รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ **กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผม ทาง e-wallet ครับ** **ผมขอสงวนสิทธิการเป็นเจ้าบ้านของ blog ลบข้อเขียนใดๆ ก็ได้ใน blog นี้ตามที่ผมเห็นสมควร**
Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 มกราคม 2554
 
All Blogs
 

สมถะ-วิปัสสนา อย่าติดอยู่เพียงชื่อเรียก แต่ควรรู้ถึงของจริง

ส่วนมากในนักปริยัติจะรู้จักคำว่า สมถะ-วิปัสสนา
ส่วนมากในนักปริยัติเช่นกัน จะรู้เพียงชื่อเรียก แต่ไม่รู้จักของจริงในสมถะ-วิปัสสนา
ส่วนมากนักปริยัติเช่นกัน จะถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงว่า ต้องสมถะก่อนหรือ ไม่ต้องก็ได้นี่ พร้อมกันก็ได้นะ กับวิปัสสนา เพราะตำราเขาว่าไว้อย่างนั้น

ส่วนมากนักปฏิบัติที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จะบอกว่า ต้องฝึกทำสมถะก่อนเท่านั้น แล้ววิปัสสนาจะตามมาทีหลัง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเริมวิปัสสนาโดยไม่มีสมถะนำหน้า (ดังสายวัดป่าที่เน้นย้ำหนักหนาในเรื่องนี้)

ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้อยู่ที่คำนิยามคำว่า สมถะ ว่า ที่แท้จริง สมถะ มีรูปร่างลักษณะอย่างไร

เมื่อนิยามไม่ตรงกัน ผลก็คือ การถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ใครงัดตำรามาแย้งได้มาก ก็ถือว่าเก่งกว่า

ในตำรานั้น สมถะ ท่านกล่าวว่า คือ อาการที่จิตสงบ แต่ในสายวัดป่ามักเรียกกันว่า ทำจิตให้มีกำลัง
นี่คือความแตกต่างในคำนิยามที่ไม่ตรงกันระหว่างนักปริยัติและสายปฏิบัติวัดป่า แล้วก็ออกมาเถียงกัน

ในประสบการณ์ปฏิบัติของผมนั้น ผมพบว่า วิปัสสนาจะเกิดได้มีอยู่ทางเดียว คือ จิตรู้ ต้องแยกตัวออกมาจากสิ่งที่ถูกรู้เท่านั้น วิปัสสนาจึงจะเกิดได้และนักภาวนาจะเห็นอาการต่างๆ ของขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์อย่างแท้จริงด้วยจิตรู้ที่แยกตัวออกมานั้น

ถ้าจิตรู้ยังไม่แยกตัวออกมา นักภาวนาจะไม่มีทางเห็นอาการของขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์ได้อย่างแท้จริง
*** จะเพียงแค่รู้ แต่ไม่ใช่ไปถึงระดับเห็น***
ซึ่งอาการนี้ ผมว่า มันยังไม่ใช่ระดับของวิปัสสนา แต่เพียงระดับนึกคิดเอาเท่านั้น

เมื่อเป็นเพียงระดับนึกคิดเอา ก็ไม่สามารถเป็นปัญญาให้แก่จิตในการปล่อยวางอารมณ์ได้อย่างแท้จริง

ในการเริ่มต้นของนักภาวนา มันจะชื่ออะไรก็ช่างเถิดระหว่าง สมถะ หรือ เจริญสติ แต่นักภาวนาต้องฝึกฝน ให้เกิดอาการที่เป็นจริงที่ว่า จิตรู้ แยกตัวออกมาจากสิ่งที่ถูกรู้ให้ได้เสียก่อน แล้วเมื่อจิตรู้แยกตัวออกมาได้แล้ว การรู้แจ้งเห็นจริง อันเป็นวิปัสสนาจะตามมาทันที โดยที่นักภาวนาไมต้องไปทำอะไรกับวิปัสสนาเลย เพราะขบวนการของวิปัสสนานั้นจะดำเนินไปเองตามธรรมชาติของเขาด้วยเหตุและปัจจัยของเขาเองทั้งสิ้น

ถ้านักภาวนายังไม่มีอาการแยกตัวออกอย่างนี้ ยังไม่ใช่วิปัสสนาแท้ตามพุทธศาสนา

ท่านอย่าได้ติดเพียงชื่อเรียกขาน แต่ท่านสมควรทำให้เกิดขึ้นจริง แล้วเห็นของจริง ส่วนชื่อจะเป็นอะไร มันไม่เป็นประโยชน์อะไรกับท่านในการลดลงแห่งทุกข์ หรือ การหนีออกจากสังสารวัฏได้ ยิ่งเอาไปถกเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตาย ถึงแม้เถียงชนะ มันก็ไม่ก่อประโยชน์อะไรให้แก่การลดทุกข์ได้เลย เพราะนั้นเป็นเพียงชื่อเรียก เป็นเพียงตำรา แต่ท่านไม่เคยพบของจริงเลย

