เหตุและผล ของกฏการภาวนา 3 ข้อ
ในวันกิจกรรม ผมได้พูดถึงกฏ 3 ข้อในการภาวนา คือ 1.รู้สึกตัว 2.ผ่อนคลาย สบาย ๆ อย่าเครียด 3.อย่าอยากรู้อะไร แต่ให้จิตเขารู้เอง
ในบทนี้ ผมจะมาเขียนถึงเหตุและผลในกฏการภาวนา 3 ข้อนี้ครับ ขอให้ดูรูปประกอบ
รูปข้างบนเป็นรูปเก่า ที่ผมใช้ใน blog นี้มามากกว่า 1 ครั้ง แต่ก็สามารถใช้ได้ดีกับเรื่องนี้
ขอให้ดูรูปด้านซ้าย
รูปด้านซ้ายมือ เป็นสภาวะของนักภาวนาที่ปฏิบัติตามกฏ 3 ข้อข้างต้น เพียงนักภาวนามีความรู้สึกตัวที่จิตใจดีอยู่ มีความผ่อนคลาย ไม่มีความอยากในจิตใจในการที่จะรู้สิ่งใด จิตรู้ของนักภาวนาก็อยู่ที่ฐานของการรู้ได้แล้ว (ในภาษาพระวัดป่า จะเรียกลักษณะนี้ว่า จิตตั้งอยู่ในฐาน) แต่เนื่องด้วยนักภาวนามือใหม่ กำลังสติยังอ่อนมาก จึงไม่อาจเห็นลักษณะอาการที่จิตอยู่ในฐานอย่างนี้ได้
เมื่อจิตอยู่ในฐานของการรู้ นักภาวนาจะเห็นอาการต่าง ๆ ได้พร้อม ๆ กันหลาย ๆ อย่างดังรูปด้านซ้ายมือ และนี่คือ ลักษณะอาการที่เรียกว่า จิตตั้งมั่น แต่เนื่องจากกำลังสติสัมปชัญญะยังอ่อนอยู่ จิตตั้งมั่น แบบนี้จึงอยู่ได้ไม่นานนัก กลายเป็นจิตไม่ตั้งมั่นไป
อาการที่จิตไม่ตั้งมั่น ก็ดังภาพด้านขวามือ จิตจะไปเน้นรู้ในบางสิ่ง ที่เป็นอย่างนี้ เพราะตัณหา หรือความอยากรู้ที่เกิดขึ้นในจิตใจที่ไม่เป็นไปตามกฏข้อที่ 3 นั่นเอง
เมื่อจิตเกิดความอยากรู้ ที่ไม่เป็นไปตามกฏข้อที่ 3 จิตรู้ของนักภาวนาจะวิ่งออกจากฐานเข้าไปจับยึดกับสิ่งที่ต้องการรู้ทันที เช่น เมื่อนักภาวนาชายเห็นหญิงสาวสวย จิตของนักภาวนาก็จะวิ่งไปจับภาพหญิงสาวสวยทันที ผลคือ จิตไม่ตั้งมั่นอีกต่อไป ถ้าการจับยึดสมบูรณ์เต็มที่เมื่อไร โมหะก็จะเข้าครอบครองจิตใจของนักภาวนาชายผู้นี้ทันที แล้วการปรุงแต่งที่เป็นราคะก็จะเข้ามา หรือ พูดภาษาชาวบ้านก็คือ ราคะเกิดในจิตใจแล้ว
ท่านจะเห็นว่า กฏ 3 ข้อที่ผมยกมากล่าวอ้าง ก็คือ การฝึกฝนเพื่อให้จิตเกิดความตั้งมั่นอยู่ในฐานนั่้นเอง อันเป็นการฝึกที่ตรงทางไม่อ้อมค้อมเพื่อให้จิตตั้งมั่้น เมื่อนักภาวนาฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จิตจะค่อยๆ เพิ่มความตั้งมั่นขึ้นทีละน้อย แต่นักภาวนาจะยังดูไม่ออกในระยะแรก ๆ และระยะกลางๆ จนเมื่อนักภาวนาเกิดญาณขึ้นมาเมื่อไร จะเห็น จิตรู้ ได้นั่นแหละ นักภาวนาจึงจะเห็นได้ว่า จิตนั้นตั้งมั่นอยู่กับฐานเป็นอย่างนี้ อย่างนี้เอง
การฝึกฝนให้จิตตั้งมั่นต้องอาศัยเวลาในการบ่มเพาะจิตใจให้คุ้นเคยกับสิ่งใหม่ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วดังใจหมาย นักภาวนาจึงสมควรอดทนในเรื่องภาวนานี้ ถ้าต้องการจะหลุดพ้นไปจากทุกข์อย่างที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้
การภาวนาทุกอย่าง สมควรจะอธิบายได้ว่า ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์เพียงใด ถ้าอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ นักภาวนาก็จะเกิดข้อสงสัย ยิ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางในการภาวนาไป
ถ้าท่านสงสัยในการภาวนาวิธีแบบใดว่า ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์เพียงใด ขอให้ลองใช้ความคิดพิจารณาดูว่า คำสอนในการภาวนาแบบนั้น ๆ เข้าได้กับคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า ..ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเจริญสมาธิเถิด เมื่อจิตตั้งมั่น เธอจักเห็นธรรมตามความเป็นจริง..
กุญแจหลักของพุทธพจน์นี้เป็นเหตุและเป็นผลกันที่ว่า การหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงได้ คือ การเห็นธรรมตามความเป็นจริง และการเห็นธรรมตามความเป็นจริงได้นั้น จะต้องมาจาก จิตที่ตั้งมั่น และการที่จิตทีตั้งมั่นได้นั้่น คือ การเจริญสมาธิที่ถูกหลักการของพุทธเจ้าที่ทรงสอนไว้
ท่านลองนั่งคิดพิจารณาดูการภาวนาของท่านหรือคำสอนของใครๆ ก็ตามว่า สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้หรือไม่ในพุทธพจ์ดังกล่าว
เรื่องคำสอนการปฏิบัติของท่านอื่นนี้ ผมเขียนมากไม่ได้ เดียวจะกระเทือนกัน ท่านที่มีปัญญาลองพิจารณดูเอง ผมได้แนะแนวทางให้ท่านแล้ว ถ้าท่านตอบโจทย์ได้หมด ที่สามารถดำเนินตามพุทธพจน์ที่ว่านี้ได้
..ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเจริญสมาธิเถิด เมื่อจิตตั้งมั่น เธอจักเห็นธรรมตามความเป็นจริง..
ขอให้ท่านเชื่อมั่นในคำสอนของอาจารย์ท่านนั้นได้อย่างมั่นใจ และก้าวไปพร้อมท่านได้อย่างไม่ลังเลใจ ถ้าท่านตอบคำถามไม่ได้ มีอะไรค้างคาใจ ท่านก็สมควรดำเนินวิถีทางของท่านต่อไปเองว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไปดีกับการภาวนา เรื่องนี้ ผมช่วยท่านไม่ได้เลยครับ ขออภัยจริงๆ
**** เรื่องท้ายบท
ในสวนญี่ปุ่น จะมีเครื่องแต่งสวนอย่างหนึ่ง ที่เป็นกระบอกไม้ไผ่ ผมไม่ทราบชื่อเรียกว่าอะไร( ท่านใดทราบชื่อเรียก บอกผมด้วยครับ )
กระบอกไม้ไผ่นี้ จะรองรับน้ำที่ไหลเข้าสู่กระบอกไม้ไปเรื่อย ๆ จนน้ำไหลเข้าถึงระดับหนึ่ง กระบอกไม้ไผ่นี้จะกระดกลง ทำให้น้ำในกระบอกไหลออกจนหมด เมื่อน้ำไหลออกแล้ว กระบอกไม้นี้ก็จะกลับเข้าที่ไปรับน้ำที่ไหลมาใหม่วนเวียนเป็นอย่างนี้ตลอดเวลา
ในการภาวนาจะคลาย ๆ แบบนั้นสำหรับมือใหม่ การฝึกฝนที่ถูกต้องจะเหมือนกับการที่น้ำไหลเข้ากระบอกไม้นั้น แต่คนจะไม่รู้เลยว่า น้ำเข้ากระบอกได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว พอภาวนาได้ที่ ก็จะเหมือนน้ำไหลเข้ากระบอกไม้ได้พอแล้ว นักภาวนาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเห็นธรรมของจริงได้ครั้งหนึ่งที่รุนแรงพอที่จะเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจได้ครั้งหนึ่ง
อย่าคาดหวังในการภาวนา เมื่อได้ที่ มันจะปรากฏให้เห็นเองครับ
Create Date : 09 มกราคม 2554 |
|
5 comments |
Last Update : 29 มกราคม 2555 15:09:28 น. |
Counter : 1827 Pageviews. |
|
|
|