั้งกับเพื่อนเก่าที่ไม่ลืมกัน......... และเพื่อนใหม่ที่เข้ามาทักทาย และให้โอกาส จขบ. ได้ทำความรู้จักนะคะ รู้สึกเป็นเกียรติมาก สำหรับมิตรภาพที่ทุกคนมีให้ ขอบคุณที่เข้ามาบ้านนี้และทิ้งคำทักทายไว้ให้ ไม่โหวด ไม่ไลค์ไม่เป็นไรค่ะ แค่เข้ามาอ่านและทักทายกันก็ดีใจแล้ว kiss kiss
เราเองไม่อยากเป็นที่หนึ่งของใครหลายๆ คนหรอกค่ะ
แสงสว่างทำให้คนยื่นทั้งดอกไม้และขว้างก้อนอิฐใส่ง่ายค่ะ ฮ่าๆๆ