นักภาวนาที่ปฏิบัติถึงทาง จะไม่ถกเถียงกับใครในเรื่องนี้ ถ้าเมตตาก็เพียงบอกคนไม่รู้ให้รู้จัก เชื่อไม่เชื่อ เขาไม่ใส่ใจแต่อย่างไร ถ้าไม่เมตตา เขาก็จะเงียบเสีย แล้วท่านก็จะยังหลงอยู่ในวังวนในกองทุกข์อย่างนั้นตลอดไป หาทางออกจากสังสารวัฏไม่ได้สักที

พุทธพจน์ที่่ผมนำมาเขียนบ่อย ๆ ทีว่า
ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเจริญสมาธิเถิด เมื่อจิตตั้งมั่น เธอจักเห็นธรรมตามความเป็นจริง
พระพุุทธองค์ทรงตรัสอย่างนี้ ก็ชัดอยู่แล้วในการปฏิบัติว่า ควรจะเดินอย่างไร
จึงจะเห็นธรรมได้ แล้วท่านนักปริยัติยังจะกล้ามาแย้งคำสอนของพระพุทธองค์อีกหรือในเรื่อง สมถะวิปัสสนา อะไรก่อนหลัง ได้หรือไม่ได้

พระพุทธองค์คงไม่ทรงสอนในสิ่งที่ขัดกันเป็นแน่ จริงใหมครับ





 

Create Date : 07 มกราคม 2554
7 comments
Last Update : 29 มกราคม 2555 15:09:42 น.
Counter : 1048 Pageviews.

 

สาธุ

 

โดย: LoveTurJang 7 มกราคม 2554 16:34:33 น.  

 

ขอบพระคุณเจ้าค่ะ

ขออนุญาต add เป็น friend blog ค่ะ

 

โดย: บนเส้นทางกลับบ้าน IP: 118.175.86.113 7 มกราคม 2554 17:52:48 น.  

 

สาธุมากๆๆ ครับผม

 

โดย: haloween IP: 223.206.4.59 7 มกราคม 2554 19:42:45 น.  

 

อนุโมทนาสาธุครับ

 

โดย: shadee829 7 มกราคม 2554 21:35:00 น.  

 

ขออนุญาติ add เป็น friend blog ด้วยครับ

 

โดย: shadee829 7 มกราคม 2554 21:37:16 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 15:24:55 น.  

 

ผมจำเป็นต้องปิดการเขียนของท่านผู้อ่าน เนื่องจากกฏหมายอินเตอร์เนท
ที่อาจมีสิ่งผิดกฏหมายใส่เข้ามาใน blog

ท่านที่จะสนทนา หรือ ถามคำถาม ขอให้ส่ง email ถึงผมได้ที่
asknamasikarn@gmail.com

หรือสำหรับสมาชิก pantip จะส่งมาทางหลังไมค์ก็ได้เช่นกัน

 

โดย: นมสิการ 29 มกราคม 2555 15:25:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


นมสิการ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 142 คน [?]




หลักปฏิบัติ ...รู้สึกตัว ผ่อนคลาย เฉย ๆ สบาย ๆ

มากกว่า 20 ปีที่ไปหลงทำสมถภาวนาแบบสมาธิแบบฤาษีโดยที่ไม่รู้จักกับคำว่า อะไรคือสัมมาสติ สัมมาสมาธิ ผลที่ได้คือความสงบขณะกำลังนั่งสมาธิจนตัวนิ่งแข็งเป็นก้อนหิน แต่ผลข้างเคียงตามมาก็คือการเป็นคนเจ้าโทสะอย่างรุนแรงขณะเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ และ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน....

จนได้พบกัลยณมิตรแดนไกล ที่ได้ชักนำให้มารู้จักวิธีปฏิบัติแบบหลวงพ่อเทียน จนได้พบกับพระอาจารย์ในสายหลวงพ่อเทียน ที่ผมได้เรียนการปฏิบัติจากท่าน จนเข้าใจว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คืออะไร แล้วลงมือฝึกฝน การปฏิบัติก็รุดหน้าและได้ลิ้มรสสิ่งบริสุทธิในจิตใจอันเป็นผลจากการปฏิบัติด้วยเวลาเพียง 5 ปี

ธรรมปฏิบัติจากฆราวาสเขียนเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยากในสังคมไทย ผมรู้ได้จากที่เขียนใน blog ผมได้พบกับการก่อกวนใน blog การเขียนเหน็บแนม กระแหนะกระแหน ตำหนิการการปฏิบัติที่ผมเขียนใน blog ว่าผิดทาง เขียนแบบคาดเดาเอา ไม่รู้จริง ให้ผมหยุดเขียนแนวนี้ได้แล้ว และไปโมทนาสาธุแนะนำการปฏิบัติสมาธิแบบฤาษีให้กับผมอีกว่านี่คือทางที่ถูกต้อง ...

บทความใน blog จึงเกิดขึ้นมา เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ในการภาวนา
แก่ผู้อื่นที่กำลังเดินทางในสายแห่งอริยมรรคนี้

เมื่อท่านได้เข้ามาอ่านข้อเขียนใน blog กรุณาอย่าได้เชื่อผมจนกว่า ท่านได้ทดลองปฏิบัติแล้วและพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง

**กรุณา .อย่า.ได้บริจาคเงินให้ blog ผมทาง e-wallet ครับ **

******
บทความต่าง ๆ ใน blog นี้
ขอสงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามนำไปดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

****
New Comments
Friends' blogs
[Add นมสิการ's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.