กฏ 3 ข้อ และ การจัดการเรื่องความคิด
ผมได้แนะนำกฏ 3 ข้อ สำหรับใช้ในการฝึกฝนปฏิบัติธรรม ซึ่งกฏ 3 ข้อนี้มีว่า 1. รู้สึกตัว 2. เฉย ๆ ผ่อนคลาย สบาย ๆ อย่าเกร็ง อย่าเครียด 3. อย่าอยากรู้อะไร แต่ให้จิตเขาไปรับรู้ได้เอง เมื่อท่านลงมือฝึกฝนด้วยกฏ 3 ข้อข้างต้น ท่านจะพบกับอาการข้อ A ถึง F ข้างล่างเอง โดยที่ท่านไม่ต้องอยากรู้เลย แต่ก็สามารถรับรู้ได้เอง เพราะกลไกตามธรรมชาติของจิตเขาเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว กล่าวคือ A.ตามองเห็น B.หูได้ยิน C.จมูกได้กลิ่น D.ลิ้นได้รู้รส E.กายรู้ได้ถึงอาการทางกาย เช่น ลมหนาวพัดมาโดนกาย ก็รู้สึกได้ หรือ ถ้าใช้มือลูบแขน ก็รู้สึกได้ถึงการสัมผัส หรือ ถ้าเดินจงกรม ก็รู้สึกได้ถึงอาการสั่นไหวที่เกิดขึ้นในขณะก้าว หรือ การกระทบสัมผัสที่เกิดขึ้นในขณะที่เดิน เป็นต้น F. ถ้ามีอาการทางจิตใจปรากฏก็สามารถรู้ได้ ข้อนี้หมายความว่า ถ้ามีอาการนึกคิด หรือ มีอารมณ์ทางจิตเกิดขึ้น เช่นพอใจ ไม่พอใจ ก็สามารถรู้สึกถึงได้ว่ามีอาการทางจิตใจปรากฏขึ้น มือใหม่ส่วนมาก ข้อ A ถึง E มักไม่มีปัญหาครับ และก็มักจะฝึกฝนได้เป็นอย่างดีด้วย แต่ข้อ F นี้จะมีปัญหามากที่สุดสำหรับมือใหม่ครับ ขอให้ตั้งใจอ่านและทำความเข้าใจให้ดีด้วยครับ เพื่อจะได้ฝึกได้ถูกทาง ในวงการกรรมฐานในประเทศไทย มีอยู่เป็นอันมาก ที่มีคนสอนว่า การปฏิบัติธรรมนั้นห้ามมีความคิด นี่เขาสอนกันแค่นี้ครับ แล้วก็ปล่อยให้ลูุกศิษย์ตีความกันเองว่าเป็นอย่างไร ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ เหล่าลูกศิษย์จะมีปัญหาทันที เพราะเหล่าลูกศิษย์จะเข้าใจว่า เมื่อมีความคิดเกิดขึ้น คือ การปฏิบัติผิดจากคำสอนของอาจารย์ ในคนใหม่ ๆ ที่เข้ามาฝึกฝนกรรมฐาน กำลังแห่งสัมมาสมาธิอ่อนแอมากหรือแทบไม่มีเอาเลย ดังนั้น เมื่อลงมือฝึกเมื่อไร ความคิดจะเข้ามาโจมตีทันที เมื่อความคิดโผล่มาโจมตี เหล่ามือใหม่ก็พยายามจะไปหยุดความคิด เพราะอาจารย์สอนว่า ห้ามมีความคิด พอมือใหม่พยายามหยุดความคิดเท่านั้นแหละครับ นี่คือ.ความอยาก.อันเป็นตัณหาในจิตใจเกิดแล้วครับ ซึ่งไปขัดกับอริยสัจจ์ข้อที่ 2 ทันที มือใหม่ปฏิบัติผิดอย่างชนิดไม่รู้ตัวและคิดว่าตนเองเจ๋งมากที่หยุดความคิดได้ตรงตามคำสอนของอาจารย์ที่ว่า ไม่ให้มีความคิด ***เมื่อท่านลงมือฝึกฝนตามกฏ 3 ข้อ เมื่อท่านเป็นมือใหม่หรือมือกลาง จะมี ความคิด เกิดขึ้นเสมอ ๆ ในขณะฝึกครับ ขอให้ท่านเข้าใจว่า อย่าไปห้ามความคิดไม่ให้เกิด ความคิดเกิดได้ครับ ไม่ผิดเลยในการปฏิบัติ แต่เมื่อความคิดเกิดขึ้น นักภาวนาสมควรมีสติที่ตั้งมั้น อย่าให้.จิตรู้.ถูกดูดเข้าไปเกาะติดกับความคิดครับ ***** ***ถ้าความคิดไม่เกิดเลยในขณะฝึกฝนนี่ซิครับ แสดงว่า ท่านปฏิบัติผิดทางแล้วครับ ท่านกำลังเพ่งอะไรสักอย่างชนิดไม่รู้ตัว หรือ พยายามสร้างอะไรสักอย่างขึ้นชนิดไม่รู้ตัว หรือ ท่านกำลังปฏิบัติด้วยอาการเกร็งกาย เกร็งใจ ไม่ผ่อนคลาย ชนิดไม่รู้ตัว *** เมื่อท่านลงมือฝึกฝนในกฏ 3 ข้อ เมื่อท่านเป็นมือใหม่ ความคิดจะเกิดบ่อยมากครับ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของมือใหม่ พอความคิดเกิดขี้น ในขณะที่ท่านกำลังฝึกฝนในรูปแบบอยู่ ท่านจะมีกำลังสัมมาสติบ้าง ซึ่งทำให้ท่านสามารถที่จะต้านพลังดูดของความคิดที่เกิดขึ้นได้ เมื่อท่านต้านแรงดูดของความคิดได้ ท่านก็ยังคงสภาพของกฏ 3 ข้อได้อยู่ต่อไป เมื่อความคิดเกิดขึ้น ขอให้ท่านสลัดความคิดที่เกิดนั้นทันที อย่าได้ตามมันไป ทำเฉยๆ เหมือนไม่สนใจ แล้วความคิดมันจะดับลงไปเอง พอดับแล้ว สักครู่มันจะโผล่มาหลอกหลอนท่านใหม่อีก ก็ให้สลัดออกแบบเดิมคือเฉย ๆ ไม่สนใจ ไม่ตามมันไป ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ แล้วท่านจะมีกำลังสัมมาสติค่อย ๆ ตั้งมั่นทีละนิด ทีละนิด สติเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เอง ยิ่งความคิดโผล่มากวนท่านมากเท่าใด แล้วท่านสามารถสลัดมันได้บ่อยมาก ๆ ท่านจะยิ่งชำนาญได้เร็วและกำลังสัมมาสติยิ่งมีการพัฒนาได้เร็วมากกว่าความคิดไม่เกิดมากวนใจด้วยครับ ท่านเห็นไหมครับ มันหักมุมอีกแล้วจากความเข้าใจเดิม ๆ ของท่านในเรื่องความคิดกับการฝึกฝนปฏิบัติ ทีนี้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากกำลังสัมมาสติของท่านอ่อนอยู่ ทำให้ท่านมักจะถูกความคิดดูุดจิตรู้เข้าไปเกาะติดได้ง่ายมาก คนใหม่ๆ ก็เป็นอย่างนี้ครับ ท่านอย่าได้ท้อใจไป ขอให้ท่านได้หมั่นฝึกฝนในรูปแบบ สลับการฝึกฝนในชีวิตประจำวันไปเรือยๆ กำลังสัมมาสติจะค่อย ๆ พัฒนาขึ้นอย่างช้า ๆ ชนิดที่ท่านไม่รู้สึกตัว แต่พอมันกล้าแข็งขึ้นมาเมื่อไร จิตรู้ของท่านจะไม่ถูกความคิดมันดูดเข้าไปได้เอง โดยที่ท่านไม่ต้องไปทำอะไรเลย สรุปก็คือ การปฏิบัตินั้น ความคิดเกิดได้ เกิดบ่อยยิ่งดี แต่นักภาวนาอย่าให้.จิตรู้.ถูกดูดเข้าไปในความคิดก็แล้วกัน ถ้าได้อย่างนี้ สุดยอดครับฝึกไปเรื่อยๆ เลยครับ ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อให้ท่านมือใหม่ได้เข้าใจเรื่องความคิดในขณะฝึกฝน เพราะเท่าที่ผมอ่านในคำสอนของท่านอื่น ๆ หรือ ในเวปเบอร์ดธรรม ก็มีคนเข้าใจเรื่องความคิดในการปฏิบัตินี้ผิดพลาดไปเป็นอันมาก เมื่อท่านไปอ่านบ้าง อาจทำให้เขวและเข้าใจคลาดเคลื่อนไปในการฝึกฝนได้ครับ คงเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ทุกท่านครับ หมายเหตุ เมื่อจิตรู้ถูกดูดเข้าไปเกาะกับความคิด ผลที่ตามมาก็คือ นักภาวนาจะสูญเสียความรู้สึกตัวไป ซึ่งก็คือ กฏข้อ 1 ได้เสียไปแล้ว ***** เรื่องท้ายบท เมื่อผมเขียนสำหรับมือใหม่ มือกลางไปแล้วข้างบน ผมจะอธิบายสภาพของมือเก่าที่กำลังสัมมาสติสัมมาสมาธิตั้งมั่นอย่างสุด ๆ ให้ท่านได้อ่านเพื่อเป็นความรู้ว่า เป็นอย่างไร เมื่อคนที่ผ่านการฝึกฝนและมีกำลังสัมมาสมาธิที่ตั้งมั่นมาก ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือ เขาจะรู้สึกตัวอยู่เสมอครับ เขาจะไม่เผลอ และเขาจะอยู่ในอาการกฏ 3 ข้อที่เป็นธรรมชาติจริงๆ จิตที่ตั้งมั่นอยู่นี่เอง จะทำให้จิตตสังขาร (ก็คือ ความคิด หรือ อารมณ์ปรุงแต่งทางจิตใจ) มันเกิดขึ้นได้ยากหรือแทบไม่เกิดขึ้นเลยครับ นี่คืออาการที่ไม่มีความคิดนั้นเอง ถึงแม้ความคิดจะเกิดขึ้นได้ในบ้างครั้ง นักภาวนาที่สัมมาสมาธิตั้งมั่นอย่างสุด ๆ ก็จะเห็นความคิดที่เกิดขึ้นนี้ และความคิดนี้จะสลายตัวไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เรียกว่า ยังไม่ทันตั้งตัว ความคิดที่โผล่มาก็ดับลงไปทันทีทันใดด้วยเวลาที่สั้นมาก ๆ เป็นเศษเสี้ยวของวินาที ท่านจะเห็นว่า คำสอนของเหล่าอาจารย์ทั้งหลายนั้นไม่ผิดครับในเรื่องที่ว่าการปฏิบัติไม่ให้มีความคิด แต่นั้นเป็นสภาวะของผู้ที่มีกำลังสัมมาสมาธิตั้งมั่้นสุด ๆ แล้วเท่านั้น ที่เป็นอย่างนี้ได้ ส่วนบรรดาลูกศิษย์ที่เป็นมือใหม่ มือกลาง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่จะเป็นอย่างนั้น ขอให้ท่านเข้าใจสภาวะด้วยว่า สภาวะของท่านควรเป็นอย่างใด เพื่อจะได้ปฏิบัติไม่ผิดเพี้ยนและมีกำลังใจในการปฏิบัติต่อไปครับ
Create Date : 27 มกราคม 2554
15 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 15:08:28 น.
Counter : 2727 Pageviews.
โดย: ลุง 'บุรีราช' IP: 113.53.130.159 28 มกราคม 2554 7:03:57 น.
โดย: เนื้อนาบุญ IP: 182.53.101.138 28 มกราคม 2554 10:06:38 น.
โดย: จิตติ IP: 124.121.7.61 28 มกราคม 2554 12:37:45 น.
โดย: นมสิการ 28 มกราคม 2554 12:39:34 น.
โดย: นมสิการ 28 มกราคม 2554 12:44:17 น.
โดย: นมสิการ 28 มกราคม 2554 12:51:21 น.
โดย: นมสิการ 28 มกราคม 2554 12:54:06 น.
โดย: สิริพร IP: 113.53.119.146 30 มกราคม 2554 22:25:29 น.
โดย: นมสิการ 31 มกราคม 2554 3:48:25 น.
โดย: สิริพร IP: 113.53.119.146 31 มกราคม 2554 9:12:10 น.
โดย: Nim IP: 124.121.188.234 31 มกราคม 2554 23:21:50 น.
โดย: นมสิการ 1 กุมภาพันธ์ 2554 4:28:55 น.
โดย: Nim IP: 203.157.72.226, 203.157.72.226 1 กุมภาพันธ์ 2554 10:38:34 น.
โดย: แม่ลูกสอง IP: 180.183.242.135 14 มีนาคม 2554 15:52:45 น.
โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 15:23:03 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [? ]
หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน.... จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ... บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้ เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ ** ****** บทความต่าง ๆ ใน blog นี้ ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ****