พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
2
3
5
8
9
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
13 พฤศจิกายน 2555
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่27

Chapter 27

ห้องพักของโรงพยาบาลยังคงให้ความสงบเงียบเพื่อคนป่วยได้พักผ่อนกันเต็มที่ไม่ต่างจากรัฐเกล้าที่ยังคงนอนแน่นิ่งไม่รู้สึกตัวจากที่ตรวจเช็คร่างกายไม่มีส่วนใดสึกหรอจะมีก็แต่สมองที่บอบช้ำจนดูน่าวิตกกังวลจะดีจะร้ายต้องรอให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาก่อนจึงได้รู้กัน

น้ำข้าวยังคงวนไปเวียนมาคอยดูแลคนรักที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวมาเป็นเวลาสองวันเต็มแม้ตัวเธอเองรู้ดีว่าเคยลั่นวาจาไว้ไม่อยากให้รัฐเกล้ามายุ่งวุ่นวายกับเธออีกแต่มันก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบที่ไม่อยากทำลายชีวิตครอบครัวและความหวังของผู้เป็นมารดาในเรื่องรับมรดกตกทอดของธุรกิจที่บิดาฝากฝังไว้ให้น้ำข้าวนั่งมองใบหน้าเรียบนิ่งหลับตาสนิท อยากให้เขาฟื้นกลับมาหาเธอโดยเร็วหลังจากนี้ไปเธอจะไม่หลอกตัวเองอีกแล้วว่าผู้ชายตรงหน้าคือคนที่เธอแคร์และต้องการเขามากที่สุดเช่นกันเหมือนที่เขาต้องการเธอจนขาดไม่ได้อีกแล้วเธอให้คำสัตย์กับตัวเองว่าหลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้วที่เธอจะทิ้งหัวใจของเธอไป เพียงแค่เวลานี้ให้เขาได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าว” เสียงหวานๆดังขัดความคิดจนต้องเหลียวมองยังด้านหลัง

“คะ พี่นิ่ม”

“เกล้าเป็นไงบ้าง”

“ยังเหมือนเดิมค่ะ”

“แย่เลยนะ เกิดเรื่องอุบัติเหตุงานแต่งเลยต้องยกเลิกไปก่อน” มืออุ่นๆ ตบบ่าปลอบประโลม แต่ในใจของนุ่มนิ่มเองก็ยังหวั่นถ้าซักวันรัฐเกล้าเกิดฟื้นขึ้นมาใจของเขาก็ยังคงเป็นของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เธอถึงแม้จะหวังอยากให้ทั้งสองไม่สมหวังก็ตามและอีกอย่างเรื่องที่ยังคงสร้างความสับสนแก่นุ่มนิ่มคงไม่พ้นเรื่องเด็กน้อยๆที่กำลังจะได้เกิดขึ้นมาลืมตาดูโลก เธอเองแน่ใจดีว่าเด็กคนนั้นคงเป็นสายเลือดของรัฐเกล้าแต่เธอยังไม่เข้าใจทำไมน้ำข้าวถึงต้องปิดบังไม่ยอมบอกความจริงให้เรื่องทุกอย่างจบลงด้วยดีนี่คือสิ่งที่ยังค้างคา

ฝ่ามืออุ่นๆที่ประสานกันไว้มีการกระตุกขึ้นทำให้น้ำข้าวเลื่อนสายตากลับไปมองยังความเคลื่อนไหวจนต้องผงะตกใจเมื่อเห็นคนนอนแน่นิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมมองมาที่เธอและกุมมือบอบบางไว้แน่น

“พี่เกล้า ฟื้นแล้ว” น้ำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจแววตาสั่นไหวในดวงตากลมโตวาดยิ้มขึ้นข้างแก้มนุ่มนิ่มมือไม้สั่นหยิบโทรศัพท์กดต่อสายยังเพื่อนๆให้รับรู้ข่าวดีของคนตื่นฟื้นจากหลับไหลพร้อมวิ่งกระตือรือร้นตามคุณหมอมาดูแลอาการ

“...”

“พี่เกล้าเป็นไงบ้างค่ะเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” รัฐเกล้ามองมาด้วยสีหน้าเฉยเมย เย็นชา ไร้ความรู้สึก คลายมือที่กำไว้เมื่อครู่ออกและเลื่อนมือตัวเองออกห่างกับคนที่เขากำลังจ้องหน้าสำรวจความคุ้นเคย

“เธอเป็นใคร..” ประสาทสัมผัสทุกส่วนหยุดชะงักยืนตะลึงมองใบหน้าคมคายที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจนรู้สึกหวิวไหวในใจอย่างบอกไม่ถูกน้ำข้าวเอื้อมมือสั่นระรัวเพื่อจะดึงความอบอุ่นคืนมาแต่ผู้ชายตรงหน้ากับขยับหนีคล้ายคนไม่รู้จักกัน

“พี่เกล้า..นี่น้ำข้าวเอง”

“น้ำข้าวไหน ผมไม่รู้จักคุณ”น้ำเสียงแข็งกร้าวราวกับเข็มนับพันทิ่งแทงหัวใจดวงน้อยจนพรุนทะลุเลือดตกในผู้ชายเบื้องหน้าคือคนที่เธอรักสุดชีวิตแต่ตอนนี้เขากลับลืมและแกล้งจำเธอไม่ได้อย่างร้ายกาจเลือดเย็นเขาคงแค่แกล้งแหย่เธอให้ตกใจเล่นเท่านั้น เธอได้แต่แอบหวังในใจ

“พี่เกล้าอย่าทำแบบนี้กับน้ำข้าวสิอย่าทรมานกันเลย” น้ำตาใสๆ เริ่มเอ่อล้น ขอบตาร้อนผ่าวสายตาดุดันทำใจเธอใกล้แตกสลาย

รัฐเกล้าได้แต่นั่งมองใบหน้าหวานๆนิ่งๆ รู้สึกคุ้นเคยแต่เขาก็ยังจำเธอไม่ได้อยู่ดีว่าเธอคือใครเขาพยายามใช้ความคิดจนสมองปวดระบมขึ้นมา ฝ่ามือถูกยกขึ้นกุมศรีษะความเจ็บปวดทรมานเข้าแทรกจนดิ้นไปมาร้องครวญคราง

“โอ๊ย!!”เสียงร้องเจ็บปวดเริ่มดังขึ้นจนน้ำข้าวยืนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกพอเรียกสติกลับมาเธอก้าวเดินไปที่หัวเตียงพร้อมกดปุ่มฉุกเฉินเรียกพยาบาลเข้ามาทันทีพร้อมคนอื่นๆ ที่เดินทางมาเยี่ยมคนป่วยต่างพากันยืนงงกับเหตุการณ์ที่พบเจอเบื้องหน้า

“ไอ้เกล้าเป็นอะไรไปข้าว”เพื่อนร่วมวงดนตรีหยุดยืนล้อมน้ำข้าวไว้ต้องการสาเหตุแต่ดูเหมือนเวลานี้คงจะไม่ได้รับคำตอบใดๆนอกจากน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างเจ็บปวด

“น้ำข้าวไม่รู้ ฮือๆพี่เกล้าจำน้ำข้าวไม่ได้ แล้วพี่เกล้าก็ปวดหัวแบบที่เห็น” เพื่อนๆ ช่วยกันปลอบขวัญคนร้องไห้พร้อมรอดูสถานการณ์กันต่อจนคนคุ้มคลั่งสงบลงด้วยฤทธิ์ยาระงับการเจ็บปวดต้นกล้าวิ่งเข้ามาหาคนไข้ในการดูแลของเขา ตามติดมาด้วยนุ่มนิ่มที่มีสีหน้ากังวลใจชัดเจน

น้ำข้าวตั้งสติให้สงบอีกครั้งกลืนก้อนจุกอกลงคอ เม้มปากกลั้นสะอื้นเดินกลับไปยืนข้างเตียงคนป่วยเพื่อหาความกระจ่างไขข้อข้องใจเธอยังเข้าใจว่ารัฐเกล้าแกล้งแหย่เธอให้รู้สึกผิดและตกใจเล่นเท่านั้น

“ไอ้เกล้าเอ็งเป็นไงบ้าง”กันย์มือเบสประจำวงดนตรีเอ่ยถามเพื่อนเมื่อเห็นสภาพย่ำแย่ แต่พอมีสติสัมปชัญญะพูดจารู้เรื่องไม่มีการโต้ตอบนอกจากสายตาเคลือบแคลงมองไปรอบจนหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าหวานใสคนเดิมอย่างแสดงออกว่าไม่เคยสนิทชิดเชื้อราวคนแปลกหน้า

“กันย์ ช่วยเอาผู้หญิงข้างๆเอ็งออกไปจากห้องนี้ ข้าไม่อยากมอง เห็นแล้วปวดหัว”รัฐเกล้าขอร้องให้ทำตามคำสั่งด้วยสายตาเย็นเชียบดุดัน เขาจำเธอคนที่เคยเป็นที่รักสุดหัวใจไม่ได้แล้วจริงๆ

“ไอ้เกล้า!นี่น้ำข้าวแฟนเอ็งนะเว้ย จำไม่ได้หรือไง” วิณวายุมือกลองประจำวงแทรกเสียงขึ้นบ้างอย่างขัดใจหลังจากที่รอดูสถานการณ์มาได้ซักระยะหงุดหงิดเพื่อนตัวเองที่ยังแกล้งทำเป็นเล่นสนุกสนานไม่รู้จักเวล่ำเวลา จนสายตานิ่งเฉยดุดันจ้องมองเอาเรื่องไม่น้อยหงุดหงิดมากกว่าคู่สนทนาจ้องตาเขม็งใส่หญิงสาวที่เขาบอกไม่เคยรู้จักมาก่อน จนเจ้าตัวใจแกว่งไม่เป็นตัวเองยืนเศร้าหน้าจ๋อยน้ำตาคลอคล้ายเด็กขี้กลัว

“ข้าบอกไม่รู้จัก ก็ตามนั้นคุณหมอช่วยไล่ทุกคนออกด้วยครับ ผมจะพักผ่อน” ร่างสูงพลิกกายหันหลังให้ทุกคนที่ยืนอึ้งนิ่งในความเปลี่ยนไปของเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“เกล้าให้นิ่มอยู่ดูแลเกล้าได้ไหม”

“ไม่ต้อง เราอยากอยู่คนเดียว” เขายังแสดงออกต่อนุ่มนิ่มคงเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“งั้นรบกวนทุกคนออกไปรอด้านนอกก่อนนะให้คนไข้พักผ่อน” ต้นกล้าทำหน้าที่ของคุณหมอที่ดีรอเวลาให้เขาพร้อมเมื่อไรคงได้คุยกันให้รู้เรื่องอีกครั้งสาเหตุตามทางการแพทย์วินิจฉัยคงจะเกี่ยวกับได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองชั่วคราว

“พี่ต้นทำไมไอ้เกล้ามันเป็นแบบนั้นล่ะครับ” ความคับข้องใจไม่สร่างซาจนต้องหาสาเหตุทุกคนที่อยู่ในห้องเมื่อครู่ออกมายืนรวมตัวกันยังหน้าห้องด้วยความรู้สึกหดหู่ในใจเหลียวมองใบหน้าใสๆที่อมทุกข์ไว้ภายในคนละทีสองทีด้วยความสงสารเห็นใจจนต้องถอนใจตามๆ กัน

“รัฐเกล้า ความจำเสื่อม”

“ห๊า.. ว่าไงนะ!!”เหล่าบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลายโวยวายออกมาพร้อมเพียง

“ฟังไม่ผิดหรอก เขาความจำเสื่อมผมได้ดูผลเอ็กซ์เรย์สมองเรียบร้อยแล้ว”

“แล้วทำไมต้องเจาะจงลืมน้ำข้าวคนเดียวล่ะกับผม กับไอ้กันย์ กับนุ่มนิ่ม ทำไมมันถึงจำได้หมด” วิณวายุยังคงหาเหตุผลข้อโต้แย้งถึงสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ

“คงเพราะเวลานั้นในความคิดเขามีแต่น้ำข้าว พอได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรงทำให้สมองต่อต้านที่จะจำสิ่งเจ็บปวดเมื่อฟื้นกลับมาเขาเลยจำน้ำข้าวไม่ได้”

ร่างบางถึงกับหมดเรี่ยวแรงขาอ่อนแทบทรงตัวไม่อยู่ล้มทั้งยืนดีที่ใกล้มือต้นกล้าจึงคว้าเธอไว้ได้ทันก่อนที่จะลงไปกองกับพื้นน้ำข้าวไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เธอทำจะทำร้ายให้คนที่รักเจ็บปวดได้มากมายขนาดนี้ แม้แต่ความทรงจำระหว่างกันเขาก็ลืมไปหมดสิ้นแต่เธอคงไม่ยอมแพ้ เธอให้คำปฎิญาณกับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างให้ความทรงจำเขากลับคืนมาอีกครั้ง

สามอาทิตย์ถัดมา..

ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงน้ำข้าวยังคงเดินทางไปมาระหว่างโรงพยาบาลกับมหาวิทยาลัยเพื่อดูแลคนป่วยสมองเสื่อมที่ยังจำเธอไม่ได้และดูเหมือนจะรำคาญเธอเอามากๆเวลาได้เห็นเธอทีไรพาลให้รัฐเกล้ารู้สึกคล้ายพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก จิตใจแปรปรวนไม่เป็นปกติเจ็บจี๊ดที่สมอง

“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งผมไม่รู้จักคุณ!” สายตาเย็นชาขึงเข้มตวัดใส่ นิ่วหน้าขมวดคิ้วอึดอัดจนคนมาเยี่ยมหน้าจ๋อยไปตามกัน เมื่อได้ยินเสียงคำรามไล่ตะเพิดให้พ้นหูพ้นตา น้ำข้าวใจร่วงหายคล้ายดิ่งลงเหวจมลึกหาทางกลับขึ้นมาไม่ได้

“พี่เกล้าพริกขอร้องเลิกแกล้งยัยข้าวซะทีได้ไหม!”

“นั่นสิพี่เกล้าไม่สงสารแฟนกับลูกบ้างหรือไง!!” สองสาวกระแทกเสียงอย่างลืมตัวพาชายหนุ่มเหวี่ยงสายตาแผ่รังสีอำมหิตกลับมาจนความเย็นเยือกปกคลุมรอบห้องพักคนป่วยที่ใกล้เวลาได้ออกไปพักฟื้นที่บ้านตัวเองเสียที

“พอเถอะทั้งสองคนนั่นล่ะในเมื่อพี่เกล้าจำน้ำข้าวไม่ได้ก็ไม่เป็นไรต่อไปนี้น้ำข้าวจะเลิกตามตอแยให้พี่เกล้าหงุดหงิดอีก น้ำข้าวขอยอมแพ้”น้ำเสียงเศร้าสร้อยส่งสายตาอ่อนแอแต่ยังคงระบายยิ้มอ่อนๆ ออกมาตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ที่รัฐเกล้าเข้าโรงพยาบาลไม่มีแม้ซักวินาทีที่เขาจะชายตามองเธออย่างคนคุ้นเคยที่พึ่งมี เธอยังคงแปลกหน้าสำหรับเขายิ่งกว่านั้นความเฉยชาที่เขาแสดงใส่ราวกับคนโกรธแค้นกันมาเป็นสิบชาติมันคงจะจริงที่เขาอยากลืมเธอให้หมดสิ้นไปจากความทรงจำหลังจากนี้เธอคงต้องอดทนอยู่ต่อไปโดยกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา

‘ลาก่อนที่รักของน้ำข้าว’

ร่างบางลุกยืนหันเดินจากไปอย่างหมดสิ้นหนทางที่จะดึงรั้งโอกาสดีๆกลับมาได้อีกครั้ง ความเจ็บปวดแสนสาหัสเกาะกุมใจดวงน้อยๆ รวดร้าวจนน้ำตาใสๆหยดจากดวงตากลมโต รัฐเกล้ากรอกตากลับมามองหญิงสาวที่เดินตามกันต้อยๆออกไปจนหลงเหลือแค่เขาคนเดียวลำพังในห้องแววตาเจ็บปวดบนใบหน้าหวานใสเมื่อครู่พาใจเขารวดร้าวเจ็บลึกแปลกๆโดยที่เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าสาเหตุมาจากไหนในเมื่อเธอคนนั้นคือคนแปลกหน้าสำหรับเขา รัฐเกล้าถอนใจคลายความตึงเครียดแต่มันไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกกลับมาดีดังเดิมได้เลยในใจสับสนครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมาทำไมใครต่อใครถึงพากันบอกว่าเขากับเธอมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งถึงขนาดใช้คำว่าแฟน

“เกล้า.. วันนี้เป็นไงบ้างคุณป้าให้นิ่มเอาสปาเก็ตตี้ของโปรดเกล้ามาฝาก” นุ่มนิ่มยังคงเอาอกเอาใจคนที่เธอคิดว่าซักวันคงหันมามองเธอบ้างก็เท่านั้นแต่หารู้ไม่ว่าจะอีกกี่เดือนกี่ปีเขายังคงไม่เห็นเธอในฐานะคนของใจรัฐเกล้ายังคงนั่งนิ่งเฉยไม่ได้สนใจเสียงเล็กเสียงน้อยที่ตั้งใจสนทนาแต่อย่างใดเขายังคงคิดถึงแววตาใสๆ รอยยิ้มเศร้าๆ จนเริ่มอยากไขข้อข้องใจ

“...”

“เกล้า” นุ่มนิ่มพยายามเรียกสติชายตรงหน้าที่นั่งนิ่ง

“นิ่ม..เมื่อกี้เดินเข้ามาสวนกับผู้หญิงสามคนที่เพิ่งออกไปไหม”

“น้ำข้าวกับเพื่อนไง ทำไมเหรอ”

“ยัยนั่น รู้จักเราได้ไง”

“นี่เกล้า จำอะไรไม่ได้เลยจริงๆเหรอ” รัฐเกล้าปลายตามองหญิงสาวที่หย่อนกายลงนั่งยังเก้าอี้ข้างๆ เตียงถ้าเขารู้เกี่ยวกับสิ่งที่ควรรู้ คงไม่มานั่งถามเธอให้เสียอารมณ์อยู่แบบนี้

“...”

“เกล้าเคยรักผู้หญิงคนนั้นมากรักซะจนนิ่มคิดว่าตัดขาดจากกันไม่ได้อีกแล้ว” รัฐเกล้าพยายามคิดตามคำบอกเล่าที่เธอกำลังสาธยายให้ฟังเป็นฉากๆ“แต่นิ่มไม่รู้ว่าปัญหาระหองระแหงของคนสองคนเกิดจากอะไรถึงทำให้ข้าวตัดสินใจบอกเลิกเกล้าและเมื่อเดือนที่แล้วข้าวก็ตัดสินใจแต่งงานกับพี่ต้นคุณหมอเจ้าของไข้ของเกล้านั่นล่ะแต่เกล้าก็เข้าไปพาตัวน้ำข้าวออกจากงานแต่งแต่เกิดอุบัติเหตุซะก่อนจนเกล้าเป็นแบบนี้” ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด ไม่ว่าจะที่ศรีษะหรือที่หัวใจ ทำไมทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นเขาถึงจำอะไรไม่ได้เลยสายตาละห้อยกับรอยยิ้มเศร้าๆ ของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในสมองบอบช้ำ “แล้วนิ่มคิดว่าข้าวกำลังมีลูกกับ..”

“พอ!! เราปวดหัว”อาการเจ็บปวดรุมเร้าคล้ายธาตุไฟเข้าแทรกทำให้เขาต้องลงไปนอนกับเตียงบิดไปบิดมาทรมานเมื่อคิดถึงหญิงสาวที่ชื่อน้ำข้าวนี่เขาเป็นอะไรไป..

นุ่มนิ่มเห็นท่าทางไม่ดีจึงวิ่งตัวปลิวออกจากห้องเพื่อตามให้ใครมาช่วยดูแลอย่างเร่งด่วนกังวลกับสิ่งต่างๆ ที่กระทบสมองและจิตใจรัฐเกล้า จนพยาบาลเข้ามาฉีดยาระงับความเจ็บปวดให้เขาถึงสงบลงอีกครั้ง

เวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคนอาการเจ็บปวดทางสมองของรัฐเกล้าดีขึ้นเมื่อไม่มีใครเอ่ยถึงชื่อของน้ำข้าวให้เขาได้ยินอีกเขายังคงเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจของบริษัทส่วนตัวที่กลายเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่บิดามอบไว้ให้โดยมีนุ่มนิ่มเดินเคียงข้างแต่ถึงแม้จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมแต่ระยะห่างยังคงเป็นได้แค่เพื่อนสนิท

“เกล้า..” เสียงเรียกแว่วดังจากประตูทางเข้าห้องทำงานที่เปิดทิ้งไว้เนื่องจากเจ้าของห้องตำแหน่งเป็นถึงผู้บริหารยังคงต้องวิ่งวุ่นกับการประสานงานยังพนักงานในแต่ละฝ่ายที่นั่งทำงานกันอย่างขมักเขม็นด้านนอกเจ้าของชื่อละสายตาจากกองเอกสารสูงเป็นภูเขาที่ต้องจับมันเซนต์ชื่ออนุมัติให้เสร็จภายในเย็นวันนี้

“มีไรนิ่ม เรากำลังยุ่ง”สายตาหันกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อเมื่อรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงแว่วเมื่อครู่

“นิ่มมีเรื่องอยากระบายขอเวลาสิบนาทีได้ไหม แล้วนิ่มจะไปตามทาง ไม่กวนเกล้าอีกเลย”รัฐเกล้าถอนใจตัดปัญหาละมือจากทุกสิ่งเบื้องหน้าลุกยืนเต็มความสูงตรงยังโซฟาที่นุ่มนิ่มนั่งนำก่อนแล้ว

“มีไรว่ามา เรามีเวลาไม่มาก”

“เกล้าไม่เคยรักนิ่มเลยใช่ไหม” นุ่มนิ่มใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมดเหตุสมควรว่าถึงเวลาเสียทีที่เธอต้องเปิดเผยความจริงทุกอย่างให้เขาซึ่งไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับชีวิตของเธอเลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะผ่านมาสิบกว่าปีตั้งแต่ได้รู้จักกันมารัฐเกล้ายังคงทิ้งระยะห่างระหว่างเธอกับเขาเท่าเดิม

“ถ้าจะมาพูดอะไรไร้สาระเราขอนะนิ่ม เรามีงานต้องทำ” เสียงเรียบนิ่ง สายตาเฉยชา พูดจาเยือกเย็นดูเหมือนเขาจะไร้หัวใจให้กับผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้แต่อย่างน้อยก็เคยมีคนหนึ่งที่เขายอมสยบให้แต่นั่นมันคืออดีตไปแล้ว

“เกล้าตอบนิ่มมาสิว่าเกล้าไม่เคยรักนิ่มเลย ไม่เคยมีนิ่มอยู่ในใจ ไม่เคยเห็นนิ่มในสายตาแบบคนรักกันนิ่มเข้าใจถูกใช่ไหม”

รัฐเกล้ากรอกตาขึ้นสูงสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด รู้สึกเอือมระอากับสิ่งไร้สาระที่ได้ยินเขาลุกพรวดพร้อมก้าวหนีทั้งๆ ที่นุ่มนิ่มกำลังจะร้องไห้ต่อหน้าต่อตามือบางคว้าแขนเขาไว้ก่อนจะได้เดินหนีไป นุ่มนิ่มยืนขึ้นข้างๆมือยังคงกักขังไม่ให้ร่างสูงตีจาก

“...”

“เกล้ารู้ไหม เป็นเพราะเกล้า นิ่มถึงรักใครไม่ได้ทั้งๆ ที่นิ่มมีความสัมพันธ์กับคนอื่นจนตั้งท้อง นิ่มก็ยังรักพ่อของลูกนิ่มไม่ได้เลยจนต้องเลิกรากันไป มันเป็นความผิดพลาดของนิ่มเอง ที่คิดว่าเกล้าจะสนใจนิ่มบ้าง”รัฐเกล้าได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง รอคอยและรับฟังต่อไป

“...”

“เกล้ารู้ไหม นิ่มคงอยู่ได้อีกไม่นานอาจจะปีหรือสองปี เพราะนิ่มตรวจเจอว่าเป็นมะเร็ง” ความเย็นชาแปรเปลี่ยนเป็นใจกระตุกเมื่อได้ยินข่าวร้ายพักหลังมานี้นุ่มนิ่มดูซูบผอมลงไปถนัดตาจากที่เขาสังเกตุเห็นได้ไม่นึกไม่ฝันว่าจริงๆแล้วที่สภาพร่างกายย่ำแย่เป็นเพราะโดนโรคร้ายรุมเร้าสุขภาพอ่อนแอต่อให้เขาใจแข็งเป็นหินแค่ไหนในส่วนลึกของจิตใจเขาก็ยังคงเป็นห่วงเธอที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่ง

รัฐเกล้าพลิกกายดึงร่างบางเข้ามาโอบกอดฝ่ามือตบบ่าส่งผ่านกำลังใจให้นุ่มนิ่มที่น้ำตารื้นริน เอ่อล้นมันเป็นความสุขที่เธอได้รับจากเขา แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ

“ไม่เป็นไรนะเรารู้ว่านิ่มเข้มแข็ง” เขาสัญญากับตัวเองว่าเวลาที่เหลือเขาจะคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนสาวคนนี้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้ายเพื่อตอบแทนให้กับความรักที่เธอมีให้ต่อเขาหมดใจ

“ถ้านิ่มเป็นอะไรนิ่มฝากลูกของนิ่มทั้งสองคนด้วยนะ” ชีวิตน้อยๆ สองชีวิตที่เกิดจากความผิดพลาดไม่ตั้งใจของผู้ใหญ่ นุ่มนิ่มผิดหวังและเสียใจครั้งที่ได้รับรู้ว่ารัฐเกล้าและน้ำข้าวมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งจนถึงขั้นขอแต่งงานกันทำให้เธอเสียใจมากจนพึ่งพาน้ำเมาช่วยปลอบใจและวันนั้นเธอก็ขาดสติทำเรื่องผิดพลาดกับชีวิตตัวเองโดยการไปมีสัมพันธ์สวาทกับหนุ่มในผับที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานจนในที่สุดเธอก็ตั้งท้องและเดินทางหลบไปให้กำเนิดลูกน้อยยังต่างประเทศลำพังและเลิกรากับพ่อของเด็กในที่สุดด้วยเหตุผลที่ว่าไปกันไม่ได้ต่างคนต่างแยกทางและเธอก็ให้คนในครอบครัวเลี้ยงดูบุตรชายที่เป็นแฝดคนละฝาทั้งสองเรื่อยมา

“เราสัญญาเราจะดูแลลูกของนิ่มให้เหมือนกับลูกของเรา” คำมั่นที่หลุดออกจากปากทำให้เธอมั่นใจวงแขนเล็กๆ ยกขึ้นกอดรัดรอบเอวชายหนุ่มไว้แน่น ตื้นตัน

ชั่วชณะความคิดวิ่งผ่านรัฐเกล้าคิดถึงใบหน้าหวานๆของใครบางคนขึ้นมาจนเขารู้สึกปวดสมองจนทนไม่ได้ร่างสูงทรุดฮวบเข่าอ่อนลงนั่งยังโซฟา

“เกล้าเป็นไรไป!!”นุ่มนิ่มตกตะลึงเขย่าร่างกายของรัฐเกล้าให้มีสติไว้ก่อน

ในสมองของเขายังวนเวียนไปด้วยภาพในความทรงจำซ้ำไปซ้ำมาลอยปลิววอนในความคิดเหมือนละครย้อนรอยถอยหลังกลับไปเริ่มยังต้นเรื่องใหม่อีกครั้งภาพสาวคนที่เขาเคยเห็นว่าแปลกหน้าเข้ามาวิ่งวนในหัวสมอง ความหลังเมื่อครั้งเขาและเธออยู่ด้วยกันยิ้มแย้มดูมีความสุขทำให้อบอุ่นขึ้นภายในใจมีก็แต่สมองที่ต่อต้านเจ็บปวดรุนแรงคล้ายนับเวลาถอยหลังใกล้ระเบิดเต็มที นุ่มนิ่มตะโกนเรียกหาคนช่วยเหลือจนพนักงานด้านนอกวิ่งกรูเข้ามาตามเสียง เร่งเรียกรถพยาบาลอย่างด่วนจี๋

ภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยต้นกล้าให้ความใส่ใจต่อคนไข้ในความดูแลที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างกะทันหันด้วยสาเหตุปวดศรีษะรุนแรงเมื่อเวลาผ่านไปจากที่ได้เข้ารับการรักษาอาการทุเลาจนเป็นปกติแต่ยังคงนอนหลับพักผ่อนนานหลายชั่วโมง

“ถ้าคนไข้ฟื้นแจ้งผมด้วยนะ”

“ได้ค่ะคุณหมอ”คำสั่งของคุณหมอเจ้าของไข้บอกกล่าวให้นางพยาบาลผู้รับหน้าที่ต่อปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ใบหน้านิ่งเรียบค่อยๆ ปรือตาตื่น ลืมขึ้นมองเห็นเพดานสีขาวเป็นสิ่งแรกก่อนเคลื่อนหน้าหันมองรอบห้องนางพยาบาลผู้ดูแลเหลียวเห็นว่าคนป่วยรู้สึกตัวแล้วจึงรีบเดินตามคุณหมอที่เพิ่งก้าวพ้นประตูไปได้ไม่นาน เมื่อฟื้นคืนชีพสิ่งแรกที่คิดถึงคือภาพชุดเจ้าสาวแสนหวานที่ปฏิเสธในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน

“น้ำข้าว” ภาพในอดีตไหลผ่านเข้าสมองชัดเจนตอนนี้ความจำที่สูญหายกลับคืนสภาพเดิม

“เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นไหมยังปวดหัวอยู่หรือเปล่า นุ่มนิ่มเพิ่งกลับไปเมื่อกี้นะครับเห็นว่าจะมาเยี่ยมใหม่ค่ำๆ พอดีมารอนานหลายชั่วโมงคุณยังไม่ฟื้น”คำถามหลายคำถามพร้อมคำบอกเล่า ถูกส่งยังคนที่ระลึกความหลังนอนนิ่งเฉยบนเตียงสาดสายตามองเห็นเจ้าบ่าวที่เคยพรากความรักไปจากเขา

“คุณแต่งงานกับข้าวหรือเปล่า”ต้นกล้านิ่งอึ้ง เบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนปรับให้คงสภาพเดิม เขาพอจะคาดเดาได้แล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้าได้ความจำกลับคืนแล้วสายตาสองคู่ประสานกันคนหนึ่งรอคอยคำตอบ อีกคนรู้สึกยินดียิ่งที่สิ่งดีๆกำลังจะตามมา

“หายดีแล้วสิคุณถึงจำน้ำข้าวได้แล้ว”

“รบกวนตอบคำถามด้วยครับ”

“คุณก็น่าจะรู้ดีน้ำข้าวตัดสินใจไปแล้วคงไม่เปลี่ยนใจ” รอยยิ้มเหยียดกระตุกมุมปากของต้นกล้าไม่ได้คิดกลั่นแกล้งรัฐเกล้าแต่อย่างใด เพียงแค่อยากลองใจว่าความเฉยชาของรัฐเกล้ายังสงบเยือกเย็นได้อีกไหมเมื่อได้รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงอันเป็นที่รักแต่คำพูดที่แฝงความนัยบวกกับรอยยิ้มที่แสยะให้ทำใจของเขากระตุกไม่เป็นจังหวะแต่ยังพยายามควบคุมสีหน้าให้นิ่งคงเดิมเขาคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วเพราะคนรักถูกคนอื่นครอบครองไปต่อหน้าต่อตา

หนึ่งปีผ่านไป..

การดำเนินชีวิตของแต่ละคนเปลี่ยนแปลงรัฐเกล้าทุ่มเทให้กับการทำงานเต็มที่เนื่องจากได้ขยายกิจการออกไปยังต่างประเทศเปิดสาขาใหม่มากมายและถ่ายทอดวิชาความรู้ต่อยังบุตรบุญธรรมอนาคตภาคหน้าคงได้สานต่อธุรกิจเป็นมรดกตกทอดสืบกันไประหว่างที่ทำงานต้องเดินทางไปกลับต่างประเทศกับเมืองไทยบ่อยครั้งแต่เขาก็ยังแบ่งเวลาเพื่อดูแลเพื่อนสนิทอย่างนุ่มนิ่มที่คงหลงเหลือเวลาการมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานเพราะเธอเริ่มอ่อนแรงเต็มทีต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมีหน่วยแพทย์คอยดูแลใกล้ชิดจนไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงกังวลรอคอยก็แต่เวลาจากไปเท่านั้น

เวลาที่เขาเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักรัฐเกล้าจะมาพักอาศัยบ้านสวนเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดและเฝ้าดูใครบางคนที่เขารักหมดหัวใจ

“มาโซ มาหาแม่มาลูกเดี๋ยวคุณพ่อต้องไปต่างประเทศแล้วนะ”น้ำเสียงหวานใสกังวานก้องบริเวณหน้าประตูรั้วร้องเรียกลูกสาวตัวน้อยที่กำลังวิ่งเข้ามาโอบกอดคอผู้เป็นแม่ไว้แน่นเพื่อเตรียมตัวส่งชายคนรักเดินทาง

รัฐเกล้ายอมลงทุนแอบซื้อบ้านหลังนี้ที่อยู่ติดกับบ้านน้ำข้าวเมื่อหลายเดือนที่แล้วเนื่องจากเจ้าของบ้านเก่าติดป้ายประกาศขายในวันที่เขาขับรถมาแอบดูชีวิตความเป็นอยู่ของหญิงสาวอันเป็นที่รักและเมื่อทุกวันนี้ชีวิตเธอมีความสุขดีเพียบพร้อมอยู่กับครอบครัวที่มีทั้งคนรักและลูกสาวสามคนพ่อแม่ลูก มันคงเป็นการไม่สมควรที่เขาจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเธออีก

ความทรงจำที่เคยทำหายเมื่อมันกลับมามันก็มาพร้อมกับความเจ็บปวดที่เคยทำสิ่งเลวร้ายไว้ให้กับใจดวงน้อยของน้ำข้าวต้องเจ็บปวดเขาไม่กล้าที่จะกลับไปดึงรั้งเธอให้กลับมาเป็นของตนเองได้อีกปล่อยให้เธอได้ไปตามทาง ส่วนเขาก็จะยังคงคอยเฝ้าดูเธออยู่ห่างๆแบบนี้ไม่เปิดเผยหรือแสดงตัวให้เธอได้รับรู้

วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นวันที่ใครหลายคนพักผ่อนรัฐเกล้ายังคงปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงดนตรีที่เป็นเหมือนชีวิตจิตใจเวลามีสิ่งรุมเร้าไม่เป็นสุขสุ่มอยู่ในอก

(คงไม่มีอีกแล้วที่ฉันจะมีเธอทุกนาที อย่างในวันที่แล้วที่ผ่านมา ยิ่งมองเธอกับเขายิ่งเข้าใจ) เสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ ในแสงไฟมืดสลัวเข้ากับบรรยากาศคนอกหักให้อยากดื่มเหล้าจนเมาหัวราน้ำ

“ไอ้เกล้า วันนี้ไม่ขึ้นร้องเพลงซะหน่อยเหรอวะ”เพื่อนร่วมหุ้นส่วนที่เสมือนเป็นเจ้าของผับส่งเสียงทักทายเมื่อเห็นคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอหน้าเจอตากันมาหลายเดือน

“ไม่มีอารมณ์”สีหน้าเรียบเฉยแต่ยังคงมองออกว่ามีเรื่องกลุ้มใจมหาศาลอัดแน่นในใจด้วยสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นของเพื่อนสนิทแจ็คเข้าใจดีว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนเบื้องหน้าเปรียบเสมือนชีวิตดราม่าถูกสวรรค์กลั่นแกล้งให้ต้องเจ็บช้ำ

“ในเมื่อมึงเป็นทุกข์อยู่แบบนี้ทำไมถึงไม่ไปตามง้อน้ำข้าวให้จบสิ้นเรื่องสิ้นราวซะทีวะไอ้เกล้ากูไม่เข้าใจมึงจริงๆ ตอนความจำเสื่อมมึงก็พูดจาทำร้ายเขาสารพัดพอความจำกลับมาแล้วก็ไปขอโทษเขาซะสิ ไม่ได้มีแต่กูนะเว้ยที่ลุ้นให้พวกมึงดีกันทุกคนในวง ไอ้วิณ ไอ้กันย์ ไอ้แฟรง ไหนจะพวกเพื่อนๆ น้ำข้าว ไอ้พริก ต๊อกแต๊กมันก็ลุ้นตัวโก่งตั้งแต่ยังเอ๊าะๆ จนตอนนี้พวกมันแต่งงานไปอยู่ต่างประเทศกันหมดแล้วมันยังส่งข่าวมาถามไถ่เรื่องของมึงสองคนอยู่เลย”

“จะให้ไปง้อขอคืนดีทั้งที่ข้าวมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนมีพยานรักกันแบบนั้นงั้นเหรอ” รัฐเกล้าเหยียดยิ้มหัวเราะในลำคอสมเพชตัวเองที่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรนอกจากไปแอบมองในระยะไกลๆเขาทำได้เท่านั้นจริงๆ

“เฮ้อ!! คนอื่นเขาก็บอกกันปาวๆว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกมึง แล้วอีกอย่างนะวันที่มึงประสบอุบัติเหตุงานแต่งเขาก็ยกเลิกไปแล้ว และไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นเมื่อไรจะเข้าใจซะทีวะ”คำพูดทลายกำแพงน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดสรุปเรื่องทุกเรื่องที่เพื่อนๆ พยายามบอกเป็นความจริงน้ำข้าวไม่เคยแต่งงานกับต้นกล้าและเด็กที่เขาเห็นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง

“...” สายตาตกตะลึงตวัดมองยังเพื่อนที่นั่งข้างๆ

“เอ่อมึงเข้าใจไม่ผิดหรอกไอ้เกล้า เรื่องที่กูบอกเป็นเรื่องจริงสมองเสื่อมจนสับสนไปหมดแล้วสิ ไม่รู้เรื่องไหนจริง เรื่องไหนโดนฝังสมองในเมื่อรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว มึงก็ไปง้อน้องเขาซะ”แก้วเหล้าบนโต๊ะถูกยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดมันเหมือนขับไล่สิ่งชั่วร้ายที่เกาะกินความรู้สึกดีๆในใจ ให้มลายหายหมดสิ้น

รถจอดเทียบหน้าบ้านหยุดชะงักนิ่งเมื่อมันถูกขับมาโดยใช้ความเร็วจนเกือบมิดไมล์จากสถานความบันเทิงจนถึงที่หมาย

“ข้าว”รัฐเกล้าเปิดประตูรถก้าวลงเดินดิ่งยังหน้าบ้านสาวคนรักอย่างใจร้อน เขารู้ดีเวลาดึกสงัดแบบนี้คงไม่มีใครอยากลุกตื่นขึ้นมาเปิดประตูให้กับคนเมาที่กำลังคุ้มคลั่งอยากเจอเธอจนแทบบ้าแต่มันช้าเกินไปถ้าจะรอให้ถึงรุ่งสางที่คงมาถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดจากนี้

“ข้าว เปิดประตูออกมาหาเกล้าหน่อยได้ไหม ออกมาสิ!” เสียงตะโกนยังคงดังกึกก้องทำลายบรรยากาศความสงบเงียบ

“คุณค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ”หญิงร่างท้วมก้าวเดินอย่างกล้าๆ กลัวๆไม่แน่ใจความต้องการของชายแปลกหน้าที่ยืนตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าบ้านหลังที่เธอดูแลได้ไม่กี่วันแต่ยังคงใจดีสู้เสือถามไถ่เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย

“เอาข้าวคืนมา ผมอยากเจอข้าว”เธอรู้ดีวันนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะฤทธิ์น้ำเปลี่ยนนิสัยที่ทำคนเย็นชาให้เป็นคนโผผางออกมาได้มากมายขนาดนี้

“คุณๆ บ้านนี้ไม่อยู่หรอกนะคะเดินทางไปต่างประเทศกันหมด ไม่แนใจว่าจะกลับมาเมื่อไหร่อิฉันมาคอยดูแลบ้านหลังนี้ช่วงที่ไม่มีใครอยู่นะคะ”

“ไม่จริงใช่ไหมครับวันก่อนผมยังเจอข้าวอยู่เลย” มือแข็งแรงเอื้อมจับแขนสองข้างของหญิงท่วมเขย่าอย่างลืมตัวไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินอยากให้มันเป็นแค่ฝันไปทำไมถึงต้องหนีไปอยู่ไกลแสนไกลทั้งๆ ที่เขาพยายามเข้ามาอยู่ใกล้ๆ เธอขนาดนี้ ‘ข้าวใจร้ายกับหัวใจเกล้าได้ขนาดนี้เชียวเหรอ’จิตใต้สำนึกกำลังประท้วงปลุกระดมความเจ็บปวดให้ลุกหือขึ้นมาวิ่งพล่านในหัวใจ

“จริงค่ะ คุณๆ บ้านนี้เพิ่งเดินทางกันเมื่อวานค่ะยังไงคุณคงต้องรอให้เขาติดต่อกลับมานะคะถึงจะทราบว่าเขาจะกลับกันมาเมื่อไรเพราะอิฉันก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไร”

ความรู้สึกดีๆที่ได้รับข่าวดีจากเพื่อนสนิทเพิ่งวนเวียนอยู่ในใจไม่จางหายแต่เวลานี้มันสลายหายไปพร้อมกับคำพูดของผู้หญิงแปลกหน้าที่เป็นข่าวร้ายสำหรับเขาว่าหัวใจเขาบินหายสาบสูญอย่างไม่มีวันติดต่อได้อีกแล้วเขาจะทำอย่างไรต่อจากนี้

ร่างสูงทรุดฮวบนั่งลงกองกับพื้นดินมองหญิงแปลกหน้าที่หมดหน้าที่ในการส่งข่าวสารเดินจากไปจนลับตาปล่อยให้เขารวดร้าวแสนสาหัสอยู่ลำพังสภาพจิตใจย่ำแย่ไร้หนทางเยียวยาเหมือนชีวิตไร้ซึ่งวิญญาณคงไม่มีอะไรช่วยให้เขาพ้นทุกข์ที่คล้ายตกนรกตายทั้งเป็นต้องอยู่ต่อไปแบบไม่มีหัวใจและชีวิต

ซักวัน.. เราคงได้พบกัน..จะยังรอคอยวันที่ได้พบกันตลอดไป..

เกล้าจะรักข้าวเสมอ.. สัญญา..


The End


จริงๆ วางเรื่องไว้เท่านี้ค่ะ

แต่เนื่องจากโดนนักอ่านจากเว็บเด็กดี ขอร้อง อ้อนวอน ..

= สงสารรัฐเกล้า T T

= ทำไมคนแต่งใจร้ายใจ T T

= จบแล้วเหรอค่ะ T T

และอีกหลายๆ คอมเม้นต์ ที่บรรยายไม่หมด

จึงทำให้คนแต่ง จะเพิ่มบทส่งท้ายอีกตอน 

แต่..

คงต้องอีกซักพักนะคะ T T

เพราะตอนนี้ติดแต่งเรื่อง 

: กับดักรักสองโลก

: You're my Idol

กับอีกเรื่องที่ยังไม่มีชื่อเรื่อง และเพิ่งคิดได้แค่บทนำ

แต่..

ถ้าอยากรู้ว่า รัฐเกล้า และ น้ำข้าว จะเจอกันได้อย่างไร

ลองติดตามได้ก่อน จากเรื่อง บอกตรงๆ ว่าหลงรักนะคะ (ใน  My kratoo ทางขวามือของ บล็อก พอดียังไม่ได้เอามาแปะลงบล็อก แหะๆ ) จะมีอยู่ในนั้น แต่ไม่ละเอียดและยังไม่สมบูรณ์เท่าไรค่ะ

คนแต่งเสียใจ ทำให้คนอ่านหลายคนอารมณ์ค้างที่วางเรื่องให้ผิดหวัง T T 

ยอมรับผิดทุกกรณี ค่ะ มีน้องบางคน คอมเม้นต์บอกไม่ยอม สงสารพระเอกเหลือเกิน T T

แต่..

บางครั้ง ความรักคงไม่งดงามเสมอไป T T

แล้วเจอกันใหม่นะคะ 

ขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตามค่ะ 


จ๊วบๆ 






Create Date : 13 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2555 5:00:09 น.
Counter : 1744 Pageviews.

3 comments
  
งือ ๆ ๆ
โดย: fahtsuki IP: 115.176.71.25 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2555 เวลา:9:30:50 น.
  
โดย: มาโซคิส วันที่: 13 พฤศจิกายน 2555 เวลา:19:18:14 น.
  

เสพติดรักดีกว่าเสพติดเหล้านะ
โดย: GTW/PSYCHO MAN IP: 183.89.248.244 วันที่: 7 ธันวาคม 2557 เวลา:14:27:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments