รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
23 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
แรงจูงใจในการปฏิบัติ

ถ้าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ไม่มีแรงจูงใจในการฝึกฝนปฏิบัติ ลองอ่านเรื่องนี้ดูครับ
มันเป็นประสบการณ์ของผม ที่มีแรงจูงใจ ท่านอาจนำไปปรับใช้ของท่านเอง

*******

ในความเห็นของผม แรงจูงใจในการปฏิบัติ คือ การ.เห็นภัยเห็นทุกข์.ของชีวิต ยิ่งใครที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ก็จะยิ่งเห็นทุกข์ของชีวิตมาก สิ่งที่เห็นนี้แหละคือแรงจูงใจในการปฏิบัติ

ถ้าเรามองดูสภาพสังคมและสภาพของโลกที่มีผลต่อการเป็นอยู่ของชีวิต เราจะเห็นว่า สภาพต่าง ๆ ล้วนไม่น่าอยู่ ไม่น่ารื่นรมย์เป็นอย่างยิ่ง

ท่านจะเห็นภาพการก่อการร้าย การทำลายร้างของมนุษย์ด้วยกัน ผุ้ที่อ่อนแอกว่า ผู้ที่มีเงินน้อยกว่า ยิ่งตกอยู่ในสภาพเช่นี้ เป็นหญิงก็ยิ่งลำบาก จะไปไหนทีก็ต้องดูให้ดี เพราะเหล่าคนร้ายที่ออกล่าเหยื่อที่เป็นหญิงมีอยู่ทุกย่อมหญ้า

สภาวะของโลกที่กำลังเลวร้ายขึ้นทุกขณะ แผ่นดินไหวบ่อยมากขึ้น และรุนแรงมากขึ้น สร้างความทุกข์ ความเีสียหายกับผู้ที่อยู่ในท้องที่เป็นอย่างมาก ภาพชาวเฮติคงได้เห็นกันอยู่จนถึงบัดนี้

นอกจากแผ่นดินไหว พายุก็รุนแรงมากขึ้น อุณหภูมิก็ร้อนมากขึ้น สัตว์ร้ายและเชื้่อโรคร้ายแปลก ๆ ทีมาพร้อมความร้อนก็มากขึ้น ปัญหาแผ่นดินทรุด น้ำท่วมก็ตามมาอีก

เรื่องของอาหารก็เริ่มขาดแคลน อาหารแพงขึ้น หายากขึ้น อาหารปนสารพิษมากขึ้น มีการตัดต่อพันธุกรรมมากขึ้น มีการปลอมปนอาหารมากขึ้น

ยิ่งการเป็นอยู่ลำบากมากขึ้น ผู้คนก็ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้นเพื่อสนองความสุขของตนเองและพวกพ้อง คนที่สายป่านสั้น ก็จะเป็นอยู่ยิ่งลำบากมากขึ้น การทำมาหากินฝืดเคืองขึ้น เมื่อท้องร้อง ร่างกายเจ็บป่วย ผู้คนยิ่งดิ้นรน เมื่อทางที่ชอบเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้สำหรับคนยากจนที่ไร้ทางออก พวกเขาเหล่านั้นก็ต้องดิ้นไปในทางที่ผิด สังคมก็ยิ่งเดือนร้อนเป็นไฟมากขึ้น

ท่านลองนั่งคิดดูซิว่า ถึงแม้ว่าตอนนี้ ท่านอาจสุขสบาย มีเงินทองเหลือเฟือ ท่านมีอาหารเหลือเฟือ มีสิ่งคุ้มภัยท่านอย่างดี ท่านอาจไม่เดือดร้อนในขณะนี้ก็จริง แต่ถ้าท่านตายไปในชาตินี้ แล้วเกิดใหม่ ท่านสามารถจะอยู่ในสภาพที่ถึงพร้อมนี้อีกหรือไม่ ซึ่งท่านไม่อาจรับรองตัวเองได้เลย ถ้าท่านไปเกิดในกลียุคละ ท่านลองคิดดูซิครับว่า ท่านจะอยู่อย่างสบายเช่นปัจจุบันหรือ

มีอยู่ทางเดียว ก็คือ ต้องหนีให้พ้นครับ

หนีไปจากโลกนี้เสีย แต่หนีแล้วต้องแน่ใจว่า จะมาใหม่ในสภาพที่ดีกว่าเดิม หรือ ถ้าจะไม่ต้องมาอีก ก็จะประเสริฐที่สุด

ถ้าท่านมองภาพความเลวร้ายของโลกนี้ได้ ท่านจะมีกำลังใจในการปฏิับัติเพื่อที่จะหนีภัยเหล่านี้
ถ้าท่านปฏิบัติได้ถึง ท่านก็หนีได้พ้น ซึ่งท่านสามารถรับรองตัวเองได้ครับ

******

ผมได้ Upload เสียงธรรมบรรยายของหลวงพ่อโพธินันทะ แห่งอาศรมศานติ ลำลุกกา ปทุมธานี้ครบถ้วนแล้ว ท่านสามารถฟังหรือ download ได้ รายละเอียดอยู่ที่

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=namasikarn&month=22-02-2011&group=12&gblog=4





Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 29 มกราคม 2555 15:07:10 น. 8 comments
Counter : 1203 Pageviews.

 
ขอแบ่งปั่นข้อมูลธรรมะหน่อยนะคะ


โดย: อิงสวน วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:04:03 น.  

 
อนุโมทนาสาธุคะ


โดย: Nim IP: 124.121.58.57 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:12:17 น.  

 
อนุโมทนาครับ สาธุ
เรียนถามอาจารย์ครับ เนื่องจากจิตยังไม่เคยชิน เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ
จะมีความความสงสัยเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ แต่ผมก็ใช้กฎข้อที่ 3
ของอาจารย์ ที่บอกว่าไม่ต้องอยากรู้อะไรแต่ให้มันรู้เองมาช่วย
ฝึกตรงนี้ เรื่องความสงสัยรู้สึกมันก็เหมือนอารมณ์ เหมือนกิเลส
ทั้วไป ที่เราสามารถรู้สึกได้ใช้ไหมครับ แล้วก็ระงับด้วยกฎ 3 ข้อ
ได้หรือไม่ครับอาจารย์


โดย: เนื้อนาบุญ IP: 182.53.102.47 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:43:43 น.  

 
เมื่อเราฝึกฝนไป แน่นอนว่า .ทุกคน.จะมีความสงสัยเิกิดขึ้น เพราะไม่แน่ใจว่ามาถูกทางหรือไม่

ความสงสัยนี้คือความคิดอย่างหนึ่ง เป็นจิตปรุงแต่งอย่างหนึ่ง

เมื่อเราฝึกฝนตามกฏ 3 ข้อ คือ ฝึกไปเรื่อยๆ เมื่อมีความคิด(หรือที่ถามมานี้คือความสงสัย) ผุดขึ้นมา ก็สักแต่เพียงว่ารู้ว่ามีความคิดเกิดขึ้น แล้วก็ช่างมัน ไม่ต้องไปสนใจในความคิดที่มันผุดขึ้นมานี้ ขอให้กลับมาที่กฏ 3 ข้อเช่นเดิมต่อไป

เมื่อเราไม่สนใจในความสงสัยและไม่สนใจมัน ใหม่ ๆ มันจะยิ่งผุดขึ้นมาอีก เหมือนมายั่วเรา ถ้าเรามีโทสะว่าทำไมมันมาบ่อยจัง เราอยากให้มันหายไป ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็เสียท่ามันครับ เพราะเราไม่เข้าใจวิธีการปฏิบัติ
เราต้องเฉย ๆ กะมันไว้ด้วยกฏ 3 ข้อ มันยิ่งโผล่มา ยิ่งดีครับ แต่มันโผล่ เราต้องเฉยอย่างเดียว ไม่ต้องทำอะไรกะมันเลย เดียวมันจะโผล่น้อยลงไปเอง หรือ หายไปสักระยะ พอมันหายไป นักภาวนาใหม่ๆ มักจะคิดว่า ตรูเก่งแล้วจัดการมันได้แล้ว แต่ทว่าเดียวมันก็จะโผล่มาใหม่อีก ทำให้นักภาวนาที่ไม่เข้าใจในการปฏิบัติมีปัญหาขึ้นมาได้ครับ

อาการมันจะเป็นอย่างนี้ อีกอย่างพอตัวสงสัยนี้หายไป แต่อาจมีตัวอื่นโผล่้ขึ้นมาแทนที่ก็ได้ มันจะเป็นอย่างนี้เสมอ

ในการปฏิบัตินั้น ขอให้ฝึกฝนด้วยกฏ 3 ข้อ และ ถ้ามีอะไรโผล่้มาก็เพียงรู้แล้วเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องใส่ใจกะมันทั้งสิ้น มันยิ่งโผล่ เราจะยิ่งมีปัญญานะครับ แต่ถ้าเราเกิดไปอารมณ์เสียกะมัน อย่างนี้ เราไม่เฉยแล้วแต่เราเสียท่ามันแล้ว แต่ถ้าเราเฉยอย่างเดียว อย่างนี้ มันจะแพ้เราครับ

มองออกนะครับในการปฏิบัติว่า จะจัดการอย่างไรกับอาการความคิดพวกทีมันโผล่มาพวกนี้

อาการต่าง ๆ ยิ่งมามาก ยิ่งดี แต่เราต้องเฉยๆ เท่านั้นครับ จึงจะถูกต้องในการปฏิบัติ


โดย: นมสิการ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:40:01 น.  

 
เรียนถามคุณนมสิการเรื่องสมถะกับกรรมฐานต่างกันอย่างไรผลของกรรมฐานเป็นอย่างไรและผลของสมถะเป็นอย่างขอแบ่งปันข้อมูลด้วยค่ะ
อนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุ


โดย: บุษบา IP: 202.12.97.116 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:35:55 น.  

 
คำว่า สมถะกรรมฐาน เป็นคำในวิชาการครับ
ผมแนะนำว่่า อย่าได้สนใจว่า มันคืออะไร ขอให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ จะเข้าใจเอง แล้วคุณจะแปลกใจว่า ทำไมมันจึงไม่เหมือนดังที่คนเขาพูด ๆ กัน

สิ่งที่ควรจะใส่ใจให้มาก ๆ คือ การฝึกที่ถูกต้องตามมรรค 8 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความรู้ทั้ง สมถะกรรมฐาน และ วิปัสสนากรรมฐาน

แต่ถ้าไม่ฝึกให้ตรงตามมรรค 8 ผมจะอธิบายอย่างไร มันก็ไม่เหมือนของจริงหรอกครับ


โดย: นมสิการ วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:01:59 น.  

 
อนุโมทนาสาธุคะ


โดย: Nim IP: 124.122.230.76 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:23:38:28 น.  

 
ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน


โดย: นมสิการ วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:15:20:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.