พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
2
3
5
8
9
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่22

Chapter 22

หน้าตึกเรียนคณะบริหาร...

“กรี๊ดดดดดดดดดดยัยข้าว” สองสาวกรีดร้องประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมาย เมื่อสายตาสอดส่องเลี้ยวเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายของเพื่อนสนิทที่นั่งอ่านหนังสือทบทวนตำราเรียนอย่างเช่นทุกวัน

“บอกมาเดี๋ยวนี้นะแกใครสวมแหวนหมั้นให้”

“ใช่ๆ ยัยข้าวเร็วๆฉันลุ้นใจจะขาดแล้วนะยะ”

“ใจเย็นๆ สิ ไม่เหนื่อยกันหรือไงเพิ่งเดินมาถึงก็ตะโกนซะลั่นเชียว”คำพูดแก้เขินพยายามเบี่ยงประเด็นแต่ดูท่าจะไม่สำเร็จเพราะตอนนี้ร่างบางๆ โดนนั่งขบาบข้างทั้งสองฝั่งหมดสิทธิ์ขยับกาย

“อ๊ายยย!! ยัยข้าวเร็วๆ ฉันอยากรู้ พี่เกล้าขอเธอแต่งงานหรือเปล่า” น้ำข้าวส่งยิ้มหวานให้ก่อนพยักหน้าเป็นการตอบคำถาม

“เล่ามาเดี๋ยวนี้นะแกกกกก”

“ข้าว...” เสียงเรียกชื่อดังขัดก่อนจะได้บรรยายเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สองสาว ทำให้คนรอฟังชะงักค้างกลางอากาศจนอารมณ์เสียหงุดหงิดตวัดสายตามองหาต้นตอทันที

“อ้าวพี่นิ่มว่าไงค่ะ”

“พี่ขอเวลาคุยด้วยได้หรือเปล่า”

“มีอะไรค่ะ? พี่นิ่ม”

“เมื่อกี้มีผู้หญิงที่ไม่ใช่นักศึกษามหาลัยเรามาถามหาเกล้าฝากบัตรนักศึกษามาคืนเห็นบอกว่าทำตกไว้เมื่อวันก่อน”

“ใช่คะ พี่เกล้าหาบัตรนักศึกษาอยู่เห็นว่าไปทำหล่นไว้ที่ไหนซักแห่ง ว่าแต่ใครเอามาคืนเหรอค่ะ”

“เขาบอกชื่อเฮเลน”

“เฮเลน... อ๋อน้ำข้าวจำได้แล้วล่ะ”

“เขาเป็นใครทำไมถึงมาตามหาเกล้าดูท่าทางเขาอยากเจอเกล้ามากด้วยนะ ข้าวมีปัญหากับเกล้าหรือเปล่า” สายตาข้องใจถามไถ่คาดคั้นคล้ายหวาดระแวงในใจ

“เปล่าค่ะพี่นิ่มพอดีวันก่อนพี่เกล้าลงไปช่วยดูรถที่มีปัญหาจอดอยู่ข้างทาง แล้วคงทำบัตรนักศึกษาตกไว้คุณเฮเลนเลยเอามาคืนมั้งค่ะ”

“แน่ใจหรือเปล่าว่าเขาแค่ต้องการเอาบัตรมาคืน”

“นี่คุณพี่นิ่มค่ะที่วิ่งมาบอกเรื่องนี้กับยัยข้าวต้องการอะไรไม่ทราบที่ผ่านๆมายังสร้างปัญหาไม่พออีกหรือไงค๊ะ”ต๊อกแต๊กวีนใส่เมื่อเห็นนุ่มนิ่มพยายามสร้างปัญหาหนักใจ โยนความหวาดระแวงใส่ให้เพื่อนสนิท

“พี่ไม่ได้ต้องการอะไรแค่อยากจะมาเตือนเรื่องผู้หญิงที่มาเกาะแกะเกล้าก็เท่านั้นเอง”

“ต๊อกแต๊กเดี๋ยวน้ำข้าวคุยเอง” น้ำข้าวหันไปกระซิบเพื่อนที่กำลังมีพายุอารมณ์ก่อตัวอยู่ในใจ “คุณเฮเลนก็แค่เอาบัตรที่พี่เกล้าทำตกไว้มาคืน เขาคงไม่ได้คิดอะไรหรอกค่ะพี่นิ่มอย่าคิดมากเลยแล้วอีกอย่างคุณเฮเลนเป็นคนไข้ของพี่ต้นด้วยคนรู้จักกันทั้งนั้นค่ะ”

“พี่ก็แค่หวังดี”

“ขอบคุณค่ะน้ำข้าวเข้าใจพี่นิ่มนะคะ แต่สำหรับพี่เกล้าน้ำข้าวมั่นใจและเชื่อใจร้อยเปอร์เซนต์ค่ะว่าพี่เกล้าไม่ยุ่งกับใครแน่นอน”

“ถ้าไม่มีอะไรก็ดีพี่ไม่กวนเวลาข้าวแล้วล่ะพี่ไปก่อนนะ ฝากบัตรนี่คืนเกล้าด้วย” สิ่งของถูกส่งให้น้ำข้าวรับไว้ก่อนเจ้าตัวเดินจากไป

“กรี๊ดดดดดฉันเกลียดๆๆๆ ผู้หญิงคนนี้จริงๆ!!”ต๊อกแต๊กระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อนุ่มนิ่มเดินจากไปเธอพยายามควบคุมอารมณ์ไว้เพราะคำขอร้องของเพื่อนสนิทที่ไม่อยากให้เกิดสงคราม

“ใช่พริกก็ไม่ชอบอะแกตัวเองทนไม่ได้แล้วจะหาตัวช่วยแบบนี้เหรอ”

“ช่างเขาเถอะเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่าอยากฟังเรื่องแหวนต่อไหม”

“อ๊ายยยเกือบลืมไปเลยยัยข้าวเรามาต่อเรื่องของเราเร็วๆ”

“พริกก็รอนานแล้วแกเล่ามาเร็วๆ”

“เราเดินไปคุยไปดีกว่าจะถึงเวลาเรียนแล้วนะ” ทั้งสามเพื่อนซี้ย่างเดินขึ้นตึกเรียนพร้อมพูดคุยถึงเรื่องราวที่กำลังเป็นจุดสนใจในเวลานี้เหตุการณ์ทุกอย่างถูกบรรยายเป็นฉากเป็นตอนคล้ายบทละครรักหวานซึ้งพาคนฟังเคลิ้มจินตนาการตามราวตัวเองเป็นเจ้าหญิงในนิยายยื่นท่ามกลางสรวงสวรรค์สวยงามในชุดแต่งงานสีขาวสะอาดและถูกสวมแหวนโดยเจ้าชายรูปงาม

“โอ๊ย.. โรแมนติกจังเลยแก”น้ำเสียงตื่นเต้น ยกมือขึ้นประสานกันหลับตาพริ้ม ก่อนโดนสุ่มเสียงแหลมเล็กขัดจังหวะอารมณ์ชวนฝัน

“นี่ยัยข้าวเธอก็ไปอยู่เมืองนอกกับพี่เกล้าสิย่ะ”

“น้ำข้าวยังเรียนไม่จบเลยนะจะไปยังไง”

“ก็ไปเรียนต่อที่โน้นสิแก”

“จะให้น้ำข้าวย้ายโรงเรียนตามประเทศที่พี่เกล้าไปทำงานเลยหรือไงพริกพี่เกล้าเขาอยากเดินทางรอบโลกเลยนะงานที่เขาจะทำอ่ะ”

“เอางี้สิยัยข้าวเธอก็แต่งงานแล้วก็ให้พี่เกล้าไปคนเดียว เธอก็อยู่กับพวกฉันที่นี่ได้มีเวลาลัลล้าไปกับพวกฉันเหมือนเดิม”

“คิดเรื่องอนาคตให้น้ำข้าวกันซะแล้ว”

“เอ้ายัยข้าว!เขาขอแต่งงานแล้วนะมันก็ใกล้ความจริงแล้ว คิดอะไรล่วงหน้าไว้สิย่ะเออว่าแต่.. ใกล้วันวาเลนไทน์แล้วหาของขวัญให้หวานใจหรือยังล่ะย่ะ”

“น้ำข้าวเตรียมไว้แล้วล่ะ”

“พริกว่ายัยข้าวบ้าเห่อมากกว่าพวกเราอีกเน๊อะแก”

“นั่นสิย่ะ”สองสาวหันสายตามองหน้ากันก่อนเหล่ใส่เพื่อนสนิททำท่าทางยิ้มกรุ่มกริ่มล้อเลียน

ห้องดนตรีคณะอักษรศาสตร์...

“เกล้าผู้หญิงที่ชื่อเฮเลนเป็นใครน้ำเสียงหวาดระแวงส่งสายตาคาดคั้นถามถึงบุคคลปริศนาที่โคจรเข้ามาในชีวิตโดยไม่ได้รับเชิญสายตาเรียบเฉยละจากกีตาร์ในมือที่กำลังจับคอร์ดหาคีย์เสียงโน๊ตเพลงอย่างตั้งใจแต่งขึ้นมาความเย็นชาส่งมองยังหญิงสาวข้างๆ ที่ยืนนิ่วหน้าหาคำตอบบางอย่าง

“...”

“ทำไมหล่อนถึงต้องมาตามหาเกล้าถึงมหาลัยด้วยล่ะ”

“...” รัฐเกล้าไม่สนใจเสียงนกเสียงกาเลื่อนสายตากลับมามองที่เครื่องดนตรีตามเดิมราวกับเธอข้างๆไร้ตัวตนยิ่งยั่วยุอารมณ์หงุดหงิดให้อีกฝ่ายจนร้อนรนในใจ

“บอกนิ่มมาซิ!ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไม...”

“พูดจบหรือยัง”

“...”

“เราขอเวลาส่วนตัว”

“เกล้าไม่เคยแคร์นิ่มเลยเพราะอะไร!นิ่มไม่มีค่าสำหรับเกล้าเลยใช่ไหมรัฐเกล้าหลับตาถอนใจหนักหน่วงสงบสติอารมณ์ให้คงที่มือเรียวยกขึ้นเสยผม วางกีตาร์ลงบนโต๊ะข้างๆ ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินผ่านตัวปัญหาแต่ยังไม่ทันได้เดินไปไหนร่างสูงก็ถูกโอบกอดจากด้านหลังดึงรั้งเอาไว้

“...”

“นิ่มไม่ให้เกล้าไป”

“ปล่อย...”

“นิ่มไม่ปล่อย..เกล้าช่วยเห็นนิ่มอยู่ในสายตาบ้างได้ไหม”

“...”

“นิ่มรักเกล้านะรักมาตลอด ทำไมนิ่มไม่เคยได้อยู่ในสายตาเกล้าเลย”น้ำเสียงสั่นเครือกำลังระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมา

“...”

“เกล้าทำให้นิ่มอิจฉา! ทำไมคนที่เกล้ารักต้องเป็นน้ำข้าว ทำไมไม่ใช่นิ่ม

“...”

“เพราะอะไร!!”

“เราบอกให้ปล่อย…”

“นิ่มไม่ปล่อย!! เกล้าช่วยพูดให้นิ่มได้ยินซักครั้งได้ไหม

“...”

“ช่วยพูดว่าเกล้ารักนิ่มถึงจะโกหกนิ่มก็ยินดีที่จะฟัง” รัฐเกล้าพลิกกายหันกลับไปยังนุ่มนิ่มที่คลายอ้อมกอดออกจากร่างสูงเพื่อเผชิญหน้าซึ่งกันสายตานิ่งเฉยมองไปยังนุ่มนิ่มที่มีแววตาสั่นระริก น้ำตาคลอ มืออบอุ่นจับไหล่สองข้างของเธอเบาๆ

“นิ่มฟังเรานะ”

“...”

“เรารักข้าวและจะไม่มีวันรักใครอีก” รัฐเกล้าปล่อยมือจากไหล่บอบบางหลังจากพูดจบ เขาหันหลังเดินห่างจากนุ่มนิ่มไปทำให้เธอทรุดฮวบลงนั่งกับเก้าอี้ช้าๆ ความรู้สึกว่างเปล่าเหมือนวิญญาณหลุดลอย

“ข้าว...” น้ำเสียงประหลาดใจเมื่อเปิดประตูออกมาเจอคนรักยืนดักอยู่หน้าประตูทางเข้า

“...”

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ซักพักค่ะ” น้ำข้าวพยายามเก็บกดความรู้สึกที่มีไว้ข้างใน เพราะเธอได้ยินทุกคำชัดเจน

“กลับบ้านกัน” รัฐเกล้าคว้ามือน้ำข้าวพาเดินออกจากตรงนั้นเขาไม่ได้มีเจตนาปิดบังก่อความลับ แต่เพราะการสนทนากับคนในห้องจบแล้วจริงๆเขาต้องการพาคนรักกลับบ้าน

“ข้าว” เสียงเรียกชื่อทำให้คนกำลังก้าวเดินหยุดนิ่งอยู่กับที่กะทันหัน “พี่ขอคุยด้วยได้ไหม”

“...” น้ำข้าวหันสบตารัฐเกล้าก่อนที่เขาจะปล่อยมือเธอเป็นอิสระ ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนหันไปมองทางอื่น

“พี่ขอเวลาไม่นานนะข้าว” น้ำข้าวยังคงมองชายหนุ่มข้างๆ ที่เปลี่ยนท่ายืนพิงกำแพงก้มหน้ามองต่ำสายตาและใบหน้าแสดงอาการนิ่งเฉย“ขอคุยกันสองคนนะข้าว” น้ำข้าวละสายตาจากคนรักหันกลับมายังนุ่มนิ่มที่มีสีหน้าอึดอัดใจรอฟังคำตอบจากเธอ

“ค่ะ” ทั้งสองเดินกลับเข้าไปยังห้องดนตรี ปล่อยให้รัฐเกล้ายืนลำพังรออยู่หน้าห้อง...

“พี่ขอพูดตรงๆเลยนะข้าว”

“...”

“ข้าวจะว่าอะไรพี่ไหม...ถ้าพี่จะขอรักเกล้าไปแบบนี้”

“...” น้ำข้าวเกิดอาการใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รู้สึกเจ็บปวดลึกๆข้างในเมื่อได้ยินคำพูดจากปากนุ่มนิ่ม

“พี่พยายามแล้วนะพยายามตัดเกล้าออกจากใจแต่พี่ก็ทำไม่เคยได้พยายามลืมเกล้าเท่าไรเกล้าก็ยิ่งเข้ามาอยู่ใกล้หัวใจ ถึงพี่รู้ว่าเกล้าไม่เคยรักพี่แต่พี่จะขอรักเกล้าไปแบบนี้ข้าวคงไม่ว่าพี่ใช่ไหม”

“น้ำข้าวไม่มีสิทธิ์ว่าอะไรพี่นิ่มหรอกค่ะอีกอย่างพี่นิ่มก็รักพี่เกล้ามานานแล้วเรื่องตัดใจคงยาก พี่นิ่มอย่าฝืนความรู้สึกตัวเองอีกเลยค่ะ”

“แสดงว่าข้าวยอมให้พี่รักเกล้าได้ใช่ไหม” รอยยิ้มของนุ่มนิ่มปรากฏบนใบหน้าพร้อมจับมือน้ำข้าวไว้แน่น แสดงแววตาวิงวอน“ข้าวไม่โกรธพี่ใช่ไหมถ้าพี่ยังรักเกล้าต่อไปแบบนี้”

“พี่นิ่มอยากรักพี่เกล้าก็รักเถอะค่ะน้ำข้าวไม่มีสิทธิ์ห้ามแต่ตอนนี้น้ำข้าวคงไม่เสียสละทิ้งพี่เกล้าเพื่อใครอีกแล้วเพราะน้ำข้าวรู้ใจตัวเองแล้วว่ารักเขามากแค่ไหน”

“ขอบใจนะที่เข้าใจสำหรับเกล้าพี่คงไม่ได้รับความรักเกินกว่าคำว่าเพื่อน พี่รู้ดีแต่พี่จะขอรักเกล้าไปแบบนี้”

“ค่ะ ถ้าพี่นิ่มทำแล้วมีความสุข”

“...” นุ่มนิ่มไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มให้น้ำข้าวและจับมือเธอกุมไว้อย่างนั้น

“น้ำข้าวไปก่อนนะคะ ไม่อยากให้พี่เกล้ารอนาน”

คำร่ำลาเอ่ยกล่าวก่อนเปิดประตูก้าวออกมายืนอยู่หน้าห้องดนตรีหลังพิงผนังประตูที่ดึงปิดเมื่อครู่ ถอนใจเบาๆเสียงสั่นเครือที่คุยกันก่อนหน้าพาใจเธอสั่นไหวลึกๆ รัฐเกล้าจับมือกุมยึดไว้ก่อนดึงพาให้เดินออกมาหน้าตึกเรียน

“คุยอะไรกับนิ่ม

“...”

“ข้าว...”

“พี่นิ่มขอรักพี่เกล้า”

“แล้ว...”

“น้ำข้าวก็บอกให้พี่นิ่มรักพี่เกล้าไงจะให้พี่นิ่มฝืนใจตัวเองทำไมจริงหรือเปล่า”

“...”

“แต่…”

“แต่อะไร”

“แต่น้ำข้าวไม่ยกพี่เกล้าให้ใครอีกแล้ว” ร่างสูงหยุดยืนมองใบหน้าหวานๆ ด้วยรอยยิ้มจางๆ ปรากฏ ยกมือโยกศรีษะไปมาเบาๆ“แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พี่เกล้าเบื่อน้ำข้าว..น้ำข้าวคงรั้งพี่เกล้าไว้ไม่ได้”

“...”

“พี่เกล้า”

“อืม”

“พี่เกล้าจะเลิกรักน้ำข้าวแล้วไปรักคนอื่นหรือเปล่า”ความนิ่งเงียบของเขาทำให้เธอเกิดอาการหวั่นใจขึ้นมาอีกครั้งเธอมองหน้าเพื่อรอคำตอบจากเขา

“เกล้ารักข้าว..ไม่เคยรักใครและจะไม่รักใคร ต่อให้ข้าวยกให้คนโน้นคนนี้เกล้าก็ไม่ไป” คำพูดประโยคนี้ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างสดใสและโอบแขนเขาแนบลำตัวไว้แน่น

สิบสี่กุมภาวันวาเลนไทน์...

วันแห่งความรักเป็นวันที่หลายๆคนรอคอยให้มาถึง บ้างก็อยากเช็คเรตติ้ง บ้างก็รอคอยความหวังที่จะเจอความรักบ้างก็รอบอกรักระบายความในใจ

“นี่ยัยข้าวตั้งแต่ฉันมานั่งที่โต๊ะมีแต่คนเอาของมาให้เธอจนไม่มีที่จะวางแล้วนะยะ”

“ของใครเอามาให้เหรอน้ำข้าวทรุดตัวลงนั่งประจำตำแหน่งตรงโต๊ะม้าหินหน้าคณะเรียนตามปกติแต่ผิดแปลกตรงที่วันนี้เพื่อนสนิทมาถึงก่อนเธอ สาเหตุเพราะมารอเช็คเรตติ้งของตัวเองคนรอก็รอแล้วรอเล่า คนไม่รอมีแต่ของขวัญ ดอกไม้ มาประเคนถึงที่

“เธอก็ดูสิ ฉันจำได้ไม่หมดหรอกย่ะเยอะซะขนาดนั้นทั้งเด็กเล็กเด็กน้อย รุ่นพี่ โอ๊ยยยเยอะไปหมดนี่ยัยข้าวเธอไปทำเสน่ห์ใส่พวกนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ย่ะ ขนาดมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วนะเนี้ยยังขายดีขนาดนี้ ฉันกับยัยพริกโสดสนิทยังไม่เห็นมีแววจะได้ดอกไม้ซักดอก” น้ำเสียงหงุดๆ เล็กๆ

“บ้าเหรอทำเสน่ห์อะไรล่ะ”

“ก็ดูสิทั้งช๊อคโกแลตทั้งดอกไม้ เห็นแล้วอิจฉา!!”

“อ๋อ...ของขวัญจากพวกพี่ๆ น้องๆ ที่รู้จักเคยทำกิจกรรมด้วยกันทั้งนั้นอ่ะ”

“นี่แก!!!” พริกวิ่งหน้าตื่นมายังโต๊ะม้าหินที่เพื่อนสาวนั่งสำรวจของขวัญกันอย่างคร่ำเคร่ง

“โอ๊ยยย!! ยัยพริกเจอมนุษย์ต่างดาวหรือไงย่ะเรียกซะตกอกตกใจหมดเลย” เสียงแหลมตวาดแว้ดใส่เพื่อนที่วิ่งหน้าตื่นราวเจอสิ่งอัศจรรย์

“ยัยข้าวเมื่อกี้พริกเห็นสาวๆเอาของขวัญมาให้พี่เกล้าเต็มเลยแก”

“...”

“แหม๋ยัยพริก!พี่เกล้าเขาหล่อนะยะถ้าไม่มีคนให้ของขวัญสิถึงแปลก”

“แต่มันเยอะนะแกทำเหมือนพี่เกล้าเป็นซุปเปอร์สตาร์งั้นแหล่ะ”

“...”

“พวกสาวๆก็แบบนี้ล่ะย่ะ ยิ่งหนุ่มคนไหนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยิ่งอยากได้มาเป็นของตัวเองแถมเขาเป็นคนดังด้วย ไม่เห็นแปลกตรงไหน ทำเป็นตื่นไปได้”

“ยัยข้าวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอแก”น้ำข้าวหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกไม่เป็นสุขไว้ในใจเก็บกดมันไว้ไม่แสดงออกมาให้มีพิรุธ

“ยัยพริกน่าจะรู้นะยะยัยข้าวเคยรู้สึกอะไรกับเขาที่ไหนล่ะอยู่ใกล้พี่เกล้ามากจนซึมซับความเย็นชามาเกือบหมดแล้ว”

“น้ำข้าว...” เสียงชายหนุ่มดังมาจากด้านหลังทำให้สามสาวหันไปมองตามเสียงเรียกหน้าตาคุ้นเคยที่เรียกได้ว่าสนิทชิดเชื้อยืนมองสาวๆด้วยรอยยิ้มทะเล้นส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้หญิงสาวที่เขาหมายปอง

“อ้าว... พี่น้ำเชี่ยวมาได้ไงค่ะ”สายตาทะเล้นละจากความงามเบื้องหน้าหันหาน้องสาวของเพื่อนสนิท

“พี่มาตามหัวใจเรียกร้องครับ” น้ำเชี่ยวก้าวเดินหยุดยืนที่โต๊ะหินอ่อนพร้อมหอบดอกไม้สองช่อใหญ่ในมือ

“โอ้โห้! เอาดอกไม้ไปให้สาวที่ไหนค่ะสวยจังเลย” น้ำเชี่ยวยื่นช่อหนึ่งที่เป็นดอกกุหลาบสีขาวแซมด้วยตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆเอาไว้ส่งให้น้ำข้าวถือไว้

“ช่อนี้ของน้ำข้าวไอ้ต้นฝากมาให้การ์ดข้อความเสียบอยู่ข้างในนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

“ส่วนช่อนี้พี่น้ำเชี่ยวเอามาให้ต๊อกแต๊กครับ” คนถูกเอ่ยชื่ออยู่ในอาการตกตะลึงพูดอะไรไม่ออกทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่พากันหัวเราะขำขันเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ“รับสิครับ สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับ”

“เอ่อ...พี่น้ำเชี่ยวให้ต๊อกแต๊กเหรอค๊า” น้ำเสียงตะกุกตะกักค่อยๆลากผ่านลำคอ เธอยังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกไม่หาย

“ครับ” ต๊อกแต๊กหยิบช่อดอกกุหลาบสีแดงสดมาด้วยอาการงงๆ

“เอ่อ... ขอบคุณค่ะพี่น้ำเชี่ยว” คนมอบดอกไม้ฉีกยิ้มจนแก้มปริ

“นี่ไงต๊อกแต๊กวันวาเลนไทน์ได้ดอกไม้แล้วนะเลิกบ่นได้ซะทีนะว่าไม่ได้อะไรเลย” จบประโยคเจรจาต๊อกแต๊กเกิดอาการแก้มแดงระเรื่อประทับบนใบหน้าเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บิดตัวไปมาด้วยความเขิน

“ยัยข้าวดูสิต๊อกแต๊กเขินเป็นด้วยแก”

“พี่น้ำเชี่ยวทำให้ต๊อกแต๊กเปลี่ยนไป” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนานทำให้คนหน้าแดงระเรื่อยิ่งเพิ่มอาการอีกเป็นเท่าตัว

“นี่!! อย่าแซวฉันซิย่ะฉันก็เขินเป็นนะ”

“ชอบหรือเปล่าครับ”สายตาหวานๆ ส่งผ่านหาคนถูกใจ

“ชะ ชอบมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”สาวผมซอยหลบสายตาเอียงอาย ไม่เป็นตัวเอง ณ เวลานี้

“ขอบคุณอย่างเดียวไม่ได้นะครับต้องไปทานข้าวกลางวันเป็นเพื่อนพี่ด้วย”รอยยิ้มทะเล้นยิ่งรุกเดินหน้าในการทำคะแนนจีบต่อ

“กรี๊ดดดดดดดดดฮ่าฮ่าฮ่า”พริกและน้ำข้าวผสานเสียงหัวเราะแซวเพื่อนที่ตอนนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึง

“ต๊อกแต๊กก็ไปสิวันนี้ไม่มีเรียนแล้วนิ”

“ไปด้วยกันทั้งหมดสิครับ”

“อ๋อพอดีน้ำข้าวนัดพี่เกล้าเอาไว้แล้วค่ะส่วนพริกก็นัดหวานใจไว้แล้วเหมือนกัน”น้ำข้าวเอาศอกกระทุ้งไปที่เอวพริกทันทีให้ร่วมแผนการช่วยเพื่อนพี่ชายจีบเพื่อนสนิทได้สำเร็จ

“เอ่อ ใช่ค่ะพริกนัดที่รักไว้แล้วค่ะ”

“ไหนพวกเธอบอกตอนบ่ายว่างไงย่ะทำไมทิ้งฉันแบบนี้ล่ะ ไม่ไปกับฉันจริงๆ เหรอย่ะ”

“ต๊อกแต๊กไปกับพี่น้ำเชี่ยวเถอะไว้พรุ่งนี้เจอกันไปกินข้าวให้อร่อยนะ” สายตาแพรวพราวของน้ำข้าวหันไปหาน้ำเชี่ยวคล้ายส่งสัญญาณให้เดินหน้าจีบต่อไป“พี่น้ำเชี่ยวดูแลเพื่อนน้ำข้าวดีๆนะคะแล้วพากลับมาให้ครบสามสิบสองส่วนล่ะ”

“รับรองพี่จะดูแลยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลยครับ”

(มีต่อค่ะ)




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:43:35 น.
Counter : 324 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments