คนไข้ไม่บอก...หมอก็เลยไม่ผิด
ในกระบวนการดูแลรักษาคนไข้นั้น หมอ พยาบาล หรือบุคลากรทางด้านสาธารณสุขอื่น มีหน้าที่ต้องค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคนไข้เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคและวางแผนการดูแลรักษา โดยวิธีที่ใช้กันอยู่เป็นประจำก็คือ การสอบถามประวัติจากตัวคนไข้เอง หรือที่เรียกกันว่า การซักประวัติ ดังนั้นเมื่อหมอหรือบุคลากรอื่นมีหน้าที่ต้องซักประวัติ คนไข้ก็มีหน้าที่ต้องให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองด้วย เพราะการที่หมอไม่รู้ข้อมูลดังกล่าว อาจทำให้การวินิจฉัยหรือวางแผนการรักษาโรคผิดพลาด จนอาจเกิดอันตรายหรือเกิดความเสียหายแก่คนไข้ได้ ตัวอย่างเช่น เด็กสาวอายุ 16 ปีคนหนึ่งมีอาการปวดท้องน้อยด้านขวาอย่างรุนแรง หมอตรวจแล้วพบว่ามักการอักเสบภายในช่องท้อง สงสัยว่าอาจเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือไม่ก็เป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก หมอจึงถามคนไข้ว่าเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ เด็กสาวคนนั้นอายและกลัวผู้ปกครองรู้ จึงไม่บอกความจริงแก่หมอว่า ได้แอบมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนชาย กรณีนี้อาจเกิดผลเสียและอันตรายแก่ตัวคนไข้เอง เพราะอาจทำให้หมอวินิจฉัยและวางแผนการรักษาผิดพลาด อีกตัวอย่างหนึ่งที่ขอกล่าวถึงก็คือ สมมุติว่านางแดงมาตรวจรักษาด้วยอาการติดเชื้อแบคทีเรีย หมอตรวจแล้ว เห็นว่าต้องได้รับยาปฏิชีวนะ จึงได้ถามคนไข้ก่อนสั่งยาให้ว่า เคยแพ้ยาอะไรหรือไม่ คนไข้ลืมไปว่า ตัวเองเคยแพ้ยา เพนนิซิลิน เพราะว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก อีกทั้งหมอก็ตรวจดูจากแฟ้มประวัติแล้วก็ไม่พบว่า มีการแพ้ยา หมอจึงสั่งยาเพนนิซิลินให้แก่นายแดงไป หลังกินยานางแดงก็เกิดอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง จากตัวอย่างทั้งสองเรื่องที่เล่ามานี้คนไข้ อาจเอามาเป็นเหตุฟ้องร้องหมอว่า รักษาหรือให้ยาผิดพลาด ทำให้คนไข้เป็นอันตราย แต่กรณีดังกล่าวนี้นี้ก็ต้องถือว่าคนไข้มีส่วนต้องรับผิดชอบในความเสียหายด้วยเพราะไม่ยอมให้ข้อมูลแก่หมอ หมอจึงไม่ต้องรับผิดใดๆต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ยกเว้นว่า หมอประมาทเลินเล่อร้ายแรง หลักดังกล่าวนี้ได้บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มาตรา8 ว่า ในกรณีที่เกิดความเสียหายหรืออันตรายขึ้นแก่ผู้รับบริการเพราะเหตุที่ผู้รับบริการปกปิดข้อเท็จจริงที่ตนรู้และควรบอกให้แจ้ง หรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ผู้ให้บริการไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายหรืออันตราย เว้นแต่เป็นกรณีที่ผู้ให้บริการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง คงมีคนอยากให้ยกตัวอย่างที่ แม้คนไข้ไม่บอกความจริง หรือไม่ได้ให้ข้อมูล แต่หมอก็ยังต้องรับผิดเพราะว่าหมอประมาทเลินเล่อร้ายแรง ผมขอยกตัวอย่างกรณีข้างต้นที่นางแดงแพ้ยาเพนนิซิลิน หากเหตุการณ์เปลี่ยนไปเป็นว่า ในแฟ้มประวัติของคนไข้หน้าแรก ได้มีการระบุไว้แล้วว่า นางแดงแพ้ยาเพนนิซิลิน แต่หมอก็ไม่ได้ดูให้รอบคอบ แล้วก็สั่งยาเพนนิซิลินให้นางแดงไปจนเกิดอันตราย ถ้าอย่างนี้หมอก็ต้องรับผิดชอบเพราะแม้ว่าคนไข้จะไม่บอกว่าแพ้ยา หมอก็ควรต้องรู้ความจริงดังกล่าวได้ถ้าอ่านแฟ้มประวัติอย่างรอบคอบ จึงต้องถือว่าหมอประมาทเลินเล่อร้ายแรง หมอก็เลยต้องรับผิดไปตามระเบียบ นพ.พิทูร ธรรมธรานนท์ พบ. นบ. เนติบัณฑิตไทย
Create Date : 04 มกราคม 2556 |
Last Update : 4 มกราคม 2556 9:13:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1034 Pageviews. |
|
|