DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
4 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
พลิกย้อน 10 คดีดัง อาชญากรรมแห่งปี ตอนที่ 2

6. ลอบสังหาร "สุนัทที เนื่องจำนงค์"



            ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กับการสังหารนางสุนัทที เนื่องจำนงค์ เศรษฐินีไฮโซประธานกรรมการและกรรมการกลุ่มไพร์ม เนเจอร์ กรุ๊ป เจ้าของหมู่บ้านจัดสรรพันล้าน ซึ่งถูกคนร้ายลอบสังหารดับคารถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู หลังขับออกมาจากการตรวจหมู่บ้านไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า ย่านประเวศ ในตอนเย็นวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา ถูกคนร้ายจ่อยิง 3 นัด สิ้นใจตายคาที่ การตายของนางสุนัทที เป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาทันที เพราะเธอมีดีกรีเป็นถึงนักธุรกิจดัง ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย นอกจากนี้ ยังเป็นภรรยาพล.ต.ต.ปิยะชาติ เนื่องจำนงค์ ลูกชายนายประโยชน์ เนื่องจำนงค์ อดีตส.ส.และรัฐมนตรีอีกด้วย สาเหตุที่ไฮโซสาวผู้นี้ถูกฆ่าตาย มีมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเรื่องความขัดแย้งกับเครือญาติคนใกล้ชิด ซึ่งในเรื่องปมธุรกิจ มาจากเรื่องที่ผู้ตายเป็นหนี้นอกระบบจำนวนมหาศาล ขณะเดียวกันก็ยังมีคดีฟ้องร้องกับผู้รับเหมาและลูกค้าเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ อีกกว่า 20 คดี ส่วนประเด็นขัดแย้งเครือญาติ ตำรวจก็ให้น้ำหนักไปที่เรื่องนี้ เพราะนายประโยชน์ในอดีตมีภรรยาหลายคน และเป็นนักธุรกิจพันล้านภาคตะวันออก จึงมีธุรกิจให้คนในครอบครัวดูแลแตกแขนงออกไป นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่นางสุนัทที เข้าไปมีปัญหาเรื่องมรดกในตระกูล "เนื่องจำนงค์" เป็นประเด็นล่าสุด ที่ตำรวจกำลังจับตาดูอยู่ ส่วนการตามล่ามือสังหารก็ใกล้ตัวเข้าไปทุกที มีการออกภาพสเกตช์คนร้ายและรวบรวมหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเปลญวนที่คนร้ายผูกอยู่กับต้นไม้เพื่อรอยิงเหยื่อ รวมทั้งก้นกรองบุหรี่สายฝนที่ตำรวจนำไปตรวจหาดีเอ็นเอ เอาไว้เปรียบเทียบกับมือปืนเพื่อปิดคดี


7. บิ๊กสีกากีฉาว-ฮั้วเช่าซื้อรถตำรวจ



            ขบวนการอื้อฉาวในแวดวงสีกากีถูกกระชากโฉมหน้าให้เห็นทันที เมื่อตำรวจกองปราบปรามปฏิบัติการสายฟ้าแลบลุยคดีทุจริตจัดซื้อ-จัดจ้างในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ งานนี้พบว่าราชการเสียหายเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท มูลเหตุมาจากการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ล็อตใหญ่ของสตช. ในช่วงปี 2550 ซึ่งหลังจากมีการร้องเรียนกันหนาหูว่ามีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้สอบสวนเรื่องนี้ กองปราบฯ จึงเดินหน้าทำคดี วันที่ 25 พ.ย. ตำรวจกองปราบปราม แบ่งทีมจู่โจมเข้าตรวจค้นบุคคลที่เกี่ยวข้อง


                ทีมแรกไปยื่นหมายเรียกให้นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีตผอ.สำนักงบฯ เนื่องจากพบว่าสำนักงบประมาณมีส่วนเกี่ยวพันกับการจ่ายงบในการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ส่วนกำลังอีกชุดบุกไปที่คฤหาสน์ ย่านปากเกร็ด ของพ.ต.อ.รวมนคร ทับทิมธงไชย อดีตนายตำรวจชื่อดัง ซึ่งผันตัวมาเป็นนักธุรกิจหลายอย่าง ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับงานประมูลของตำรวจ ส่วนกำลังที่เหลือเข้าค้นบริษัท มิลเลนเนี่ยม มอเตอร์ จำกัด จ.สมุทรปรา การ เป็นโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อไทเกอร์ ที่ชนะประมูลขายรถจักรยานยนต์ให้ตร.แห่งชาติ และเข้าค้นบริษัท อีซูซุ สยามซิตี้ ย่านจตุจักร ที่โยงถึงโครงการเช่ารถตำรวจ และเป็นที่เก็บเอกสารการซื้อ-ขายรถยนต์ที่บริษัทแห่งนี้ การปฏิบัติงานครั้งนี้มีรายงานว่าตำรวจได้หลักฐานเชื่อมโยงระหว่างบริษัทเอกชนกับพ.ต.อ.รวมนคร ซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่น และ เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ร่วมประมูลงานของตำรวจและหน่วยราชการหลายแห่ง โดยเชื่อกันว่ามีนายตำรวจระดับนายพลใหญ่คอยประสานงานให้ความช่วยเหลือ


8. ตะลึงจับขีปนาวุธเกาหลีเหนือ



            ข่าวครึกโครมส่งท้ายปีหนีไม่พ้นการจับอาวุธสงครามล็อตใหญ่ ที่ตำรวจไทยสามารถจับกุมอาวุธสงครามที่ขนมากับเครื่องบินลำเลียงแบบทหาร ขนาด 4 เครื่องยนต์ รุ่น ไอแอล 76 สัญชาติจอร์เจีย ที่มาจอดแวะเติมน้ำมันที่สนามบินดอนเมือง ในวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า จะมีการลักลอบขนอาวุธจำนวนมากมากับเที่ยวบินนี้ จึงรุดเข้าตรวจสอบพร้อมอายัดอาวุธสงคราม ประกอบด้วย หัวจรวด ท่อส่งจรวด จรวดอาร์พีจี รวมทั้งท่อส่งจรวดชนิดที่ยิงจากพื้นสู่อากาศ หรือที่เรียกว่า" กราวด์ มิสไซล์" เอาไว้ได้ ซึ่งอาวุธทั้งหมดเป็นอาวุธทำลายล้าง มีน้ำหนักรวม 35 ตัน มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านเหรียญ นอกจากอาวุธร้ายแรงเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ยังจับกุมชาวต่างชาติ 5 คน ที่มากับเครื่องบินไว้ดำเนินคดีในข้อหามีอาวุธและเครื่องกระสุนที่ไม่สามารถให้มีไว้ในครอบครองได้ ซึ่งถือเป็นข้อหาหนักในเมืองไทย


            จากการสอบสวนบุคคลทั้ง 5 ให้การว่าไม่รู้เห็นอะไร พวกตนเป็นเพียงพนักงานบริษัทรับจ้างขนส่งสินค้าทางอากาศเท่านั้น เข้าใจว่าของเหล่านี้เป็นท่อส่งน้ำมัน ไม่ใช่อาวุธ และที่แวะเมืองไทยก็เพื่อแวะเติมน้ำมันจนกระทั่งมาถูกจับ แต่ในทางลับเจ้าหน้าที่สืบพบว่าพวกนี้ทำเป็นขบวนการ บินไปรับอาวุธเหล่านี้มาจากประเทศเกาหลีเหนือ เพื่อไปส่งให้ที่จุดหมายปลายทาง การจับกุมอาวุธเหล่านี้ จะต้องปฏิบัติตามมติสหประชาชาติ (ยูเอ็น) คือ เมื่อพบอาวุธที่ละเมิดมติยูเอ็นก็จะต้องยึดไว้ หากเป็นอาวุธร้ายแรงจะต้องถูกทำลาย ซึ่งในชั้นนี้รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป


9. สิ้นดาราฮอลลีวู้ด "เดวิด คาร์ราดีน"



            ชื่อของ "เดวิด คาร์ราดีน" พระ เอกหนังกังฟูชื่อก้องโลกถูกลบออกจากสารบบดาราฮอลลีวู้ดทันที หลังจากพบศพดารารุ่นเก๋าวัย 73 ปี เสียชีวิตปริศนาภายในห้องพัก 352 โรงแรมปาร์คนายเลิศ ย่าน ถ.วิทยุ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะเดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องสเตรตช์ ในประเทศไทย สภาพศพ "คาร์ราดีน" ตายสุดพิลึก พิลั่น ศพอยู่ในท่านั่งไม่สวมเสื้อผ้า ซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน มีเชือกสีเหลืองผูกรอบลำคอ ปมชี้ไปทางด้านหลังลักษณะเป็นเงื่อนรูดได้ ที่ข้อมือทั้ง 2 ข้างแขวนอยู่กับตู้เสื้อผ้า โดยมีเชือกสีดำเส้นเล็ก ผูกต่อกับเชือกสีเหลืองจากบริเวณลำคอมัดดึงรั้งที่ปลายองคชาต และถุงอัณฑะ ใบหน้ามีเลือดคั่ง และพบบาดแผลถลอกจากการถูกรัดที่บริเวณรอบลำคอ และข้อมือทั้งสองข้าง ในห้องนอนไม่พบร่องรอยการต่อสู้ใดๆ ทรัพย์สินไม่มีอะไรสูญหาย


            การจากไปของ "คาร์ราดีน" เกิดเสียง วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง สำนักข่าวทั่วโลกพากันให้ความสำคัญ รายงานข่าวนี้กันหลายประเด็น โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าดาราอเมริกันรายนี้อาจจบชีวิตเพราะพลาดพลั้งจากการเสพกามวิตถาร ที่เรียกว่า "ออโต้อีโรติกา" หรือการจงใจทำตัวเองให้ขาดอากาศหายใจ เพื่อปลุกอารมณ์เพศให้ถึงจุดสุดยอด อย่างไรก็ตาม ก็หนีไม่พ้นข้อกังขาที่ญาติๆ มองว่าคาร์ราดีนอาจถูกแก๊งมาเฟียกังฟูใต้ดินฆาตกรรม หรือไม่ก็เป็นผลงานของกะเทยคู่ขาเป็นคนลงมือฆ่าโดยจัดฉากให้ดูเหมือนฆ่าตัวตายอย่างแนบเนียน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครออกมาคัดค้านหรือติดใจในการตายของ "เดวิด คาร์ราดีน"


10. ปิดคดีฆ่าสะท้านกรุง ยิงสองแม่ลูก-หั่นศพ แท็กซี่ทมิฬ-ชิงทรัพย์



            ปฐมบทของคดีเกิดขึ้นหลังจากที่ตำรวจไปพบศพ น.ส.สุนันท์ หรือ "แอน" อายุ 38 ปี ในตอนเช้าวันที่ 11 ต.ค. ในสภาพถูกยิงร่างพรุน 4 นัด ศพถูกนำไปทิ้งไว้ข้างถนนสายวงแหวนตะวันตก ระหว่างหลักก.ม.ที่ 54-55 หมู่ 1 ต.คลองพระอุดม อ.ลาด หลุมแก้ว จ.ปทุมธานี


            ตอนแรกตำรวจยังมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน เพราะในศพไม่พบหลักฐานอะไร นอกจากเสื้อผ้าที่ผู้ตายสวมใส่ ซึ่งเป็นของดีมีราคา ตำรวจเมืองปทุมธา นีจึงได้แต่สันนิษฐานไปต่างๆ นานา พร้อมส่งศพไปผ่าพิสูจน์หาที่มา


            รู้เพียงว่าเธอถูกฆ่าอย่างทรมาน โดนยิงทีละนัดเหมือนกับคนร้ายต้องการรีดความลับอะไรบางอย่าง            


       ทุกนัดเข้าจุดตายทั้งนั้น!!


       ตำรวจยังไม่ทันเดินหน้านับหนึ่ง วันรุ่งขึ้นตำรวจ นครบาลท้องที่สน.ตลิ่ง ชัน ก็พบศพเด็กชายถูกยิงและหั่นศพยัดใส่ถุงดำ 4 ถุง นำมาทิ้งไว้ใกล้บ้านร้างในหมู่บ้านพิมาน ถนนราช พฤกษ์ ซอยอินทาวาส แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน อย่างน่าสยดสยอง คนร้ายหั่นศพแยกชิ้นส่วนศีรษะ ลำตัว แขนและขา ใส่ถุงทิ้งไว้เป็นกองๆ


       เป็น 2 คดีสยองที่เกิดขึ้นไล่ๆ กัน


       คดีนี้เป็นคดีใหญ่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ลงมาควบคุมด้วยตนเอง เรียกตำรวจเมืองนนท์และตำรวจนครบาล อาทิ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. พล.ต.ต. วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก. สส.บช.น. พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด ผบก.น.7 พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน ผกก.สส. บก. น.7 ไล่ล่าคนร้าย


       ทีมสืบนำเหตุการณ์ทั้ง 2 เหตุมาประมวลเข้าหากัน พบว่าเกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ของผู้ตายซึ่งมีผิวขาวเหมือนกัน ใส่เสื้อผ้ามีราคาแพงเหมือนกัน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกัน และนอกจากนี้ทรัพย์สินหลายอย่างของผู้ตายก็ถูกปลดไปเช่นกัน


       ดังนั้น ทั้งคู่จึงน่าจะเป็นแม่-ลูก แต่ถูกนำศพแยกทิ้งเพื่อปิดบังอำพราง


       ขณะที่ชุดคลี่คลายคดีกำลังเดินหน้าตามหาพยานหลักฐาน เย็นวันที่ 13 ต.ค.ก็มีข่าวการเข้ามอบตัวของนายศิริพงษ์ อายุ 40 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ ที่ติดต่อมอบตัวผ่านผู้สื่อข่าวช่อง 9 ตำรวจจึงไปนำตัวนายศิริพงษ์มาสอบปากคำที่สน.ตลิ่งชัน


       นายศิริพงษ์ในฐานะคนร้ายให้การรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าสองแม่ลูกด้วยมือตัวเอง แต่ไม่ได้ตั้งใจฆ่า ทำไปเพราะถูกน.ส.สุนันท์กดดันให้ไปฆ่าสามีเก่า รวมทั้งเรื่องอื่นๆ โดยน.ส.สุนันท์ เป็นภรรยาตนเอง คบกันมาหลายปีแล้ว ส่วนน้องโชที่ถูกหั่นศพเป็นลูกของสามีคนที่ 2 ของน.ส.สุนันท์ ซึ่งนอกจาก 2 ศพนี้แล้ว ยังมี "น้องมินท์" หรือ ด.ญ.พิชยา จงงามวิลัย อายุ 13 ปี ลูกสาวคนโตของน.ส.สุนันท์ ซึ่งเกิดกับสามีคนแรกก็ถูกยิงบาดเจ็บด้วยแต่ไม่ตาย เด็กยกมือไหว้จึงไม่ฆ่า ตำรวจจึงตามหา "น้องมินท์" แล้วกันตัวไว้เป็นพยาน


       นายศิริพงษ์ถูกตั้ง 3 ข้อหาหนัก ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าฯ และเจตนาซ่อนเร้นอำพรางศพ!!


            "ศิริพงษ์" ย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันเกิดเหตุไปรับผู้ตายที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น พอภรรยาขึ้นรถก็พูดไม่เข้าหูจึงหยิบปืน .357 ที่ซ่อนไว้ใต้พรมวางเท้าสอดเข้าไปยิงทางด้านหลัง กระสุนถูกน.ส.สุนันท์และพลาดไปถูกน้องโชจนสิ้นใจตาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจ ส่วนน้องมินท์แกล้งตายและไหว้ขอชีวิตไว้ จึงไม่ได้ลงมือสังหาร


       งานนี้คนร้ายยิงเหยื่อหมดลูกปืนไป 2 โม่ รวม 14 นัด!!


            นายศิริพงษ์อ้างว่า คำพูดของเมียที่ทำให้โมโหจนต้องลั่นกระสุนสังหารคือคำพูดที่ว่า "ไม่มีน้ำยา มีปืนแต่ฆ่าใครไม่ได้" ทำให้เลือดขึ้นหน้าชักปืนยิงตาย หลังฆ่าจึงนำศพน.ส.สุนันท์ไปทิ้งไว้ที่ถนนวงเแหวนลาด หลุมแก้ว แต่พอดีมีรถสายตรวจผ่านมาจึงนำศพน้องโชกับร่างน้องมินท์กลับที่พักย่านบางบัวทอง ก่อนนำศพน้องโชหั่นใส่ถุงดำเพื่อง่ายต่อการขนย้ายเอาไปทิ้งตามจุดต่างๆ


            หลังก่อเหตุคนร้ายบอกเกิดความเครียดและไม่อยากให้ตำรวจหลงทางในการสอบสวน จึงติดต่อขอมอบตัวยอมชดใช้กรรม


            แต่ทว่าทีมสืบไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายศิริพงษ์ เชื่อว่าคนร้ายเล่าเรื่องเท็จผสมเรื่องจริง และยังปิดบังมูลเหตุการสังหารอยู่ข้างหลัง


            เพราะลำพังคำพูดของน.ส.สุนันท์ไม่น่าทำให้นายศิริพงษ์ฆ่าคนได้บ้าระห่ำขนาดนี้!!?


       ตำรวจเชื่อว่าทุกขั้นตอนนายศิริพงษ์มีการเตรียมการมาอย่างดี เริ่มตั้งแต่การพกปืนไปรับเหยื่อถึงสนามบิน การบรรจุกระสุนปืนโดยใช้ "สปีดโหลดเดอร์" ด้วยความรวดเร็ว และระยะการยิงเผาขนเข้าจุดตายหลายนัด


            ทุกอย่างจะถูกนำมารวบรวมไว้ในสำนวนเพื่อมัดคนร้าย


            นอกจากนี้ ยังมีคำให้การของ "น้องมินท์" ที่เล่าถึงนาทีลั่นไกว่า แม่กับนายศิริพงษ์ไม่ได้มีปากเสียงกันแต่อย่างใด ทุกคนนั่งอยู่ในรถเฉยๆ จู่ๆ นายศิริพงษ์ก็ชักปืนหันกลับหลังมายิงใส่ และยังยิงซ้ำใส่ร่างน้องโชจนสิ้นใจตาย "น้องมินท์" ย้ำอย่างมั่นใจว่าคนร้ายต้องการฆ่าให้ตายทั้งหมด


            นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังมุ่งประเด็นไปที่การฆ่าชิงทรัพย์อีกประเด็นหนึ่ง เนื่องจากทรัพย์สินของน.ส.สุนันท์บางอย่างสูญหายไป อาทิ เช็คเงินจำนวน 6 แสนบาท ที่นายศิริพงษ์อ้างว่าเอาไปฉีกทิ้ง เพราะใช้ไม่ได้เนื่องจากไม่ใช่เช็กเงินสด เงินสดของผู้ตายอีก 5 พันบาท รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ ที่ติดตัวมาอีกหลายรายการ ซึ่งทั้งหมดคนร้ายยังอ้ำอึ้งในคำให้การ


            ทุกอย่างจะถูกมัดด้วยพยานหลักฐาน!!


Create Date : 04 มิถุนายน 2553
Last Update : 4 มิถุนายน 2553 7:49:20 น. 4 comments
Counter : 11002 Pageviews.

 
แอบอ่านบลอกคุณมาระยะหนึ่งแล้ว
แต่ละข่าว แต่ละคดี อ่านง่ายเข้าใจง่าย
ขอบคุณนะคะที่แบ่งปันความรู้


โดย: Natthanuch1 วันที่: 4 มิถุนายน 2553 เวลา:10:46:21 น.  

 
ขอบคุณมาก


โดย: คนขายยา IP: 58.9.202.194 วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:12:37:22 น.  

 
โทษของนายศิริพงษ์ต้องโดนถลกหนักทั้งเป็นค่ะ


โดย: หมิว IP: 110.49.205.91 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:13:47:05 น.  

 
ประหารเลย7ชั่วโครต สารเลวสุดๆๆๆๆ


โดย: คน IP: 113.53.22.204 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:17:22:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.