DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
13 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
เรื่องลึกลับของสุขุม เชิดชื่น ตอนที่ 2

                ความใฝ่ฝันในความทะเยอทะยานของ สุขุมคือ บทบาททางการเมือง เขาได้กำหนดเส้นทางชีวิตที่จะมุ่งไปสู่เส้นทางดังกล่าวให้ได้ การสร้างฐานเริ่มต้นการเข้าไปคลุกคลีกับวงไฮโซ และกลุ่มการเมือง ซึ่งการทำหนังสือพิมพ์มหาราษฎร์คือเป้าหมายหนึ่งในการปูฐานไปสู่งานการเมือง ตามแผนที่วางไว้ให้กับชีวิต ระยะหลังมีการเดินทางขึ้นล่องภาคอีสานบ่อยครั้ง เพื่อปูทางสู่สนามการเลือกตั้งงานทางด้านกีฬาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เขาเข้าไปสร้างฐาน คือการทุ่มเงินกว่า 10 ล้านบาท สร้างที่ทำการสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาให้ฟรี ปัจจุบัน เสธ.ม่อย ก็ตกเป็นข่าวอื้อฉาวในคดีที่เชียงใหม่
                นอกจากนี้ สุขุมยังเป็นผู้หนึ่งที่เข้าไปคลุกคลีกับวงการประกวดนางงาม เคยเป็นสปอนเซอร์ส่ง น้องอ้วน หรือ อารีวรรณ จตุทอง จนได้ตำแหน่งรองนางสาวไทยใน ปี 1994  ซึ่งต่อมาเมื่อน้องอ้วนไปแต่งงาน เธอก็มีปัญหาข่าวอื้อฉาวบนหน้าหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง
                อย่างไรก็ตามเขาก็ได้ดำรงตำแหน่งสภาองค์การนายจ้างแห่งชาติและไต่เต้าจนได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาในที่สุด
                ก่อนที่เกิดเรื่องอื้อฉาวในเวลา นั้นคือคดีจ้างวานฆ่าหมอมิชรี               
               ย้อนกลับไปที่คดีหมอมิชรี ตำรวจสรุปประเด็นสำคัญได้เรื่องใหญ่เพียงเรื่องเดียว ที่เป็นมูลเหตุการสังหาร คือเรื่องขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ที่มีมูลค่าหลายร้อยล่านบาท
                ย้อนกลับไปไม่กี่เดือนก่อนเกิดคดีหมอมิชรีได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพ่ง เพื่อฟ้องร้องบริษัท “มิลเลี่ยมกรุ๊ป” ของนายสุขุม เชิดชื่น บริษัทเป็นจำเลยที่ 1 และตัวเขาเองในคำฟ้องคือจำเลยที่ 2 เป็นค่าเสียหายเป็นจำนวน 100 กว่าล้านบาท
                ทำไมต้องฟ้อง..??
                หลายปีก่อนหน้านี้ มารดาของหมอมิชรี คือ ร.ศ.ฉลวย มะกรสาร นักธุรกิจสาวใหญ่ ที่มีชื่อเสียงในวงการไฮโซ ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นเพื่อทำธุรกิจด้านที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ หุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทก็คือนายสุขุม ที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา(ในขณะนั้น)
                บริษัทที่ว่าดำเนินงานอย่างราบรื่นมาเกือบ 3 ปี แต่แล้วไม่รู้เพราะสาเหตุใด ร.ศ.ฉลวยได้มอบหมายให้หมออมิชรีดูแลผลประโยชน์แทนเธอ และต่อมาไม่รู้เพราะสาเหตุใดหมอมิชรีต้องการถอนหุ้น มูลค่ามหาศาลของแม่ของเธอออกจากบริษัททั้งหมด
                บางทีเธออาจไปเจอความลับของบริษัทแห่งนี้ก็เป็นได้ แต่ก็แค่เดาๆ กัน เธออ้างต่อศาลว่าลายเซ็นของแม่เธอนั้น เป็นลายเซ็นต้องสงสัย น่าเคลือบแคลงเชื่อว่ามีการปลอมแปลงลายเซ็นเกิดขึ้น
                ระหว่างที่รอพิสูจน์ลายเซ็นนั้นเอง.....หมอมิชรีก็ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้านของเธอ อย่างเหี้ยมหฤโหด
                สำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นชนวนสังหาร ตำรวจยังพบว่า หมอนิชรีและสว.สุขุมยังร่วมลงทุนกับสองแม่ลูกตระกูลอมตวาณิชย์ทำธุรกิจเสรีอนุสรณ์ ที่ตั้งย่านเอกมัย ตำรวจเรียกสองแม่ลูกมาให้ปากคำ แต่ท้ายสุดก็ตัดประเด็นนี้ออกไป เพราะไม่มีประเด็นแรงพอที่จะเป็นชนวนสังหาร
                เวลาต่อมา ตำรวจเรียก “ตู่ ติงลี่” หรือนายเมตตา เต็มชำนาญ มาสอบสวน เนื่องจากเป็นเพื่อนนายสุขุมอีกทั้งยังมีอิทธิพลด้านการเมิอง แต่จากการสอบสวน ก็ไม่พบอะไรน่าสงสัยเพิ่มเติม
                ต้นปี 1997 แม้นายสุขุมจะกลายเป็นผู้ต้องหาคดีจ้างวานฆ่าหมอมิชรี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถออกหมายเรียกหรือหมายจับ สว.สุขุมได้ เพราะเขายังได้รับเอกสิทธิ์ในก่ารคุ้มครองจากรัฐสภาอยู่ เพราะช่วงเวลาเกิดเหตุ สภายังเปิดสมัยประชุม
 21 มกราคม1997 วันที่ปิดประชุม สว.สุขุมพร้อมทนายส่วนตัว หอบหลักทรัพย์สินมูลค่าถึง 30 ล้านบาท เข้าพบตำรวจทันที เพื่อมอบตัวและสู้คดี
                ส่วนเงินมูลค่า 30 ล้านบาทนั้นเป็นการประกันตัว นอกจากนี้สุขุมยังอ้างด้วยเหตุผลต่างๆ ในฐานะ สว.ผู้ทรงเกียรติแห่งรัฐสภาไทย
                แต่ทุกอย่างจบลงตรงที่ไม่ให้ประกันตัว สว.สุขุมจำต้องเข้าคุกและสู้คดีในเวลาต่อมา
                6 เดือนเต็ม สำหรับการดำเนินคดีของนายสุขุม ในข้อหาจ้างวานฆ่าผู้อื่น
                ก่อหนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นบ้านพักและสำนักงานจอง สว.สุขุม แต่ก็ไม่พบพยานหลักฐานที่เกี่ยวของกับคดีนี้มากนัก
                แต่สำหรับบ้านของนายพิศิษฐ์ สังฆสุวรรณซึ่งดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการเงินของ สว.สุขุม ตำรวจพบหลักฐานเป็นอาวุธปืน รวมถึง 11 กระบอก และกระสุนปืนรวมกันเกือบ 1000 นัด                 
                13 ปีถัดมา ณ วันที่ 26 มิ.ย. 2009  คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ระบุว่า ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานซึ่งจำเลยที่ 4 ชักชวนมาทำหน้าที่ดูต้นทางให้จำเลยที่ 1 และ 2 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ซึ่งแม้จะเป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วย แต่ไม่ถูกดำเนินคดี ดังนั้น ศาลจำต้องรับฟังคำเบิกความพยานปากนี้ด้วยความระมัดระวัง เห็นว่าพยานโจทก์ปากดังกล่าวเบิกความถึงรายละเอียดตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2547 ที่ชักชวนให้ไปดูบ้านผู้ตาย โดยมีจำเลยที่ 1 และ 2 ติดตามไปด้วยแต่ไม่พบรถผู้ตาย จึงนัดหมายลงมืออีกครั้ง เวลา 05.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม 2004 ซึ่งพบรถยนต์ผู้ตายอยู่ในบ้าน จำเลยที่ 1 จึงลงมือยิง แล้ว จำเลยที่ 2 ขับรถหลบหนี ซึ่งแม้พยานไม่ได้ยื่นยันว่าจำเลยที่ 1, 2 และ 4 เป็นคนยิงผู้ตาย แต่ระหว่างยืนดูต้นทางที่บริเวณปากซอยทวีมิตร 9 ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกัน 4 นัด และต่อมาได้ยินอีก 1 นัด ซึ่งคำเบิกความดังกล่าวสอดคล้องกับคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงมือยิงผู้ตาย มีจำเลยที่ 2 ขับรถหลบหนี อีกทั้งจำเลยยังพาไปชี้จุดเกิดเหตุ ไปขอขมาภาพผู้ตายต่อหน้านายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และสื่อมวลชน แม้ภายหลังจำเลยที่ 1, 2 และ 4 จะกลับคำให้การภายหลัง อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายบังคับให้รับสารภาพนั้น จากผลตรวจร่างกายไม่พบว่ามีบาดแผลถูกทำร้ายแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าคำให้การในชั้นสอบสวนที่ให้การหลังเกิดเหตุทันทีเป็นจริงยิ่งกว่า รับฟังได้อย่างปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 1, 2 และ 4 กระทำผิดตามฟ้องจริง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 289 (4) ป.อาญา นั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ที่ 1, 2 และ 4 ฟังไม่ขึ้น
                ส่วนจำเลยที่ 5 (นายสุขุม เชิดชื่น) กระทำผิดฐานเป็นผู้จ้างวานฆ่าหรือไม่นั้น โจทก์มีพนักงานสอบสวนชั้นผู้ใหญ่เบิกความสอดคล้องต้องกัน ว่าหลังเกิดเหตุได้สอบปากคำครอบครัวของผู้ตายให้การถึงเรื่องที่จำเลยที่ 5 มีความขัดแย้งทางธุรกิจกับนางฉลวย และผู้ตายกำลังตรวจสอบเรื่องการซื้อขายที่ดิน อ.แก่งกระจาย จ.เพชรบุรี มูลค่าหลายร้อยล้าน จนมีเรื่องฟ้องร้องในคดีแพ่งหลายคดี ประกอบกับได้ความจาก จ.ส.อ.เมตตา หรือกรุณา เต็มชำนาญ คนสนิทจำเลยที่ 5 และนายมงคล หรือหมง นกทอง ที่จำเลยที่ 5 เคยติดต่อว่าจ้างให้ฆ่าผู้ตายครั้งแรก เบิกความ ยืนยันว่า จำเลยที่ 5 เคยใช้จ้างวานให้ไปฆ่าผู้ตายภายในงานเลี้ยงครบรอบ 50 ปี โรงเรียนโรจนเสรีอนุสรณ์ ที่โรงแรมเอเชีย แต่ไม่นายมงคลไม่ได้ลงมือ ขณะที่ก่อนเกิดเหตุผู้ตายเคยพูดกับเพื่อนร่วมงานว่าหากเป็นอะไรไป เชื่อว่าน่าจะเกิดจากฝีมือของจำเลยที่ 5 ซึ่งก่อนเกิดเหตุผู้ตายไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นขึ้นรถของผู้ตาย จึงเชื่อว่าการที่ครอบครัวผู้ตายมีเรื่องฟ้องร้องกับจำเลยที่ 5 ดังกล่าวน่าจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าจะกระทบต่อประโยชน์ชื่อเสียงและสถานะทางสังคมของจำเลยที่ 5 จึงเกิดความขุ่นเคืองและว่าจ้างให้จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยที่ 5 จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวการกระทำผิด พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 5 สถานเดียว
                นี้คือใจความสำคัญในการอ่านคำพิพากษา คดีอาชญากรรมที่โด่งดังในรอบทศวรรษ
                หลังฟังคำพิพากษา นายสุขุมกับพวกจำเลยมีสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนคนใกล้ชิดและญาติที่เดินทางมาให้กำลังใจต่างร้องไห้ระงม นายสุขุมและพวกถูกส่งไปเรือนจำบางขวางในแดนนักโทษประหาร รอการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์
                “ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกตำรวจกลั่นแกล้งจับกุมทำให้ตกเป็นแพะรับบาป แต่พร้อมจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ขอให้สื่อมวลชนจับตาดูว่าคดีนี้จะลงเอยเหมือนเช่นคดีเชอรี่แอน ดันแคน หรือไม่” นายสุขุมกล่าวเสียงเข้มผ่านห้องขัง
                ปัจจุบันการต่อสู้ของอดีต สว. นายสุขุม เชิดชื่น ก็ยังอยู่ในชั้นศาล แต่ไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก คำตัดสินยังประหารเหมือนเดิม และศาลไม่ลดหย่อนโทษให้ เพราะนายสุขุมปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้เป็นผู้จ้างวานฆ่าหมอมิชรี
                สิ่งที่เราเห็นนายสุขุม เชิดชื่นเวลานึ้คือ สภาพร่างกายและจิตใจของเขา ไม่เหมือน สว. หนุ่มไฟแรงในอดีตแล้ว เหมือนสภาพคนสิ้นหวัง ชีวิตแทบพลังทลาย
                นี้ยังไม่พูดถึง...ธุรกิจพันล้านของเขา ต้องพังพินาศย่อยยับหลังเขาถูกจับกุม อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ รวมทั้งโครงการโลกใต้น้ำมูลค่า 3000 ล้านบาทต้องจบสิ้นเพราะคดีนี้
                และจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า......สุขุมผิดจริงหรือไม่?


Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 21:52:43 น. 7 comments
Counter : 12253 Pageviews.

 
แล้วสรุปว่างัยอะคะ ยิ่งอ่านยิ่งเครียด ไปอาบน้ำนอนดีกว่า


โดย: macoffee วันที่: 30 เมษายน 2553 เวลา:21:02:51 น.  

 
มันช่างซับซ้อนยิ่งนัก
แล้วสุดท้ายประวัติจริงๆของเขาเป็นยังไงครับเนี่ย


โดย: ผู้อ่าน IP: 115.31.163.98, 117.121.208.2 วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:06:22 น.  

 
เค้าเป็นคนดีค่ะ


โดย: ไม่บอก IP: 110.168.84.244 วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:2:06:28 น.  

 
ผมว่าคุณสุขุมไม่ได้จ้างวานฆ่า แต่คนจ้างวานและคนที่หามือปืนเป็นคนใกล้ชิดแม่ผู้ตาย และได้ประโยชน์จากการตายของหมดนิชรี พยานปากร้อยเอกเมตตา กับหมง นกทอง ถูกคณะทำงานตำรวจสร้างเรื่องให้ปรักปรำคุณสุขุม วิถีกระสุนที่ยิงจากด้านซ้ายตามที่ตำรวจบังคับให้จำเลยที่ ๔ ให้การ ก็ขัดกับรอยแผลบริเวณศรีษะ และไม่มีประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์ จึงไม่มีน้ำหนักฟังว่าคุณสุขุมกระทำความผิด คดีนี้ยังอยู่ระหว่างฏีกา ขอให้มือปืนตัวจริงออกมารับสารภาพดีกว่าที่จะปล่อยให้คนบริสุทธิ์ประหารชีวิต/จำคุกตลอดชีวิต


โดย: นายรักษ์ ธรรม IP: 101.109.211.45 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:06:05 น.  

 
เอาเป็นว่านู๊เชื่อนะคะว่าพี่ สว.เค้าไม่ผิด ตั้งแต่ปอกกระสุนปืนที่เจอในที่เกิดเหตุแล้วในสำนวนลงเท่านี้ แต่เจอจริงๆเท่านี้ แล้วที่เหลือไม่ทราบว่าใครเอาไปอมคะ??? ถึงนูจะเป็นเด็กนะแค่อายุ26 แต่นู๊รู้ประวัติพี่เค้า และก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า พี่เค้าทุกคนบริสุทธิ์ เค้าโดนปรักปรำ และที่บอกว่าพี่เค้าเป็นลูกชาวสวน ทำสสวนมะนาว นั่นก็ไม่จริงอีกแหละ ทำไมคุณไม่เอาประวัติจริงๆของพี่เค้ามาลงหละคะ? นู๋ก็ขอให้พี่สวฬได้รับอิสระภาพไวๆๆนะคะ


โดย: เด็กบ้า IP: 124.120.185.233 วันที่: 14 สิงหาคม 2555 เวลา:15:23:57 น.  

 
ผมคนนึงก็สกุล"เชิดชื่น" พี่ช้าง(สุขุม)ผิดจริงหรือไม่อันนี้ไม่ทราบครับเพราะผมไม่ได้อยู่กับพี่เค้าตลอด แต่เท่าที่ทราบพี่ช้างรักสัตว์มากไม่ชอบความรุนแรง(คนรักสัตว์มักจะมีจิตใจอ่อนโยน) ส่วนเรื่องพี่ช้างเป็นลูกชาวสวนก็จริงครับ(สมัยก่อนบ้านใครไม่มีสวนบ้างครับ สวนเงาะ ทุเรียน มังคุด กรุงเทพสมัยก่อนมีเยอะครับ ) แต่พ่อพี่ช้าง(ลุงโชติ เชิดชื่น)ก็ประสพความสำเร็จเกี่ยวกับชิพปิ้งมีเงินเยอะแยะ เป็นเจ้าของโครงการคอนโดต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็มีพี่หมู พี่แมว (พี่สาวของพี่ช้าง)บริหารอยู่ครับ ผมบอกได้เท่านี้ครับ "กรรมใดใครก่อก็ต้องเป็นของคนนั้นครับ"


โดย: เด็กเทพ IP: 125.27.200.191 วันที่: 3 เมษายน 2556 เวลา:19:51:20 น.  

 
mobile number ไง เหมือนหมอนิ่มน่ะ เกือบจะหลุดแบบไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เช็คไปเช็คมา คุยกันนี่หว่า ถ้าไม่รู้จักเกี่ยวข้องกัน คุยกันอย่างไงตั้งนาน


โดย: ..... IP: 1.1.160.197 วันที่: 8 มกราคม 2560 เวลา:14:28:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.