ซือมาเชียง (Szu Ma Chien) นักประวัติศาสตร์จีนได้เรียบเรียงประวัติของซุนวูไว้สั้นๆ
เมื่อประมาณหนึ่งศตวรรษก่อนคริสต์กาลว่า ซุนวูเป็นชาวรัฐฉี เป็นผู้ที่นำเสนอ "ศิลปะการสงคราม" ต่อกษัตริย์ โห ลู แห่งรัฐวู เมื่อประมาณหกศตวรรษ ก่อนคริสต์กาล ซึ่งนักประวัติศาสตร์จีนหลายท่านก็ไม่เห็นด้วยกับ ซือมาเชียง ส่วนซามูเอล บี กริฟฟิต (Samuel B. Griffith) เห็นว่า ผลงานของซุนวูนี้เขียนขึ้นในช่วงสี่ศตวรรษก่อนคริสต์กาล โดยคนๆเดียวที่มีประสบการณ์ จากการศึกสงครามอย่างมาก ส่วนซุนวูจะมีชีวิตและมีตัวตนอยู่จริง หรือไม่นั้นเขาไม่สามารถตอบได้ (Samuel B. Griffith. SunTsu : The Art of War, New York : The Easton Press, 1988, p.V)
เมื่อเหมาเจ๋อตุง มีชัยชนะเหนือฝ่ายก๊กมิงถังในสงครามกลางเมืองในจีนปี ค.ศ. 1949 "ศิลปะการสงคราม" ของซุนวูเป็นยุทธศาสตร์ทางอ้อม (strategie indirecte) มีความคล้ายคลึงกับผลงานของ โมริส เดอ ซักส์ (Maurice de Saxe) (Mes reveries ou memoires sur l'art de la guerre, La Haye, 1756 ) ในตอนที่กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ซึ่งไม่ใช่แนวคิดในการทำสงครามโดยตรงเช่นกัน
ลิดเดิล ฮาร์ต ( B. H. Liddell Hart) นักทฤษฏีการทหารให้ทัศนะเกี่ยวกับซุนวูไว้ว่า "ในบรรดานักวิเคราะห์การทหารในอดีต มีเพียง เคลาสวิทช์เพียงท่านเดียวเท่านั้นที่เทียบเคียงได้กับซุนวูแต่หลักการและทฤษฏีของท่านซึ่งมีอายุน้อยกว่าซุนวู 2,000 กว่าปี กลับล้าสมัยเร็วกว่าซุนวู ที่ยังคงมีความชัดเจนเจาะลึก และมีความทันสมัยอันเป็นนิรันดร์" (Sun Tse. L'art de la guerre, Paris : Presses Pocket, 1993, p.7)
คํานํา
"คัมภีร์สงครามซุนวู" ซึ่งท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ เขียนและรวบรวมจากสติปัญญาและประสบการณ์ของนักการทหารจีนชื่อ "ซุนวู" ( Sun Wu ) หรือ "ซุนซี" ( Sun Tse) ซึ่งน่าจะมีชีวิตอยู่จริงช่วงสมัยราชวงศ์ชูหรือซู (Chou/Zhou)
ปลายยุคใบไม้ผลิใบไม้ร่วง (Spring and Autumn) ( 770-476 ปีก่อนคริสต์ศักราช)หรือช่วงเริ่มต้นยุคสงครามระหว่างแคว้น (Warring States) (475-221 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
"ศิลปะการสงคราม" เป็นวรรณกรรมเกี่ยวกับหลักการและทฤษฏีทางทหารที่เก่าแก่ที่สุดของโลกหรือจะเรียกว่าเป็น "ตำราปรัชญาการนำ" ก็คงไม่ผิด เพราะเนื้อหาเป็น "สัจจะ" คือมีทั้งความจริงที่เป็นอมตะและคติธรรมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง
แต่มุ่งสู่เป้าหมายสุดท้าย คือ "ชัยชนะ" ดังนั้น "ศิลปะการสงคราม" ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 13 บทของซุนวูนี้จึงเป็น ความรู้ที่เหมาะสำหรับนักการทหาร นักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ และผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างมีเกียรติทุกคน
เราทราบรายละเอียดเกี่ยวกับซุนวูน้อยมาก เรารู้ว่าเขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในช่วงราชวงศ์ฮั่นของจีน(ก่อน ค.ศ. 206- ค.ศ. 220) และตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน อิทธิพลของศิลปะการสงครามซุนวูขยายเข้าสู่เกาหลีและญี่ปุ่นด้วย ดังปรากฏอยู่ในผลงานของนักวิจารณ์จำนวนมากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17
ซือมาเชียง (Szu Ma Chien) นักประวัติศาสตร์จีนได้เรียบเรียงประวัติของซุนวูไว้สั้นๆ
เมื่อประมาณหนึ่งศตวรรษก่อนคริสต์กาลว่า ซุนวูเป็นชาวรัฐฉี เป็นผู้ที่นำเสนอ "ศิลปะการสงคราม" ต่อกษัตริย์ โห ลู แห่งรัฐวู เมื่อประมาณหกศตวรรษ ก่อนคริสต์กาล ซึ่งนักประวัติศาสตร์จีนหลายท่านก็ไม่เห็นด้วยกับ ซือมาเชียง ส่วนซามูเอล บี กริฟฟิต (Samuel B. Griffith) เห็นว่า ผลงานของซุนวูนี้เขียนขึ้นในช่วงสี่ศตวรรษก่อนคริสต์กาล โดยคนๆเดียวที่มีประสบการณ์ จากการศึกสงครามอย่างมาก ส่วนซุนวูจะมีชีวิตและมีตัวตนอยู่จริง หรือไม่นั้นเขาไม่สามารถตอบได้ (Samuel B. Griffith. SunTsu : The Art of War, New York : The Easton Press, 1988, p.V)
นอกจากนี้ผลงานของซุนวูยังถูกนักวิจารณ์จีนตีความและเพิ่มเติมเนื้อหาในระยะต่อๆมาด้วยแต่การตีความนี้ยิ่งมีมากในหมู่นักวิจารณ์ชาวตะวันตก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่การแปล "ศิลปะการสงคราม" จากภาษาฝรั่งเศสในครั้งนี้จะแตกต่างจากการแปลจากภาษาอื่นๆอยู่บ้าง
"ศิลปะการสงคราม" ของซุนวูแปลเป็นภาษาตะวันตกครั้งแรกโดยบาทหลวงเยซูอิตชาวฝรั่งเศสชื่อ จ็อง จ๊าก อามีโยต์ ( Jean-Jacques Amiot ) โดยให้ชื่อว่า "L'Art de la Guerre" (ศิลปะการสงคราม)และตีพิมพ์ครั้งแรกที่กรุงปารีสในปี ค.ศ. 1772 ซึ่งตรงกับช่วงที่ตะวันตกให้ความสนใจกับวัฒนธรรมและแนวคิดทางตะวันออกอย่างมาก โดยเฉพาะจีน หนังสือแปลฉบับแรกนี้จึงได้รับการต้อนรับอย่างดี
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุโรปในศตวรรษที่ 19 และชื่อเสียงของเคลาส์วิทช์ (Clausewitez) ในเรื่องหลักการสงครามสมัยใหม่ทำให้โลกตะวันตกลืมซุนวูไปชั่วขณะ และหันกลับมาสนใจซุนวูอีกครั้ง
เมื่อเหมาเจ๋อตุง มีชัยชนะเหนือฝ่ายก๊กมิงถังในสงครามกลางเมืองในจีนปี ค.ศ. 1949
"ศิลปะการสงคราม" ของซุนวูเป็นยุทธศาสตร์ทางอ้อม (strategie indirecte) มีความคล้ายคลึงกับผลงานของ โมริส เดอ ซักส์ (Maurice de Saxe) (Mes reveries ou memoires sur l'art de la guerre, La Haye, 1756 ) ในตอนที่กล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์ซึ่งไม่ใช่แนวคิดในการทำสงครามโดยตรงเช่นกัน
ลิดเดิล ฮาร์ต ( B. H. Liddell Hart) นักทฤษฏีการทหารให้ทัศนะเกี่ยวกับซุนวูไว้ว่า "ในบรรดานักวิเคราะห์การทหารในอดีต มีเพียง เคลาสวิทช์เพียงท่านเดียวเท่านั้นที่เทียบเคียงได้กับซุนวูแต่หลักการและทฤษฏีของท่านซึ่งมีอายุน้อยกว่าซุนวู 2,000 กว่าปี กลับล้าสมัยเร็วกว่าซุนวู ที่ยังคงมีความชัดเจนเจาะลึก และมีความทันสมัยอันเป็นนิรันดร์" (Sun Tse. L'art de la guerre, Paris : Presses Pocket, 1993, p.7)
ซุนวูเชื่อว่า สงครามมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการเมือง และเป็นความจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สงครามของซุนวูเกิดขึ้นในกรอบของสังคมเดียวกัน ในยุคที่เครื่องมือและยุทโธปกรณ์ยังมีอยู่อย่างจำกัด
ซุนวูให้ความสำคัญกับขวัญกำลังใจของกำลังพล ความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้เกี่ยวกับฝ่ายตรงข้าม
การแปลและเรียบเรียงจากภาษาจีนของบาทหลวง อามีโยต์ มุ่งรักษาเนื้อหาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นผู้แปลจึงขอดำรงความมุ่งหมายนี้ไว้ในการแปลจากภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาไทยเพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านได้ประโยชน์สูงสุด
พันโท ผศ.ดร. พีรพล สงนุ้ย