DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
8 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
เสริม สาครราษฎร์ พิษรักต้องชำแหละ ตอนที่ 1


                 คมมีดขาวกริบวาววับ....ค่อยๆกรีดลงไปนื้อหนังมังสาของร่างผู้หญิงหนึ่งจนเกือบมิด เลือดสีแดงพุ่งกระฉูด เลือดไหลเปื้อนเปอะไปผนังและพื้นห้องน้ำ ดวงตาหื่นโพลงของวัยรุ่นนักศึกษาคนหนึ่ง ระทึก แต่มือจ้าของดวงตายังทำหน้าที่การชำแหละร่างไร้วิญญาณต่อไป เศษชิ้น เศษเนื้อถูกเฉือนออกมา ถูกทิ้งลงในโถชักโครก 


                ภายในห้องแม้อุณหภูมิจะเย็นเฉียบด้วยเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ แต่ก็ยังปรากฏเม็ดเหงื่อที่ใบหน้าและแผ่นหลังของเขาจนโชกชุ่ม รวมไปถึงน้ำตาที่ไหลริน พร่างพราย เพราะร่างผู้หญิงที่เขารัก กำลังเปลี่ยนไปเป็นเศษเนื้อในอีกไม่ช้าไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาหวนคิดถึงอดีตที่ผ่านมา นี้คือผู้หญิงคนแรกในชีวิต และเป็นคนที่เขารักหลงใหลเทิดทูลเธออยู่ในหัวใจเป็นเวลาหลายปี 


                ยิ่งรักมากก็แค้นมาก...ด้วยอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ ที่ทำให้เขาฆ่าเธอ 


                เธอจะเป็นของใครไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น...ลาก่อน...เจนจิรา...ลาชั่วนิรันดร์ 


                พ.ศ.2536 ประมาณ 11 ปีมาแล้ว 


                มีข่าวหนึ่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ในหนังสือพิมพ์ของประเทศไทย เป็นข่าวเด็กชายอายุ 15 ปี คนหนึ่งจากจังหวัดชลบุรี สามารถสอบเอ็นทรานซ์ เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ 


                เขาสร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการศึกษา ในความเป็นเด็กยอดอัจฉริยะข่าวนี้ทำให้ประชาชนสนใจ และกล่าวถึงความเก่งกาจ ความฉลาดของเขา 


                อีก 5 ปีต่อมา เขาสำเร็จการศึกษาได้เป็นวิศวกรรมบัณฑิตสมความตั้งใจ 


                แต่แค่นี้ยังไม่พอ เขาตัดสินใจสอบเอ็นฯอีกครั้ง ด้วยความเป็นเลิศทางมันสมอง คราวนี้เขาสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์สมความตั้งใจ ซึ่งไม่บ่อยครั้งที่เด็กไทยจะสามารถเรียนจบ ในมหาวิทยาลัยของรัฐ ได้เป็นทั้งวิศวกร นายแพทย์ สองอาชีพที่สุดยอดของประเทศไทย แต่เด็กคนนี้ทำได้ เขาอาจเป็นหนึ่งในล้าน!! 


                แต่ไม่นาน ข่าวของเขาดังคับประเทศอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช้ข่าวการสำเร็จการศึกษา แต่เขาขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับ สื่อโทรทัศน์ออกข่าวแทบทุกช่องไม่เว้นแต่ละวัน(โดยเฉพาะหัวใจคนเขียนเต้นตุบๆ ทึ้งกับความสามารถของเขา) 


                ข่าวหนังสือพิมพ์จั่วหัวว่า 


                จับฆาตกรโหดหั่นศพอดีตแฟนสาว.................!!! 


                เสริม สาครราษฎร์ ฆาตกรอัจฉริยะ เด็กฉลาดคนนั้น!             


                อีกมุมหนึ่งของฆาตกร 


                ครอบครัวของเสริม สาครราษฎร์เป็นครอบครัวที่ถือว่ามีฐานะดีพอสมควร แม้มีเงินแต่ไม่มากมายอะไร 


                ชีวิตของนายเสริมค่อนข้างน่าสงสาร ค่อนข้างกดดันตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กที่เก็บกดมาก ๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา และบางครั้งเขาเงียบจนดูน่ากลัว ดูท่าทางคิดอะไรอยู่ตลอด 


                สาเหตุก็เนื่องมาจาก... พ่อของเขาเป็นคนที่เข้มงวด และเผด็จการมาก บังคับลูกทุกอย่าง แม้แต่แม่ของเขาเองก็ไม่สามารถมีปากมีเสียงได้ และแม่ของเขาก็โอ๋เขามากเช่นกัน เพราะสงสารลูกที่ถูกพ่อบังคับและตีมาตลอด 


                เสริมเป็นเด็กที่เรียนเก่งมากเพราะพอเรียนจากโรงเรียนเสร็จมาก็จะต้องไปเรียนกวดวิชาต่อจนค่ำมืดดึกดื่น (เป็นแบบนี้ทุกวัน) ตั้งแต่เรียนหนังสือมา เขาเรียนได้ที่ 1 มาตลอด รางวัลเรียนดีอะไรต่ออะไรเต็มบ้านไปหมด แต่ดูเป็นคนไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน ครั้นพอเขาเรียนจบมัธยม (เขาเรียนจบเร็วมาก เพราะเขาสอบเทียบหลายปี) 


                ความจริงแล้วเสริมอยากเรียนวิศวะ แต่พ่อต้องการให้เรียนหมอเขาก็ไม่เคยเถียงหรือพูดอะไรแต่พอถึงตอนเอ็นท์ฯ เขาก็ "ขัดใจ" พ่อ โดยการใส่ชื่อคณะวิศวะ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง "อันดับเดียว" (ในสมัยนั้นเขาให้เลือกได้ 4 อันดับ) ผลออกมาก็คือ เขาติดคณะวิศวะสมใจเขา แต่พ่อเสริมโกธรเขามาก และก็ไม่ยอมให้ไปเรียน บอกว่าให้รอปีหน้าแล้วเอ็นท์ฯใหม่ ระหว่างนั้นก็ทั้งด่า ตี ต่าง ๆ นานา 


                พอแม่เข้ามาช่วย แม่ก็พลอยโดนลูกหลงเข้าไปด้วยเชื่อไหมว่า... พ่อของเขาทั้งด่า และตีเขา ทุกวัน...ทุกวัน สุดท้าย... แม่เขาสงสารลูก ทนไม่ไหวจึงแอบส่งลูกไปเรียนมหาวิทยาลัยที่สอบติด และแอบส่งเงินให้ทุกเดือน ส่วนพอเข้าใจว่า ลูกหนีออกจากบ้าน 


                ทำให้ประกาศลั่นตัดพ่อตัดลูก 


                แต่เสริมเรียนเก่งมาก เพราะเขาสามารถจบวิศวะโดยใช้เวลาแค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น!!  เขามักส่งข่าวถึงแม่ว่า 


                "พ่อใกล้ตายหรือยัง" 


               เพราะระหว่างที่เรียนอยู่แม่เขาจะส่งข่าวมาตลอดว่าพ่อป่วยหนักเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย


แม่ของเสริมเล่าให้เขาฟังว่า... พ่อบ่นและเพ้อออกมาตอนป่วยว่า 


                "อยากให้เขาเรียนหมอ อยากให้เขาเป็นหมอ" 


                 แม่เสริมจึง "ขอร้อง" ให้เขาเรียนหมอ โดยให้ถือซะว่าทำเพื่อแม่ 


                 แม่ของเขาขอร้องให้เขาเรียนหมออีกครั้งอยู่นาน 


                 แม่ของเสริมถึงขนาด ร้องไม่ร้องไห้ทุกวัน ไม่กินข้าวกินปลา(แต่ไม่ดูจิตใจลูก) จนเขาทนไม่ไหว 


                 ด้วยความที่รักแม่ จึงรับปากว่า เขาจะเอ็นท์ฯ และเรียนหมออีกครั้ง 


                "เพื่อแม่"... 


                ผลออกมาก็คือเอ็นท์ฯติดตามระเบียบ 


                แต่พ่อของเขาไม่สามารถที่จะอยู่เพื่อเห็น "ความสำเร็จ และสิ่งที่บังคับ"อยากให้ลูกเป็นมาตลอดชีวิตได้ 


                เพราะหลังจากที่เสริมเข้าเรียนได้ไม่กี่เดือน "พ่อเขาก็เสียชีวิต" 


                และที่นั้นเอง เขาก็ได้พบเจนจิรา ผู้หญิงที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาตลอดกาล....................               


                ตามหาเธอเจนจิรา 


                30 มกราคม พ.ศ.2541 


                นายสมคิดและนางสุดา พลอยองุ่นศรี พ่อแม่ของเจนจิรา ทั้งคู่มีบ้านและกิจการค้าอยู่ที่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม รู้สึกถึงความผิดปกติของเจนจิรา เมื่อรับโทรศัพท์จากยายของเจนจิราที่กรุงเทพฯ แจ้งมาว่า เจนจิราไม่กลับบ้าน แม้จะเรียกเพจเจอร์หลายครั้งแล้ว(ช่วงนั้นเพจเจอร์กำลังฮิต)แต่เธอก็ไม่ติดต่อกลับมา    


                หัวอกของคนที่เป็นพ่อแม่ ย่อมหวาดวิตก และเป็นห่วงลูกสาวตามสัญชาติญาณ เพราะเจนจิรา เป็นเด็กสาวน่ารัก รูปร่างหน้าตาดี มีความประพฤติเรียบร้อย เป็นเด็กหัวดีเรียนเก่ง ไม่เคยทำตัวเหลวไหลตอนกลางคืน จากการสอบถามไปถึงเพื่อนสนิทของเธอทุกคนแล้ว ก็ไม่ได้ข่าวคราวคืบหน้าของลูกสาวแต่อย่างไร 


                เวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2541 ทั้งคู่จึงเดินทางมาแจ้งความที่ สน.พญาไท ว่าลูกสาวตัวเองหายไป พร้อมกับรถโตโยต้าคันหนึ่งและทรัพย์สินมีค่าอีกจำนวนหนึ่ง 


                จาการสืบสวนของทีมตำรวจ สน.พญาไท ในสืบสวนขั้นแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า เจนจิรา นัดพบกับเสริม เป็นคนสุดท้ายที่ห้างเวิลด์เทรดฯ ก่อนที่จะหายตัวไปอย่างลึกลับ 


                เสริมถูกเรียกมาสอบปากคำทันที่ทันใด เขาให้การว่านัดพบเจนจิราจริง แต่หลังจากทะเลาะกัน เขาน้อยใจและขอตัวกลับหอพักก่อน จากนั้นก็ไม่พบเธออีกเลย 


                ตำรวจตรวจตามร่างกาย และรถของเขา แต่ก็ไม่พบหลักฐาน พิรุธ หรือร่องรอยอะไรเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องปล่อยตัวเขาไป 


                ในที่สุดเมื่อไม่มีวี่แวว ร่องรอยอะไรเพิ่มเติม จึงจำเป็นต้องระดมกำลังค้นหา และการสืบสวนจึงเริ่มต้นอย่างจริงจังอย่างใกล้ชิด เพราะสื่อมวลชน เริ่มทำข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง 


                ประมาณ 1 สัปดาห์ต่อมา....ทีมสืบสวนปักใจเชื่อว่า บุคคลที่น่าสงสัยมากที่สุดในคดีนี้คือ นายเสริม สาครราษฏร์ แฟนสาวของเจนจิรามากกว่าใคร 


                ต่อมาเขาถูกสอบสวนผ่านเครื่องจับเท็จ ผลที่ออกมาพบว่ามีหลายคำตอบ เขาตั้งใจโกหก และบ่งบอกพิรุธหลายอย่าง ให้การวกวนไปมา รวมทั้งก่อนหน้านี้เสริมพยายามเดินทางไปที่สามพราน บ้านของเจนจิราหลายครั้ง แสดงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างผิดสังเกต ต่อพ่อแม่ของเธอ 


                พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจรถของเขาอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ...คราวนี้พบคราบเลือดที่กระโปรงท้ายรถ พบกระดุมเม็ดตกอยู่ รวมทั้งเส้นผมที่ไม่ใช้ของเสริม 


                ไม่นานนักคำรับสารภาพทั้งหมดก็พรั่งพรูออกจากปากนายเสริม สาครราษฏร์แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังตกตะลึง 


                เขาได้ฆ่าและหั่นศพแสนสาวเรียบร้อยแล้ว แผนการหฤโหดเริ่มต้นและดำเนินจากการวางแผนของเขาคนเดียว              


               


Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2553 2:07:03 น. 1 comments
Counter : 2662 Pageviews.

 
น่าสงสารจัง ทุกคนเลย พ่อ แม่ เสริม เจนจิรา และพ่อแม่ของเจนจิรา ทุกคนล้วนเป็นเหยื่อของความอยากได้อยากเป็น ของอีกฝ่าย


โดย: หนูน้อย IP: 172.16.0.171, 122.154.129.229 วันที่: 14 มิถุนายน 2554 เวลา:10:40:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.