DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
30 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
วิญญาณเหยื่อสาวดลใจ ลากคอฆาตกรข่มขืนปาดคอ!



        "มเป็นคนฆ่าเธอเอง ผมแอบชอบเธอ แต่เธอไม่เล่นด้วย ด้วยความที่เธออยากทำธุรกิจขายตรงเครื่องสำอางค์ เธอมาชวนเมียผมไปเป็นสมาชิก ผมจึงได้โอกาสชวนเธอมาทำบัตรเครดิตด้วย จากนั้น ก็มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน จนผมได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอมา วันเกิดเหตุ ผมออกไปทำงานตามปกติ แต่ช่วงเที่ยง ผมโทรศัพท์ไปถามเธอว่าอยู่ที่ห้องคนเดียวหรือเปล่า เมื่อได้คำตอบว่าอยู่คนเดียว ผมจึงรีบกลับมาที่อพาร์ทเม้นท์เพื่อมาหาเธอที่ห้อง โดยอ้างว่า จะเอาเอกสารเกี่ยวกับบัตรเครดิตมาให้ดูและพูดคุยเรื่องการทำสติ๊กเกอร์ของอพาร์ทเม้นท์ ผมมาเคาะประตูห้อง เธอเปิดประตูให้ ผมจึงผลักประตูเข้าไปและพูดจาขอความรัก แต่เธอปฏิเสธ ผมจึงบีบคอจนหมดสติและข่มขืนเธอ ก่อนจะคว้าเอามีดที่อยู่หลังห้องมาปาดคอเพื่อปิดปากเธอ และล้างทำความสะอาดไว้ที่เดิม จากนั้น ผมก็เอาสร้อยคอที่เธอใส่และโทรศัพท์มือถือติดมือออกมาจากห้องด้วย"


            นี่คือคำสารภาพของนายประภาส แสงขาว อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดเลย ผู้ต้องหาฆ่าน.ส.ศศิวิมล หรือหนิง เพชรศรี อายุ 23 ปี นศ.มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ สาขาขนส่ง ภายหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเค้นสอบปากคำอย่างหนักจนต้องยอมรับสารภาพ


            หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.คลองตัน ไม่ได้สงสัยหรือพุ่งเป้าไปยังนายประภาสเลย เนื่องจากมีวัยรุ่นและผู้ชายที่พักอาศัยอยู่ ต่างทำเรื่องขอย้ายออก โดยอ้างว่ากลัว ส่วนตัวนายประภาสยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยพร้อมกับแฟนหนุ่มของผู้ตายไปสอบปากคำ และตรวจดีเอ็นเอ แต่ก็พบว่าไม่ใช่คนร้ายตัวจริง เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันออกหาเบาะแสจากคนในอพาร์ทเม้นท์อย่างละเอียด จนพอจะได้เค้าลางมาบ้าง ซึ่งเบาะแสดังกล่าว ได้มาจากแม่ค้าที่ขายข้าวข้างอพาร์ทเม้นท์ โดยแม่ค้ายอมเปิดปากว่า แม่บ้านของอพาร์ทเท้นท์มาเล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุมีผู้ชายที่พักอยู่ชั้น 4 กลับมาที่อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งร้อยวันพันปีไม่เคยกลับมาตอนกลางวันหลังจากนั้นก็รีบร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ที่แม่บ้านไม่เล่าให้ตำรวจฟังก็เพราะความกลัว


            แนวทางการสืบสวนสอบสวนของตำรวจในเบื้องต้น ยังคงพุ่งเป้าไปที่"คนใน" เนื่องจาก จากการตรวจสอบห้องที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีร่องรอยที่แสดงให้เห็นว่า คนร้ายเป็น"คนนอก" ทั้งประตู ก็ไม่ได้มีรอยงัดแงะ ภายในห้องก็ไม่ได้มีร่องรอยการต่อสู้ นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่า ก่อนจะเกิดเหตุร้ายขึ้น "เหยื่อ"ต้องรู้จักกับคนร้าย และเป็นผู้เปิดประตูรับมัจจุราชเข้าไปภายในห้องเอง ขณะเดียวกัน พิรุธของนายประภาสก็ไม่ได้ถูกแสดงออกมา เพราะในวันที่ตำรวจไปพบศพ นายประภาสเอง ก็ยังพักอยู่ภายในห้องของตนเอง


            อย่างไรก็ตาม สิ่งลี้ลับที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ก็ได้ปรากฏขึ้น เมื่อเพื่อนๆและญาติของผู้ตาย ต่างพากันมาเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีฟังว่า วิญญาณของผู้ตายมาเข้าฝัน โดยบอกว่าคนที่ฆ่าพักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้!


            ตำรวจชุดสืบสวน ของ พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.น.6 และ พ.ต.ท.เอกวีร์ พงษ์สร้อยเพชร รองผกก. กับทีมงาน เริ่มมีความมั่นใจตามแนวทางการสืบสวนในชั้นต้นว่า ฆาตกรจะต้องเป็น"คนใน" แน่นอน ภายหลังจากที่บรรดาเพื่อนๆและญาติผู้ตายนำข้อมูลดังกล่าวมาเล่าให้ฟัง กอปรกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ทีมสืบสวนบางคน"ขนหัวลุก" ก็เริ่มมีความมั่นใจในการล่าตัวฆาตกรเช่นเดียวกัน


            ต่อมา เมื่อตำรวจได้สอบปากคำแม่บ้านของอพาร์ทเม้นท์ จนข้อมูลที่ได้พุ่งเป้าไปยังนายประภาสแล้ว การสืบหาตัวคนร้ายเริ่มแคบลง เนื่องจากต้องเป็นคนในอย่างแน่นอน เพราะอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวต้องใช้คียการ์ดทั้งเข้าและออก จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ไปสอบปากคำนายประภาส ซึ่งเบื้องต้น นายประภาสให้การว่าไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่ารู้จักกับผู้ตาย เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.เวลาประมาณ 12.00 น.ได้กลับเข้ามาที่อพาร์ทเม้นท์หรือไม่ นายประภาสตอบว่าไม่ จึงเป็นจุดที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับพิรุธได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปที่ธนาคารเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเวลาเข้าออกของพนักงาน จึงทราบว่านายประภาสออกมาจากธนาคารในเวลาดังกล่าวจริง ถ้านายประภาสไม่ใช่คนก่อเหตุทำไมจึงต้องโกหก?


            เมื่อนายประภาสยังไม่ยอมรับสารภาพ ตำรวจก็เบนเข็มไปสอบปากคำ ภรรยา และลูก รวมทั้งเพื่อนๆของนายประภาส โดยภรรยานายประภาสได้ให้การอย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งลูกชายวัย 4 ขวบยังบอกกับตำรวจว่า "พ่อเอาทองไปจำนำที่ร้านทองร้านหนึ่ง" ตำรวจจึงกลับไปถามนายประภาส ก็ได้ตำตอบว่า เป็นทองของภรรยาที่จะเอาไปจำนำ แต่ร้านทองให้ราคาต่ำจึงเปลี่ยนร้าน แต่ภรรยากลับบอกว่าไม่มีทรัพย์สินใดๆเลย จะเอาทองที่ไหนไปจำนำได้อย่างไร เมื่อสองสามีภรรยาให้การไม่ตรงกัน ตำรวจจึงนำตัวแยกกันสอบปากคำ และก็พบพิรุธในตัวนายประภาสหลายอย่าง โดยเพื่อนของนายประภาสยังให้การอีกว่าได้เดินทางไปเที่ยวกันที่ จ.สุพรรณบุรีและได้ชักชวนกันทำบุญ แต่นายประภาสกลับขอทำสังฆทานคนเดียว เพื่อจะอุทิศส่วนกุศลให้คนๆหนึ่ง ซึ่งก็เป็นที่แปลกใจของเพื่อนๆเพราะนายประภาสไม่ใช่คนธรรมะธรรมโม นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง ก็คือ โทรศัพท์มือถือที่นายประภาสเอาของคนตายมาใช้ โดยถอดซิมการ์ดเปลี่ยนหน้ากากใหม่ แต่ในแนวทางการสืบสวนก็สามารถใช้เทคนิคสืบค้นได้ไม่ยาก


            ตำรวจจึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานจนปักใจเชื่อได้ว่า คนร้ายรายนี้ คือนายประภาสอย่างแน่นอน จึงเค้นสอบทั้งคืน จนนายประภาสเริ่มกลัวและอ่อนเพลีย แต่ก็ยังไม่ยอมรับสารภาพ ตำรวจจึงได้นำตัวภรรยาเข้ามาช่วยเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง เมื่อนายประภาสเห็นหน้าภรรยาก็ยิ่งเกิดความกลัว เพราะให้การกับตำรวจไม่ตรงกันกับที่ภรรยาพูดไว้ ในที่สุด นายประภาสตรงเข้าจับไหล่ภรรยาแล้วรับสารภาพ เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.ของวันที่ 27 ม.ค. ว่า"ผมเป็นคนฆ่าเธอเองครับ"!


ข้อมูลจาก manager online


Create Date : 30 เมษายน 2553
Last Update : 30 เมษายน 2553 7:41:50 น. 4 comments
Counter : 2185 Pageviews.

 
ข่าวนี้ผมได้ดูตอนออกทีวีเหมือนกันครับ โหดมากข่มขืนแล้วยังฆ่าปิดปากอีก


โดย: pooktoon วันที่: 30 เมษายน 2553 เวลา:16:30:01 น.  

 
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ


โดย: petchpaper วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:45:57 น.  

 
น่ากลัวจริงๆ


โดย: เอ๋ IP: 125.24.186.238 วันที่: 5 มิถุนายน 2553 เวลา:9:52:37 น.  

 
หมิวตัดสินให้ฆ่า ตอน ตัด ฆ่า นายประภาสค่ะ


โดย: หมิว IP: 110.49.205.91 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:14:19:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.