Bloggang.com : แมวเซาผู้น่าสงสาร : My 7th marathon @ Dok Fai Ban Marathon 2023 เลย

marathon 42.195 ครั้งหลังสุดที่ผมลงคือ สุพรรณบุรีเมืองเหน่อมาราธอน 2020 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยผมเจ็บเอ็นร้อยหวายเรื้อรังหลังวิ่งจบ full marathon ที่ขอนแก่นในปีเดียวกัน ระยะเวลาห่างกันเพียง 2 สัปดาห์จึงหายไม่ทัน อยากมีส่วนร่วมในบรรยากาศขอลงวิ่งด้วย 3 กิโลฯ เศษแล้วยอม DNF เดินกลับโรงแรมนอน

หลังจากนั้นผมได้สมัครสุพรรณบุรีเมืองเหน่อมาราธอน 2021 เพื่อล้างแค้น แต่เจอพิษโควิดจากปี 2564 เลื่อนไปปี 2565 ผมซ้อมรอไว้แล้ว สุดท้ายเลื่อนไปปี 2566 อีก รอบนี้อย่างเซ็งไม่วิ่งแล้วครับ เลือกไปวิ่งที่จังหวัดเลยรายการ Dok Fai Ban Marathon 2023 แทน (สุพรรณบุรีเมืองเหน่อมาราธอน 2023 จัดหลังงานนี้ 1 สัปดาห์)

ความจริงเมื่อปลายปีที่แล้ว (ธันวาคม 2565) ผมลง 42.195 กิโลฯ ในลำปางมาราธอน 2022 อีกรายการ โชคร้ายดันติดโควิดเลยเปลี่ยนไปวิ่งแค่ 10 กิโลฯ แทน จากมาราธอนที่ 6 ที่เก็บได้ (ขอนแก่นมาราธอน 2020) จนมาถึงมาราธอนที่ 7 ที่ตั้งใจไขว่คว้าให้ได้ห่างกันถึง 3 ปี

Dok Fai Ban Marathon 2023 จัดขึ้นเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ลานพญานาคกัณหาโคตมะ ตามกำหนดการเดิมระยะมาราธอนปล่อยตัว 04:00 น. ทางผู้จัดขอเลื่อนเป็น 04:30 น.โดยอ้างว่าเส้นทางบางส่วนไม่มีไฟส่องสว่าง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์จากนักวิ่งว่าไม่ควรปล่อยตัวช้า เพราะแนวหลังที่วิ่งเกิน 5 ชั่วโมงโดนปิ้งย่างเกรียมแน่ หลายเสียงอยากให้ปล่อยตัว 03:00 น.เหมือนขอนแก่นมาราธอนด้วยซ้ำ สุดท้ายยอมกลับมาแข่งตามเวลาเดิม จากที่ผมสัมผัสด้วยตัวเอง เส้นทางบางส่วนที่ออกไปนอกเมืองมืดจริง สองข้างทางเป็นป่าและไร่นา ไร้บ้านเรือนชาวบ้าน ขอชมเชยทางผู้จัดที่ยอมจัดหาเครื่องปั่นไฟส่องสว่างมาประจำตามจุดที่มืดมิด แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

รายการนี้เริ่มแรกจัดแค่ระยะ Super Half 25 กิโลฯ ผมเคยร่วมวิ่งมา 2 ครั้งในปี 2561 และ 2562 อากาศหนาวเย็นวิ่งสนุกมาก ปีนี้ดันมาเจอช่วงลมหนาวอ่อนแรง ตอนเช้ามืดประมาณ 22 องศายังวิ่งกันสบาย ๆ พอดวงอาทิตย์โผล่มาอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขนาดผมวิ่งได้ยอดเยี่ยม ทำ newPB สำเร็จด้วยเวลา 4:48:48 ชม. pace 6:50 (ได้อันดับที่ 248 จาก 450 คน) ดีกว่าสถิติเดิม (5:01:29 ชม.) ที่ตรังมาราธอน 2019 เกือบ 13 นาที ยังเจอตะวันแผดเผาไป 1 ชั่วโมง สงสารนักวิ่งสายสุขภาพ หลัง 8 โมงเช้าจนถึง 11 โมงเส้นตาย cut off แดดแรงจนเดือดเกิน 30 องศาแล้วครับ

ด้วยเรื่องการเลื่อนเวลาปล่อยตัวช้าลง ตอนแรกผมงอแงจะขอเปลี่ยนไปวิ่ง half marathon แทนแล้ว (คุณชายกลัวผิวเสียครับ 555) แถมก่อนหน้านั้นเมืองกรุงเจอฝุ่นพิษ PM 2.5 สูง เลยซ้อม long run สูงสุดแค่ 21 กิโลฯ ครั้งเดียวด้วย นึกในใจวันจริงคงตายห่าแน่ แต่ก็ต้องขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนนักวิ่งที่ช่วยกระตุ้น เช่น พี่โก้ที่บอกให้วิ่งไปเถอะ ไม่งั้นจะคาใจ รวมถึงพลังแฝงจากเทพปู วิรัตน์ วัยดารา นักวิ่งมาราธอนที่ hot ที่สุดของไทย ที่มาเม้นถามผมใน Facebook ว่างานต่อไปลงที่ไหน พอบอกว่า full marathon ที่เลย เขาบอกให้ผมสู้ ๆ และอวยพรให้ทำเวลาได้ตามเป้า

อยากเล่าถึงแผนการวิ่งของคนอ่อนซ้อม ด้วยความเจียมตัว กะวิ่งด้วย pace เหนื่อยน้อยแค่ moderate ตั้งแต่ออก start ซึ่งผมทำได้ดีมาก คุม pace 6:30-6:40 ได้จนถึง 18 กิโลฯ หลังจากนั้นเหมือนจะเริ่มล้า ต้องใช้วิธีทุก 1 กิโลฯ ขอเดินพักหายใจ 100 เมตร ตลอดเส้นทางเจอเนินซึมขึ้น ๆ ลง ๆ จนมาถึง กม.ที่ 23 ช่วงลงเนินเลยปล่อยไหลเต็มแรงอัด pace 5 สร้างความสะใจหน่อย หลังผ่าน 30 กิโลฯ แรงเริ่มร่อยหรอต้องเดินเพิ่มเป็น 200 เมตร มีแค่ กม.ที่ 34 ขอฮึดจัด pace 5 อีกสักกิโลฯ ตั้งแต่ กม.39 เริ่มปวดตับหมดสภาพ (ความจริงเจ็บไตข้างขวานิด ๆ) วิ่งแทบไม่ไหวแล้ว เหลือแค่นี้เองเดินยาว ๆ ไปครับ จนสุดท้ายก็เข้าเส้นชัยด้วยสถิติใหม่ ทั้ง ๆ ที่เตรียมตัวซ้อมมาน้อยสุดตั้งแต่ลงมาราธอนมา ไม่มีอะไรจะพูด นอกจากคำว่า..โคตรดีใจเลยวะ