ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่12

Chapter 12

บรรยากาศในป่าช่วงบ่ายแก่ๆค่อนข้างอึมครึม แสงแดดส่องลงมาไม่ค่อยถึงพื้นดินมากเท่าไรเพราะถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทำให้มองเห็นพลังงานจากพระอาทิตย์เล็ดรอดร่ำไรเป็นระยะการเดินป่าในช่วงแรกที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่มตามเส้นทางคือให้แยกกันเดินคนละฝั่งของป่าแล้วมาบรรจบกันเมื่อนักศึกษาสองกลุ่มเดินมาเจอกันเสียงพูดคุยดังโวกเวกขึ้นคล้ายนกกระจอกแตกรังทั้งตื่นเต้นสนุกสนานและเกิดอาการเหนื่อยล้า..

“เป็นไง รัฐเกล้าแสดงความห่วงใยเมื่อเดินหาน้ำข้าวจนเจอสาวหน้าหวานส่งยิ้มให้ทั้งที่ผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่เธอยังแสดงอาการให้เห็นว่าไหวอยู่คล้ายพลังกายยังเต็มเปี่ยม

“...”

“ข้อเท้าล่ะคำถามถูกส่งต่อพร้อมสายตาหันเหความสนใจไปยังคนรักเบื้องหน้า

“ยังไม่มีอาการเจ็บหรือปวดเลยค่ะ”

“แน่ใจ

“พี่เกล้าเป็นห่วงแต่ยัยข้าวหรือไง? ต๊อกแต๊กเหนื่อยจะขาดใจอยู่แล้วไม่สนใจกันบ้างเลย”เสียงเล็กแหลมพูดแทรกขึ้นมาขัดจังหวะคู่รักที่กำลังห่วงใยซึ่งกัน

“ใช่ๆคนมีแฟนก็ดีแบบนี้แหล่ะเนอะต๊อกแต๊ก” สาวตาตี่พูดสมทบขึ้นมาอีกเสียงทั้งที่ยังนั่งหอบแฮกหลังพิงกันกองอยู่บนพื้นดินรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของคู่รัก

((นักศึกษาทุกคนโปรดฟังทางนี้))เสียงประกาศดังออกจากไมค์โครโฟนพกพา ((เมื่อพักกันหายเหนื่อยเราจะเริ่มเดินออกจากป่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเพราะนี่ก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆแล้ว และขากลับระหว่างทางที่เราจะเดินไปข้างหน้าต้องเจอธารน้ำตกขนาดใหญ่ เราทุกคนคงไม่อยากว่ายน้ำข้ามไปใช่ไหม?เพราะฉะนั้น เราทุกคนต้องปีนโขดหินเลาะกันไป ใครมีสัญชาตญานความเป็นสไปเดอร์แมนอย่างไอ้แมงมุมหรือยอดมนุษย์ทั้งหลายก็งัดกันออกมาใช้ซะนะเราจะค่อยๆ ปีนไปด้วยความระมัดระวัง ยังไงก็ฝากดูแลตัวเองและก็ช่วยดูแลเพื่อนข้างๆด้วย เพื่อความปลอดภัยของทุกคนนะครับ))

“กรี๊ดดดด!! ฉันยังไม่หายเหนื่อยเลยนะยะ ต้องไปไต่โขดหินอีกแล้ว โอ๊ยยย!! ทำไมมันลำบากยังงี้ แกล้งคนสวยอย่างต๊อกแต๊กได้ยังไงกัน!!”

“บ่นให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะถึงยังไงแกก็ต้องปีนอยู่ดี”

“น้ำข้าวว่าไปกันดีกว่าเขาเดินกันไปแล้วนะ”

“ยัยข้าวเธอไม่เหนื่อยบ้างเลยหรือไงย่ะใช่สิ๊!! ได้กำลังใจจากคนข้างๆ นิ เลยโยนความเหนื่อยมาลงที่ฉันหมดต๊อกแต๊กตะคอกเสียงแหลมใส่เพื่อนสนิทที่เดินยิ้มทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้นำหน้าไปก่อนจนคนบ่นอุบต้องลุกยืนเดินตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รัฐเกล้ายิ้มบางๆรอเป็นคนเดินรั้งท้าย

เมื่อมาถึงลำธารใหญ่จุดที่หนักหนาสาหัสทุกคนค่อยๆ ปีนข้ามไปอย่างระมัดระวัง ผู้ชายที่ดูแข็งแรงจะข้ามไปรอรับอยู่อีกฝั่งของลำธารแต่ละคนเริ่มทยอยข้ามกันไปเรื่อยๆ จนเกือบครบ

“เป็นไงยัยพริก มือฉันเกาะแน่นเป็นตุ๊กแกข้ามมาได้อย่างปลอดภัยเลยเห็นไหมโฮะๆๆ”

“นี่ต๊อกแต๊กเขาให้ปีนให้เกาะโขดหินนะไม่ใช่ให้มาเกาะหัวพริก!!” น้ำเสียงตวาดกระแทกอารมณ์เมื่อเดินมายืนอีกฟากหลังจากที่ฝ่าด้านหฤโหดมาเป็นที่เรียบร้อย

“อ๊ายยยฉันเอื้อมไปเกาะหัวเธอเหรอย่ะ” O_o

“ใช่สิ!! กระชากผมพริกจนหัวจะหลุดแล้วนะแกกกก”

“พริกจ๋าๆๆต๊อกแต๊กขอโทษก็ใครจะรู้ล่ะ จับโดนแล้วมันสากๆ ก็นึกว่าหินนิย่ะ”

“ไม่ได้หันมามองเลยว่าทำอะไรกับพริกไว้!!”สาวตาตี่ทำท่าจะร้องไห้เบะปาก ยืนคลำศรีษะตัวเองสำรวจเส้นผมที่น่าจะหลุดไปเป็นหย่อมๆเพราะแรงดึงกระชากของเพื่อนข้างๆ

“ยัยข้าวยังปีนมาไม่ถึงอีกช้าจริงๆ” ต๊อกแต๊กมองหาเพื่อนที่ยังข้ามลำธารไม่สำเร็จ ระหว่างน้ำข้าวขยับขาเคลื่อนกายมาเรื่อยๆเกิดก้าวพลาดเหยียบโดนกิ่งไม้ทำให้เสียหลักลื่นจากโขดหิน

“ยัยข้าว!!!” เสียงตื่นตระหนกร้องเรียกชื่อเพื่อนสนิทพร้อมกัน วิ่งพุ่งเป็นจรวดเข้าหาเพื่อคว้าร่างบางไว้ก่อนจะตกลงมายังพื้นดินน้ำข้าวหลับตาปี๋พร้อมมือเรียวยาวคว้าเอวเธอไว้ได้พอดี

“อ๊ายยยยยัยข้าวทำฉันหัวใจจะวายตายแล้วนะยะ!!” น้ำข้าวลืมตาเบิกกว้างพบว่าตัวเองยืนอยู่บนพื้นเป็นที่เรียบร้อยอย่างหวุดหวิด

“น้ำข้าวนึกว่าตกน้ำไปแล้วซะอีก”เสียงถอนใจดังอย่างโล่งอก

“ถ้าพี่เกล้าคว้าไม่ทันเธอตกลงไปแน่ยัยข้าว!!” ต๊อกแต๊กโวยวายด้วยอาการยังไม่หายตกใจ

“เจ็บข้อเท้าเหรอ เสียงละมุนส่งคำถามมองสาวหน้าหวาน ไม่มีเสียงตอบกลับได้แต่พยักหน้าให้

“...”

“แล้วทำไมไม่บอกน้ำข้าวได้แต่ส่งสายตาละห้อย ไร้คำพูดจา

“เจ็บตั้งแต่ตอนไหนเนี้ยยัยข้าวทำไมไม่บอกพวกฉันเดี๋ยวก็พิการเดินไม่ได้หรอกย่ะ”เสียงหงุดหงิดตวาดใส่ไม่รู้รอบที่เท่าไร มองหน้าเพื่อนที่ยืนทำหน้าสลดข้างๆ

“ต๊อกแต๊กอ่ะ อย่าโวยวายสิน้ำข้าวเพิ่งเจ็บก็ตอนที่ปีนนั่นแหล่ะมันเกร็งข้อเท้านิ”

“แล้วเดินไหวหรือเปล่าแก” พริกถามถึงอาการ

“มานี่” รัฐเกล้าย่อตัวลงกับพื้นจับมือน้ำข้าวพาดไว้ที่ไหล่จนเธอเอนร่างกายค่อมลงบนแผ่นหลังกว้างเขาดึงมือบอบบางให้กอดไว้ที่คอก่อนลุกยืนเต็มความสูงโดยมีสาวหน้าหวานโอบเกาะอยู่บนหลังเหมือนลิงแม่ลูกอ่อนน้ำข้าวเอาหน้าหวานซุกบนบ่าเพื่อหลบสายตาเพื่อนที่มองมาอย่างกรุ่มกริ่ม

“นี่ยัยข้าวแกล้งสำออยหรือเปล่าย่ะอยากให้แฟนอุ้มล่ะสิ ฉันรู้ทันนะยะ”

“ถ้าพริกเป็นยัยข้าว พริกก็สำออยนะแกมีคนอุ้มแบบนี้สบายจะตาย”

“แซวกันเข้าไปน้ำข้าวเขินนะ” เสียงหัวเราะของสาวๆ พารัฐกล้าหลุดยิ้มบางๆหันกระซิบคนข้างหลัง

“แกล้งเจ็บจริงป่ะ”

“พี่เกล้า! ก็เป็นไปกับเขาอีกคนนะจำไว้เลย!!” คนถามหัวเราะหยอกล้อมีความสุขน้ำข้าวเอามือบอบบางตีลงบ่นบาเบาๆ อมยิ้มก่อนซุกหน้าลงบนไหล่กว้างกระชับแขนกอดคอรัฐเกล้าแนบแน่นเธอสัมผัสได้ถึงไออุ่นและกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยทำให้รู้สึกอบอุ่นจนใจหวั่นไหว

ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวบ่งบอกถึงเวลาใกล้พลบค่ำเต็มทีทุกคนเดินกลับออกมาจากกิจกรรมเดินป่ารวมตัวยังจุดนัดหมายเพื่อเช็คความเรียบร้อยก่อนแยกย้ายไปพักผ่อน

“นี่ทุกคนนุ่มนิ่มหายไป!!” เสียงตะโกนของนักศึกษาคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ทุกคนบริเวณนั้นพากันแตกตื่น

“เจอนิ่มครั้งสุดท้ายตอนไหน” คณะจัดกิจกรรมถามถึงเหตุการณ์เพื่อหาหนทางแก้ไข

“ตอนมารวมกลุ่มก็ยังเดินมาด้วยกันแต่เห็นนิ่มเขาเงียบไปจนหมดเวลาพักเดินกลับออกมาก็ไม่เจอแล้วค่ะ”

“โอเค เดี๋ยวจะแจ้งไปทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้ช่วยกันตามหาอีกแรง”

“พี่เกล้าปล่อยน้ำข้าวลงได้แล้วไปช่วยกันตามหาพี่นิ่มก่อนเร็วเข้า”รัฐเกล้าวางร่างบอบบางลงตามเสียงสั่ง จนสองสาวช่วยพยุงน้ำข้าวไว้แทน

“รอนี่นะเดี๋ยวมา” รัฐเกล้าเดินกลับไปยังคณะทำงานตามหน้าที่เมื่อทราบว่ามีนักศึกษาหายตัวไป

“ค่ะ พี่เกล้ารีบไปเถอะใกล้มืดแล้วอันตราย”สายตาห่วงใยมองตามหลังร่างสูงที่เดินไปรวมกับนักศึกษาคนอื่นก่อนพากันเดินกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง

“แกว่าพี่นิ่มเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่าเสียงตั้งคำถามพยุงเพื่อนสนิทเดินกลับยังห้องพัก

“โดนเสือกินไปแล้วมั้ง” ต๊อกแต๊กแขวะใส่พริกทันทีที่เห็นอาการเป็นกังวล

“ต๊อกแต๊กอย่าอคติกับพี่นิ่มสิสงสารเขา”

“นี่ยัยข้าวเลิกทำตัวเป็นแม่พระได้ไหมพวกสร้างภาพก็ชอบทำตัวแบบนี้แหล่ะย่ะ”

“ต๊อกแต๊กคิดดูสิคนเราจะเรียกร้องความสนใจถึงขนาดต้องลงทุนไปเดินหลงป่าจนมืดค่ำเลยหรือไงมันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ น้ำข้าวไม่อยากให้มองพี่เขาในแง่ร้ายนะ”

“ยัยข้าวไม่เชื่อเดี๋ยวเธอคอยดูเอาเองล่ะกันว่าที่ฉันพูดมันจริงหรือเปล่า” อารมณ์ครุ่นเคืองเดินสะบัดหน้าหนีขึ้นที่พักอย่างไม่สบอารมณ์

“ต๊อกแต๊กแกจะไปไหนนนน”เสียงตะโกนเรียกเพื่อนที่เดินจ้ำพรวดไปอย่างรวดเร็ว

“...”

“ยัยข้าว แกจะรอพวกเขาตรงนี้หรือไง”

“อื้อพริกไปอาบน้ำก่อนก็ได้นะ น้ำข้าวรอได้พี่เกล้าก่อน”

ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำภาระกิจส่วนตัวหลงเหลือแค่บางคนที่ยังคงรอคอยอย่างกระวนกระวายใจ ห่วงใยถึงการติดตามหาคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เป็นห่วงนุ่มนิ่มจังเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วยสิ”

“ใจเย็นๆ ค่ะพี่เดี๋ยวเจ้าหน้าที่กับพวกพี่ๆ ก็ต้องตามเจอ” น้ำข้าวจับมือรุ่นพี่ที่เป็นเพื่อนของนุ่มนิ่มไว้แน่นเมื่อเธอเดินพาร่างกายมาอยู่ในบริเวณใกล้ๆทางเข้าป่า

“รู้งี้พี่ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวก็ดีทำไงดีถ้านิ่มเป็นอะไรไป” เสียงกังวลใจเริ่มระบายคำพูดออกมาคล้ายอึดอัด

“พี่นิ่มไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ อย่าคิดมากสิค่ะ”

“ช่วงนี้นิ่มเขาไม่ปกติเขาผิดหวังคงกำลังเสียใจมากเลยอยากอยู่คนเดียว”

“พี่นิ่มเขาผิดหวังเรื่องอะไรค่ะ”สายตาอยากรู้เรื่องราวสื่อออกมาทางดวงตากลมโต

“นิ่มเขารักเกล้ามาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะไม่เคยเปิดใจคบกับใคร คอยอยู่ใกล้ๆ เกล้าตลอด แต่ก็อย่างว่านะความรักมันบังคับใจกันได้ที่ไหนเกล้าไม่เคยเห็นนิ่มเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อน นิ่มก็เลยต้องรักเกล้าข้างเดียวแบบนี้”

น้ำข้าวได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเริ่มเกิดความรู้สึกสับสนในใจ นี่เธอกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้หญิงอีกคนที่ต้องเสียใจเพราะโดนพรากคนที่รักไปหรือเปล่าน้ำข้าวกำลังถามใจตัวเอง..

เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง เงารางๆของกลุ่มคนเริ่มเดินทยอยออกจากความมืดสลัว เจ้าหน้าที่ป่าไม้รักษาความปลอดภัยเดินนำหน้าตามหลังมาด้วยกลุ่มนักศึกษาชายอีกห้าถึงหกคนพร้อมรัฐเกล้าซึ่งอุ้มนุ่มนิ่มไว้ในวงแขนแข็งแรงนุ่มนิ่มยังคงซบหน้าลงที่อกกว้างร้องไห้ไม่หยุด

“นุ่มนิ่มเป็นยังไงบ้าง เพื่อนสาววิ่งหานุ่มนิ่มทันทีที่รัฐเกล้าวางเธอลงยืนบนพื้นดิน แต่เธอยังคงกอดคอเขาไว้แน่น

“พี่เกล้าเป็นไงบ้างค่ะน้ำข้าวเดินกระเผลกหารัฐเกล้าแบบไม่ค่อยสะดวกมากนัก นุ่มนิ่มคลายมือออกจากคอของรัฐเกล้าทันทีที่ได้ยินเสียงน้ำข้าว

“ปลอดภัยแล้ว” เสียงละมุนตอบคำถามคนรักพร้อมยื่นมือรับร่างบอบบางของคนขาเจ็บยึดไว้มั่น

“นิ่มเดี๋ยวเราพาไปพักผ่อน” เพื่อนสาวช่วยประคองนุ่มนิ่มเดินเข้าที่พักอย่างห่วงใยในความรู้สึก

“ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนนะครับที่ช่วยออกตามหาจนพบ” คณะจัดกิจกรรมเอ่ยขึ้นก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนหลังจากจบเรื่องที่เกิดขึ้น

“พี่เกล้าไปเจอพี่นิ่มที่ไหนค่ะ เสียงใสๆ ถามไถ่เมื่อถูกประคองพาเดินช้าๆ เพื่อส่งยังห้องพัก

“นิ่มหลงทางคงหาทางออกไม่เจอเลยเดินย้อนกลับไปนั่งที่จุดนัดพบระหว่างทางตามเดิม”

“เป็นห่วงพี่นิ่มหรือเปล่าค่ะ”เสียงใสส่งคำถามทำให้รัฐเกล้าหันมองใบหน้าหวานพร้อมพยักหน้ารับเบาๆ จนพอเดาออกว่ามีความกังวลใจอยู่ในสายตาเฉยชา

“...”

“อย่าทำหน้าแบบนี้สิ ไม่หล่อแล้วนะ” น้ำข้าวพยายามแหย่ทำให้คนข้างๆ ระบายยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกถึงสถานการณ์ที่เงียบเกินไป

“คิดมากไหม

“ไม่คิดค่ะ น้ำข้าวว่าดีแล้วล่ะเพราะพี่นิ่มเขาคงดีใจที่เห็นพี่เกล้าไปตามหา พี่นิ่มร้องไห้อยู่ใช่ไหม”

“รู้ได้ไง”

“ก็ถ้าเป็นน้ำข้าวหลงอยู่ในป่าคนเดียวพอเจอคนรู้จักหรือคนที่รักน้ำข้าวก็คงร้องไห้เหมือนกัน”

“ร้องจริงอ่ะ เห็นทำเป็นเข้มแข็งตลอด”เสียงเรียบนิ่งส่งบทสนทนาโต้ตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ มุมปาก

“แหม๋..คนเราเวลาท้อใจจนอ่อนแอก็มีนิค่ะ ส่งน้ำข้าวตรงนี้ก็ได้ค่ะพี่เกล้าไปอาบน้ำเถอะ”รัฐเกล้ายืนรอส่งจนน้ำข้าวเดินพยุงตัวเข้าห้องพักจนพ้นสายตา

เช้าวันใหม่.. ทุกคนขนของสัมภาระขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพแต่ละคนดูเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียต่างกับวันแรกที่เดินทางมาอย่างลิบลับ พอได้ที่นั่งกันเป็นที่เรียบร้อยต่างพากันเงียบสงบเริ่มสลบสไหลเข้าสู่นิทรา

“ยัยพริกฉันเหนื่อยจังเลยนวดขาให้หน่อยสิย่ะ”

“ไม่ไหวนะแกตอนนี้ช่วยตัวเองไปก่อนล่ะกันเพราะพริกก็จะตายแล้วเหมือนกัน”

น้ำข้าวหันมองคนส่งเสียงทะเลาะกันจนต้องหลุดขำในท่าทางของเพื่อนทั้งสองที่กำลังทำตาปรือเอียงศรีษะเข้าหากันเตรียมล่องลอยสู่ความฝันอันแสนหวานเสียงโทรศัพท์ดังขัดภาพเบื้องหน้าให้หันมาสนใจเครื่องมือสื่อสารแทน

(น้ำข้าวเป็นไงกลับจากแคมป์หรือยัง)

“กำลังนั่งรถกลับค่ะพี่ต้นได้พักแล้วเหรอค่ะ”

(ใช่พี่ได้หยุดสองวันเรากลับมาพอดีเดี๋ยวไว้พี่แวะไปหานะ)

“ได้ค่ะน้ำข้าวก็มีเรื่องอยากจะบอกพี่ต้นด้วยล่ะไว้กลับไปแล้วค่อยคุยกันนะคะ”

(จ้าเดินทางดีๆ นะ)

“ค่ะคุณหมอต้น”

ขณะรถบัสกำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯภายในรถเงียบสนิทอันเนื่องจากทุกคนพากันหลับไหลเพราะความเหน็ดเหนื่อยหมดแรงน้ำข้าวปิดเปลือกตาเพื่อพักผ่อนแต่ในใจกลับคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างมาอยู่แคมป์และความคิดต้องหยุดลงเมื่อมีใครซักคนอิงซบลงบนไหล่ เธอลืมตาหันมองร่างสูงที่เอียงศรีษะเอนลงข้างๆหลับตาพักเหนื่อย

“พี่เกล้าหลับจริงหรือเปล่าเนี้ย”ไม่มีเสียงตอบจากใบหน้านิ่งเรียบมีเพียงมือแข็งแรงที่เอื้อมดึงมือน้อยๆไปจับกุมเอาไว้

“...”

“พี่เกล้า”

“ขออยู่แบบนี้ซักพัก” น้ำข้าวอมยิ้มบางๆ ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอหวั่นไหว ความรู้สึกในเวลานี้ค่อยๆมีรัฐเกล้าแทรกซึมเข้ามาอยู่ในหัวใจทีละน้อย เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ทำให้เข้าใจแล้วว่าทำไมรัฐเกล้าถึงมีแรงดึงดูดให้ใครต่อใครหลงรัก เพราะในความเย็นชาของเขาบางครั้งก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนที่สัมผัสและรับรู้ได้




Create Date : 18 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:37:37 น.
Counter : 546 Pageviews.

6 comments
  
โห
มีงานให้อ่านในนี้ด้วยนี่นา....
โดย: GTW IP: 180.183.236.64 วันที่: 19 ตุลาคม 2555 เวลา:7:55:41 น.
  
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โดย: ประกายพรึก วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:7:43:05 น.
  

ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
เหตุการณ์ดีๆสุขภาพที่แข็งแรง
รวมทั้งความรัก
ที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ


โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:10:50:18 น.
  
โดย: deco_mom วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:14:02:18 น.
  
สุขสันต์วันเกิดค่ะ
ขอให้มีความสุขมากๆ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา
มีความก้าวหน้าทั้งในชีวิตและหน้าที่การงาน
สุขภาพแข็งแรงตลอดปี และตลอดไปค่ะ


โดย: pantawan วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:21:56:32 น.
  
ขอบคุณคำอวยพรจากทุกท่านค่ะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:10:10:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments