DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
20 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
ฟ้องแพทย์... ผิดสัญญา หรือ ละเมิด

          ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่า "แพทย์" ถูกฟ้องคดีปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ในอดีตเมื่อประมาณ 10-20 ปีก่อน เราแทบจะไม่เคยได้ยินว่าแพทย์ตกเป็นจำเลยถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายในกรณีที่คนไข้หรือญาติของคนไข้เป็นผู้ฟ้องคดีเท่าใดนัก


            แต่ในปัจจุบันนี้ การที่แพทย์ตกเป็นจำเลยถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง กลายเป็นเรื่องคุ้นหูหรือกลายเป็น "ลัทธิเอาอย่าง" กันมากขึ้นสำหรับประเทศไทยไปแล้ว


            "ลัทธิเอาอย่าง" นี้ มิได้หมายความแต่เพียงว่าในประเทศไทยของเรา ผู้เสียหายเลียนแบบกันในการฟ้องแพทย์ เฉกเช่นกรณีแพทย์ฉีดยาให้เด็กแล้วเสียชีวิตทันที (ตายคาเข็ม) หรือกรณีแพทย์ทำคลอดให้กับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง แต่เกิดความผิดพลาดในการวางยาสลบ ทำให้มารดาเด็กเสียชีวิต แต่เด็กรอดชีวิต ศาลพิพากษาให้แพทย์ท่านนั้นและโรงพยาบาลที่แพทย์ท่านนั้นเป็นแพทย์ประจำอยู่ในขณะเกิดเหตุร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินหลายล้านบาท (ปัจจุบันคดียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์)


            คดีนี้ทนายความได้ใช้ความสามารถมากพอสมควรในการอ่านเวชระเบียนศึกษาข้อมูลทางการแพทย์ วิธีการวางยาสลบว่าจะต้องทำอย่างไร (ในโอกาสหน้าผู้เขียนจะได้นำเสนอเป็นความรู้แก่ท่านผู้อ่านถึงข้อมูลทางการแพทย์อันเป็นความลับในวิธีการวางยาสลบอย่างเป็นขั้นเป็นตอนต่อไป) และอาจเป็นความโชคดีที่สามีของสุภาพสตรีที่เสียชีวิตไปขอออกหนังสือรับรองการตายจากโรงพยาบาลนั้น เจ้าหน้าที่ให้ลงลายมือชื่อในเอกสารฉบับหนึ่งซึ่งมีข้อความว่า "ไม่ติดใจในสาเหตุการตาย" แต่สามีของผู้ตายไม่ยินยอมลงลายมือชื่อในเอกสารฉบับนั้น มิฉะนั้นแล้วคดีนี้ศาลคงต้องพิพากษายกฟ้องอย่างแน่นอน อาจเทียบเคียงได้กับกรณีที่ว่า "ยินยอมให้ทำ เวรกรรมย่อมไม่มี" เพราะข้อแก้ตัวสำหรับความผิดของบุคคลในทางแพ่งประการหนึ่งที่ว่าถ้าผู้เสียหายยินยอม ผู้กระทำละเมิดไม่จำต้องรับผิด แต่ "ลัทธิเอาอย่าง" ที่สำคัญมากทำให้แพทย์ในประเทศไทยถูกฟ้องคดีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะว่าในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่ใช้กฎหมายระบบคอมมอน ลอว์ เช่น อังกฤษ หรือสหรัฐอเมริกัน มีการฟ้องแพทย์ให้รับผิดทางแพ่งมากมาย


            จนกระทั่งมีคนบางคนพูดว่า "แพทย์ กับ ทนายความ" เป็นอาชีพที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันไปเสียแล้วในประเทศเหล่านี้


            จากหัวข้อเรื่อง ฟ้องแพทย์...ผิดสัญญา หรือ ละเมิด? ที่จงใจตั้งชื่อเรื่องเช่นนี้ก็เพราะเหตุว่ามีหลายกรณีที่ศาลยกฟ้องเพราะ "ขาดอายุความ" เนื่องจากในการฟ้องคดีมีการตั้งเรื่อง และร่างฟ้องว่าเป็น "ละเมิด" เนื่องจากสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น สำหรับอายุความเรียกค่าเสียหายในกรณีทั่วไปย่อมขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่ง นับแต่วันผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำละเมิด เว้นแต่อายุความเรียกค่าเสียหายในกรณีมีมูลความผิดทางอาญา หรือกรณีอื่นๆ อาจมีอายุความที่มากกว่าหนึ่งปีได้ แต่ในการฟ้องแพทย์เรามักจะรอผลในคดีอาญา ซึ่งเป็นความคิดที่ผู้เขียนค่อนข้างไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะส่วนใหญ่หากต้องดำเนินคดีอาญากับแพทย์ผู้ซึ่งทำการรักษาผิดพลาด ซึ่งเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลิ่นเล่อนั้น เมื่อแพทยสภาลงความเห็นว่าแพทย์ท่านนั้นทำการรักษาถูกต้องตามหลักการแพทย์แล้ว พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการมักมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งกว่าแพทยสภาจะได้ประชุมครบองค์คณะและทำความเห็นดังกล่าวมักจะใช้ระยะเวลาเกินหนึ่งปี


            ดังนั้น การฟ้องร้องในทางแพ่งควรดำเนินการก่อนที่คดีจะขาดอายุความ หากเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากแพทย์ ฐานแพทย์ทำผิดสัญญา มีอายุความถึง 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 ละเมิดและสัญญาต่างก็เป็นบ่อเกิดแห่งหนี้ด้วยกัน ที่ว่าละเมิดก่อให้เกิดหนี้เพราะกฎหมายบัญญัติให้บุคคลผู้เป็นเจ้าหนี้ ซึ่งได้รับความเสียหายจากการกระทำหรือเหตุการณ์ใดที่บุคคลผู้เป็นลูกหนี้ต้องรับผิดชอบ ส่วนสัญญานั้นได้แก่ข้อตกลงระหว่างบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปตกลงกันให้คู่สัญญาต้องมีความผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่งต่อกัน...


            ตัวอย่างคดีแรกเกิดขึ้นในปี 1975 โจทก์ปรึกษาจำเลยซึ่งเป็นแพทย์ว่าตนมีความประสงค์ว่าจะทำหมันด้วยวิธีผ่าตัดเอาหลอดอสุจิออก ในราคาค่าจ้าง 20 ปอนด์ จำเลยบอกโจทก์แต่เพียงว่าเมื่อตัดออกแล้วเอากลับคืนไม่ได้ แต่ไม่ได้บอกหรือเตือนโจทก์ว่าจะมีโอกาสมีลูกได้






Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2553 0:32:30 น. 1 comments
Counter : 1888 Pageviews.

 
คนไข้ดูเหมือนจะคิดว่า ถ้าแพทย์ทำอะไรไม่ค่อยจะถูกใจ ฉันจะฟ้องล่ะนะ เพราะมีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะไปหมด แต่บางครั้งก็ลืมไปว่า เราจะไปฟ้องร้องแพทย์แบบประเทศตะวันตกหรืออเมริกาเพื่อให้ได้อะไรขึ้นมา เพื่อให้แพทย์ดีๆ ที่ทำงานหนัก จนพลาดสักครั้ง ต้องเสียใจ แล้วเดินออกไปจากระบบ

คนที่จำต้องอยู่ก็คือ นศพ ที่จบใหม่ใช้ทุน ใช้ทุนหมด ก็ออกไปจากระบบเหมือนกัน

คนไทยคงลืมไป ว่าไม่ได้จ่ายภาษีแพงอย่างประเทศต้นแบบพวกนั้น คงลืมไป ว่าหลายๆคนเลี่ยงการจ่ายภาษีมาตลอดชีวิต แต่พอรักษาขอใช้สิทธิ์ 30 บาท รักษาทุกโรค (ซึ่งตอนนี้ก็ฟรีง่ะ) และคงลืมไป ว่าแพทย์เมืองไทยได้ค่าตอบแทนในระบบราชการ เล็กน้อยเพียงใด เทียบกับระบบเอกชนที่ค่าตอบแทนมาก คนไข้น้อย สภาพการทำงานพร้อมทุกอย่าง

ถ้าคนไข้ยังตะบี้ตะบันฟ้องกันอยู่แบบนี้ สักวัน ก็คงไม่มีหมอดีๆคนไหนมาคอยตรวจรักษาคนไข้ในโรงพยาบาลของรัฐอีก

ถึงวันนั้น ก็เฉพาะคนมีเงินเท่านั้นที่จะเข้าถึงหมอคุณภาพ

บ่นยาวเลยง่ะ แต่ไม่ได้เป็นหมอนะคะ แล้วก็ไม่ได้เข้าข้างใครด้วย

สวัสดีค่ะ เข้ามาเยี่ยมชมบล๊อก แล้วก็ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันนะคะ

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ทุนด้วยค่ะ

ทุนเรียนฟรี 1 ปี พร้อมที่พักระหว่างเรียน IELTS-EFL / PreMaster @Cambridge, UK รวม 30 ทุน

ถ้าผู้ได้ทุนเป็นนักเรียน โรงเรียนจะได้รับเงินบริจาค จากวิทยาลัย 10000 บาท ต่อนักเรียน 1 คนด้วยค่ะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Mrs Rachinya Wilson,
International Director & Scholarship Coordinator
Cambridge Seminars Tutorial College
143-147 Newmarket Roead,
Cambridge, CB5 8HA
UK

Tel 00 44 1223 313 464
00 44 1223 300 123
00 44 7940 589 077

E mail camsem@hotmail.co.uk
rachinya@camsem.co.uk
rachinya.wilson@cambridgesemainars.co.uk

Websites: //www.cambridgeSTcollege.com
//www.camsem.co.uk
//www.cambridgeseminars.co.uk

หรือ ติดตามเอกสารประชาสัมพันธ์ทุนนี้ได้ที่สถานศึกษา หน่วยงานราชการทุกแห่งที่สังกัด กรมสามัญการศึกษา สำนักงานการศึกษาเอกชน กรมอาชีวศึกษา สกอ และ กพ

หรือ ติดตามได้ในบล๊อกนะคะ

กรุณาช่วยบอกต่อทุกคนที่รู้จักเพื่อเป็นวิทยาทานด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ




โดย: mookyja วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:13:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.