ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่11

Chapter 11

บรรยากาศยามเช้า.. แสงแดดอ่อนๆของวันใหม่เป็นสัมผัสที่อบอุ่น อากาศไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไปนักศึกษาส่วนใหญ่ยังคงนอนหลับพักผ่อนเอาแรงเพราะปาร์ตี้เมื่อคืนสนุกสนานเฮฮาจนลืมเวลาน้ำข้าวตื่นขึ้นพร้อมความเจ็บปวดที่ข้อเท้าทุเลาลง เธออาบน้ำแต่งตัวทำธุระส่วนตัวก่อนออกมาเดินเล่นเพื่อเป็นการบริหารข้อเท้าไปในตัวสาวหน้าหวานเดินสำรวจสองข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิด ทั้งดอกไม้ใบหญ้าตลอดแนวทางเดินทำให้เพลินตา

น้ำข้าวเดินตรงไปนั่งยังโขดหินขนาดใหญ่หาที่เหมาะๆหย่อนกาย เปิดสมุดไดอารี่ที่หยิบติดมือออกมา ค่อยๆ พลิกอ่านตั้งแต่หน้าแรกที่เริ่มเขียนตัวอักษรตัวแรกและตัวต่อไปตามลำดับวันเวลาเกมสะสมตัวอักษรตามที่รัฐเกล้าส่งข้อความให้เธอไว้คล้ายบอกสิ่งที่อยากระบายให้รับรู้เธอเก็บคำแต่ละตัวรวมไว้เป็นหนึ่งประโยคและทุกประโยคเธอกำกับคำตอบเอาไว้ในไดอารี่เล่มนี้โดยที่เจ้าของคนส่งข้อความยังไม่เคยได้รับรู้

MISS YOU = อืมน้ำข้าวเข้าใจแล้วล่ะเกมสะสมคำเป็นงี้นี่เอง

คิดถึง กันบ้างไหม?= คิดถึงเหมือนกันแต่คิดถึงเป็นระยะๆ อิอิ

เมื่อ ไร จะ OKเรื่อง ที่ รอ ฟัง คำตอบ =รอไปก่อนนะคะน้ำข้าวยังคิดไม่ออก

น้ำข้าวยังคงรอคอยที่จะเล่นเกมสะสมคำจากรัฐเกล้าทุกวันๆเพราะเธอเองก็อยากรู้สิ่งที่อยู่ในใจเขา เธอหยิบโทรศัพท์กดดูข้อความที่เขาส่งให้เมื่อคืน(วันนี้ให้เป็นประโยคเลย: รักมากมาย..พี่เกล้า) น้ำข้าวอ่านข้อความด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ เธอบรรจงเขียนคำจากข้อความนั้นลงในสมุดไดอารี่ต่อประโยค

รักมากมาย =น้ำข้าวก็รักพี่เกล้านะคะ

สมุดเล่มนี้เต็มไปด้วยความในใจที่ทั้งสองถามตอบระหว่างกันน้ำข้าวใช้เวลานั่งคิดถึงรัฐเกล้าพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดความคิดแต่มันก็ทำให้รู้สึกยินดีเกิดเมื่อเห็นชื่อผู้โทรเข้าตามหน้าจอโทรศัพท์

“ดีใจจังพี่ต้นโทรหา ว่างแล้วเหรอค่ะ” น้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วดูมีชีวิตชีวาส่งผ่านตามสายเครื่องมือสื่อสาร

(ใช่เพิ่งได้พักคิดถึงเราก็เลยโทรมาหา เป็นไงบ้างไปแคมป์สนุกไหมซนหรือเปล่า)

“สนุกดีค่ะพี่ต้นน้ำข้าวโตแล้วนะจะให้ซนได้ไง”

(ไม่เชื่อ พี่มีลางสังหรณ์ว่าเรานะซนจนเป็นเรื่องใช่ไหม)

“ทำไมพี่ต้นรู้ล่ะพอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน้ำข้าวขาแพลงแต่ตอนนี้หายดีแล้วค่ะ”

(เห็นไหมพี่ว่าแล้วเชียวต้องมีเรื่องแน่ๆดูแลตัวเองดีๆ นะไกลหูไกลตาแบบนี้อย่าทำให้พี่เป็นห่วง)

“ค่ะคุณหมอน้ำข้าวจะดูแลตัวเองดีๆ พี่ต้นไปนอนพักผ่อนเถอะคะเดี๋ยวไว้น้ำข้าวกลับบ้านแล้วเราค่อยคุยกันเนอะ”

(โอเค ไว้ว่างพี่จะโทรหาเรานะ)หลังวางโทรศัพท์น้ำข้าวมองดูเวลาเห็นว่าออกมาเดินเล่นนานแล้วจึงลุกเดินกลับยังที่พักของตัวเอง

“หายดีแล้วเหรอ เสียงละมุนละไมทักทายเมื่อเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าสาวหน้าหวานคล้ายจงใจตามหาน้ำข้าวพยักหน้าตอบคำถาม

“เดินไหวแล้วค่ะ”

“ช่วยถือไหม

“ไม่เป็นไรค่ะแค่นี้เองน้ำข้าวถือได้” รอยยิ้มหวานๆ ส่งให้ชายหนุ่มที่ยืนมองไม่ละสายตา รัฐเกล้าเอื้อมมือกุมมือเล็กๆของน้ำข้าวไว้พาเธอเดินกลับยังห้องพัก

“มีแฟนน่ารักแบบนี้ดีจังเลยเนอะ” น้ำข้าวระบายยิ้มเขินบนใบหน้า ส่งเสียงเจรจาโดยไม่หันสบตาชายหนุ่มที่จูงมือไว้รัฐเกล้ามองน้ำข้าวด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุขดีใจที่เธอยอมรับเป็นคนรักเต็มปาก เขาดึงเธอมากอดไว้แน่นยกมือลูบที่ผมยาวเงางามไปมา

“...”

“กอดน้ำข้าวแรงแบบนี้เดี๋ยวน้ำข้าวก็ตายกันพอดี” รอยยิ้มปรากฏพร้อมอ้อมกอดยิ่งรัดแน่นขึ้นอีก

“...”

“โอ๊ย.. พี่เกล้าน้ำข้าวเจ็บนะแกล้งน้ำข้าวใช่ไหมสาวหน้าหวานไม่ยอมแพ้ยกมือขึ้นโอบรัดร่างสูงตอบกลับเธอพยายามกอดเขาให้แน่นด้วยแรงอันน้อยนิดทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข

“...”

“พอได้แล้วเดี๋ยวคนอื่นมาเห็น” น้ำข้าวค่อยๆ คลายมือออกจากเอวรัฐเกล้า ส่วนเขายังไม่ยอมปล่อยมือออกจากร่างบอบบางยังคงกอดเธอไว้แบบนั้น

“...”

“พี่เกล้าเลิกเล่นได้แล้วค่ะอายคนอื่นเขานะ”

“อายทำไม

“อ้าวก็ยืนกอดกันในที่สาธารณะแบบนี้ไม่ให้อายหรือไง”

“ก็แฟนกัน...”

“แน่ะ ยังไม่ยอมปล่อยอีกนะ” รัฐเกล้าหัวเราะเบาๆ ก่อนคลายมือออกจากร่างบอบบาง

“...”

“น้ำข้าวเข้าห้องก่อนนะไว้เจอกันตอนกลางวันคะ” รอยยิ้มละมุนส่งให้อย่างอ่อนโยน

เวลาเที่ยงหลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วนักศึกษาทุกคนมารวมตัวกันบริเวณลานกว้างที่จัดปาร์ตี้เมื่อคืนตามคำสั่งของคณะจัดกิจกรรม((หลังจากที่ทุกคนได้สนุกสนานพักผ่อนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้ยังมีกิจกรรมให้เราได้สนุกกันต่อเริ่มกันเลยไหม..))

“เฮ!! เอาเลยยย” เสียงเฮดังขึ้นพร้อมเพรียงสนั่นหวั่นไหวกึกก้องไปรอบบริเวณ

“ยัยข้าวไหวหรือเปล่าแกต้องขึ้นเขาปีนห้วยนะ”

“ใช่ยัยข้าวฉันว่าอยู่นี่ดีกว่านะยะเดี๋ยวเจ็บข้อเท้าขึ้นมาอีกจะแย่”

“ไม่เป็นไรน้ำข้าวหายแล้วนี่ไงดูสิ” สาวหน้าหวานทำท่ากระโดดสูงๆให้เพื่อนดูเพื่อยืนยันว่าเธอหายเจ็บข้อเท้าแล้วจริงๆ

“นี่ๆดูสิคู่รักหวานแหววเมื่อคืนไง”เสียงซุบซิบดังขึ้นเมื่อเห็นรัฐเกล้าเดินมาพร้อมกับนุ่มนิ่ม เสียงกระซิบส่งต่อกันเป็นทอดๆจนหนาหูทำให้น้ำข้าวหันไปมองยังบุคคลที่ตกเป็นเป้าสายตา

“นี่แกเขาซุบซิบไรกันอ่ะรู้ป่ะต๊อกแต๊กไร้เสียงตอบกลับ คนถูกถามเหลียวสายตาหันมองยังน้ำข้าวอย่างห่วงใยความรู้สึกและเป็นกังวลต่อสิ่งที่จะได้รับรู้

“...”

“นี่แกฉันคุยด้วยไม่ได้ยินหรือไง”น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเมื่อเห็นเพื่อนทำท่าทางไม่ใส่ใจคำถามซักเท่าไร

“ได้ยินแล้วย่ะอย่าไปใส่ใจเลยคนอื่นก็พูดสุ่มสี่สุ่มห้าไปเรื่อย”

“มีไรเหรอแก.. พริกอยากรู้” เสียงคาดคั้นยังคงคะยั้นคะยอถามไถ่ถึงสิ่งที่ส่งผ่านตามเสียงซุบซิบ

“ไม่มีไรหรอกย่ะ ฟังที่พี่เขาพูดดีกว่าว่าเข้าป่ายังไง”น้ำเสียงกระแทกกระทั้นเลี่ยงตอบคำถามพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปเรื่องอื่น

“ต๊อกแต๊กมีไรปิดน้ำข้าวหรือเปล่า”สายตาใสๆ มีความสังสัยเคลือบแคลง

“ไม่มีย่ะเธอจำไว้อย่าฟังคำพูดคนอื่นก็พอ เชื่อฉันนะยัยข้าว อยากรู้อะไรให้ถามเจ้าตัวเขาตรงๆ”

“วันนี้ต๊อกแต๊กเป็นอะไรไปทำไมแกพูดจาแปลกๆล่ะว่าไหมยัยข้าว

“นั่นสิ” ความสงสัยก่อตัวในใจ บรรยากาศรอบกายดูแปลกไปสายตาหวาดระแวงส่งผ่านไปยังสาวผมซอยที่ทำท่าทางมีพิรุธอย่างหนัก

“ข้าวเป็นไงบ้างขาหายดีหรือยัง นุ่มนิ่มเดินมาทักทายคนขาเจ็บที่อาการดีขึ้นจนเกือบหายเป็นปลิดทิ้ง

“หายหรือไม่หายก็คงไม่เรียกร้องความสนใจเหมือนคนบางคนหรอกค่ะ” ต๊อกแต๊กพูดลอยๆ ขึ้นมาทำให้นุ่มนิ่มกับน้ำข้าวหยุดชะงักหันมองหน้ากัน

“วันนี้แกเป็นไรต๊อกแต๊กไปกินรังแตนที่ไหนมา” พริกเอนกายขยับเข้าใกล้กระซิบเพื่อนที่มีท่าทางต่อต้านและชวนหาเรื่องจนเกินพอดี

“น้ำข้าวหายแล้วค่ะพี่นิ่มพี่นิ่มล่ะแผลเป็นไงบ้างน้ำข้าวพยายามเจรจาให้สถานการณ์ดูดีขึ้นและกลับสู่สภาวะปกติโดยในใจนึกเอะใจถึงกิริยาของเพื่อนและเสียงซุบซิบรอบบริเวณจนในใจเริ่มหวั่นไหวเล็กๆ

“ไม่เป็นไรแล้วจ๊ะเดี๋ยวซักพักรอยแผลเป็นก็คงหาย”

“ดีแล้วค่ะ ขาสวยๆเป็นแผลเป็นไม่ไหวนะ”

“พี่แวะมาทักทาย พี่ไปเข้ากลุ่มก่อนนะไว้เจอกันจ๊ะ”

“ฉันล่ะเกลียดนัก!สร้างภาพว่าใสซื่อแต่จริงๆ ไม่บริสุทธิ์ใจเนี้ย!!” ต๊อกแต๊กแสดงอารมณ์หงุดหงิดใส่ทันทีเมื่อเห็นนุ่มนิ่มเดินจากไป

“เป็นอะไรมากป่ะต๊อกแต๊กทำไมไปกัดพี่เขาแบบนั้นล่ะแก..”

“ต๊อกแต๊กมีเรื่องอะไรก็บอกมาอย่าทำแบบนี้สิมันไม่ดีนะ คนอื่นจะมองว่าเราไปหาเรื่องพี่เขาได้” น้ำข้าวพยายามโน้มน้าวอารมณ์ขุ่นเคืองของเพื่อนให้เย็นลงโดยหาเหตุผลคุยกัน

“เฮ้อ! ฉันเล่าให้ฟังก็ได้ย่ะเก็บไว้แล้วมันก็อึดอัด” ต๊อกแต๊กเล่าถึงเหตุการณ์ที่เป็นข่าวซุบซิบเมื่อคืนให้เพื่อนทั้งสองฟังระหว่างทางเดินเข้าป่าเพื่อทำกิจกรรม

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยแกพี่นิ่มคนนั้นจะทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ

“ก็ทำมาแล้วและคนอื่นเขาก็เห็นกันทั้งนั้นไม่งั้นจะเม้าท์กันแบบนี้เหรอย่ะ”

“น้ำข้าวว่าน่าสงสารพี่นิ่มนะเขาคงรักพี่เกล้ามาก...” เสียงสลด เจ็บแปลบที่หัวใจพ่นลมหายใจอ่อนล้า

“นี่ยัยข้าวอย่าบอกนะว่าจะยกแฟนตัวเองให้เขาอ่ะต๊อกแต๊กโวยวายไม่พอใจรุนแรง

“เปล่า.. น้ำข้าวแค่แสดงความคิดเห็นเฉยๆน้ำข้าวจะมีสิทธิ์ไปยกคนนั้นคนนี้ให้ใครได้ล่ะทุกคนก็มีความคิดเป็นของตัวเอง ถ้าซักวันพี่เกล้าเห็นใจพี่นิ่มขึ้นมาแล้วไปคบกันน้ำข้าวก็ห้ามเขาไม่ได้”

“มันก็จริงนะ แต่พริกว่าตอนนี้เรามีความสุขก็เก็บมันไว้ดีกว่าอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลยนะแก”

“ต๊ายยย! ยัยพริกฉันเพิ่งเห็นเธอพูดเข้าท่าก็วันนี้ล่ะ”

“แหม๋ ต๊อกแต๊กไปว่าพริกทำไมน้ำข้าวว่าเรารีบเดินให้ทันคนอื่นดีกว่ามัวแต่คุยเขาไปถึงไหนกันแล้ว”

“นั่นสิ ไปเร็วๆ แก” ทั้งสามพากันจ้ำพรวดสาวเท้าให้เร็วขึ้น

ระหว่างทางเดินเข้าป่า..เจ้าหน้าที่ป่าไม้คอยดูแลความปลอดภัยทุกตารางนิ้ว อธิบายถึงเรื่องต่างๆ ของป่าเขาให้ฟังโดยละเอียดอย่างเรื่องวิถีการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า การสำรวจรอยเท้าสัตว์วิธีการเดินป่าที่ถูกต้องการดูแลตัวเองเมื่อหลงอยู่ในป่าและอีกหลายเรื่องที่อธิบายไปเรื่อยๆ ตลอดทางโดยแบ่งนักศึกษาเดินสำรวจป่าออกเป็นสองกลุ่มใหญ่คือกลุ่มของนักศึกษาปีสองและกลุ่มนักศึกษาปีสี่ซึ่งการแบ่งกลุ่มครั้งนี้ทำให้จิตใจของใครบางคนไม่เป็นสุขเพราะใจยังจดจ่อไปหาคนที่อยู่อีกกลุ่มจนกระวนกระวาย

“เกล้าเรื่องเมื่อคืนนิ่มขอโทษนะ” นุ่มนิ่มเดินขนาบข้างรัฐเกล้าเมื่อเห็นเขาดูใจลอยผิดปกติ

“อืม” รัฐเกล้าตอบกลับโดยไม่ได้หันมองเธอ ยังคงไว้ด้วยสีหน้าเฉยชาสายตามองต่ำและเดินต่อไปเรื่อยๆ

“เกล้าไม่โกรธนิ่มนะ”เสียงอ่อยเบาคล้ายสำนึกผิด

“อย่าทำอีกแล้วกัน”เสียงเย็นชาส่งบทสนทนาโต้ตอบ

“ไม่ให้ทำอีกคือเรื่องไหน..ที่นิ่มเมาแล้วร้องไห้ หรือเรื่องที่นิ่มรักเกล้าน้ำเสียงเจ็บปวดรวดร้าวที่ควบคุมและสะกดไว้ไม่อยู่กำลังปะทุยังชายเบื้องหน้าที่แสดงอารมณ์เฉยชาไม่แยแสว่าเธอยังคงมีตัวตนอยู่ตรงนั้น

“...”

“ทำไมเกล้าถึงเย็นชากับนิ่มแบบนี้ยิ้มให้นิ่ม มองหน้านิ่มเหมือนที่ทำกับน้ำข้าวบ้างได้ไหม”

“อย่าเมาจนไม่รู้เรื่องอีกเราคงอยู่กับนิ่มไม่ได้ตลอดเวลา” ความเฉยชาที่รัฐเกล้าหยิบยื่นให้สร้างความเจ็บปวดต่อใจบอบบางของนุ่มนิ่มเขาไม่ใส่ใจคำพูดใดๆ ของเธอแม้แต่น้อยพยายามเดินเลี่ยงขึ้นไปข้างหน้าปล่อยให้นุ่มนิ่มยืนตีหน้าเศร้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อยู่อย่างนั้นนิ่งๆ 




Create Date : 18 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:37:01 น.
Counter : 305 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments