ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่7

Chapter 7

ห้องเรียนมหาวิทยาลัยคณะบริหาร.. ภายในมีนักศึกษานั่งอยู่โหลงเหลงเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาของการเรียนการสอนต๊อกแต๊กฟุบลงบนโต๊ะดูเหมือนอาการเมาค้างจากเมื่อคืนยังไม่ดีขึ้น

“ต๊อกแต๊กเป็นไงบ้างแกไปนอนห้องพยาบาลดีกว่าไหม ดูสภาพแล้วไม่ไหวนะแบบนี้” พริกนั่งข้างๆถามอาการเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยมือยื่นแตะสัมผัสร่างกายจับหาอาการไข้ของคนหมดเรี่ยวแรง

“ไม่เป็นไรฉันไม่อยากโดนยัยข้าวด่าว่าแต่ทำไมยัยข้าวยังไม่โผล่อีกล่ะ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในกระเป๋าสะพายสองสาวหยุดการสนทนากระทันหัน

“ฮัลโหล ยัยข้าวว่าไงจ๊ะทำไมยังไม่ขึ้นห้องเรียนอีกล่ะแก”

(ผมต้นกล้านะครับ..)

“อ้าวพี่ต้นขอโทษทีค่ะพริกนึกว่ายัยข้าว”สีหน้าซีดสนิทเมื่อรู้ว่าทักผิดคนและรอฟังคนปลายสายเจรจาถึงสาเหตุที่ต้องใช้โทรศัพท์เพื่อนสนิทโทรหาตนอย่างสงสัยใคร่รู้

(พอดีผมจะโทรมาบอกว่าน้ำข้าวไม่สบายวันนี้ไปเรียนไม่ไหวยังไงฝากลาอาจารย์ให้น้ำข้าวด้วยนะ)

“ยัยข้าวเป็นไรมากไหมค่ะพี่ต้น..”สายตาส่อแววห่วงใยยังคนไม่สบายที่ถูกเอ่ยชื่อถึง

(ก็มีอาการมึนแล้วยังลุกไม่ขึ้นตอนนี้ผมให้นอนพักไปแล้วครับ)

“ค่ะยังไงฝากดูแลยัยข้าวด้วยนะคะ เรื่องลาเดี๋ยวพริกจัดการให้ค่ะ”

(ขอบคุณมากครับ)

“ไม่เป็นไรค่ะฝากบอกยัยข้าวหายเร็วๆ นะคะ” โทรศัพท์ถูกวางสายเมื่อจบการสนทนาสายตาเหล่มองยังเพื่อนที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ“ต๊อกแต๊กวันนี้ยัยข้าวไม่มานะสงสัยเมาค้าง” พริกพูดกับเพื่อนสาวที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วยอาการร่อแร่เต็มที

“รู้งี้ฉันโดดบ้างก็ดี” ต๊อกแต๊กระบายคำพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งสุดฤทธิ์ ฟุบหน้าลงกับโต๊ะตามเดิม

“แต่พริกสะใจเรื่องเมื่อวานมากเลยแกยัยข้าวทำได้เริ่ดจริงๆ”

“เรื่องอะไรย่ะยัยพริก..” สาวผมซอยยังมึนงงสมองไม่สั่งการจึงคิดตามไม่ทันเกี่ยวกับเรื่องที่พริกพูดถึง

“ก็ที่ยัยข้าวสาดน้ำมะนาวใส่หน้านังมารไอวี่ไงล่ะเมื่อวานเด็กที่ผับเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเล่าให้พริกฟังว่านังมารไอวี่ยั่วพี่เกล้าแต่เขาไม่สนใจก็เลยไปวีนใส่เขายัยข้าวทนเสียงวีนไม่ไหวเลยสาดน้ำมะนาวใส่ซะ เงียบสนิทเหมือนคนเป็นใบเลยแก”

“นี่ยัยพริกฉันว่านะยัยข้าวของเราต้องเริ่มสนใจพี่เกล้าบ้างแล้วล่ะว่าป่ะ..”

“ไม่รู้นะเพราะพริกดูยัยข้าวไม่ออกแต่ดูท่าทางพี่เกล้ามีใจให้เพื่อนเราเต็มๆ แล้วล่ะ ก็เมื่อวานอ่ะพอพริกพูดว่าสะใจที่ยัยข้าวสาดน้ำใส่ยัยไอวี่พี่เกล้าเขายิ้มด้วยล่ะแกยิ้มอบอุ่นแบบที่พริกไม่เคยเห็นมาก่อนปกติหน้าพี่เขาจะนิ่งเฉยตลอดเวลาแกว่าป่ะล่ะ”

“อืมคงจะจริง แต่ตอนนี้ฉันเป็นห่วงยัยข้าวจังปกติยัยนี่ไม่เคยขาดเรียนเลยนะดูท่าอาการจะหนัก”

“มัวแต่ห่วงยัยข้าวดูสังขารตัวเองซะก่อนเถอะแก” เสียงซุบซิบดังขึ้นภายในห้องเรียนเบี่ยงเบนความสนใจสองสาวให้หันไปมองตามเสียงจนพบต้นตอที่เป็นสาเหตุรัฐเกล้าย่างกายตรงมาหยุดยืนเบื้องหน้าสองสาวที่นั่งมองอยู่ด้วยอาการตกตะลึง

“...”

“พี่เกล้ามาหายัยข้าวใช่ไหมค่ะ พริกชิงถามขึ้นก่อนเพราะรู้จุดประสงค์ของชายหนุ่มอย่างไม่ต้องคาดเดา

“อืม ข้าวล่ะ เสียบเรียบนิ่งถามหาสาวหน้าหวานโดยไม่ใส่ใจสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมองมา

“ยัยข้าวไม่สบาย พี่ต้นโทรมาบอกพริกเมื่อกี้นี้เอง”

“ข้าวเป็นไรน้ำเสียงดูมีอาการตื่นเต้นเล็กน้อยแต่พยายามเก็บอาการไว้ไม่แสดงออกมาในใจสับสนร้อนลุ่มรุนแรง

“ยัยข้าวเมาค้างลุกไม่ไหวก็เลยขาดเรียน” ต๊อกแต๊กพูดเสริมขึ้นมาบ้างด้วยสีหน้าอิดโรยแต่ต้องการมีส่วนร่วมในการสนทนากับหนุ่มหล่อ

“อืม ขอบใจนะ” รัฐเกล้าเดินออกจากห้องไปปล่อยให้สายตาหลายคู่มองตามร่างสูงกันเหลียวหลัง

รัฐเกล้ากำโทรศัพท์แน่นตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกดเบอร์โทรหาน้ำข้าวดีหรือไม่เกรงว่าจะโทรไปรบกวนคนป่วยที่อาจกำลังหลับพักผ่อน แต่ในใจกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงอยากได้ยินเสียง อยากรู้อาการป่วยของเธอว่าเป็นอย่างไรสาหัสแค่ไหนเธอถึงยอมขาดเรียนไปแบบนี้เขาใช้ความคิดอยู่นานจึงตัดสินใจเดินตรงยังลานจอดรถ “เกล้ารอนิ่มด้วยสิ” เสียงเรียกชื่อเพื่อรั้งคนเดินให้หยุดนิ่งกับที่

‘นุ่มนิ่ม’ หญิงสาวร่างบางตัวเล็กลูกสาวของนักธุรกิจใหญ่ เธอเป็นผู้หญิงที่หลงรักรัฐเกล้ามาตั้งแต่เด็กครอบครัวของทั้งสองสนิทสนมจนเคยคิดหมั่นหมายทั้งคู่ให้แต่งงานกันเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมเพื่อผลประโยชน์ของวงธุรกิจ แต่เพราะรัฐเกล้าไม่ชอบเดินตามกรอบที่พ่อแม่วางไว้และไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆเขาจึงไม่ค่อยกินเส้นกับผู้เป็นพ่อซักเท่าไร เวลาที่ต้องมาเจอหรืออยู่ร่วมกันรัฐเกล้าจะรู้สึกอึดอัดไม่เป็นอิสระเขาจึงตัดสินใจแยกตัวออกมาอยู่คอนโดหรูตามลำพัง และตั้งแต่โตมาก็มีแต่นุ่มนิ่มคนเดียวที่สามารถเข้าถึงตัวรัฐเกล้าได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมากนักพ่อแม่ของชายหนุ่มจึงฝากฝังให้เธอคอยดูแลเขาห่างๆและเธอก็ยินดีทำด้วยความเต็มใจเพราะความรักที่มีให้กับรัฐเกล้าถึงแม้เธอเองจะรู้ดีว่าความรู้สึกที่เขามีให้กับเธอเป็นแค่เพื่อนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

รัฐเกล้าชะลอฝีเท้าลงแต่ไม่ได้หยุดเดินซะทีเดียว“จะไปไหน” เสียงหวานๆถามชายหนุ่มที่ดูรีบร้อนกระวนกระวายใจ

“ธุระ..” เสียบตอบเรียบนิ่งแต่ยังคงก้าวเดินต่อเรื่อยๆ

“ธุระอะไร ไม่มีเรียนแล้วหรือไง”

“...” ไม่มีเสียงตอบใดๆจนหญิงสาวเริ่มร้อนรนอยากรับรู้ถึงสถานที่ที่ทำให้ชายหนุ่มเบื้องหน้ากังวลใจได้มากมายขนาดนี้

“ขอนิ่มไปด้วยคนได้ไหม”รัฐเกล้าหยุดยืนอยู่หน้าประตูรถของตัวเองส่งสายตาห้ามปรามปฎิเสธถึงสิ่งที่หญิงสาวถามคล้ายขอร้อง

“...”

“ไปด้วยไม่ได้จริงเหรอเป็นความลับหรือไง”

“นิ่มกลับไปดีกว่าอย่าเพิ่งมาป่วนเราตอนนี้” สิ้นเสียงพูดจาประตูรถถูกกระชากเปิดพร้อมก้าวเท้าพาร่างกายขึ้นรถและขับออกไปโดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่ยืนมองจนรถพ้นสายตา

“เกล้าทำไมเธอถึงใจร้ายได้ขนาดนี้เธอมีหัวใจบ้างหรือเปล่า”นุ่มนิ่มบ่นพึมพำกับตัวเองและหันหลังเดินกลับไปยังที่เดิมของเธอ

เวลาเที่ยงกว่าๆ รถยนต์คันหรูจอดสนิทที่หน้าบ้านของสาวหน้าหวานคนที่รัฐเกล้าห่วงใยสุดชีวิตหลังจากดับเครื่องยนต์เรียบร้อยเขาย่างก้าวลงจากรถตรงไปหยุดยืนยังประตูรั้วหน้าบ้านเมื่อเห็นว่าประตูเปิดแง้มไว้ไม่ได้ล๊อคเขาจึงถือวิสาสะเดินเข้าไป เวลานี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะเป็นการเสียมารยาทเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเขาสนใจอยู่แค่สิ่งเดียวคือเจอน้ำข้าว..

ภายในบ้านเงียบสนิทมองไปรอบบริเวณไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลยรัฐเกล้าก้าวเดินขึ้นชั้นบนของบ้านตรงไปยังห้องนอนของสาวหน้าหวาน ประตูถูกผลักออกเบาๆคนที่เขาต้องการพบเจอนอนสลบไสลอยู่บนเตียงกว้าง รัฐเกล้าย่างก้าวเดินช้าๆ นั่งยังเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียงมองดูน้ำข้าวด้วยความเป็นห่วงเขาค่อยๆ เอามือลูบผมเธอเบาๆ และเอื้อมจับมือบอบบางขึ้นกุมไว้นั่งมองใบหน้าหวานๆ อยู่อย่างนั้น

ต้นกล้าเดินกลับมาถึงหน้าบ้านด้วยถุงอาหารเต็มมือหยุดยืนชะงักเมื่อเห็นรถคันเมื่อคืนที่พาน้องสาวกลับมาอย่างหมดสภาพจอดอยู่ความคิดสั่งการให้รับรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มใบหน้านิ่งเรียบคงอยู่กับน้องสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาเดินเข้าบ้านเชื่องช้าและเดินย่องอย่างเบาเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังหลังจากที่จัดแจงวางสัมภาระที่ซื้อมาเรียบร้อย ต้นกล้าค่อยๆ เดินขึ้นชั้นบนเพื่อแอบดูสถานการณ์บางอย่างและภาพเบื้องหน้าที่เห็นชายหนุ่มกำลังกุมมือน้องสาวไว้ในใจต้นกล้าอยากวิ่งเข้าไปกระชากมือให้หลุดออกจากกันด้วยความหึงหวงแต่ต้องหักห้ามใจเอาไว้แล้วทำจิตใจให้สงบเยือกเย็นเดินถอยลงมายังชั้นล่างเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา

รัฐเกล้านั่งมองหน้าน้ำข้าวอยู่นานจนคนที่นอนหลับรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาเขาค่อยๆ วางมือเธอลงเบาๆ ให้เป็นอิสระ

“พี่เกล้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะวันนี้ไม่มีเรียนเหรอ” สีหน้าประหลาดใจคนตรงหน้าอย่างมากที่นั่งอยู่ใกล้ๆด้วยสายตากังวลใจ

“ถึงซักพัก.. เป็นไรมากไหม”

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะน้ำข้าวได้นอนพักหลายชั่วโมงดีขึ้นแล้วล่ะ”

“แน่ใจสาวหน้าหวานพยักหน้าแทนคำตอบ น้ำข้าวแอบดีใจอยู่ลึกๆ ที่เห็นเขาเป็นห่วงแบบนี้ทำให้เธอคิดถึงรอยจูบที่เขาฝากเอาไว้ให้อีกครั้งเธอไม่กล้ามองสบตากับสายตาเฉยชา รู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้า

“...”

“ทำไมหน้าแดง ตัวร้อนมีไข้หรือเปล่า”

“ปละ.. เปล่าค่ะ” เสียงตอบตะกุกตะกักกลัวคนถามจะรู้ทัน ที่หน้าแดงไม่ใช่เพราะพิษไข้แต่เป็นเพราะเขาที่นั่งจ้องมองเธออยู่ข้างๆ

“ไหนดูหน่อย..” รัฐเกล้าเอื้อมมือแตะสัมผัสหน้าผากสาวหน้าหวานเพื่อวัดระดับความร้อน

“น้ำข้าวไม่เป็นไรจริงๆน้ำข้าวว่าพี่เกล้ากลับไปเรียนดีกว่านะคะ น้ำข้าวไม่อยากเป็นต้นเหตุให้พี่เกล้าต้องขาดเรียน” รัฐเกล้าค่อยๆ ดึงมือกลับและปรับสีหน้าเรียบเฉยมองหน้าเธอนิ่งๆ

“อืม หายไวๆ นะ” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นร่างสูงเดินพ้นประตูไป ใจจริงเธออยากพูดคุยกับเขาให้มากกว่านี้แต่ไม่กล้าสบตาสาเหตุเพราะใบหน้าเฉยชาทำให้ใจเธอหวั่นไหวอย่างมากมาย

รัฐเกล้าเดินลงมาชั้นล่างด้วยความรู้สึกผิดหวังทั้งที่กระวนกระวายเป็นห่วงอยากเจอแทบคลั่งแต่เธอกลับผลักไสเหมือนต้องการให้เขาไปพ้นจากสายตาคงเพราะมีคนคอยเอาอกเอาใจดูแลอยู่ใกล้ๆ เธอเลยไม่ต้องการให้ใครมาห่วงใยหรือแท้จริงแล้วเขาอาจไม่เคยอยู่ในใจเธอเลยก็ได้ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดแต่ถึงจะทรมานใจแค่ไหนก็ยังเทียบไม่ได้กับความห่วงใยที่เขามีให้เธอและความคิดต้องหยุดลงเมื่อเห็นใครอีกคนยืนอยู่เบื้องหน้า...

“สวัสดีครับ” ต้นกล้าทักทายตามมารยาทเจ้าของบ้านที่รับหน้าที่แทนอย่างเต็มใจ

“เช่นกันครับ ขอโทษที่เข้ามาโดยพลการ”

“อยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนไหมครับ”

“พอดีผมมีเรียนต่อขอบคุณที่ชวนขอตัวนะครับ” ต้นกล้ามองดูสถานการณ์จนผู้มาเยือนก้าวออกจากบ้านและขับรถหรูออกไปพ้นสายตาเขาจึงเดินกลับเข้าไปยังห้องครัวเพื่อหยิบถาดอาหารกลางวันที่จัดเตรียมไว้ให้คนป่วยขึ้นชั้นบน

เช้าวันจันทร์.. น้ำข้าวมาเรียนได้ตามปกติเธอนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะประจำเพื่อรอเพื่อนสาวที่มาสายอีกตามเคยต๊อกแต๊กรีบวิ่งจูงมือพริกมาแบบจรวดเมื่อเห็นน้ำข้าวรออยู่

“กรี๊ดดดดยัยข้าวมาเรียนแล้ว” ต๊อกแต๊กส่งเสียงดังจนผู้คนบริเวณนั้นแตกตื่นน้ำข้าวยกมือขึ้นปิดหูแสดงสีหน้าต่อว่าเพื่อนสาวจนทำให้คนส่งเสียงหัวเราะชอบใจที่ทำให้เพื่อนหงุดหงิดได้สำเร็จ

“นี่รู้ไหมคณะเราจะจัดไปแคมป์กันล่ะแก”พริกเอ่ยพูดหลังจากได้รับข้อมูลเรื่องการไปเที่ยวพักผ่อนประจำปีที่ทางมหาวิทยาลัยจะจัดขึ้นในไม่ช้า

“จริงอ่ะยัยพริก!! ที่ไหน เมื่อไหร่” ต๊อกแต๊กทำตาโตประกอบเสียงตื่นเต้นให้ความสนใจกับเรื่องไปเที่ยวเป็นอย่างมาก

“ไปเขาใหญ่วันเสาร์นี้”พริกตอบทุกคำถามที่เพื่อนรอฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ

“ว๊ายยยยต้องรีบเก็บกระเป๋าโดยด่วนมีเวลาเหลือไม่กี่วันเอง”

“แกจะเวอร์ไปไหนต๊อกแต๊กฟังให้จบก่อนสิขัดใจจริงๆ” พริกทำหน้าเบื่อหน่ายจริงจังใส่เพื่อนที่กระดี๊กระด๊าพอโดนต่อว่าต๊อกแต๊กก็ทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัวนิ่งฟังคำพูดของเพื่อนต่อ “พริกจะบอกว่ามีปีสี่คณะอักษรศาสตร์ไปด้วยนะแก”

“แบบนี้สุดหล่อฉันก็..”ต๊อกแต๊กเปลี่ยนโหมดตื่นเต้นทำหน้าดีใจแทนราวกับสุดหล่อที่พูดถึงเป็นแฟนเธอหันหาน้ำข้าวเพื่อเรียกร้องความสนใจ

“นั่นล่ะประเด็นที่พริกอยากบอก” พริกทำตาแพรวพราวมองไปยังน้ำข้าวอีกสายตา

“ยัยข้าว!!” เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่สนใจฟังเรื่องเมื่อครู่เลย

“ว่า..” เสียงใสๆ ของน้ำข้าวดังขึ้นแต่สายตายังคงจับจ้องแค่หนังสือตรงหน้า

“โอ๊ย!! ฉันอยากโดดน้ำตายเธอเป็นหุ่นยนต์หรือไงย่ะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับเขาเลย” ต๊อกแต๊กวีนแตกใส่น้ำข้าวทันทีที่เธอยังคงไม่เคยใส่ใจต่อสิ่งใดในโลกนี้

“ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอยัยข้าว” พริกหันถามสมทบอีกแรง

“ตื่นเต้นเรื่องไรกันเหรอ ตาโตแววใสยังคงจ้องมองที่หนังสืออย่างใจจดจ่อ

“พอเลยยัยพริกฉันว่าเลิกพูดกับยัยข้าวเหอะพูดไปก็เท่านั้นไม่ได้สนใจอะไรเล้ยย...”ต๊อกแต๊กส่ายหน้าเอือมระอาเพื่อนอย่างหนัก

“เห้ย!! ยัยข้าวดูโน้นสิ” พริกชี้ให้เพื่อนดูสิ่งน่าสนใจที่กำลังเดินผ่านมาทางหน้าตึกด้วยความประหลาดใจ

“ว๊ายยยย สุดหล่อฉันเดินควงกับใคร!!ต๊อกแต๊กไม่ยอม!! เอาพี่เกล้าของฉันคืนมา!!”น้ำข้าวนิ่งชะงักเมื่อได้ยินชื่อรัฐเกล้า เธอหันมองตามจุดสนใจของเพื่อนทันที

หญิงสาวร่างบางเดินอยู่ข้างชายหนุ่มสายตาเย็นชาถึงจะไม่ได้ใกล้ชิดกันมากนักแต่ก็ทำให้ใจน้ำข้าวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

“นี่ยัยข้าว..นังคนนั้นมันเป็นใคร!!” ต๊อกแต๊กหันกลับมาถามน้ำข้าวเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อใครซักคน

“นั่นสิรู้จักหรือเปล่าแก” พริกหันกลับมายังเพื่อนสนิทถามถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่เห็น

“น้ำข้าวจะรู้ไหมล่ะอาจจะเป็นแฟนพี่เกล้าก็ได้นิ” เธอตอบพร้อมหันหน้ากลับไปที่หนังสือแต่มือสั่นใจสั่นจนไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง

“ไม่ได้การล่ะฉันจะไปถามให้รู้เรื่อง!!” ต๊อกแต๊กเตรียมพุ่งกระโจนเข้าหาเป้าหมายอย่างใจหวัง อยากรู้สถานะของชายหญิงที่เดินคู่กัน

“ต๊อกแต๊กอย่าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นได้ไหมแปลกตรงไหนที่เขาจะมีผู้หญิงเดินด้วย พวกเธอก็เห็นสาวๆ มาห้อมล้อมพี่เกล้าออกบ่อยยังไม่ชินกันอีกหรือไง” น้ำข้าวปรามเพื่อนไม่ให้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวด้วยสายตานิ่งเฉยแต่แฝงความรู้สึกสับสนไว้ภายในจนต๊อกแต๊กหยุดชะงักเหมือนโดนสาปเป็นหิน

“ใช่ พริกว่าอย่าไปยุ่งเลยเดี๋ยวพี่เกล้าโกรธเอานะแก” พริกพูดเสริมพร้อมเหลือบมองไปยังน้ำข้าวเพราะสังเกตุเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสาวชัดเจน

“เราขึ้นเรียนกันดีกว่า” น้ำข้าวเก็บข้าวของหอบหนังสือลุกเดินขึ้นตึกโดยไม่ใส่ใจว่าจะมีใครกำลังยืนงงเป็นไก่ตาแตกมองดูเธอด้วยความแปลกใจเมื่อสองสาวตั้งสติได้ก็รีบหยิบสัมภาระวิ่งตามสาวหน้าหวานทันที

“ยัยข้าวรอด้วยนี่แกเป็นอะไรของแก” เพื่อนทั้งสองต่างรู้สึกสงสัยอย่างรุนแรงไม่เข้าใจความคิดของน้ำข้าวเท่าไร

“ไม่ได้เป็นอะไรก็ถึงเวลาเรียนแล้วนิ” น้ำข้าวยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หันกลับมองด้านหลังที่มีเพื่อนวิ่งตามในระยะประชิดตัว

“พริกว่าแกมีอาการแปลกไปป่ะยัยข้าวนี่แกหึงพี่เกล้าหรือไง

“เออ!! ฉันก็รู้สึกแบบนั้นนะยัยข้าว”ต๊อกแต๊กออกความคิดเห็นร่วมด้วยอีกคน น้ำข้าวอึ้งนิ่งเมื่อโดนตั้งคำถามกระชากความรู้สึกอย่างจังเธอถามใจตัวเองว่าสิ่งที่ทำให้เธอหงุดหงิดสาเหตุมาจากชายร่างสูงที่มีหญิงสาวเดินอยู่ข้างกายจริงหรือเปล่า

“บ้าเหรอ.. น้ำข้าวจะไปหึงเขาทำไมน้ำข้าวไม่ได้เป็นแฟนกับเขานะ” น้ำข้าวรีบแก้ตัวกับเพื่อนแต่ยังคงสงสัยในความรู้สึกที่ใจสั่นหวั่นไหวไปกับเขาคนนั้นน้ำข้าวพยายามปัดความคิดพวกนี้ออกจากสมองเดินเข้าไปนั่งในห้องเรียนและไม่ใส่ใจเรื่องของรัฐเกล้าอีกถึงใครจะกำลังวิพากวิจารณ์อยู่ก็ตาม..




Create Date : 13 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:34:22 น.
Counter : 425 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments