ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่14

Chapter 14

รถยนต์คันหรูขับทยานจอดสนิทยังหน้าบ้านสาวหน้าหวานในช่วงหัวค่ำเมื่อการติวหนังสือจบลงรัฐเกล้าพาน้ำข้าวเดินเข้าส่งในบ้านของเธอ โดยมีผู้เป็นแม่ยืนต้อนรับการกลับมาของลูกสาวด้วยรอยยิ้ม

“ขอโทษนะครับพามาส่งดึกรถติดนิดหน่อย”

“จ๊ะทานอะไรกันมาเรียบร้อยแล้วสิ” อ้อมแขนบอบบางโอบกอดผู้เป็นแม่อย่างอบอุ่น

“อิ่มมากเลยจ๊ะแม่ วันนี้พี่เกล้าทำสปาเก็ตตี้ให้น้ำข้าวและก็ติวภาษาต่างประเทศด้วย”

“รบกวนพี่เขาหรือเปล่าน้ำข้าว”ใบหน้าใจดีเอี้ยวหาลูกสาวถามไถ่ แสดงความเกรงใจต่อคนช่วยเหลือ

“ไม่หรอกครับ ดึกแล้วงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ขอบใจมากนะเกล้าที่ช่วยสอนน้อง”

“ครับ” รัฐเกล้ายกมือไหว้ลาผู้เป็นแม่ของคนรักก่อนเดินออกมายังหน้าบ้านเพื่อขึ้นรถยนต์ส่วนตัวกลับโดยมีน้ำข้าวเดินออกมาส่ง

“พี่เกล้าขอบคุณนะคะสำหรับวันนี้” รัฐเกล้าหันมองใบหน้าหวานๆ พร้อมยกมือลูบผมเธอเบาๆ

“วันนี้มีความสุขมาก” รอยยิ้มบางๆ พร้อมแววตาละมุนถูกส่งให้สาวหน้าหวานก่อนเธอจะหลบสายตาคู่นั้นใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

“ขับรถดีๆ นะคะ” ร่างสูงก้าวขึ้นรถ ประตูถูกดึงปิดก่อนเสียงเครื่องยนต์ถูกสตาร์ท น้ำข้าวยืนรอส่งจนรถแล่นพ้นไปจากสายตาเธอเดินกลับเข้าบ้านเพื่อเจรจากับผู้เป็นแม่ที่ยืนคอยอีกครั้ง

“น้ำข้าววันนี้พี่ต้นมารอตั้งแต่เย็นแน่ะเห็นบอกจะพาไปไหนนี่ล่ะแม่ก็จำไม่ได้แต่พอดีพี่เกล้าโทรมาบอกว่าจะพาน้ำข้าวไปทานข้าว แม่เลยให้พี่ต้นกลับไปก่อน”

“น้ำข้าวก็โทรไปบอกพี่ต้นเหมือนกัน”

“แม่.. น้ำข้าวคบกับพี่เกล้าแล้วนะแม่จะว่าอะไรหรือเปล่า”

“แม่ไม่ว่าอะไรหรอกลูก ถ้าลูกเห็นว่าเขาดีก็คบไปข้าวโตแล้วมีสิทธิ์เลือกนะลูกนะ วันหนึ่งถ้าแม่ไม่อยู่ก็ขอให้ลูกสาวแม่เจอคนที่รักลูกแม่จริงๆแล้วก็ดูแลข้าวได้ตลอดไปก็พอ”

“ขอบคุณจ๊ะแม่ น้ำข้าวคิดว่าพี่เกล้าเป็นคนดีในใจน้ำข้าวตอนนี้รู้สึกอบอุ่นจนบอกไม่ถูก แบบนี้เขาเรียกกันว่าความรักหรือเปล่า” น้ำข้าวเดินเข้าไปกอดแม่ไว้แนบแน่นสัมผัสความรู้สึกอบอุ่นที่ใจ มือหนาๆตบหลังลูบไล้คล้ายให้กำลังใจกับการตัดสินใจครั้งนี้

เช้าวันใหม่...

“วันนี้มาแต่เช้าเลยนะค่ะคุณหมอ” น้ำข้าวทักทายพี่ชายที่นั่งรอเธออยู่ในส่วนของห้องรับแขกตั้งแต่เช้าตรู่ต้นกล้าหันสายตามองยังน้องสาวที่เดินเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มจางๆ

“มาสายไม่ได้หรอก เดี๋ยวมีหนุ่มๆพาน้องสาวของพี่หนีไปอีกสิ”

“วันนี้เราไปไหนกันดีค่ะ”มือบอบบางเอื้อมจับมือแข็งแรงกุมไว้สัมผัสความอบอุ่น

“ไปทะเลดีไหม”

“ดีค่ะ น้ำข้าวไม่ได้ไปทะเลนานแล้ว”

“ไปด้วยกันไหมครับน้า”ต้นกล้าหันไปเอ่ยถามญาติผู้ใหญ่ถามความสมัครใจร่วมเดินทางยังสถานที่จะไป

“ไปกันเถอะต้น น้าจะปลูกต้นไม้”

“แม่น้ำข้าวขยันอีกแล้วเดี๋ยวก็ปวดหลังอีก”น้ำข้าวแทรกเสียงพูดจาเมื่อรู้เหตุผลของผู้เป็นแม่ยังคงดื้อรั้นทำงานไม่ยอมออกเที่ยวเปิดหูเปิดตา

“ไม่เป็นไรหรอกน้ำข้าว แม่ได้ทำมันก็มีความสุขนะลูก”

“จ๊ะ งั้นน้ำข้าวไปก่อนนะแม่”

“เดินทางกันดีๆ ล่ะสองพี่น้อง”การร่ำลาจบลงพร้อมการเดินทางเริ่มต้นต้นกล้าพาน้ำข้าวออกเดินทางยังจังหวัดระยองเพื่อไปพักผ่อนหย่อนใจยังสถานที่สงบเงียบและเป็นส่วนตัวจุดหมายปลายทางที่สองพี่น้องร่วมเดินทางใช้เวลาไม่มากนักก็ถึงที่หมาย

บ้านพักตากอากาศริมทะเล...

เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบของหาดส่วนตัวมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเลกว้างน้ำใสสีฟ้าจนเห็นพื้นทรายขาวและหมู่ปะการังแสงแดดตอนสายๆ ส่องลงมากระทบผิวน้ำเห็นเป็นเงาวาววับระยิบระยับสวยงามโต๊ะปิกนิคขนาดพอเหมาะมีร่มปักกันแดดและเก้าอี้พับไว้นั่งหรือนอนชมวิวกำลังสบายริมทะเลสองตัววางขนาบข้างโต๊ะอาหารทะเลที่แวะซื้อจากในตลาดในตัวเมือง ตอนนี้อยู่บนเตาย่างปิ้งกำลังส่งกลิ่นหอมน่ารับประทานต้นกล้าจัดแจงเรื่องปิ้งย่างทำอาหารทะเลสดๆ ส่วนน้ำข้าวจัดแจงเตรียมจานชามแก้วน้ำไว้สำหรับใส่อาหารและเครื่องดื่มที่เตรียมกันมาระหว่างทาง

“พี่ต้นหอมกุ้งเผา...”สายตาละห้อยมองยัง กุ้ง หอย ปู ปลาที่นอนอาบความร้อนอยู่บนตะแกลงย่างใกล้พร้อมเสริฟเต็มที

“ใจเย็นๆ ใกล้จะสุกแล้ว”

“สวยจังเลยเนอะทะเลเนี้ยอากาศก็ดีน่ามานอนพักผ่อนซักเดือน”

“จะมาพักผ่อนหรือจะเกโรงเรียนฮืม” สายตาเหล่มองน้องสาวพร้อมเหยียดยิ้มรู้ทัน

“แหม๋ พี่ต้นรู้ทันอีกแล้วนะต๊อกแต๊กโทรมาแป๊บนะคะ” มือหยิบจับโทรศัพท์เมื่อทราบผู้โทรเข้าเป็นใคร

“ว่าไงต๊อกแต๊ก”

(กรี๊ดดดดดดดดดดดด ยัยข้าว)เสียงกรีดร้องของต๊อกแต๊กดังออกจากโทรศัพท์จนน้ำข้าวต้องรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างเพราะกลัวประสาทหูพังซะก่อนที่จะได้คุยกับเพื่อนสนิท

“ต๊อกแต๊กจะกรี๊ดทำไมหูน้ำข้าวจะแตกแล้วนะ”

(ก็ฉันตื่นเต้นนิย่ะว่าแต่ตอนนี้เธออยู่ไหน? ทำไมฉันได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งล่ะ)

“น้ำข้าวอยู่ทะเลพี่ต้นพามาพักผ่อน”

(กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ทำไมไม่ชวนฉันย่ะนังเพื่อนบ้า!!)เสียงตะคอกดังตามสายพาลให้คนฟังต้องยกนิ้วอุดโสตประสาทรับรู้เสียง

“โอ๊ย... อีกแล้วนะกว่าเราจะคุยกันจบหูน้ำข้าวพังแน่ๆ”

(ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยนะย่ะ งอนแล้วด้วย)

“โอ๋ๆเดี๋ยวไว้มาคราวหน้าจะชวนมาเที่ยวนะ วันนี้มาแค่แป๊บเดียวเย็นก็กลับแล้วอ่ะ”

(ถ้าคราวหน้าไปไม่ชวนฉันกับยัยพริกไปด้วยจะตัดขาดความเป็นเพื่อนกันเลย!!)เสียงใสๆ หลุดหัวเราะเพื่อนสนิทที่ทำแง่งอนคิดจะตัดขาดความสัมพันธ์

“โอเคๆว่าแต่มีเรื่องอะไรทำไมต้องกรี๊ดซะขนาดนั้น”

(แหม๋ๆเมื่อวานไปติวหนังสือมาใช่ม๊า? มีอะไรหรือเปล่าบอกมานะย่ะ) น้ำเสียงเจ้าเล่ห์พาคนฟังร้อนผ่าวที่ใบหน้าใสๆหาข้อแก้ตัวในสิ่งที่เพื่อนสนิทคิดไปไกลจนเตลิด

“บ้าเหรอ ให้มีอะไรล่ะนี่เธอคิดไปถึงไหนอีกแล้วต๊อกแต๊ก”

(ฉันตื่นเต้นนิย่ะ นี่.. รู้ไหมเมื่อคืนพี่เกล้าแวะมาที่ผับด้วย)

“จริงอะเขาไปทำอะไรไม่ใช่วันทำงานนิ อ๋อ.. น้ำข้าวรู้ล่ะเขาไปเล่นดนตรีใช่หรือเปล่า

(ทำไมเธอรู้ล่ะย่ะ!!)เสียงตวาดแว้ดแปลกใจที่น้ำข้าวรู้เรื่องก่อนตน

“ก็พี่เกล้าบอกว่าไปเล่นดนตรีและชอบไปนอนอยู่ที่นั่น เขาเป็นหุ้นส่วนของผับด้วยอ่ะ”

(นี่รู้สึกเธอจะรู้อะไรเยอะมากเลยนะย่ะแล้วก็ซุ่มไม่บอกพวกฉันเลย!ขนาดยัยพริกน้องพี่แจ๊คยังไม่เห็นรู้เรื่องที่เขาเป็นหุ้นส่วนกันเลย...)

“น้ำข้าวก็เพิ่งรู้เมื่อวานเองนะ”

(แล้วเธอรู้ไหม? เมื่อวานพี่เกล้าขึ้นเวทีร้องเพลงดีดกีตาร์สดกรี๊ดๆ เท่มาก แถมเขามีวงดนตรีแนวร็อคด้วยนะ ชื่อวง Rock Faith มีสมาชิกสี่คน แม่จ้าวหล่อลากเลือดทั้งนั้นแต่ยัยพริกบอกว่ามีแฟนหมดแล้วล่ะ ฉันก็แห้วอีกตามเคย คนหล่อไม่เคยตกถึงท้อง ยัยข้าวเธอน่าจะได้มาเห็นแฟนเธอในมุมนี้บ้างนะย่ะ)

“...”น้ำข้าวหลุดยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

(แต่ฉันว่าไม่ดีตรงที่มีสาวๆมองพี่เกล้ากันหวานหยาดเยิ้ม เห็นแล้วหมั่นไส้ที่สุด!!)

“ตัวเองก็เป็นไม่ใช่เหรอยังจะไปว่าคนอื่นเขาอีก”

(นี่ยัยข้าวฉันอุตส่าห์ออกอาการหึงแทนเธอนะย่ะยังจะมาว่าฉันอีกต่อไปนี้จะไม่ดูแลให้แล้ว!)คำพูดพาเสียงใสหัวเราะอีกครั้งในความแสนงอนของเพื่อนสาว

“น้ำข้าวขอโทษ”

(ว่าแต่พรุ่งนี้ไม่มีเรียน เดี๋ยววันนี้ดึกๆฉันไปรับมาเที่ยวผับกันดีหรือเปล่าย่ะ? เดี๋ยวฉันโทรหายัยพริกก่อนไม่รู้ป่านนี้ตื่นหรือยัง...)

“ไงก็ได้รอให้น้ำข้าวกลับถึงบ้านก่อนแล้วกันนะ”

(โอเคๆแล้วยังไงโทรคุยกันอีกทีนะย่ะ เที่ยวเผื่อพวกฉันด้วยล่ะ)

“จ้า” ~ตืด ตืด~ โทรศัพท์ถูกตัดสายพร้อมกลิ่นหอมๆของอาหารทะเลโชยมาเรียกน้ำย่อย ต้นกล้ายกจานอาหารทะเลวางบนโต๊ะ น้ำข้าวเอื้อมมือช่วยหยิบจับอีกแรง

“น่าอร่อยจังเลยจัดการแล้วน๊า”

“เอาเลย” อาหารทะเลร้อนน่ารับประทานถูกตักใส่จานและค่อยๆ จัดการใส่กระเพาะอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมส่งเสียงสนทนาเจื้อยแจ๋วระหว่างมื้ออาหาร

“พี่ต้นเป็นไงบ้างค่ะเรื่องทำงานลงตัวหรือยัง”

“ก็โอเคนะมีเวลาได้พักไม่เหนื่อยเท่าไร”

“ไว้ว่างๆน้ำข้าวไปหาที่โรงพยาบาลได้หรือเปล่า อยากเห็นคุณหมอทำงาน”

“ได้สิอยากไปเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ว่าแต่เรามีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่”

“พี่ต้นจำเรื่องที่น้ำข้าวเคยเล่าให้ฟังได้ไหมที่พี่เกล้าขอคบกับน้ำข้าวอะคะ”

“จำได้ ทำไมมีไรหรือเปล่า”ในใจแข็งแกร่งเริ่มสั่นสะเทือน หวั่นไหวลึกๆ

“น้ำข้าวตัดสินใจแล้วว่าจะลองคบกับพี่เกล้าดู”คำพูดของน้องสาวที่ฟังแล้วร่าเริงสดใสตอนนี้กลับทำลายหัวใจของต้นกล้าอย่างเจ็บปวดวันที่เขากลัวการสูญเสียสิ่งสำคัญของหัวใจก็มาเยือนในที่สุด

“ตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”

“น้ำข้าวรู้สึกใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้เขาน้ำข้าวไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะพี่ต้น”ยิ่งได้ฟังคำพูดแต่ละคำที่ทิ่มแทงใจเขาก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ข่มอารมณ์และควบคุมน้ำเสียงให้นิ่งที่สุด

“ถ้าน้ำข้าวตัดสินใจแล้วพี่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเรา”

“พี่ต้นไม่คัดค้านใช่ไหมค่ะ”

“คงถึงเวลาที่น้ำข้าวจะได้เรียนรู้ชีวิตแล้วล่ะยังไงก็คิดให้มากๆ พี่จะค่อยดูแลห่างๆ” รอยยิ้มและสายตาแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดทรมานคงจะถึงเวลาแล้วสิน่ะที่ต้องปล่อยให้เธอออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยตัวเองซะทีเขาคงไม่สามารถครอบครองหัวใจอันเป็นที่รักไว้ได้อีกแล้ว เพราะใจน้อยๆดวงนั้นพร้อมยอมให้คนอื่นครอบครอง ต้นกล้าถอนใจสงบสติอารมณ์กำมือแน่นกลืนความเจ็บจุกไว้ข้างใน

“ดีใจจังมีพี่ต้นอยู่ข้างๆ”รอยยิ้มสดใสฉีกกว้างส่งให้พี่ชาย

“มีอะไรก็มาปรึกษาพี่รู้ไหม”

“ค่ะคุณหมอ” น้ำข้าวยังคงไร้เดียงสาในสายตาของต้นกล้าตลอดมา เธอยังไม่เคยรับรู้ถึงความรู้สึกของพี่ชายคนนี้ที่มีให้มันมากเกินกว่าพี่น้องและมันยังคงเป็นความลับอยู่อย่างนี้ต่อไป

เวลาผ่านไปจนเย็นในสมองต้นกล้าไม่รับรู้อะไรนอกจากความเจ็บปวดที่หัวใจแข็งแกร่งเขานั่งมองใบหน้าใสๆ ของน้องสาวที่พร้อมโบยบินเข้าอ้อมอกของคนที่พร้อมยอมดูแล ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจต้นกล้าต้องเก็บกดมันไว้แต่ถึงจะพยายามแค่ไหนก็ยังผิดปกติจนน้ำข้าวสัมผัสได้อยู่ดี

“...”

“พี่ต้นเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูเงียบไปตั้งแต่บ่ายจนจะถึงบ้านแล้วเนี้ยเหนื่อยหรือเปล่าค่ะ”

“อืมพี่คงเหนื่อยนะไม่เป็นไรมากหรอก”

“งั้นเดี๋ยวส่งน้ำข้าวเสร็จแล้วพี่ต้นรีบกลับไปพักผ่อนนะค่ะ พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก”

“จ้า มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเวลานะ”

“โอเคค่ะคุณหมอ”ถึงใจจะเจ็บปวดแค่ไหนแต่ต้องยอมฝืนทนเก็บไว้เพื่อความสัมพันธ์พี่น้องยังต้องดำเนินต่อไปน้ำข้าวไม่รับรู้ความรู้สึกของต้นกล้าที่รักเธอจนล้นหัวใจ

เวลายามค่ำคืน...

“แม่คืนนี้น้ำข้าวคงนอนบ้านต๊อกแต๊กเลยนะกลัวดึกมากไม่อยากให้ต๊อกแต๊กขับรถไกลๆแม่นอนคนเดียวได้หรือเปล่า”

“ดีแล้วลูกขับรถดึกๆอันตรายนอนกับเพื่อนเลยนะ แม่อยู่ได้ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก”

“ต๊อกแต๊กมารับแล้วน้ำข้าวไปก่อนนะคิดถึงแม่นะมาหอมหน่อย”น้ำข้าวเดินเข้าโอบกอดและหอมสัมผัสที่แก้มมารดาอย่างอบอุ่น...

“ยัยข้าวเร็วๆ ย่ะ” ต๊อกแต๊กลดกระจกลงเรียกเพื่อนที่กำลังเดินมาที่รถอย่างรีบร้อน

“รู้แล้วน้ำข้าวรีบอยู่ใจร้อนจริงๆเลย” เสียงใสต่อว่าเมื่อขึ้นนั่งบนรถ ต๊อกแต๊กหัวเราะขำขันเพราะแหย่ให้เธอหงุดหงิดได้สำเร็จ

“แล้วพริกล่ะไปเจอที่นู้นเหรอ

“ใช่รายนั้นไปขลุกอยู่นั่นตั้งแต่บ่ายแล้วย่ะ”

“ไปทำอะไรก็ผับเปิดดึกนิ”

“สงสัยติดหนุ่มมือกลองที่มาเรียนดนตรีกับพี่เกล้า”

“พี่เกล้าสอนดนตรีด้วยเหรอสายตาประหลาดใจ ทึ่งในความสามารถหลายๆ อย่างของคนรัก

“แล้วทำไมเรื่องนี้เธอไม่รู้ย่ะยัยข้าวพี่เกล้าเขาสอนดนตรีมานานแล้วนะ”

“ผู้ชายคนนี้จะเก่งไปถึงไหนเนี้ย”

“เป็นไงล่ะย่ะฉันบอกแล้วว่าพี่เกล้าเพอร์เฟคถ้าเธอไม่เลือกคบเขาเธอก็ตาบอดแล้วล่ะยัยข้าว”

“จ้า ต๊อกแต๊กสัญญาณเรด้าจับผู้ชายหล๊อหล่อเพอร์เฟคเก่งที่สุดแล้ว”

“แน่นอน โฮะๆ” เสียงหัวเราะมั่นใจในความเฉียบคมของสายตาและความคิด

ณ ผับสถานที่นัดหมาย..

สาวหน้าหมวยตาตี่ชะเง้อคอยาวรอเพื่อนสนิทที่ก้าวยาวสาวเท้าถี่ราววิ่งปรี่ตรงมายังทางเข้าสถานความบันเทิงพ่นลมหายใจหอบเหนื่อยเมื่อหยุดยืนนิ่ง

“ทำไมมาช้ากันจังล่ะแก พริกมารอนานแล้วนะ”

“ก็เล่นมาตั้งแต่บ่ายไม่ใช่เหรอพริกจะไม่นานได้ยังไงล่ะ” เสียงเจรจาขาดห้วงเล็กน้อยเพราะมัวแต่หายใจ

“แหม๋ ยัยข้าวไม่ต้องมาแซวใส่พริกเลยนะ”

“ทำไมวันนี้คนเยอะจังล่ะย่ะยัยพริก”

“อ้าวก็วันหยุดนิแกคนก็เยอะเป็นธรรมดาตามมานี่เร็ว...” พริกไม่รอช้าจูงมือเพื่อนทั้งสองให้เดินตามไปยังบริเวณโต๊ะนั่งที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว“ตรงนี้วิวดี มองเห็นเวทีแล้วก็นั่งสบายเป็นส่วนตัว”

“อ๊ายยยยฉันชอบที่สุดมืดสลัวๆ ถูกใจมากเลยยัยพริก”

น้ำข้าวหันไปยังบาร์เหล้าเพื่อมองหาใครซักคนที่อยากเจอแต่ต้องผิดหวังเมื่อบาร์เทนเดอร์เปลี่ยนหน้าเป็นคนใหม่ไม่คุ้นเคยไปแล้ว

“มองหาใครย่ะยัยข้าว”

“เปล่านิ” สายตาใสๆ แสร้งมองไปทางอื่น

“ยังจะมาปากแข็งอีกก็เห็นอยู่นะย่ะใจเย็นๆ หน่อยเดี๋ยวก็ได้เจอเองนั่นล่ะ” ต๊อกแต๊กแสยะยิ้มเหล่มองเพื่อนอย่างรู้ทันความคิด

“ใช่วันนี้วันหยุดคนเยอะพี่เกล้ามีคิวร้องเพลงแน่นอนเพราะพี่แจ๊คจองตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะแก”น้ำข้าวพยายามแสดงความนิ่งเฉยเก็บอาการเขินอายไว้ไม่อยากให้เพื่อนที่กำลังจับตามองเธออยู่แซวกันไม่เลิก

ได้เวลาห้าทุ่มตรงไฟบนเวทีสว่างเจิดจ้าเตรียมความพร้อมจัดแสดงดนตรีกำลังจะเกิดขึ้นทุกคนในสถานที่ต่างให้ความสนใจมองยังเวทีด้วยสายตาจับจ้องและรอคอย...

“นั่นไงแกพี่เกล้ามาแล้ว”

“กรี๊ดดดดด สุดหล่อของฉันนนน”

น้ำข้าวมองยังเวทีเมื่อมีเสียงเกรียวกราวให้ความสนใจดังหึ่มขึ้นเหล่านักดนตรีของวง RockFaith รวมสมาชิกสี่คนตรงนั่งประจำตำแหน่งสร้างความฮือฮาไม่หยุดโดยหนึ่งในนั้นมีคนสำคัญของเธอ ความหวั่นไหวเข้าครอบคลุมจิตใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะคล้ายตกอยู่ในอาการตื่นเต้นอย่างหนักในสายตาเธอตอนนี้มองเห็นแต่รัฐเกล้าคนเดียว เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาเป็นอย่างมากเมื่อแสงสปอตร์ไลท์ส่องยังใบหน้าคมคายเสียงนุ่มนวลร้องเพลงเข้ากับจังหวะกีตาร์โปร่งมันเป็นอะไรที่ลงตัวชวนให้หลงไหลนี่ล่ะมั้งที่ทำให้ใครหลายคนหลงรักเขาคนนี้รวมทั้งเธอเช่นกัน

ค่ำคืนนี้แนวเพลงอยู่ในจังหวะซอฟต์ๆไม่เร็วไม่ช้าเกินไป คล้ายคนตกอยู่ในห้วงของความรักเสียงร้องละมุนพาคนฟังเคลิ้มตามท่วงทำนองราวโดนมนต์สะกด

“ยัยข้าวเพลินเลยนะย่ะตาไม่กระพริบเลย”

“แซวจริงๆเลยนะต๊อกแต๊กสนใจบนเวทีสิอย่าสนใจน้ำข้าว”

((เพลงสุดท้ายของคืนนี้ผมขอมอบให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอและเธอก็นั่งอยู่ที่นี่แล้วครับ))

‘กรี๊ดดดดดดดดดดด’ เสียงกรีดร้องของบรรดาสาวๆ ดังสนั่นขึ้นทันทีเมื่อเสียงสะท้อนจากไมโครโฟนบนเวทีสงบลง

“กรี๊ดดดดดดดยัยข้าวพี่เกล้าเขาร้องเพลงให้เธอ” ต๊อกแต๊กกับพริกหันสายตาส่งยิ้มดีใจแสดงความตื่นเต้นให้กับน้ำข้าวซึ่งเธอกำลังตกตะลึงอยู่ในภวังค์ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงของรัฐเกล้าสายตาเฉยชาที่น้ำข้าวเคยเห็นจนชินตาคู่นั้น มองตรงมายังเธอและตอนนี้ก็เห็นแต่ความอ่อนโยนและความอบอุ่น...

((จากวันที่พบกัน ตั้งแต่วันที่ได้พบเธอฉันยังจำยังตื้นตัน เธอรับฉันไว้ในใจเธอให้ความผูกพันธ์ ที่ฉันไม่เคยได้จากใคร ไม่เคยจะนึกเลยก็ไม่เคยจะคิดหวังไกลว่ามีใครที่รักจริงเมื่อเธอเป็นคนที่แสนดีและเธอก็เป็นเหมือนทุกสิ่ง อยากขอพูดความจริงจากใจ..

ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอจะรักจะดีกับเธอ ขอให้เธอได้รู้ไว้ ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักเธอตลอดไป ทั้งหัวใจฉันให้เธอ

ขอบคุณที่ค้ำจุนอยากขอบคุณเธอที่ค้ำใจให้ฉันมีวันที่สวยงาม ขอบคุณจริงๆ ที่รักกัน ขอบคุณที่เธอไม่มองข้าม อยากย้ำความรู้สึกจากใจ..

ยืนยันจากใจสิ่งใดเธอต้องการแม้จะเหนื่อยฉันไม่หวั่นทำได้เพื่อเธอ..ตอบแทนที่เธอให้ความรัก ตอบแทนที่ดีเสมอจะไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง

ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอจะรักจะดีกับเธอ ขอให้เธอได้รู้ไว้.. ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักเธอตลอดไป.. ทั้งหัวใจฉันให้..เธอ..))

เพลงคนของเธอversion ไอซ์ ศรัณยู

‘กรี๊ดดดดดดดดดดด’ เสียงกรีดร้องพร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงร้องเพลงจบลง

“โรแมนติกส์จังเลยนะแกอิจฉาจังเลยพี่เกล้าเขามองมาที่ยัยข้าวตลอดเพลงเลย”

“ยัยข้าวซึ้งไปเลยใช่ไหมย่ะคืนนี้คงหลับฝันดียันเช้า”น้ำข้าวยิ้มให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนพูดอะไรไม่ออก

พนักงานบริการคนหนึ่งของผับเดินตรงมาเข้ากระซิบข้างหูพริกชั่วครู่ก่อนเดินจากไป

“นี่แกน้องคนเมื่อกี้ฝากมาบอกว่ามีคนอยากคุยกับยัยข้าวอ่ะ”

“อ๊ายยยยยัยข้าวพี่เกล้าเรียกแน่เลยรีบเดินไปหาเขาสิย่ะ” สายตาเพื่อนสนิทตวัดหาสาวหน้าหวานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“จริงเหรอพริกนี่แกล้งน้ำข้าวกันหรือเปล่าอ่ะ”

“ไม่ต้องเขินหรอกย่ะรีบเดินไปสิเดี๋ยวสุดหล่อฉันรอนาน” น้ำข้าวลุกขึ้นด้วยอาการงุนงงเล็กน้อยเดินตรงยังหลังเวทีตามที่มีคนฝากมาบอก

“นี่ต๊อกแต๊กแกว่าพี่เกล้าเรียกยัยข้าวไปทำไมอ่ะ”

“ฉันจะไปรู้เหรอย่ะคนกำลังมีความรักเข้าใจยากรอให้ยัยข้าวกลับมาแล้วค่อยถามดีกว่า”

“นี่แก... เดี๋ยวพริกมานะ”

“จะไปไหนยัยพริก

“ไปเดินเล่นอ่ะแก นะๆเดี๋ยวพริกมา”

“ตามใจจะไปไหนก็ไปเลยย่ะฉันจะได้หาหนุ่มๆมานั่งเป็นเพื่อน” พริกวิ่งจากโต๊ะอย่างรวดเร็วปล่อยให้ต๊อกแต๊กนั่งหน้าบูดยกแก้วในมือกระดกเข้าปาก

“ใช่สิ๊มีแต่คนกำลังมีความรักนิ ฉันมันคนไม่มีใครมารัก อยากจะกรี๊ดให้กับความรันทนชีวิตจริงๆ” ต๊อกแต๊กนั่งน้อยใจตัวเอง บ่นพึมพำถูกเพื่อนๆ ทิ้ง เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไปยกขวดเหล้าเทลงแก้วกระดกเข้าปากแก้วต่อแก้วประชดชีวิตเดียวดาย...




Create Date : 25 ตุลาคม 2555
Last Update : 28 ตุลาคม 2555 19:57:48 น.
Counter : 495 Pageviews.

4 comments
  
แวะมาเยี่ยมยามค่ำคืน...สวัสดีครับ

ตามมาอ่าน เสพติดรักด้วยครับ

คืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ
โดย: **mp5** วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:21:19:53 น.
  
ขอบคุณมากนะคะ ที่ติดตาม และอรุณสวัสดิ์ ค๊า ไปทำงานก่อน บับบาย
โดย: มาโซคิส วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:5:36:55 น.
  
คามมาอ่านครับ^^...
โดย: GTW IP: 202.29.193.91 วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:7:13:35 น.
  
ดูไซเรนฮิล กันคะ ตามอ่านบล๊อกคุณ GTW ซะหลอน ปั่นป่วนไปหมด คงได้อารมณ์ดูหนังผี
โดย: ภัคจิรา`` (มาโซคิส ) วันที่: 26 ตุลาคม 2555 เวลา:18:34:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments