ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่17

Chapter 17

ตั้งแต่รัฐเกล้าและน้ำข้าวคบกันมาความสัมพันธ์ค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เคยห่วงก็ห่วงมากขึ้น จากรักก็รักเพิ่มทวีคูณ ความผูกพันของสองใจก็เพิ่มตามลำดับคล้ายสานสายใยทักทอจนหนาขึ้นเรื่อยๆแต่ทว่าบางครั้งความรักก็อาจทำร้ายใจใครบางคนที่อยู่รอบข้างจนต้องหาทุกวิถีทางให้ได้ความรักมาครอบครองไว้เอง

“ข้าวเป็นไงบ้างไม่เจอกันซะนานเลยนะ”เสียงหวานทักทายเมื่อเดินมาหยุดยืนข้างๆโต๊ะหินอ่อนหน้าคณะเรียนที่มีน้ำข้าวนั่งทบทวนหนังสือรอคอยคนรักมารับกลับบ้าน

“อ้าวพี่นิ่มทำไมมาอยู่แถวนี้ล่ะค่ะน้ำข้าวสบายดีค่ะ พี่นิ่มล่ะสบายดีหรือเปล่า”

“ไม่ค่อยสบายใจเท่าไรพี่แวะมาหาข้าวมีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อยพอจะมีเวลาว่างให้พี่หรือเปล่า” น้ำข้าวละสายตาจากหนังสือเรียน วางมือจากทุกสิ่งครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนตอบคำถาม

“ได้ค่ะงั้นน้ำข้าวโทรบอกพี่เกล้าก่อนนะ” มือบอบบางคว้าเครื่องมือสื่อสารข้างกายพร้อมกดต่อสาย

“อย่าบอกเกล้านะว่าพี่มาหาพี่ไม่อยากให้เกล้ารู้กลัวเขาว่ามาวุ่นวายกับข้าวหน่ะ”

“น้ำข้าวไม่อยากโกหกพี่เกล้าเลยแต่ไม่เป็นไรค่ะพี่นิ่มจะได้สบายใจ รอแป๊บนะคะ”น้ำข้าวกดเบอร์โทรศัพท์ต่อสายหารัฐเกล้าด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายใจ

“พี่เกล้าเดี๋ยววันนี้น้ำข้าวแวะไปที่คอนโดเองนะน้ำข้าวมีธุระกับเพื่อน”

(ไปไหนกับใคร?)

“เอ่อ.. เพื่อนที่ห้องอ่ะจะคุยเรื่องวิชาเรียน”

(ไม่ให้ไปรับแน่นะ?)

“ค่ะเดี๋ยวน้ำข้าวไปเองไว้เจอกันนะคะอาจารย์”

(อืม ถ้าเปลี่ยนใจก็โทรมานะ)

“โอเคค่ะงั้นแค่นี้นะคะ” ~ตืด ตืด~ ความไม่สบายใจเกาะกุมในใจโทษฐานโกหกคนรัก น้ำข้าวถอนใจเบาๆก่อนหันกลับมายังหญิงสาวเบื้องหน้าที่รอคอยเจรจาเข้าเรื่องราวที่ต้องการพบเจอ

“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่นิ่มเราจะไปคุยที่ไหนกันดี”

“ตรงนี้ก็ได้ พี่คุยไม่นานไม่อยากทำให้ข้าวเสียเวลา”

“ค่ะพี่นิ่มมีไรจะคุยกับน้ำข้าวเหรอ”

“พี่อยากคุยเรื่องเกล้า”

“เรื่องพี่เกล้า..สายตาประหลาดใจลึกๆ แต่พร้อมรับฟังเรื่องราวต่อ

“น้ำข้าวคงรู้แล้วว่าเกล้าไม่ค่อยถูกกับคุณพ่อของเขาเท่าไหร่”

“ค่ะ”

“ทุกวันนี้เกล้าก็ไม่เคยได้กลับไปที่บ้านจนคุณลุงกับคุณป้าไม่สบายใจและก็เป็นห่วงเกล้ามากพี่ขอพูดตรงๆ เลยนะในฐานะว่าที่คู่หมั้น พี่อยากจะบอกข้าวว่า.. พี่ขอเกล้าคืนได้ไหม”

“...”

“พี่รู้ว่าตอนนี้เกล้าคบกับข้าวมาได้ซักพักแล้วพี่รับรู้เรื่องระหว่างเธอทั้งคู่มาตลอด แต่คุณลุงกับคุณป้ารักพี่และก็ดีกับพี่มากพวกท่านหวังให้เกล้ากลับไปอยู่ด้วยกัน พี่เลยพยายามเกลี้ยกล่อมทำให้เกล้าใจอ่อนและกลับบ้านแต่พอมีข้าวเข้ามาทำให้พี่กับเกล้าต้องห่างเหินกันจนพี่ไม่สามารถเข้าถึงตัวเกล้าได้เลย และถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเกล้าก็คงจะหลงระเริงจนไม่นึกถึงใครที่กำลังเป็นห่วงเขาอยู่พี่ขอร้องนะข้าว ปล่อยเกล้าไปเถอะ ถือว่าช่วยพี่ให้ได้ทำหน้าที่คู่หมั้นที่ดีบ้างข้าวคงไม่อยากทำให้ครอบครัวของเกล้าต้องแตกแยกกันใช่ไหม”

“...”

“พี่ขอร้อง ตัดใจจากเกล้าซะคืนเกล้าให้พี่ ถ้าหวังดีกับเขาจริงๆ ก็ต้องช่วยให้เขากลับไปคืนดีกับพ่อแม่นะ”

“น้ำข้าวไม่มีสิทธิ์คืนหรือยกพี่เกล้าให้ใครเพราะน้ำข้าวไม่ใช่เจ้าของเขาน้ำข้าวรู้ว่าพี่นิ่มเป็นห่วงพี่เกล้าและหวังดีกับเขา แต่ทุกอย่างที่พี่เกล้าทำน้ำข้าวเชื่อว่าเขาคงมีเหตุผลและคงไม่มีใครบังคับเขาได้น้ำข้าวว่าเรื่องนี้พี่นิ่มควรไปคุยกับพี่เกล้าตรงๆ ดีกว่าว่าพี่นิ่มหวังดี อยากให้เขากลับไปเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่และกลับไปเป็นคู่หมั้นที่ดีของพี่นิ่มด้วยน้ำข้าวไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายความคิดใครเพราะถ้าพี่เกล้าตัดสินใจ ต่อให้น้ำข้าวรักเขาแค่ไหนก็คงรั้งเขาไว้ไม่ได้”

“เพราะพี่รู้ไงถ้าพี่คุยกับเกล้าตรงๆเขาต้องรั้นและไม่ฟังคำพูดของพี่ เพราะเขายังมีข้าวอยู่ พี่ถึงมาขอร้องข้าวให้ข้าวเลิกยุ่งเลิกติดต่อกับเกล้าซะ เขาอาจเปลี่ยนใจก็ได้”

“ค่ะน้ำข้าวจะพยายามไม่ยุ่งกับพี่เกล้าอีก เพื่อความสบายใจของพี่นิ่ม”

“ขอบใจมากนะข้าวที่เห็นใจพี่ขอบใจจริงๆ”

ความเจ็บปวดแทรกซึมตามความรู้สึกมันทรมานเหมือนหัวใจกำลังจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ เสียงหวานๆของนุ่มนิ่มเหมือนยาพิษที่ค่อยๆทำลายความรู้สึกและจิตใจจนพังย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี คำพูดที่ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือเขามีคู่หมั้นแล้วและตอนนี้เจ้าของตัวจริงก็มาทวงคนรักของเขาคืนแล้วน้ำข้าวเตือนตัวเองว่าต้องทำใจให้เข้มแข็งไม่ปล่อยให้น้ำตาแห่งความอ่อนแอไหลออกมาทำร้ายจิตใจที่กำลังบอบช้ำอยู่ตอนนี้

น้ำข้าวกลับถึงบ้านด้วยอาการเหม่อลอยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอไม่สดใสร่าเริงเช่นทุกวัน จนผู้เป็นแม่แปลกใจในความผิดปกติของลูกสาวพยายามพูดคุยถามไถ่ถึงอารมณ์และจิตใจที่ดูแปรเปลี่ยนไป

“ข้าววันนี้เป็นอะไรหรือเปล่าลูกทำไมดูหน้าตาไม่สดใสเลย มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”

“เปล่าจ๊ะแม่น้ำข้าวเพลียนิดหน่อย เหมือนไม่ค่อยสบายน้ำข้าวขึ้นไปอาบน้ำนอนก่อนนะ” น้ำข้าวเดินขึ้นห้องคล้ายคนไร้เรี่ยวแรงหมดอาลัยตายอยาก ประตูห้องถูกปิดลงเบาๆ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างๆน้ำข้าวนอนฟุบหน้าลงกับหมอนนุ่มไม่อยากรับรู้สิ่งใดในเวลานี้ห้องที่มืดมิดมีแค่แสงไฟจากหน้าจอมือถือสว่างขึ้นเป็นจังหวะกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังเป็นระยะไม่ขาดสาย

รัฐเกล้ากระวนกระวายใจเมื่อปลายสายที่กำลังติดต่อไม่มีท่าทีว่าจะถูกรับแต่อย่างใดเขาไม่เลิกล้มความตั้งใจยังคงพยายามต่อสายโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น สายตานิ่งเรียบพลางมองดูนาฬิกาบ่งบอกเวลาสองทุ่มเศษทุกอย่างดูผิดปกติสำหรับน้ำข้าว ในเวลานี้สิ่งที่ทำให้ร้อนรนอยู่ในใจไม่ใช่ความโกรธจนโมโหหรือหงุดหงิดทำให้อารมณ์เสียแต่มันเป็นความสับสนและความห่วงใยกลัวจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอคนที่รักมากมาย

ความอดทนสิ้นสุดลงเขารอต่อไปไม่ไหวอีกแล้วรัฐเกล้าคว้ากุญแจรถรีบเดินออกจากห้อง ทิ้งอาหารค่ำที่ตั้งใจเตรียมไว้เต็มโต๊ะเพื่อรอคอยสาวหน้าหวานกลับมาร่วมรับประทานแต่ไร้วี่แวว

รถหรูจอดลงที่หน้าบ้านของน้ำข้าว เครื่องยนต์ดับสนิทเจ้าของรถก้าวเท้าเดินลงมาหยุดยืนตรงประตูรั้วเพื่อถามคำถามที่ต้องการคำตอบจากหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินมาหา

“แม่สวัสดีครับขอโทษนะครับที่มาดึกๆ”

“ไม่เป็นไรจ๊ะเกล้ามีอะไรหรือเปล่า”

“ข้าวกลับถึงบ้านหรือยังครับ”

“กลับมาตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะตอนนี้คงหลับไปแล้วเพราะตั้งแต่มาถึงก็เข้าห้องเงียบเลย ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าวันนี้แม่เห็นหน้าตาน้องดูไม่ดีเลย”

“เปล่าครับผมโทรมาก็ไม่รับสายเลยเป็นห่วง”

“ไว้รอน้องสบายใจก็คุยกันดีๆนะลูกนะ”

“ครับข้าวถึงบ้านแล้วก็สบายใจ งั้นผมกลับก่อนนะครับ”รัฐเกล้ายกมือไหว้ก่อนเดินกลับขึ้นรถ ความสับสนในใจมีมากมาย คำถามหลายคำถามเกิดขึ้น‘ข้าวเป็นอะไร.. เขาทำอะไรผิด.. มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา’รัฐเกล้าตั้งคำถามให้กับตัวเองแต่ยังคงไร้คำตอบ

มุมหนึ่งของสถานความบันเทิง.. สงบเงียบไม่ค่อยมีผู้คนผ่านไปมาซักเท่าไหร่รัฐเกล้านั่งนิ่งเอนหลังพิงพนักโซฟา นิ้วเรียวยาวครีบบุหรี่ไว้หลวมๆวางมือพาดบนโซฟาปล่อยให้ไฟแดงๆ เผาบุหรี่สั้นลงเรื่อยๆ มืออีกข้างมีแก้วเหล้าที่ถูกดื่มจนเหลือค่อนแก้วถือไว้แววตาและสีหน้าเหมือนคนหมดแรงและท้อใจสิ่งที่สับสนยังคงวนเวียนอยู่ในใจไม่เลือนหายไป เขาใช้ความคิดอย่างหนักควรทำอย่างไรต่อไปเพราะเธอคนรักไม่เปิดโอกาสให้ได้ปรับความเข้าใจในทุกๆทาง โดยที่เขาไม่มีทางได้รับรู้ว่าทำอะไรผิดหรือเคืองใจกันด้วยสาเหตุใด เสียงถอนหายใจเหนื่อยล้าคล้ายหมดหนทางเยียวยา

“พี่เกล้าหรือเปล่าค่ะ” เสียงใสทำลายความฟุ้งซ่านที่กำลังเตลิดไปไกลชายหนุ่มมองกลับไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“...”

“พี่เกล้าจริงๆ ด้วย”

“...” เขาปรับสีหน้าเรียบเฉย สายตาเย็นชาส่งไปยังหญิงสาวเหมือนเป็นคำถามว่าเธอคือใคร

“พอดีแวะมาเที่ยวเดินหาห้องน้ำไม่เจอจนหลงมาทางนี้โชคดีจังเจอพี่เกล้า”

“...”

“พี่เกล้าจำเฟริส์ไม่ได้เหรอ”

“...”

“เฟริส์เป็นเพื่อนห้องเดียวกับยัยข้าวค่ะ”

“อืม” รัฐเกล้าหายข้องใจยกแก้วเหล้าดื่มเข้าปากจนหมด วางแก้วลงบนโต๊ะพร้อมจี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ยจนไฟแดงดับสนิท“ห้องน้ำเดินกลับหันหลังแล้วเลี้ยวซ้าย” เสียงละมุนเอ่ยโดยไม่ได้หันมองยังคู่สนทนา มือยกขวดเหล้ารินน้ำสีชาลงในแก้วจนเกือบเต็ม

“ทำไมพี่เกล้ากินเหล้าเยอะจังเครียดอะไรหรือเปล่าค่ะ”

“...”

“ว่าแต่พี่เกล้ามีคู่หมั้นแล้วจริงเหรอ”

“...” รัฐเกล้าหยุดชะงักแก้วที่กำลังยกเข้าปาก หันกลับมามองสาวตรงหน้าที่กำลังนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งรอคอยคำตอบเพื่อจะสนทนาต่อ

“ก็พี่ปีสี่คนนั้นไงชื่ออะไรน๊า”

“นิ่ม...” สายตาเย็นชาเก็บอารมณ์ความรู้สึกวางสีหน้านิ่งเรียบ ยกแก้วเหล้าดื่มตามปกติ

“ใช่ๆ พี่นุ่มนิ่ม”

“ไปเอาข่าวมาจากไหน”

“ก็เฟริส์ได้ยินจากปากพี่สาวเขาเลยนะ”

“...”

“เมื่อเย็นเห็นพี่เขาเดินมาคุยกับยัยข้าวเฟริส์นั่งอยู่ตรงนั้นพอดีแต่ไม่ได้แอบฟังจริงๆ นะ”

“เขาว่าไงบ้าง”

“พี่สาวบอกกับยัยข้าวว่าเขาเป็นว่าที่คู่หมั้นพี่เกล้าอะค่ะแล้วก็บอกให้ยัยข้าวเลิกยุ่งกับพี่ แล้วยังมีเรื่องพ่อแม่พี่อีกด้วยเฟริส์ได้ยินไม่ถนัด”

รัฐเกล้าใจกระตุกหวั่นไหว นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้น้ำข้าวไม่ไปตามนัดและไม่ยอมรับโทรศัพท์ทั้งคืนสาเหตุมาจากคำพูดของนุ่มนิ่มเพื่อนสาวที่เขาไม่เคยคิดมีใจเป็นอื่นได้อีกแล้ว

“พี่เกล้าเฟริส์ถามจริงๆพี่สาวเขาเป็นคู่หมั้นพี่จริงหรือเปล่า”

“ไม่จริง”

“นั่นไงว่าล่ะเฟริส์เห็นพวกพี่มาตลอด เฟริส์ก็ไม่อยากจะเชื่อเพราะถ้าพี่เกล้ามีคู่หมั้นแล้วคงไม่มาคบกับยัยข้าวหรอกแต่สงสารยัยข้าวจังคงรู้สึกไม่ดีมากๆ แต่ก็ยังเข้มแข็งได้อีกถ้าเป็นเฟริส์คงร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆ”

“...”

“เนี้ยมีรุ่นน้องมาจีบยัยข้าวตั้งหลายคนแหน่ะ”

“...” รัฐเกล้ากำแก้วในมือไว้แน่นในใจรู้สึกหงุดหงิดอารมณ์เสียขึ้นมากะทันหัน

“แต่เชื่อไหมยัยข้าวพูดมาเต็มปากเต็มคำว่ามีแฟนแล้ว รุ่นน้องพวกนั้นหน้าจ๋อยไปเลย”

“...” ความรู้สึกร้อนวูบในใจดับลงทันที เขาระบายยิ้มออกมาจางๆ

“เฟริส์ไม่กวนพี่เกล้าแล้วดีกว่าไปเข้าห้องน้ำก่อนลืมไปซะสนิทป่านนี้เพื่อนหากันแล้วมั้ง”

“ขอบใจนะ”

“ขอบใจเฟริส์เรื่องอะไรค่ะ”

“เรื่องที่เล่าให้ฟัง”

“โอ๊ยไม่ต้องขอบใจเฟริส์หรอกค่ะเฟริส์ต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ที่บอกความจริงเรื่องที่ข้องใจอยู่เฟริส์ไปก่อนนะคะพี่เกล้า”

“อืม...” รัฐเกล้าพยักหน้าให้หญิงสาวก่อนเธอเดินจากไป

ความสับสนเปลี่ยนเป็นความหวั่นไหวที่ก่อตัวขึ้นภายในใจเป็นห่วงและคิดถึงคนที่รักมากมาย ตอนนี้เธอคงเจ็บปวดกับสิ่งที่ใครบางคนคิดจะทำลายความรักที่มีให้พังลง

เช้าวันต่อมา.. รัฐเกล้าเดินมายังหน้าคณะบริหารเขาไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเป็นห่วง กังวลใจเรื่องน้ำข้าว ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงปล่อยเหมือนสลารในอากาศแต่นี้เพราะเป็นเธอเขาถึงร้อนรนทนไม่ไหวต้องหาวิธีปรับความเข้าใจให้รู้เรื่องโดยเร็วที่สุดรัฐเกล้าตรงดิ่งคว้ามือน้อยๆ ให้ลุกเดินตามไปอย่างว่าง่าย

“อยากคุยด้วย” ร่างบางลุกเดินตามโดยที่รัฐเกล้าไม่ได้หยุดฝีเท้าแต่อย่างใดยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ

“พี่เกล้าจะพาน้ำข้าวไปไหน”

“ตามมา เราต้องคุยกัน”

“น้ำข้าวไม่มีอะไรจะคุย”

“แต่เกล้ามี” เสียงเข้มเย็นชาทำให้เธอเงียบสนิทและเดินตามไปแต่โดยดีรัฐเกล้าพาน้ำข้าวเดินมายังห้องดนตรีของคณะ เขาปล่อยมือที่ยึดกุมไว้เมื่อเข้ามาอยู่ภายในห้องตามลำพังน้ำข้าวยืนหลังชิดกำแพงใกล้ประตูทางออกที่เปิดแง้มไว้ เธอก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าและไม่มีคำพูดใดๆจะเอ่ยออกมา

“...”

“ข้าวเป็นอะไร”

“...”

“ทำไมไม่มาติวตามนัดโทรศัพท์ก็ไม่รับสาย” รัฐเกล้ายืนมองสาวหน้าหวานที่เวลานี้บนใบหน้าไม่มีรอยยิ้มสดใสให้เห็นกลับตีสีหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึก

“พอดีน้ำข้าวไม่สบายนิดหน่อยเลยรีบกลับบ้านค่ะโทรศัพท์ก็ปิดเสียงเอาไว้เลยไม่ได้ยิน”

“ข้าวมีเหตุผลที่ไม่พูดความจริงหรือเปล่า”

“...” น้ำข้าวชะงักนิ่งเงยหน้ามองตรงยังคนที่ยืนตรงหน้า สบตาชั่วครู่มองเห็นรอยความเจ็บปวดแฝงอยู่ในแววตาเย็นชาคู่นั้น

“ทำไมเราไม่คุยกันดีๆ”

“...” ความเจ็บปวดเริ่มคืบคลานเข้ามาเกาะกุมความรู้สึก ใจสั่นสะเทือนแต่พยายามสะกดมันไว้เสมือนว่าเข้มแข็งทั้งที่จริงกำลังอ่อนแออยากโผ่เข้าหาความอบอุ่นเพื่อเติมเต็มกำลังใจจากเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ข้าว...” รัฐเกล้าจับมือบอบบางกุมไว้เบาๆ

“พี่เกล้าไม่สบายหรือเปล่า” น้ำข้าวถามเมื่อสัมผัสถึงความร้อนวูบที่มือเพราะมันอุ่นจนร้อนเกินกว่าที่เคยได้สัมผัสสายตามองกลับมาที่คนรักยกมืออีกข้างที่ไร้พันธนาการขึ้นอังที่หน้าผากของเขา

“...”

“พี่เกล้าไม่สบายจริงๆด้วย”

“เกล้าไม่เป็นอะไร” รัฐเกล้าจับมือที่อังหน้าผากยึดกุมไว้อีกข้าง

“ตัวร้อนแบบนี้ยังจะบอกไม่เป็นไรอีก”

“เอาข้าวคนเดิมกลับมาได้แล้ว...”เสียงแหบพร่าราวกระซิบกระซาบขอร้อง

“…”

“ได้ไหม...”

“พี่เกล้า เราเลิกคบกันแบบนี้เถอะ...” คำพูดที่ต้องอดทนฝืนความรู้สึกพูดออกมา เธอรู้ดีว่ามันทำร้ายจิตใจของเขาและตัวเอง

“ทำไม...” ความรู้สึกชาไปทั้งร่างกายบวกกับความเจ็บปวดที่หัวใจเจ็บจุกจนพูดอะไรไม่ออก

“มีคนที่เขาเป็นห่วงรอพี่เกล้าอยู่พวกเขาต้องการพี่เกล้ามาก”

“แต่เกล้าต้องการข้าว” น้ำเสียงแผ่วเบาอ้อนวอนเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง

“...” เธอกำลังพ่ายแพ้ต่อความรู้สึกใจอ่อน เมื่อได้ยินคำพูดแผ่วเบาแต่สายตาเย็นชากลับจริงจังหนักแน่น

“เกล้าทำผิดอะไรข้าวถึงอยากเลิกคบ”

“เปล่าค่ะ พี่เกล้าดีกับน้ำข้าวทุกอย่างตั้งแต่รู้จักกันมาจนถึงตอนนี้แต่ข้าว...”

“ไม่อยากทำร้ายใครแต่ยอมทำร้ายใจตัวเองงั้นเหรอ” รัฐเกล้าพูดออกมาอย่างรู้นิสัยของเธอดี น้ำข้าวหลบสายตาที่จ้องมองมาและหันมองไปทางอื่น

“...”

“รู้ไหมข้าวทำร้ายเกล้า”

“น้ำข้าวเปล่าทำร้าย...” เธอรีบหันสายตากลับมามองสบตากับเขาทันที

“...”

“ข้าวหวังดีและอยากทำในสิ่งที่น่าจะดีสำหรับทุกคน” น้ำข้าวดึงมือออกจากการจับกุมพร้อมเอื้อมคว้าประตูให้เปิดกว้างออก แต่ประตูถูกดันไว้และปิดสนิทลงหมดหนทางหนี

รัฐเกล้ายื่นฝ่ามือแข็งแรงยันประตูข้างๆสาวหน้าหวานจนเธอขยับมายืนหลังพิงกำแพงตามเดิมและมืออีกข้างของรัฐเกล้าก็ยกขึ้นมายันกำแพงดักไว้อีกข้างเพื่อไม่ให้เธอหนีไปไหนได้อีก

“มองหน้าเกล้า...” เสียงละมุนแต่มีน้ำหนักแกมบังคับทำให้เธอต้องทำตามแต่โดยดี

“...”

“รักเกล้าหรือเปล่า

“...” ใจเต้นรัวใบหน้าร้อนวูบวาบหลุบตาลงต่ำ เธอกลัวสายตาเย็นชาที่จ้องมองมาจะอ่านความรู้สึกในใจได้

“ตอบ...”

“น้ำข้าวรักพี่เกล้าแต่...” ริมฝีปากบางถูกประกบปิดไว้ด้วยปากอบอุ่น เขาไม่ต้องการได้ยินอะไรอีกแล้วนอกจากคำว่ารักที่เป็นคำตอบสัมผัสอ่อนโยนดูดดื่มคละเคล้าไปกับกลิ่นบุหรี่จางๆ มือเรียวยาวที่ดันกำแพงไว้เปลี่ยนมาจับที่ไหล่บอบบางอย่างเบามือและอีกข้างเลื่อนไปแตะใบหน้าใสๆอย่างทะนุถนอม แต่ทุกอย่างหยุดกึกเมื่อน้ำข้าวยกมือที่สั่นหวั่นไหวผลักอกกว้างที่อยู่แนบชิดออกเบาๆเมื่อสติเธอกลับคืนมา

“...”

“พอได้แล้วค่ะ” รัฐเกล้าดึงร่างบางมาโอบกอดไว้แน่นยกมือขึ้นลูบผมเธอเบาๆ

“แค่รู้ว่ารักไม่อยากฟังอะไรอีกแล้ว” เสียงกระซิบดังข้างหู ฟังแล้วพาให้ใจหวั่นไหวต่อเนื่อง

“พี่เกล้าอย่าทำให้น้ำข้าวลำบากใจอีกเลย”เธอพยายามควบคุมความเข้มแข็งไม่ให้ใจอ่อนกับชายหนุ่มที่กำลังโอบกอดเธอไว้ด้วยความรัก

“...”

“กลับไปอยู่กับคนที่เป็นห่วงพี่เกล้าและตอนนี้เขาก็เป็นว่าที่คู่หมั้นและต่อไปคือคนที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต”

“ไม่มีใครเป็นคู่หมั้นและจะไม่มีวันได้เป็น”

“พี่เกล้าลองเปิดใจกับพี่นิ่มบ้างบางทีพี่เกล้าอาจเจอความสุขก็ได้”

“ความสุขในปัจจุบันและอนาคตอยู่นี่จะให้เกล้าไปหาจากไหนอีก”

“ปล่อยน้ำข้าวไปเถอะ...” อ้อมกอดค่อยๆ คลายออกจนร่างกายหลุดพ้นพันธนาการ

“...”

“ดูแลตัวเองนะคะพี่เกล้ายิ่งไม่สบายอยู่เดี๋ยวจะป่วยเอาง่ายๆ” เธอส่งยิ้มจางๆ และเอามือเอื้อมไปแตะสัมผัสที่แก้มของรัฐเกล้าเบาๆก่อนเปิดประตูเดินออกจากห้องไป

ประตูถูกปิดลงพร้อมหัวใจที่กำลังจะแตกสลายเพราะโดนคนที่รักทำลายอย่างอ่อนโยนแต่เจ็บปวดทารุณแสนสาหัสเขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นกอดเข่าก้มหน้าอยู่อย่างนั้นความรักที่เขาสามารถคว้าเอาไว้ได้ตอนนี้เดินจากเขาไปไม่ใยดี...




Create Date : 28 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:39:56 น.
Counter : 464 Pageviews.

2 comments
  
ชื่อตัวละครในเรื่องนี้ หลายคนค่อนข้างแปลกดีครับ
บางฉากเครียดๆแท้ๆ แต่พออ่านในอีกมุมมองเรื่องชื่อ
ทำให้นั่งอมยิ้ม และ หรือ หัวเราะขำ คนเดียวเฉยเลย
โดย: GTW (Psycho man ) วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:1:21:24 น.
  
โดย: มาโซคิส วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:5:14:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments