ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่8

Chapter 8

หลังเลิกเรียน.. ต๊อกแต๊กและพริกตกลงกันว่าจะไปเดินช๊อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกซื้อเสื้อผ้าที่จะใส่ไปแคมป์โดยมีกำหนดการใกล้เข้ามาทุกทีน้ำข้าวปฏิเสธแต่ไม่สำเร็จสองสาวฉุดกระชากจนเธอยอมไปโดยไม่สมัครใจ ระหว่างทางเดินไปยังลานจอดรถรัฐเกล้าตรงเข้ามาดึงแขนบอบบางของน้ำข้าวเอาไว้

“อยากคุยด้วย..” ทุกคนหยุดยืนนิ่งรอดูสถานการณ์

“พี่เกล้า!! วันนี้นอกใจต๊อกแต๊กทำไมค่ะ

“นอกใจรัฐเกล้าหันสายตาเคลือบแคลงสงสัยมองยังต๊อกแต๊กที่ตั้งคำถาม ทำให้เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่สาวผมซอยพูดคำนั้นออกมา

“ใช่!! วันนี้พี่เกล้าพาสาวที่ไหนมาเดินควงให้ต๊อกแต๊กต้องชอกช้ำ” ในสมองนิ่งคิดนึกถึงใครอีกคนที่เดินตามเซ้าซี้เขาทั้งวัน “คิดนานจังนะคะ” ต๊อกแต๊กยังแขวะไม่เลิกจนทำให้สถานการณ์ดูอึดอัด

“พี่เกล้ามีอะไรค่ะ พอดีน้ำข้าวจะออกไปธุระ”น้ำข้าวพยายามเจรจาเข้าเรื่องที่ชายหนุ่มจงใจมาหาเธอ

“ขอยืมตัวข้าวก่อนนะ” เสียงเรียบนิ่งไม่สนใจสิ่งใดส่งสายตายังเพื่อนๆ ของน้ำข้าวก่อนดึงแขนบอบบางเบาๆให้เดินตามอย่างปฏิเสธไม่ได้

“อ้าว! พี่เกล้าจะพายัยข้าวไปไหนวันนี้คงเป็นวันที่โลกหมุนกลับด้านแต่ละคนดูแปลกกันไปหมดสองสาวสับสนกับความเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนตั้งตัวไม่ทัน

“เฮ้อ! พริกว่าเราคงได้ไปกันสองคนแล้วล่ะแก คู่นั้นคงต้องเคลียร์กันอีกยาวไปดีกว่า” พริกดึงมือต๊อกแต๊กให้เดินไปด้วยกันอย่างจำใจ

รัฐเกล้าพาน้ำข้าวเดินผ่านผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาแต่เขาไม่สนใจใคร ยังคงวางสีหน้านิ่งกุมมือเล็กไว้ไม่ยอมปล่อยและก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ

“พี่เกล้าจะพาน้ำข้าวไปไหน”

“...” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

“พี่เกล้าตอบหน่อยสิจะพาน้ำข้าวไปไหน”

“คุยกัน..”

“คุยเรื่องอะไรค่ะ แล้วจะต้องเดินไปไกลแค่ไหนถึงจะได้คุยกัน”

“ไม่ไกล..”

“...” น้ำข้าวเงียบสนิทเมื่อรู้ความต้องการของคนที่จูงมือและยอมเดินตามไปอย่างไม่ขัดขืน

รัฐเกล้าพาน้ำข้าวเดินขึ้นมาชั้นสองของตึกและเข้าไปหยุดยืนในห้องๆหนึ่ง ภายในมีเครื่องดนตรีวางระเกะระกะเต็มพื้นที่ ทั้งเครื่องดนตรีไทยและสากลเขาปล่อยมือที่กุมไว้ให้เป็นอิสระและจับเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนเขานั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ใกล้กันน้ำข้าวมองชายหนุ่มตรงหน้าแต่เมื่อเขาหันมาสบตา เธอกลับหลบสายตาเย็นชาคู่นั้น

“ทำไมต้องหลบตารัฐเกล้าพยายามจ้องมองใบหน้าหวานๆ ที่หันเหสายตาไปทางอื่น

“...”

“เมื่อกลางวันเดินหนีทำไม”

“เดินหนีอะไรค่ะเธอหันมองคนส่งคำถามแต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาจ้องมองไม่ละสายตา น้ำข้าวจึงแสร้งมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเขาราวเกรงกลัวสายตาเย็นชาคู่นั้น

“ก็เกล้าไปหาทำไมต้องหนีขึ้นตึก”

“ขึ้นเรียนตามปกตินิ ทำไมถึงคิดว่าน้ำข้าวหนีล่ะ”น้ำเสียงแข็งขึ้นเถียงสู้เพื่อไม่ให้เสียฟอร์ม

“อีกสองชั่วโมงเริ่มเรียนนี่คือปกติใช่ป่ะ”

“...” น้ำข้าวไม่มีคำพูดแก้ตัวใดๆ

“ทำไมต้องหนี”

“เปล่าหนี”

“โกหก.. ถ้าไม่ตั้งใจหนีก็หันมามองหน้าเกล้าเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ฟังดูมีอำนาจบังคับจิตใจให้ทำตามอย่างเกรงกลัวเธอไม่เข้าใจตัวเองทำไมต้องใจสั่นไปกับสายตาคู่นี้เมื่อมองสบกัน น้ำข้าวพยายามควบคุมจังหวะหัวใจให้เป็นปกติที่สุดเพราะตอนนี้มันเต้นแรงจนกลัวว่าความเงียบจะทำให้ได้ยินเสียงเต้นแรงที่อกข้างซ้ายรัฐเกล้าเลิกคาดคั้นเมื่อเห็นน้ำข้าวตกอยู่ในสภาวะกดดันรุนแรง

“...”

“หายดีแล้วเหรอเขาถามถึงอาการป่วยที่เพิ่งเกิดกับเธอเพื่อเปลี่ยนประเด็นการสนทนา

“ค่ะ หายดีแล้ว พี่เกล้าคุยกับน้ำข้าวจบแล้วใช่หรือเปล่าค่ะน้ำข้าวจะได้กลับบ้านมันเย็นมากแล้ว”

“ไม่ให้กลับ”

“อ้าวทำไมอ่ะก็เรื่องวันนี้คุยจบแล้วไงค่ะ”

“อืมจบแล้ว.. แต่ยังมีเรื่องคืนก่อน”มันเป็นเรื่องที่เธอไม่อยากให้พูดถึงมากที่สุด ใจสั่นไหว พาตื่นเต้น

“...”

“ขอโทษ..”

“พี่เกล้าขอโทษน้ำข้าวทำไม”

“ก็ที่..”

“เกล้า..” เสียงหวานเรียกขัดจังหวะเมื่อก้าวเดินเข้ามายังห้องดนตรีทำให้การสนทนาหยุดลง

“..!!”

“เอ่อ.. ขอโทษไม่คิดว่าคุยธุระกันอยู่งั้นนิ่มไม่กวนดีกว่า”สาวเสียงหวานทำท่าเดินหันหลังกลับเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน

“ไม่เป็นไรค่ะคุยกันจบแล้ว”น้ำข้าวพูดรั้งเธอไว้พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้และก้าวเดินออกจากห้อง

“ยังไม่จบ.. ข้าวหยุดเดินเดี๋ยวนี้คนโดนเรียกชื่อหยุดชะงักยืนอยู่กับที่เมื่อเสียงที่เรียกเธอไม่เรียบเฉยเหมือนทุกที“ขอตัวนะนิ่ม” รัฐเกล้าจูงมือพาน้ำข้าวเดินออกจากห้องปล่อยให้นุ่มนิ่มยืนตัวชารู้สึกโดนทำร้ายที่หัวใจอย่างรุนแรง กี่ครั้งแล้วที่ความเย็นชาของเขาทำให้เธอต้องเจ็บปวดและอีกกี่หนที่เธอไม่เคยได้อยู่ในสายตาเฉยชาคู่นั้นเลย

น้ำข้าวเดินตามรัฐเกล้าที่จูงมือพาลงมายังหน้าตึกเธอใช้แรงกระตุกดึงมือที่กำลังโดนกุมไว้เพื่อให้เขาหยุดเดินยืนนิ่งอยู่กับที่

“ว่าไง..” สายตาเรียบเฉยหันกลับมามองที่ใบหน้าหวานส่งสายตายากเกินคาดเดา

“ทำไมพี่เกล้าปล่อยเธอไว้แบบนั้นล่ะ”น้ำข้าวพยายามเอ่ยถึงบุคคลที่สามที่ทั้งคู่เพิ่งเดินหนีจากมา

“แล้วต้องทำไง? เกล้าพาข้าวมา เกล้าก็จะพาข้าวกลับ”

“แต่ดูเขาอยากคุยกับพี่เกล้านะ”สายตาส่อแววเห็นใจเข้าใจความรู้สึกผู้หญิงด้วยกัน

“แต่เกล้าจะคุยกับข้าว”

“ก็เราคุยกันจบแล้วนิ”

“ยังไม่จบ แต่ในเมื่อข้าวอยากกลับก็กลับ”น้ำข้าวไม่มีคำใดที่จะโต้ตอบได้แต่นิ่งเฉย

เขาดึงมือเธอเบาๆ ให้เดินตามไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลมากนักประตูด้านข้างคนขับถูกเปิดออก น้ำข้าวก้าวขึ้นนั่ง ชายหนุ่มปิดประตูก่อนเดินกลับไปขึ้นรถยังด้านคนขับแล้วสตาร์ทรถออกไปรถแล่นมาได้ซักระยะแต่บรรยากาศภายในรถยังเงียบสนิทไม่มีการพูดจาใดๆ น้ำข้าวนั่งนิ่งมองตรงไปยังถนนด้านหน้ารัฐเกล้าหันมามองหน้าเธอเป็นระยะ

“ข้าว..” รัฐเกล้าทนไม่ไหวที่เห็นคนข้างๆ เงียบไปแบบนั้น โดยที่เขาไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆในใจของหญิงสาวที่นั่งใกล้กันแม้แต่น้อย

“พี่เกล้าเรียกน้ำข้าวทำไมค่ะ”

“เป็นอะไร..”

“น้ำข้าวแค่รู้สึกไม่ดีที่พี่เกล้าไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นเพราะถ้าน้ำข้าวเป็นผู้หญิงคนนั้นก็คงจะเสียใจมากเหมือนกันน้ำข้าวขอถามเรื่องที่สงสัยได้หรือเปล่า” รัฐเกล้าพยักหน้าเบาๆพร้อมตอบคำถาม “ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับพี่เกล้าค่ะ”

“เพื่อน”

“เธอรักพี่เกล้าใช่หรือเปล่า”

“...” เงียบสนิทไม่มีเสียงใดตอบคำถามกลับยังสาวหน้าหวาน

“ไม่ตอบคือไม่ปฏิเสธใช่ไหมคะ”

“คงแค่รู้สึกดี”

“น้ำข้าวเป็นผู้หญิงนะมองตาก็ดูออกแล้วล่ะว่าเขารักพี่เกล้า”

“สนใจเรื่องนิ่มทำไม..”

“ก็น้ำข้าวไม่อยากเป็นตัวกลางทำให้ใครต้องเสียใจ”

“ถึงไม่มีข้าว เกล้าก็คงไม่คิดกับนิ่มเกินเพื่อน”

“ก็เป็นแค่เพื่อนไงค่ะ แคร์ความรู้สึกเธอหน่อยสิอย่าทำให้เธอเสียใจพี่เกล้ารู้ไหมว่าพี่เกล้าเย็นชาเกินไปจนบางครั้งก็ดูน่ากลัวเลยล่ะ น้ำข้าวว่าถ้าพี่เกล้าแสดงความรู้สึกออกมาบ้างก็คงดีเพราะน้ำข้าวเองก็อยากรู้ความรู้สึกพี่เกล้าเหมือนกัน” เธอพูดออกไปเพราะความต้องการส่วนลึกในใจ

“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าเพราะรักข้าวทุกอย่างที่ทำไปเข้าใจหรือยัง ไม่ว่าจะวันนี้หรือเรื่องคืนนั้น” น้ำข้าวใจเต้นแรงเมื่อนึกถึงเรื่องคืนวันเกิดเพื่อนสนิทสิ่งที่เขาทำลงไปมาจากใจไม่ใช่เพราะฉวยโอกาสล่วงเกินแต่ความต้องการในใจมันเรียกร้องทั้งรักทั้งหวงอยากปกป้องและครอบครองเธอคนนี้ไว้เพียงผู้เดียว

กลางดึกของคืนนั้นน้ำข้าวพยายามข่มตาให้หลับแต่ทำไม่ได้เธอยังคงคิดถึงแต่รอยสัมผัสที่รัฐเกล้าฝากไว้กับคำบอกรักที่เธอเองไม่เคยรู้จักมาก่อนถ้าเป็นในฐานะหนุ่มสาวเธอกำลังสับสนในตัวเองพยายามคิดทบทวนว่าความรู้สึกที่เธอมีให้รัฐเกล้ามันคืออะไร ทำไมเธอถึงเริ่มสนใจอยากรู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเขามากขึ้น เริ่มคิดถึงสายตาเย็นชาและใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ดูดีจนอยากอยู่ใกล้ความอบอุ่นของแผ่นอกกว้างกับฝ่ามือที่กุมกันไว้และเธอยังโหยหาริมฝีปากนุ่มที่สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจนเกือบลืมหายใจ..

ความคิดดับวูบลงเมื่อเสียงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ดังขึ้น(M..พี่เกล้า) O_o น้ำข้าวงงกับข้อความที่รัฐเกล้าส่งมาให้เธออย่างหนักด้วยความข้องใจเธอหยิบโทรศัพท์กดเบอร์ชายหนุ่มต่อสายตรงทันที

“พี่เกล้าส่งอะไรมา น้ำข้าวไม่เข้าใจส่งมาผิดหรือเปล่าค่ะ”

(เกมสะสมตัวอักษร..)

“เกมสะสมตัวอักษร สะสมยังไงคะ”>.< คิ้วขมวดทวนคำพูดของเขา

(ข้าวลองเอาตัวอักษรที่ส่งให้มาเรียงกันแล้วจะเข้าใจฝันดีนะ..) ~ตืด ตืด~ โทรศัพท์ถูกกดวางสายไปแต่ความสงสัยยังไม่จางหายด้วยความอยากรู้ถึงสิ่งที่รัฐเกล้าอยากส่งผ่านให้เธอเป็นตัวอักษรน้ำข้าวลุกจากเตียงหยิบสมุดและปากกาบนโต๊ะ เขียนตัวอักษรที่ได้จากมือถือลงในสมุดไดอารี่เก็บไว้’วันที่1 เป็นอักษรตัวแรก..




Create Date : 14 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:34:50 น.
Counter : 503 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments