ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่2

Chapter 2

น้ำข้าวก้าวเดินตรงเข้าบ้านพร้อมกับข่าวดีของเธอ“แม่ดูสิ วันนี้น้ำข้าวพาหนุ่มหล่อที่ไหนกลับบ้านมาด้วยล่ะ” คนถูกเอ่ยถึงยกมือไหว้พนมเป็นการทักทายเจ้าของบ้าน

“อ้าวต้น.. ว่าไงลูก โตขึ้นเป็นหนุ่มใหญ่หล่อเชียวนะเราแบบนี้สาวๆ ไม่รุมล้อมกันเลยหรือจ๊ะ” น้าสาวกล่าวทักทายลูกชายของเพื่อนสนิทที่จากไปเรียนเมืองนอกมานาน

“ไม่มีหรอกครับน้า” ต้นกล้ายิ้มพร้อมยกมือขึ้นลูบศรีษะตัวเองแก้เขิน

“ต้นกลับมาอยู่ใกล้ๆ แบบนี้เด็กแถวนี้คงเลิกบ่นคิดถึงพี่ต้นซะที”

“แม่อ่ะนินทาลูกเองตัวระยะเผาขนเลยนะ” เสียงใสๆต่อว่าต่อขานผู้เป็นแม่ส่งสายตาขว้างค้อนนิดๆ ทำให้เกิดเสียงหัวเราะขึ้น บรรยากาศภายในบ้านอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความสุข

ระหว่างทานอาหารเย็น.. ทั้งสามนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบถึงความเป็นอยู่ตลอดสิบปีที่ไม่ได้เจอหน้ากันเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น การดำเนินไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคน จนเวลาล่วงเลยมาดึกต้นกล้าเห็นสมควรกลับบ้านซะทีจึงขอตัวลาอย่างรู้มารยาท

“พี่กลับก่อนนะน้ำข้าว ไว้พรุ่งนี้พี่จะแวะมารับไปส่งที่มหาลัยดีไหม”

“พรุ่งนี้น้ำข้าวมีเรียนตอนบ่ายนะพี่ต้น”

“พี่จำได้ น้ำข้าวเคยเล่าให้พี่ฟังตอนส่งเมล์คุยกันไง”ความทรงจำทุกฉากทุกตอนที่เกี่ยวกับน้องสาวหน้าหวานคนนี้ต้นกล้าไม่เคยลืมยังคงจำได้ดีตลอดมา น้ำข้าวมองหน้าพี่ชายส่งยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพยักหน้าให้ตอบตกลงถึงการนัดหมายวันพรุ่งนี้ “กลับแล้วครับน้า ไว้ต้นจะมาฝากท้องกับอาหารอร่อยๆของน้าใหม่นะครับ” ต้นกล้ายกมือไหว้ลาน้าสาวที่ยืนส่งยิ้มให้

ระหว่างเดินตามหลังน้องสาวออกไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้านยังไม่ทันที่ต้นกล้าจะขึ้นรถเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “หนุ่มที่ไหนโทรมาหาน้องสาวพี่ดึกดื่นแบบนี้ฮืม” น้ำข้าวยกโทรศัพท์ขึ้นดูสายโทรเข้า

“พี่เกล้าโทรมาค่ะ” น้ำข้าวมองหน้าพี่ชายพร้อมบอกชื่อเจ้าของเสียงโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาทำให้ต้นกล้ารู้สึกสลดลงไปเล็กน้อย

“รับโทรศัพท์เถอะพี่กลับก่อนอากาศเย็นนอนห่มผ้าด้วยนะเรา”

“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”ต้นกล้าพยักหน้ารับพร้อมส่งรอยยิ้มบางๆ ก่อนเปิดประตูก้าวขึ้นนั่งในรถเสียงสตาร์ทรถดังขึ้นพร้อมรถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกห่างเรื่อยๆ น้ำข้าวจึงกดรับโทรศัพท์ในมือ

“สวัสดีค่ะพี่เกล้ายังไม่นอนอีกหรือค่ะ”

(อืม ข้าวล่ะ)

“พอดีน้ำข้าวออกมาส่งพี่ต้นกลับบ้าน”

(ไม่รู้ว่าข้าวมีพี่ชาย)

“น้ำข้าวไม่เคยเล่าให้ฟังนิค่ะคืองี้แม่น้ำข้าวเป็นเพื่อนสมัยเรียนกับพ่อแม่พี่ต้นก็เลยสนิทกันเหมือนญาติ พอพี่ต้นเกิดมาแม่น้ำข้าวก็เลี้ยงเหมือนลูกคนหนึ่งจนน้ำข้าวเกิดก็เลี้ยงมาด้วยกัน แล้วพี่ต้นเขาก็ไปเรียนต่อต่างประเทศสิบปีเพิ่งกลับมานี่ล่ะค่ะ”

(อืม สนิทกันดีนะ)

“ใช่ น้ำข้าวรักพี่ต้นมากด้วย”

(แล้วเกล้าล่ะ?)

“...”รัฐเกล้าถามถึงสิ่งที่อยู่ในใจขึ้นมา ทำให้คนถูกถามนิ่งไปได้แต่ร้อนวูบวาบที่ใบหน้า

(เงียบทำไม..)

“ปละ เปล่าค่ะ น้ำข้าวก็นับถือพี่เกล้าเหมือนพี่ชายคนหนึ่งไงค่ะ”

(...)

“พี่เกล้าเป็นอะไรไปค่ะ”เสียงใสตั้งคำถามกลับไปบ้างเมื่อปลายสายนิ่งเงียบไป

(คบกับเกล้าไหม?)

“...”น้ำข้าวอึ้ง พูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินประโยคนั้นเธอตั้งสติและย้ำความต้องการของเขาอีกครั้ง

“พี่เกล้าอยากคบกับน้ำข้าว พี่เกล้าพูดจริงหรือพูดเล่นค่ะ”

(พูดจริง) ความรู้สึกวูบวาบบนใบหน้าทำให้ร้อนผ่าวหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอรู้ดีว่ารัฐเกล้าคิดอย่างไรกับเธอ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอได้รับจากเขามันทำให้เกิดความรู้สึกดีเช่นกันแต่เพราะเธอยังไม่พร้อมและไม่คิดถึงเรื่องจะมีคนรักจึงทำให้เธอตอบไม่ได้ว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา

“...”

(เกล้าอยากดูแลข้าวให้มากกว่านี้ไม่อยากเป็นแค่คนรู้จัก ไม่อยากเป็นพี่ชาย)

“...”

(ยังไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้เก็บไว้คิดดูพร้อมเมื่อไหร่ค่อยตอบ..เกล้าจะรอ) คำถามที่ต้องการคำตอบแต่พร้อมให้เวลาได้คิดตัดสินใจ

“ค่ะขอเวลาน้ำข้าวคิดก่อนแล้วจะให้คำตอบพี่เกล้า”

(พรุ่งนี้ไปรับนะ)

“เอ่อ.. พอดีพี่ต้นมารับน้ำข้าวแล้วค่ะไว้เราไปเจอกันที่มหาลัยนะคะ”

(อืม งั้นกู๊ดไนท์นะ) น้ำเสียงเฉยชาไม่แสดงให้รับรู้ว่ารู้สึกเช่นไร

“พี่เกล้าก็เหมือนกันนะคะฝันดีค่ะ” หลังวางโทรศัพท์น้ำข้าวคิดถึงคำถามที่รัฐเกล้าฝากไว้และคำตอบที่เธอยังไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน เพราะเธอยังคงตอบตัวเองไม่ได้ว่าในใจตอนนี้ให้ความสำคัญกับเขาในฐานะอะไร..

เช้าวันต่อมา.. ต้นกล้าต่อสายยังเพื่อนสนิทเพื่อเจรจาติดต่อเรื่องคืนรถที่ยืมมาเมื่อครั้งไปรับน้องสาวที่มหาวิทยาลัย“น้ำเชี่ยววันนี้ว่างหรือเปล่าจะเอารถไปคืน”

(เออ ได้เลยเพื่อนว่าแต่เป็นไงบ้างว่ะไอ้ต้น เมื่อวานไปเจอน้ำข้าวโตขึ้นแล้วสวยเหมือนในรูปเปล่าว่ะ)เพื่อนสนิทถามถึงน้องสาวที่เคยได้รู้จักผ่านทางรูปถ่ายตั้งแต่เรียนอยู่ด้วยกันกับต้นกล้าที่เมืองนอก

“ถามทำไมต้นกล้าทำเสียงโหดใส่เพื่อนทันที

(เห้ย! ไม่ได้คิดอะไรนะเว้ยก็แค่อยากรู้ว่าตัวจริงตอนนี้จะสวยกว่าในรูปแค่ไหน)

“เดี๋ยวจะพาน้ำข้าวไปหาอะไรกินจะออกมาด้วยกันหรือเปล่าล่ะ”

(เออได้เลย.. วันนี้ว่างพอดีรีบเข้ามาเลยเพื่อน)เสียงผ่านสายตอบตกลงทันทีอย่างไม่ลังเล

“งั้นเดี๋ยวเจอกัน”

ณ บ้านน้ำข้าว..

~ก๊อก ก๊อก~ “เสร็จหรือยังลูกพี่ต้นมาแล้วนะ” เจ้าของบ้านเดินขึ้นยังชั้นบนเพื่อเรียกลูกสาวที่ทำภาระกิจอยู่ในห้องส่วนตัวเมื่อมีแขกที่นัดไว้มาเยือน

“ค่ะแม่ น้ำข้าวกำลังแต่งตัวอยู่”เสียงใสแว่วเบาๆ บอกให้รู้ถึงภาระกิจที่ใกล้จะเรียบร้อยเต็มทีเมื่อผู้เป็นแม่รับรู้จึงเดินกลับมายังชั้นล่างเพื่อบอกให้ผู้มาเยือนรอคอยซักพัก

“นั่งเล่นไปก่อนนะต้น น้องกำลังแต่งตัวอยู่”

“น้าครับ.. นี่เพื่อนต้นชื่อน้ำเชี่ยวเจอกันตอนไปเรียนครับ” ต้นกล้าแนะนำเพื่อนสนิทที่ความสูงเลื่อมล้ำต่างกันนิดหน่อยยืนยิ้มทะเล้นพร้อมยกมือขึ้นพนมทักทายตามมารยาทแบบไทย

“สวัสดีครับ”

“จ๊ะ ไหว้พระเถอะลูก ต้นดูแลเพื่อนด้วยนะพอดีน้าต้องเก็บของนิดหน่อยวันนี้จะไปธุระข้างนอกคงกลับดึกยังไงน้าฝากดูแลน้องด้วยนะ”

“ได้ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับน้อยๆ ก่อนก้าวเดินดูรอบบ้านซึ่งประดับประดาไว้ด้วยรูปถ่ายของน้ำข้าวตั้งแต่สมัยเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก จนเปลี่ยนแปลงเป็นสาวหน้าหวานในปัจจุบันต้นกล้ามองดูแต่ละรูปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจสัมผัสได้ถึงความสุขที่ก่อตัวมาเนิ่นนาน ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆแต่ไม่อาจเปิดเผยให้สาวหน้าหวานรับรู้ได้ เพียงเพราะเขาไม่อยากสูญเสียความรู้สึกดีๆที่ได้รับจากเธอในฐานะพี่น้อง

“ไอ้ต้นมองตาไม่กระพริบเลยนะเว้ย” น้ำเชี่ยวดันไหล่กระแทกต้นกล้าคล้ายแซวเพื่อนสนิท ส่งสายตารู้ทันพอจะดูออกว่าคนข้างๆกำลังตกอยู่ในห้วงรักน้องสาวตัวเองอย่างจัง

“พูดมากน่าน้ำเชี่ยว..”น้ำเสียงดูหงุดหงิดกระทุ้งศอกกลับยังท้องเพื่อนสนิทเบาๆเตือนให้เงียบเสียง

“พี่ต้น.. น้ำข้าวเสร็จแล้ว” สาวน้อยหน้าหวานในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย เสื้อเข้ารูปไม่รัดจนเกินไปทำให้เห็นรูปร่างอ้อนแอ้นกระโปรงสั้นระดับเข่าเผยให้เห็นขาขาวเรียวเล็ก ผมยาวที่รวบยกสูงเป็นหางม้ายาวเกือบถึงเอวดูทะมัดทะแมงใบหน้าหวานที่แต่งอ่อนๆ ทั้งแก้มและริมฝีปากเรียวบางเป็นสีชมพูระเรื่อ ทำให้น้ำเชี่ยวซึ่งเคยเห็นเธอจากในรูปเมื่อครั้งที่เรียนอยู่เมืองนอกไม่บ่อยนักถึงกับตกตะลึงในความน่ารักสดใสที่ได้เห็นตัวจริง

“นี่น้ำเชี่ยวเพื่อนพี่”ต้นกล้าแนะนำเพื่อนสนิทให้น้องสาวได้รู้จักอย่างเป็นทางการ

“สวัสดีค่ะพี่น้ำเชี่ยว”น้ำข้าวยกมือไหว้ทักทายตามแบบฉบับมารยาทหญิงไทย

“...”คนถูกแนะนำยังไม่ตอบสนองใดๆ นอกจากมองสาวน้อยหน้าใสอย่างตกตะลึงและไม่ละสายตาความน่ารักของเธอเป็นที่ดึงดูดของชายเบื้องหน้าทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง

“ไอ้น้ำเชี่ยวเป็นอะไร

“เอ่อ.. สวัสดีครับน้องน้ำข้าว” น้ำเชี่ยวพยายามดึงสติคืนกลับมา เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเรียกพร้อมเอามือตบบ่าด้วยฝ่ามือหนักน้ำข้าวยิ้มรับพร้อมหันกลับหาพี่ชาย

“แม่ล่ะพี่ต้น” สายตามองไปรอบบริเวณถามหาคนที่อยากเจอ

“น้าเก็บของอยู่ในห้อง”

“เดี๋ยวน้ำข้าวไปดูแม่แปบนึงนะ”

“เอาสิ เดี๋ยวพี่รอ” ต้นกล้ามองตามหลังสาวหน้าหวานเลี้ยวหายไปยังมุมหนึ่งของบ้านเพื่อตามหาผู้เป็นแม่

“ไอ้ต้น!! น้ำข้าวสวยกว่าในรูปเยอะเลยว่ะ ไม่แปลกใจเลยทำไมเพื่อนเราถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”น้ำเชี่ยวเหล่สายตามองเพื่อนสนิทอย่างล้อเลียน

“เลิกแซวแล้วก็เงียบๆเสียงดังเดี๋ยวคนอื่นได้ยิน มันเสียมารยาท” เสียงกระซิบกระซาบต่อว่าต่อขานเพื่อนสนิทที่ทำท่าทะเล้นยิ้มอย่างไม่ค่อยสำนึกเท่าไหร่

“เออ! ไม่แซวก็ได้เว้ยแต่ขอจีบน้ำข้าวหน่อยได้ไหมว่ะ”

“ไอ้น้ำเชี่ยว..” เสียงฟังดูขึงขังทำให้ผู้ถูกเรียกหัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจที่ยั่วโมโหเพื่อนสนิทได้สำเร็จ

“แม่กลับดึกนะลูก ยังไงน้ำข้าวอยู่กับพี่ต้นไปก่อนแม่ฝากพี่ต้นดูแลเรียบร้อยแล้ว” เสียงเจ้าของบ้านเดินคุยกับลูกสาวเกี่ยวกับเรื่องที่ฝากฝังพี่ชายไว้ให้ดูแล

“จ๊ะ แม่กลับเร็วๆ นะน้ำข้าวคิดถึง” เสียงออดอ้อนทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มตอบลูกสาวอย่างเอ็นดู

“แม่ไปก่อน อย่าลืมล๊อคบ้านให้เรียบร้อยด้วยนะลูกน้าไปก่อนนะหนุ่มๆ” คำกล่าวลาเอ่ยพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสจนผู้มาเยือนยกมือไหว้อำลายืนมองจนเจ้าของบ้านพ้นจากสายตา

“เราก็ไปกันบ้างดีไหมต้นกล้าหันถามน้องสาวและเพื่อนสนิทเมื่อเห็นญาติผู้ใหญ่เดินพ้นประตูไป

“ไปสิค่ะ น้ำข้าวชักหิวแล้ว”เสียงใสๆ เดินลูบท้องแสดงทางท่าอยากหาอะไรใส่กระเพาะเต็มที

“น้องน้ำข้าวอยากทานอะไร เดี๋ยวพี่น้ำเชี่ยวจะพาไปทานของอร่อย”เพื่อนสนิทพี่ชายเดินขนาบข้างสาวหน้าหวานด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม

“น้ำข้าวอยากกินไอศครีม”

“อ้าวไหนบอกหิวข้าวไงครับ”O_o คนถามทำหน้างง เหมือนกำลังสื่อสารกันคนละเรื่อง

“อะไรค่ะพี่น้ำเชี่ยว น้ำข้าวบอกหิวแล้วแต่ไม่ได้บอกหิวข้าวซะหน่อยนะ”

“!!” -_-“

“อิอิ ล้อเล่นค่ะ” รอยยิ้มใสๆ ทำเอาเพื่อนพี่ชายโดนไล่ต้อนจนมุม

“เป็นไงล่ะถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือไง”ต้นกล้ายิ้มขำแซวเพื่อนสนิทระหว่างเดินออกพ้นประตูรั้วหน้าบ้าน

“น้ำข้าวขอปิดบ้านก่อนนะคะ”

“พี่ปิดให้เราเดินไปรอที่รถเถอะ”พี่ชายแสดงความเป็นสุภาพบุรุษทำหน้าที่แทน ปล่อยให้น้องสาวกับเพื่อนสนิทเดินคุยกันไปอย่างสนุกสนาน

“ป่ะ.. น้องน้ำข้าวเดินไปพร้อมกับพี่เอ๊ะ! เพิ่งรู้สึกว่าชื่อเราคล้องจองกันดีนะครับ น้ำเชี่ยวกับน้ำข้าว”

“นั่นสิ พี่น้ำเชี่ยวเป็นพี่ชายที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เกิดหรือเปล่าน๊า”

“!!” O _ o” แล้วน้ำเชี่ยวก็อึ้งอีกเป็นรอบที่สองเพราะความขี้เล่นของสาวหน้าหวานที่หาเรื่องแหย่เพื่อความสนุกสนาน

น้ำข้าวเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูรถด้านหลังต้องการให้พี่ชายกับเพื่อนสนิทได้นั่งด้วยกันยังด้านหน้ารถเมื่อทุกคนก้าวขึ้นนั่งเรียบร้อยรถเริ่มทยานเคลื่อนตัวออกมุ่งหน้ายังสถานที่ ที่ได้ตกลงกันเนื่องจากน้ำข้าวไม่ต้องการไปเรียนสายเลยขอให้หาที่ทานอาหารใกล้ๆมหาวิทยาลัย คนขับเลยต้องตามใจรับคำสั่ง ระหว่างกำลังเดินทาง น้ำเชี่ยวชวนน้ำข้าวพูดคุยสนุกสนานอย่างถูกคอทำให้ภายในรถไม่เงียบเหงาต้นกล้าถึงจะไม่ได้พูดคุยอะไรแต่สิ่งที่เขามีความสุขคือรอยยิ้มน่ารักของน้องสาวหน้าหวานที่เขาเหลือบมองทางกระจกส่องหลังรถตลอดเวลา

“น้ำข้าวมีเพื่อนน่ารักๆบ้างหรือเปล่า แนะนำให้พี่น้ำเชี่ยวรู้จักบ้างสิ”

“เพื่อนน้ำข้าวน่ารักเยอะแยะเลยค่ะแต่พี่น้ำเชี่ยวก็หน้าตาดีไม่ต้องหาแล้วมั้งค่ะ”

“ทำไมถึงไม่ต้องหาล่ะครับ”

“อ้าว.. ก็คงมีสาวๆติดเป็นพรวนแล้วไงค่ะ”

“พี่หล่อขนาดนั้นเลยหรือครับน้ำข้าวชมกันซึ่งหน้าแบบนี้พี่ก็เขินแย่..” ชายหนุ่มยิ้มทะเล้นเกิดอาการเขินอายจนเพื่อนข้างๆเริ่มหมั่นไส้ในท่าที

“พูดเรื่องจริงค่ะ ไม่เชื่อเดี๋ยวพี่น้ำเชี่ยวคอยดูเพื่อนน้ำข้าวแล้วกัน”

“ทำไมต้องคอยดูเพื่อนน้ำข้าวด้วยล่ะครับ”สีหน้าส่อแววสงสัยพลิกกายหันถามคนนั่งด้านหลังรถอย่างรวดเร็ว

“ก็เพื่อนน้ำข้าวคนนี้ติดเรด้าดักคนหล่อสิค่ะ”

“เห็นพี่เป็นแมลงวันไปซะแล้ว”T_T เสียงหัวเราะเกิดขึ้นภายในรถอีกครั้งเมื่อคำพูดของน้ำเชี่ยวที่แสดงความโศกเศร้าแต่ทำให้คนฟังมีความสุขไปตามกันระหว่างเสียงขำขันพูดคุย เสียงโทรศัพท์ดังแทรกความสนุกขึ้นมาทำให้ทุกคนในรถเงียบสนิทนอกจากเจ้าของโทรศัพท์ที่ล้วงมือบอบบางควานหาเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากดรับสายเพื่อนสาวทันที

“ว่าไงต๊อกแต๊กลืมเวลาเรียนอีกหรือไง”ระหว่างที่น้ำข้าวรับสายเพื่อนสาว คนขับรถแอบมองใบหน้าหวานๆจากกระจกส่องหลังโดยที่คนถูกมองไม่รู้ตัว ยังคงคุยเจื้อยแจ้วกับโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ

(ทำเป็นรู้ทันนะยะมีรายงานอะไรต้องส่งหรือเปล่ายัยข้าว)

“ไม่มีนะแล้วเวลาเรียนก็บ่ายโมงตรงห้ามเลท ถ้ามาสายน้ำข้าวไม่รอจริงๆ ด้วย”

(ไม่สายแน่นอนย่ะ เดี๋ยวเจอกันนะ)

“จ้า บายนะ” น้ำข้าวร่ำลาเพื่อนสาวเมื่อคุยธุระเสร็จสิ้นแล้วกดวางโทรศัพท์จับเครื่องมือสื่อสารเก็บลงกระเป๋าสะพายที่พกติดตัวตามเดิม

“น้ำข้าวไม่แนะนำเพื่อนสาวให้พี่น้ำเชี่ยวรู้จักเลยนะ”น้ำเชี่ยวเริ่มสนทนาต่อทันทีที่เห็นน้ำข้าวคุยธุระจบและคิดว่าเธอคงคุยกับเพื่อนผู้หญิงแน่แท้

“ไว้ไปเจอกันที่มหาลัยดีกว่านะคะ”

“โอเค ได้เลย” น้ำเชี่ยวหันไปส่งสายตาเจ้าเล่ห์ยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนสนิทที่ขับรถอยู่ข้างๆ ทำให้ต้นกล้าส่ายหน้าไปกับอาการกะล่อนของเขา...




Create Date : 07 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:31:05 น.
Counter : 490 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments