Neothais : We will save the world


<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 ตุลาคม 2551
 

Thailand's Political Crisis

คลิปที่ คมช.ตามลบ ช่วงรัฐประหาร 19 กันยา

ในคืนวันที่ 19 ก.ย.49
ในหลวงทรงตรัสแก่ตัวแทนเหล่าทัพ(ผบ.ทบ.ในขณะนั้น-ผู้ปฏิวัติ)ว่า ต่อไปอย่าทําอีก



ข่าวสารต่างๆที่ลงใน Blog หน้านี้ โปรดค่อยๆอ่านอย่างละเอียดและค่อยๆวิเคราะห์ไปด้วยใจที่เป็นกลาง แล้วจะมองเห็นความจริง


Create Date : 28 ตุลาคม 2551
Last Update : 30 ธันวาคม 2553 20:22:22 น. 10 comments
Counter : 1912 Pageviews.  
 
 
 
 
กิเลส ไว้ใจยากจริงๆ

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ
 
 

โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:22:50:18 น.  

 
 
 
พ.ต.ท.ทักษิณ ตัดสินใจประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 และกำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 2 เมษายน 2549

แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งประกอบด้วย ประชาธิปัตย์ ชาติไทย และ มหาชน ไม่ร่วม "สังฆกรรม" เมินส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมองว่า รัฐบาลพรรคไทยรักไทย เอาเปรียบ ส่งผลให้การสมัครรับเลือกตั้งครั้งนั้น มีพรรคไทยรักไทย เพียงพรรคเดียวที่ส่งคนลงสมัครส.ส.ในระบบเขตเลือกตั้ง ครบทั้ง 400 เขต และระบบบัญชี 100 คน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 ขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน

ที่มา //www.adslthailand.com/forum/viewtopic.php?f=24&t=65647
//oldforum.serithai.net/index.php?topic=3581.0;wap2
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:26:41 น.  

 
 
 
พระราชดำรัส
พระราชทานแก่ผู้พิพากษาประจำศาลสำนักงานศาลยุติธรรม เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ.2549

ถ้าจะปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เมื่อตะกี้พูดกับผู้พิพากษาศาลปกครอง ก็ต้องขอให้ เดี๋ยวไปปรึกษากับท่าน เพราะว่าสำคัญที่ผู้พิพากษาทุกฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายที่เป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา เพราะประธานศาลฏีกาเป็นโดยเฉพาะ

ในปัจจุบันนี้มีปัญหาทางด้านกฏหมายที่สำคัญมาก คือว่าถ้าไม่ได้ปฏิบัติ จะปฏิบัติตามที่ท่านได้ปฏิญาณว่า จะทำให้ประเทศชาติปกครองได้โดยแบบประชาธิปไตย คือเวลานี้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยนั่นเอง แต่ถ้าไม่มีสภาที่ครบถ้วนก็ไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ฉะนั้นก็ขอให้ไปปรึกษากัน ผู้ที่มีหน้าที่ในทางศาลปกครอง ในทางศาลอย่างที่มาเมื่อตะกี้ เพื่อที่จะเป็นครบ เป็นสิ่งที่ครบ

แต่ก่อนนี้มีอย่างเดียว มีศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ ศาลอาญา ศาลแพ่ง เดี๋ยวนี้มีศาลหลายอย่างอันนับไม่ถูก ก็เมื่อมีก็ต้องให้ไปดำเนินการด้วยดี ดังนั้นก็ขอให้ไปปรึกษากับศาลอื่นๆ ด้วย จะทำให้บ้านเมืองปกครองแบบประชาธิปไตยได้ อย่าไปคอยที่จะให้ขอนายกฯพระราชทาน เพราะขอนายกฯ พระราชทานไม่ได้เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย

ข้าพเจ้ามีความเดือดร้อนมาก ที่เอะอะอะไรก็ขอพระราชทานนายกฯพระราชทาน ซึ่งไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย ถ้าไปอ้างมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ เป็นการอ้างที่ผิด มันอ้างไม่ได้ มาตรา 7 มี 2 บรรทัดว่า อะไรที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญ ก็ให้ปฏิบัติตามประเพณี หรือตามที่เคยทำมา ไม่มี, เขาอยากจะได้นายกฯพระราชทาน เป็นต้น จะขอนายกฯ พระราชทาน ไม่ใช่เป็นเรื่องการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นการปกครองแบบ... ขอโทษ.. พูดแบบมั่ว แบบไม่มีเหตุมีผล สำคัญอยู่ที่ท่านเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา มีสมองที่แจ่มใสสามารถ ควรจะสามารถที่จะไปคิดวิธีที่จะปฏิบัติ คือปกครองต้องมีสภาที่ครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วน เขาว่าไม่ได้ แต่ก็เขาอาจจะหาวิธีที่จะตั้งสภาที่ไม่ครบถ้วน และทำงานได้

ก็รู้สึกว่ามั่วอย่างที่ว่า ต้องขอโทษอีกทีนะ ใช้คำว่า "มั่ว" ไม่ถูก ไม่ทราบใครจะทำมั่ว แต่ว่าปกครองประเทศมั่วไม่ได้ ที่จะคิดอะไรแบบ แบบว่าทำปัดๆ ไปให้เสร็จๆ ไป ถ้าไม่ได้ เขาก็โยนให้พระมหากษัตริย์ทำ ซึ่งยิ่งร้ายกว่าทำมั่วอย่างอื่น เพราะพระมหากษัตริย์ไม่มีหน้าที่ที่จะไปมั่ว ก็เลยต้องขอร้องฝ่ายศาลให้คิด ให้ช่วยกันคิด เดี๋ยวนี้ประชาชนทั่วไปเขาหวังในศาล โดยเฉพาะศาลฎีกา ศาลอื่นๆ

เขายังบอกว่าศาล ขึ้นชื่อว่าศาล ดี ยังมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีเหตุมีผล และมีความรู้ เพราะท่านได้เรียนรู้กฎหมายมา และพิจารณาเรื่องกฎหมายที่จะต้องศึกษาดีๆ ประเทศชาติจึงจะรอดพ้นได้ ถ้าไม่ทำตามหลักกฎหมาย หลักของการปกครองที่ถูกต้อง ประเทศชาติไปไม่รอด อย่างที่เป็นอยู่เดี๋ยวนี้ เพราะว่าไม่มีสมาชิกสภาถึง 500 คน ทำงานไม่ได้

ก็ต้องพิจารณาดูว่า จะทำยังไงสำหรับให้ทำงานได้ จะมาขอให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน เขาอาจจะว่ารัฐธรรมนูญนี้พระมหากษัตริย์เป็นคนลงพระปรมาภิไธยจริง แต่ลงพระปรมาภิไธยก็เดือดร้อน แต่ว่าในมาตรา 7 นั้นไม่ได้บอกว่า พระมหากษัตริย์สั่งได้ ไม่มี ลองไปดูมาตรา 7 เขาเขียนว่า ไม่มีการบทบัญญัติแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข ไม่ได้บอกว่ามีพระมหากษัตริย์ที่จะมาสั่งการได้

แล้วก็ขอยืนยันว่า ไม่เคยสั่งการอะไร ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย พระราชบัญญัติต่างๆ ทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญทุกอย่าง อย่างที่เขาขอ บอกว่า ขอให้มีพระราชทานนายกฯพระราชทาน ไม่เคย ไม่เคยมีข้อนี้ มีนายกฯแบบมีการรับสนองพระบรมราชโองการ อย่างที่ถูกต้องทุกครั้ง มีคนเขาก็อาจจะมาบอกว่า พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 เนี่ยทำตามใจชอบ

ไม่เคยทำอะไรตามใจชอบ ตั้งแต่เป็นมา มีรัฐธรรมนูญหลายฉบับ แล้วก็ทำมาหลายสิบปี ไม่เคยทำอะไรตามใจชอบ ถ้าทำไปตามใจชอบ ก็เข้าใจว่าบ้านเมืองล่มจมมานานแล้ว แต่ตอนนี้เขาขอให้ทำตามใจชอบ แล้วเวลาถ้าเขา ถ้าทำตามที่เขาขอ เขาก็ต้องด่าว่านินทาพระมหากษัตริย์ว่าทำตามใจชอบ ซึ่งไม่ใช่กลัว ถ้าต้องทำก็ต้องทำ แต่ว่ามันไม่ต้องทำ

ต้องวันนี้น่ะ อยู่ที่ผู้พิพากษาศาลฎีกาเป็นสำคัญ ที่จะบอกได้ ศาลอื่นๆ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอะไร ไม่มีข้อที่จะอ้างได้มากกว่าศาลฎีกา เพราะว่าผู้พิพากษาศาลฏีกา ที่จะมีสิทธิที่จะพูด ที่จะตัดสิน ฉะนั้นก็ขอให้ท่านได้พิจารณาดู กลับไปพิจารณา ไปปรึกษากับผู้พิพากษาศาลอะไรอื่นๆ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ ว่าควรจะทำอะไร แล้วต้องรีบทำ ไม่งั้นบ้านเมืองล่มจม พอดีตะกี้ดู ดูทีวี เรือหลายหมื่นตันโดนพายุ จมลงไปสี่พันเมตรในทะเล เขายังต้องดูว่าเรือนั้นลงไปอย่างไร

เมืองไทยจะจมลงไปลึกกว่าสี่พันเมตร แล้วก็กู้ไม่ได้ กู้ไม่ขึ้น ฉะนั้น ท่านเองก็จะเท่ากับจมลงไป ประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็จะจมลงไปในมหาสมุทร เดี๋ยวนี้เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดในโลก ฉะนั้นท่านก็มีหน้าที่ที่จะปฏิบัติ ปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ เพื่อที่จะ เขาเรียกว่ากู้ชาตินั้นแหละ เอะอะอะไรก็กู้ชาติ กู้ชาติ กู้ชาตินั่นน่ะ เดี๋ยวนี้ยังไม่ได้จม ทำไมคิดถึงจะที่ไปกู้ชาติ แต่ว่าป้องกันไม่ให้จมลงไป แล้วเราจะต้องกู้ชาติจริงๆ แต่ถ้าจมแล้ว กู้ชาติไม่ได้ จมไปแล้ว

ฉะนั้นต้องไปพิจารณาดูดีๆ ว่าควรจะทำอะไร ถ้าทำได้ ปรึกษาหารือกันได้จริงๆ ประชาชนทั้งประเทศและประชาชนทั่วโลกจะอนุโมทนา อาจจะเห็นว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาในเมืองไทยยังมี เรียกว่ายังมีน้ำยา และเป็นคนที่มีความรู้ และตั้งใจที่จะกู้ชาติจริงๆ ถ้าถึงเวลา

ก็ขอขอบใจท่านที่ตั้งอกตั้งใจที่จะทำหน้าที่ แล้วก็ทำหน้าที่ดีๆ อย่างนี้ บ้านเมืองก็รอดพ้น ไม่ต้องกลัว ขอขอบใจที่ท่านพยายามปฏิบัติโดยดี แล้วประชาชนจะอนุโมทนา ขอบใจแทนประชาชนทั่วทั้งประเทศ ที่มีผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่เข้มแข็ง ขอบใจ ขอให้ท่านสามารถที่จะปฏิบัติงานด้วยดี มีพลานามัยแข็งแรง ต่อสู้ ต่อสู้นะ ต่อสู้เพื่อความดี ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในประเทศ ขอขอบใจ

ที่มา //phoklang.nmpp.go.th/web/news_print.php?id=34
//www.alittlebuddha.com/html/Special%20Event/King%27s%20speech%2004.html
//www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=2133
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:38:31 น.  

 
 
 


ล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประกาศผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ถึงความจำเป็นที่ทหารจะต้องปฏิวัติแล้ว เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ //www.pantown.com/board.php?id=16071&area=&name=board1&topic=23&action=view
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:54:29 น.  

 
 
 
ภาพบนจาก //www.photoontour.com

ในหมู่ทหารระดับสูง มีการแพร่ข่าวทางโทรศัพท์ถึงวันที่มีการปฏิวัติ(19ก.ย.49)ว่ามี "นายทหารเสียชีวิตในวันนั้น 17 ศพ" ซึ่งกระแสข่าวนี้แรงมากในห้วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งมีการแพร่ข่าวนี้ผ่านทางเวปไซต์ "Hi-Thasksin.net" ซึ่งเป็นเวปไซต์ที่เชียร์ทักษิณซึ่งเวปนี้ยังมีการออกข่าวว่า วันที่ 4 เม.ย.50 ทักษิณ-พจมาน จะเดินทางกลับมาประเทศไทยด้วย ซึ่ง"ข้อมูล"นี้ มาสอดรับกับข่าวที่"บิ๊กบัง"และแกนนำ คมช.หลายคนเดินทางไปที่เชียงใหม่ เพื่อสะเดาะห์เคราะห์ หลังจากที่หมอดูประจำ คมช."อ.วารินทร์"ทำนายา"ทักษิณ"จะกลับมาประเทศไทย และจะส่งผลต่อ คมช.

รายงานจากแหล่งข่าวสายทหาร ระบุว่ากระแสเรื่อง 17 ศพ จะเป็นกระแสหลักในการโจมตีทำลาย คมช.ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ โดยมีรายงานด้วยว่า"พล.อ.ชวลิต"ที่ถูกระบุว่าอยู่"เบื้องหลัง"ข่าวม็อบ 19 ก.ย.ต้านรัฐประหารที่จะมาชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ในวันที่ 18มี.ค.50 ได้มีการพบและพูดคุยกับ"พล.อ.เปรม"ที่ โคราช..ท่ามกลางกระแสข่าวลือหลายกระแส ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใน คมช.และรัฐบาลสุรุยุทธ์ และเกี่ยวกับการเสนอให้กลับมาใช้ รัฐธรรมนูญ 40 และรีบจัดการเลือกตั้ง

ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sunnews&month=03-2007&date=13&group=2&gblog=8

มีรายงานข่าวในกองทัพว่ากระแสข่าวการเสียชีวิตของทหารมหาดเล็กรักษา พระองค์ 17 คน ในคืนวันที่ 19 ก.ย.49 นั้นกำลังลือสะพัดไปทั่วกองทัพ ขณะที่บางกระแสก็ว่ามีการเสียชีวิตของนายทหารมหาดเล็ก 2 คนด้วยโรคมะเร็งพร้อมๆกันอย่างแปลกประหลาด ทำให้หลายฝ่ายไม่พอใจ "พล.อ.สนธิ" โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าการเข้ายึดอำนาจ "ทักษิณ" และการเข้าเฝ้าในคืนนั้น มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่นอน

กระแสข่าวการ เสียชีวิตของนายทหารคืนวันที่ 19 ก.ย.49 กำลังบานปลาย มีการ "ส่งสัญญาน" จาก "ผู้ใหญ่" ระดับสูงขอให้ประชาชนชนสู้ซึ่ง "สัญญาน" นี้เกี่ยวข้องกับ "ม็อบต้านรัฐประหาร" ที่จะมาชุมนุมที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" (18 มี.ค.50) โดยเชื่อกันว่ามี "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์" หรือ "บิ๊กจิ๋ว" อยู่เบื้องหลัง

ข่าวนี้สอดคล้องกันกับความเคลื่อนไหวของ "บิ๊กจิ๋ว" กับ "พล.อ.เปรม" มีรายงานว่าทั้งสองมีการนัดพบปะกันหลายวันก่อน ที่โคราช เพื่อเสนอ "ข้อต่อรอง" ระหว่างกันซึ่งมีข้อเสนอให้ "บิ๊กจิ๋ว" กลับมาเป็น "นายกฯ" โดยแลกเปลี่ยนกับการไม่ดำเนินการต่อในเรื่อง 17 ศพนายทหารที่ยังไม่มีใครออกมาเฉลย..

ที่มา //www.oknation.net/blog/print.php?id=12677
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:59:31 น.  

 
 
 
พันธมิตรฯนัดชุมนุมใหญ่ 25 พ.ค.(2551)ต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ

กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวและออกแถลงการณ์วันนี้ โดยประกาศชุมนุมใหญ่ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะจัดชุมนุมในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ //news.sanook.com/politic/politic_271173.php
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:04:15 น.  

 
 
 
"I don"t think so." "They do things for themselves." - Princess Maha Chakri Sirindhorn

มีผู้สื่อข่าวทูลถามพระองค์ถึงสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นใน ประเทศไทยว่า ทรงเห็นด้วยหรือไม่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงระบุว่า ประท้วงเพื่อสถาบันกษัตริย์ (The princess was asked at a press conference following her talk whether she agreed with protesters who say they are acting on behalf of the monarchy.)

เอพีรายงานว่า สมเด็จพระเทพฯ ตรัสตอบคำถามดังกล่าวว่า "I don"t think so." "They do things for themselves." หรือแปลเป็นไทยได้ความว่า "ข้าพเจ้าไม่คิดเช่นนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการสิ่งต่างๆ เพื่อตัวพวกเขาเอง"

ผู้ สื่อข่าวทูลถามอีกว่า "Why the king has not spoken out?" หรือ "เหตุใดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังมิได้ทรงออกมาตรัสถึงเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้น" สมเด็จพระเทพฯ ตรัสตอบว่า "I don"t know because I haven"t asked him." หรือ "ข้าพเจ้าไม่ทราบ เนื่องจากมิได้ถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงเรื่องนี้"

ทรงยอมรับปัญหาการเมืองมีมาก

ใน ช่วงท้ายของรายงานข่าวเอพีระบุด้วยว่า สมเด็จพระเทพฯ ตรัสว่า "ปัญหาทางการเมืองขณะนี้มีมากมาย ข้าพเจ้าบอกกับเพื่อนและผู้ร่วมงานของข้าพเจ้าว่า ขอเพียงแต่ให้ทำตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองต่อไป" ("There are a lot of political problems," the princess said. "I told my friends, colleagues just to do what is their duty.) ทั้งนี้ ข่าวเอพีให้ข้อมูลด้วยว่า สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ เยือนสหรัฐในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความรุนแรงทางการเมืองครั้ง ร้ายแรงที่สุดในห้วงเวลา 1 ทศวรรษ กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลนับพันคนบุกเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียก ร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งและขจัดการทุจริตในหมู่นักการเมือง แกนนำผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่ดูหมิ่นสถาบัน และแกนนำผู้ประท้วงคนหนึ่งต้องการให้ไทยเปลี่ยนไปใช้ระบบแต่งตั้งส.ส.ส่วน ใหญ่เข้าสู่สภาแทนการเลือกตั้ง

ตุลาคม 2008
ที่มา //bigies.multiply.com/journal/item/238/I_dont_think_so._They_do_things_for_themselves._-_Princess_Maha_Chakri_Sirindhorn
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:07:10 น.  

 
 
 

พันธมิตรฯรวมตัวสี่แยกนางเลิ้ง ก่อนเคลื่อนพลยึดหน้าทำเนียบ

ยึดทำเนียบสำเร็จ พันธมิตร ประกาศชัยทันที [21 มิ.ย. 51 - 04:11]

ในที่ สุดกลุ่มพันธมิตรฯก็ถึงวันดีเดย์ เคลื่อนพลออกจากสะพานมัฆวานรังสรรค์ ในช่วงเที่ยงของวันที่ 20 มิ.ย. ยาตราทัพมายังทำเนียบรัฐบาล โดยใช้แผนยุทธการสงคราม 9 ทัพ มีการแบ่งการเคลื่อนกำลังเป็นหลายจุด กระจายกันมายังทำเนียบรัฐบาล มีการวางแผนใช้เส้นทางถนนหลายเส้น นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนใช้เรือท้องแบนเคลื่อนพลทางน้ำมาตามคลองผดุงกรุงเกษม หากถูกตำรวจสกัดกั้นตามเส้นทางปกติ โดยการเคลื่อนพลที่ใช้แผนยุทธการสงคราม 9 ทัพครั้งนี้ ทำเสมือนหนึ่งเป็นการไปสู้รบกับอริราชศัตรูสำคัญของชาติ

จำลองนำขบวนพันธมิตรยึดทำเนียบได้แล้ว

จำลองหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯเคลื่อนขบวนเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว

13.57 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวบนเวที ให้กลุ่มผู้ชุมนุม เคลื่อนย้ายการชุมนุมจากจุดบริเวณการชุมนุมที่สะพานมัฆวาน ฯ เพื่อจะเดินเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล โดยขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะเดินเข้าตรงประตูด้านใด ซึ่งหัวขบวนได้เดินนำโดยใช้ถนนด้านข้างทำเนียบรัฐบาลตรงจุดที่ชุมนุมอยู่

เมื่อ เวลา 14.00 น. ได้เคลื่อนขบวนเข้าไปในบริเวณทำเนียบฯ แล้ว โดยผ่านเข้าประตู 5 ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ โดยล่าสุดกล่มผู้ชุมนุมได้ทยอยเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว

26 สิงหาคม 2008
ที่มา //talk.mthai.com/topic/22444
//nanadata.blogspot.com/2008/08/21-51-0414.html
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:15:08 น.  

 
 
 
ปธ.มูลนิธิประชาฯเผยรักในหลวงอยู่บ้าน
30 ตุลาคม 2008

ที่ศูนย์การประชุมในชุมพร คาบาน่า รีสอร์ท ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร นายดิสธร วัชโรทัย ประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวระหว่างเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษเรื่อง "ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ" ตามโครงการสัมมนา "เวทีเติมหัวใจให้สังคม เชื่อมร้อยใจเครือข่าย จากภูเขาสู่มหานที ครั้งที่ 1 " ซึ่งเครือข่ายอนุรักษ์ใน จ.ชุมพร จัดขึ้น โดยกล่าวว่า ถึงความขัดแย้งของสังคมไทยในปัจจุบันว่า ที่ผ่านมาได้ไปพูดมาแล้ว 19 จังหวัด สำหรับผู้ที่มาฟังในครั้งนี้ไม่ทราบว่าเป็นพรรคพวกไหน จะเป็นฝ่ายพันธมิตร หรือ นปช. ก็ดี ขอเรียนความจริงอันหนึ่งว่า ถ้าทุกคนรักในหลวงไม่ต้องไปทำนาที่ทำเนียบ หรือไปแสดงพลังที่ไหน

"ถ้า รักในหลวงให้อยู่ชุมพร ไม่ต้องไปที่อื่น รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน คุณไปแสดงพลังตรงนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ รับพระราชกระแสมาเองว่า พวกเราต้องขยาย ทำอย่างไรให้เขาทราบว่า เรามีหน้าที่และทำหน้าที่อะไร ผมไม่ได้เข้าข้างใคร ผมไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมอยู่พรรคในหลวง และพรรคนี้ใหญ่โตมาก" นายดิสธรกล่าว

"ดิสธร วัชโรทัย" "ผมอยู่พรรคในหลวง"

ารเปิด ร้านโกลเด้นท์เพลส (บริษัท สุวรรณชาด จำกัด) ที่มี 5 สาขา คือ สาขาสะพานสูง, สาขาพระราม 9, สาขา มหาวิทยาลัยเกษตรฯ สาขาซีพีทาวเวอร์ และสาขาประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งโกลเด้นท์เพลสถือเป็นตัวอย่างของการทำธุรกิจค้าปลีกเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอ เพียง เป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ทำอย่างตรงไปตรงมา ผู้บริหารไม่ทุจริต พนักงานทุกคนเริ่มต้นเงินเดือนที่ 10,000 บาท เรื่องความรวยความจนว่าอยู่ที่ใจของแต่ละคน คนมีเงิน 10 บาท ถ้าคิดว่าตัวเองรวยก็คือคนรวย คนมีเงิน 100 บาทก็เป็นคนรวยได้ถ้าตัวเองคิดว่ารวยแล้ว


"ผมรู้สึกดีใจที่โครงการป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ
พระ เจ้าอยู่หัวที่ชุมพรประสบความสำเร็จ โดยได้รับความร่วมมือจากชาวชุมพรทุกคน และความสามัคคีของทุกฝ่าย เมื่อปี 2542 ที่มีภัยแล้งเกิดขึ้นทั่วประเทศ ประชาชนในจังหวัดสุพรรณบุรี นครสวรรค์ ไม่มีน้ำทำนา จนเกิดการทำร้ายกันเพื่อแย่งน้ำทำนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ระหว่างเสด็จฯไปพระราชทานปริญญาบัตรที่ เชียงใหม่ ทรงทอดพระเนตรผ่านหน้าต่างเครื่องบินเห็นเมฆกลุ่มใหญ่ จึงมีกระแสรับสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องใช้เมฆก้อนนั้นทำฝนหลวงเพื่อแก้ปัญหาใน ครั้งนั้น แสดงว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนเลย "


ผม ต้องขอกราบเรียนว่าผมได้ไปพูดมาแล้ว 19 จังหวัด และผมก็ไม่ทราบว่าที่นั่งอยู่ที่นี่เป็นพรรคพวกไหน จะเป็นฝ่ายพันธมิตรก็ดี จะเป็นฝ่าย นปช.ก็ดี ผมต้องกราบเรียนความจริงอันหนึ่งว่า ถ้าพวกเราทุกคนรักในหลวงไม่ต้องไปทำนาที่ทำเนียบหรอกครับไม่ ต้องไปแสดงพลังที่ไหน ในฐานะผมเป็นประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ผมดูแลทุกข์สุขของราษฎรในนามของพระองค์ท่าน ผมบอกได้เลยว่า ทุกๆ ครั้งที่ประชาชนคนไทยได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นวาตภัย วินาศภัย สาธารณภัยต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทอดทิ้งพวกเราเลย ทุกครั้งที่เกิดภัย พระองค์ท่านจะรับสั่งให้ลงไปช่วยทุกครั้ง เหมือนกับคราวนี้ พระองค์ทรงเห็นว่าร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านชุมพร พระองค์รับสั่งทันทีเลยว่าให้ผมรีบลงมา เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมต่างๆ ในชุมพร

ถ้า รักในหลวงให้อยู่ชุมพร ไม่ต้องไปที่อื่น ผมเคยพูดตลอดเวลาว่า รักในหลวงให้อยู่บ้าน รักในหลวงให้กลับบ้าน คุณไปแสดงพลังตรงนั้นไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยก ผมกล้าพูดตรงนี้เพราะผมเป็นตัวจริงเสียงจริงนะครับ รับพระราชกระแสมาเองว่า พวกเราต้องขยาย ทำอย่างไรให้เขาทราบว่า เรามีหน้าที่และทำหน้าที่อะไร ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะครับ ผมไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมอยู่พรรคในหลวง และพรรคนี้ใหญ่โตมาก

กองทัพแถลงคนไทยขัดแย้งทำในหลวงไม่สบายพระทัย

พล.ต.วิศณุ ศรียะพันธ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึงกรณีมีความขัดแย้งทางความคิดระหว่างคนไทยด้วยกัน และมีความพยายามดึงกองทัพเข้าไปสนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจในสิทธิเสรีภาพการแสดงออกทางความคิดเห็น แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น และต้องคำนึงถึงว่า การกระทำต่างๆ จะต้องก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม ท่าทีและความคิดเห็นที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน สมควรที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ด้วยเหตุและผล โดยไม่นำเอาผลประโยชน์ของตนหรือกลุ่มตนเป็นที่ตั้ง ต้องตระหนักด้วยว่า ความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ และไม่ได้ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงสบายพระทัยแต่อย่างใด ประเด็นที่สำคัญ คือ คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย เพื่อให้งานพระราชพิธีสำคัญต่างๆ ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและสมเกียรติ


ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ลงนามในคำสั่งกองทัพไทย จัดตั้งสำนักงาน และทีมงานโฆษกกองทัพไทย เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ทันต่อสถานการณ์ ประกอบด้วย พล.ต.วิศณุ ศรียะพันธ์ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร เป็นโฆษกกองทัพไทย พล.ต.ภุชพงศ์ พงษ์ศิริ รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร เป็นรองโฆษกกองทัพไทย

ที่มา //www.thaisamkok.com/forum/index.php?showtopic=12362
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:21:24 น.  

 
 
 
วิกฤตที่ยิ่งกว่าที่สุดในโลก
โดย บุญเลิศ ช้างใหญ่

เหตุการณ์ ความสับสน ปั่นป่วน วุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่เกิด "วิกฤตศรัทธา" กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีมวลชนออกมาต่อต้าน ขับไล่จน พ.ต.ท.ทักษิณตัดสินใจยุบสภาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 และเมื่อจัดการเลือกตั้งปรากฏว่า 3 พรรคการเมืองฝ่ายค้านประกอบด้วยประชาธิปัตย์ ชาติไทย และมหาชน พร้อมใจกันบอยคอต ไม่ส่งสมาชิกลงแข่งขันเลือกตั้ง ต่อเนื่องมาจนถึงปลายเดือนเมษายน 2549

"เดี๋ยวนี้เป็นเวลาที่วิกฤตที่สุดในโลก"

เป็น พระราชดำรัสตอนหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ผู้พิพากษาประจำศาล สำนักงานศาลยุติธรรม ที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวัน ที่ 25 เมษายน 2549 ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล ประจวบคีรีขันธ์

หลัง จากมีพระราชดำรัสกับผู้พิพากษาศาลฎีกาและก่อนนั้น (วันเดียวกัน) ก็มีพระราชดำรัสกับคณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ได้มีคำวินิจฉัย และคำพิพากษาของศาลปกครอง ศาลฎีกาและศาลรัฐธรรมนูญในเวลาต่อมาในคดีต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.วันที่ 2 เมษายน 2549 ที่สำคัญคือ ให้การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นโมฆะ ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่

จากนั้น มา ความยุ่งเหยิงทางการเมืองก็มิได้เบาบางลง ทั้งๆ ที่วันเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ถูกกำหนดขึ้น ในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ตามพระราชกฤษฎีกาแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2549

ที่สำคัญ นายอาสา สารสิน ราชเลขาธิการได้นำหนังสือตราครุฑลับเฉพาะ ด่วนที่สุด อัญเชิญพระราชกระแสประกอบพระราชกฤษฎีกาเพื่อเรียนต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยตรง พระราชกระแสที่ปรากฏในหนังสือมี 2 ข้อ ดังนี้

1.เหตุผลที่ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกานั้นก็เพราะมีพระราชประสงค์จะเห็นประเทศชาติกลับไปสู่ความสงบเรียบร้อยโดยเร็วและ

2.ทรง มีพระราชประสงค์ให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะมีขึ้นในคราวต่อไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์และยุติธรรมอย่างแท้จริง

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการสนองพระราชกระแสโดยด่วน - นี่เป็นบันทึกข้อความของราชเลขาธิการ

แต่ แล้วในวันที่ 19 กันยายน 2549 รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณที่รักษาการก็ถูกรัฐประหารโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร ก่อนถึงวันเลือกตั้งไม่ถึง 1 เดือน อย่างนี้จะถือว่าขัดต่อพระราชประสงค์ของพระมหากษัตริย์หรือไม่ ?!?

จาก 19 กันยายน 2549 มาถึงวันนี้ วันที่ใกล้จะสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 และกำลังจะเข้าสู่ศักราชใหม่ 2553 เป็นเวลา 3 ปีเศษ ความโกลาหลของบ้าน เมือง ความขัดแย้ง แตกแยกของนักการเมืองและคนไทยกลับทวีขึ้น ต่างฝ่ายต่างมองอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่จ้องจะห้ำหั่นกัน เหตุการณ์จลาจลนองเลือดเข้าสู่ขั้น "กลียุค" จากน้ำมือของมวลชนกระทำต่อมวลชนและตำรวจ-ทหารใช้อาวุธและกฎหมายกระทำกับมวล ชนเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มีคนตายและเจ็บจำนวนมาก

ทำเนียบรัฐบาล ถูกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกเข้าไปยึดนาน 3-4 เดือน สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิถูกปิดนานนับสัปดาห์ เสียหายเป็นเงินมหาศาล โดยที่การดำเนินคดีของตำรวจยังอืดอาดล่าช้าคล้ายกับเจตนาจะถ่วงรั้งเอาไว้ ให้นานที่สุดเพื่อจะช่วยเหลือพวกเดียวกัน ทำให้เป็นข้อโจมตีจากอีกฝ่ายว่าเมื่อบ้านเมืองนี้ไม่มีความเป็นธรรม อย่าหวังเลยที่จะเกิดความปรองดองและความสงบสุข

แต่นั่นก็ยังไม่ ร้ายแรงเท่ากับการขาดความเชื่อมั่นของต่างชาติที่มีต่อประเทศไทยซึ่งกระทบ ต่อการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ที่ตกต่ำกลายเป็น "บ้านป่าเมืองเถื่อน" เหนืออื่นใด ความย่อยยับของประเทศที่มิอาจประเมินค่าเป็นทรัพย์สินเงินทองได้ ก็คือ

การ ที่นักการเมือง/พรรคการเมืองและมวลชนที่ต่างสีเสื้อใส่ร้าย ป้ายสี ด่าทอ สาดโคลนกันไปมาตลอดเวลาแล้วก็ใช้ความรุนแรงสารพัดรูปแบบเข้าประหัตประหาร ราวกับไม่ใช่คนไทยด้วยกัน

ยังพยากรณ์ไม่ได้ว่าการนัดชุมนุมใหญ่ของคน เสื้อแดงในกรุงเทพฯตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน-2 ธันวาคมนี้ เพื่อกดดันให้นายอภิสิทธิ์ยุบสภาจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดอีกครั้งหนึ่งหรือ ไม่ และจะนำพาประเทศไทยและคนไทยถลำลึกไปสู่ห้วงเหวแห่งความหายนะล่มจมอีกแค่ไหน แต่สิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ

สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ได้เลยห้วงเวลาของวิกฤตที่สุดในโลกมานานแล้วและวิกฤตมากเกินกว่าจะที่ใครจะคาดคิด!

ถาม ว่าใครจะแก้ "วิกฤตที่ยิ่งกว่าที่สุดในโลก" ดูแล้วก็ไม่เห็นมีใครจะแก้ไขได้ นักการเมืองและพรรคการเมืองเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาล้างผลาญกันเอง อ้างแต่หลักกฎหมายหรือหลักนิติศาสตร์และอ้างว่ามีอำนาจเต็มที่จะจัดการเพราะ เป็นรัฐบาลโดยแกล้งมองข้ามหลักรัฐศาสตร์ที่ต้องใช้ "การเมือง" เข้ามาผสมผสาน อีกทั้งลืมไปว่าการเป็นรัฐบาลที่ดีนั้น มีหน้าที่แก้ไขปัญหาบ้านเมือง ความทุกข์ยาก เดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศให้กินดีอยู่ดี มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ใช่มัวแต่จะคอยหักโค่นอีกฝ่ายหนึ่งอย่างมัวเมาในอำนาจ จนบ้านเมืองลุกเป็นไฟอยู่ในเวลานี้

ข้าราชการประจำโดยเฉพาะทหาร ตำรวจ ก็ตกเป็นเครื่องมือให้ผู้มีอำนาจนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางการเมืองเพื่อให้ พรรคพวกของตนเป็นฝ่ายชนะ โดยไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าประเทศจะก้าวข้ามวิกฤตที่ยิ่งกว่าที่สุดในโลกไปได้อย่างไร ?

ผู้ ปกครองประเทศที่หลงในอำนาจไม่ว่าจะพูดอะไรหรือกระทำการใดในแต่ละวัน มิได้คำนึงเลยว่า ในขณะนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ในพระอาการประชวร ยังไม่ได้เสด็จออกจากจากโรงพยาบาลศิริราชเพื่อกลับพระราชวัง พระองค์จะทรงเป็นทุกข์ขนาดไหนเมื่อเห็นคนไทยทะเลาะและทุบตีทำร้ายกันกลาง บ้านกลางเมือง ไม่รู้จักเลิกรากันเสียที

"เราต้องให้พรทุกฝ่าย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ให้กำลังทำได้ดี แต่วันนี้ ไม่พูดให้ทำอะไร ทะเลาะกันไม่เอา ไม่ทะเลาะ ให้ทำอะไรที่ดูดี และอย่าคิดเกิน อย่าเลยเถิด แต่ถ้าทุกคนทำงานเหมาะสม บ้านเมืองไปได้ ให้แต่ละคนไปได้ ไม่ใช่มีการหัวชนฝา......"

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2548 ที่อัญเชิญมานี้ ควรที่ผู้มีอำนาจทั้งนักการเมือง ผู้นำเหล่าทัพและตำรวจ ตลอด จนทุกฝักทุกฝ่ายควรกลับไปอ่านแล้วประชุมปรึกษาหารือกันว่าจะน้อมนำไปปฏิบัติ อย่างไรจึงจะทำให้คนไทยเลิกทะเลาะกันแล้วปิดฉาก "สงครามกลางเมือง" กันเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่บ้านเมืองจะหายนะล่มจมและคนไทยต้องฆ่ากันให้เจ็บและตายไปมากกว่านี้

ที่มา //www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01261152§ionid=0130&day=2009-11-26
 
 

โดย: Mr.Terran วันที่: 26 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:24:48 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Mr.Terran
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




ซิดนี่ย์ เจ.แฮร์ริส เคยกล่าวไว้ว่า
"อันตรายที่แท้จริง ไม่ใช่อยู่ที่ว่า Computer จะเริ่มคิดเหมือนมนุษย์
แต่อยู่ที่ว่า มนุษย์ จะเริ่มคิดเหมือน Computer" ผลงานทุกชิ้นใน BLOG ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ยกเว้นบทความที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา New Document
New Comments
[Add Mr.Terran's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com