พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
2
3
5
8
9
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
6 พฤศจิกายน 2555
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่23


Chapter 23

ประตูห้องเปิดกว้างภายในมืดสนิทรัฐเกล้าถือถุงใส่ของขวัญที่ได้รับมาเดินเข้าไปเก็บไว้ด้านใน ปล่อยให้ร่างบางที่ถูกผ้าบางๆสีขาวผูกตาไว้ยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้า

“พี่เกล้าเสร็จหรือยังน้ำข้าวเมื่อยแล้วนะแล้วทำไมต้องปิดตาน้ำข้าวด้วยเนี้ย” รัฐเกล้ายืนซ้อนอยู่ด้านหลังเมื่อเขาจัดการบางอย่างเรียบร้อยไหล่กลมกลึงที่ความสูงอยู่แค่ระดับอกถูกจับไว้เต็มฝ่ามือเพื่อประคองร่างบอบบางให้ก้าวเดินไปข้างหน้าช้าๆตามแรงดันจนหยุดยืนอยู่ในห้องคุ้นเคย

“น้ำข้าวเปิดตาได้หรือยังอ่ะ”

“อืม”

แสงไฟสลัวจากเปลวเทียนรอบห้องสว่างขึ้นเมื่อน้ำข้าวดึงผ้าปิดตาออกห้องทั้งห้องถูกตกแต่งไปด้วยลูกโป่งลอยฟ้าหลากสีประดับไว้ตามกำแพงและเพดานห้องตามแต่มันจะล่องลอยริบบิ้นกระดาษหมุนเป็นเกลียวเบาๆ ห้อยระโยงระยาง ดาวระยิบระยับที่เป็นแสงสะท้อนจากฝาครอบโคมไฟส่องไปทั่วบริเวณห้องเต็มพื้นที่คล้ายท้องฟ้าจำลองดูแล้วสวยงามน้ำข้าวเดินดูรอบบริเวณห้องรับแขกเก็บบรรยากาศโรแมนติกเติมเต็มความสุขไว้ในใจ

“สวยจังเลย”

“ชอบไหม”

“อือทำไมพี่เกล้ารู้ว่าน้ำข้าวชอบลูกโป่ง” ไม่มีคำตอบใดนอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา

เสียงเพลงคลอเบาๆ เข้ากับบรรยากาศร่างบางเดินสำรวจรอบบริเวณเรื่อยๆ จนหยุดลงที่หน้าห้องนอนในนั้นถูกตกแต่งไว้เช่นกันทั้งลูกโป่ง ริบบิ้นกระดาษ แสงดาวระยิบระยับ แต่สิ่งที่ทำให้เธอยืนตะลึงมันคือรูปภาพของเธอที่ประดับประดาไว้เต็มห้องรูปถ่ายที่เธอเคยเห็นจนชินตาจากในบ้านของเธอเอง แต่ตอนนี้ภายในห้องของชายคนรักกลับมีแต่ภาพของเธอเต็มไปหมดความรู้สึกตื้นตันจนล้นใจคล้ายคนสำลักความสุขจุกจนพูดอะไรไม่ออก

รัฐเกล้าโอบกอดน้ำข้าวไว้จากด้านหลังคางวางทาบไว้บนไหล่นุ่มนวลใบหน้าเอียงแนบข้างแก้มเนียนก่อนหอมสัมผัสกลิ่นอ่อนหวานที่คุ้นเคยจนต้องกอดรัดกระชับร่างบางแน่นแนบอก

“ต่อไปนี้เวลาไม่มีข้าวอยู่ในห้องนี้เกล้าก็ยังเห็นข้าวอยู่ในสายตาตลอดเวลา”

“ไม่เบื่อเหรอ”

“ดีกว่าทนคิดถึง”น้ำข้าวระบายยิ้มออกมาก่อนพลิกกายกลับหันหาไออุ่นจากอกแข็งแรงเธอโอบกอดเขาไว้ด้วยความรู้สึกรักเต็มเปี่ยม

“น้ำข้าวรักพี่เกล้ามากนะ”รัฐเกล้าก้มหน้ามองใบหน้าเนียนใสอมชมพูด้วยสายตาอ่อนโยนริมฝีปากประทับรอยจุมพิตไว้ที่หน้าผากเบาๆเพื่อเป็นการตอบกลับความรักที่เขามีให้กับเธอผู้นี้มากมายไม่ต่างกัน

“...”

“น้ำข้าวหิวแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า”

“อาหารรออยู่บนโต๊ะครับคุณผู้หญิง” เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นประสานความสุขไว้ด้วยกัน ทั้งสองพากันเดินจูงมือไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

“มีเค้กช๊อคโกแลตด้วยได้กินสมใจแล้ว”

“เค้กเอาไว้ทีหลัง”

“รู้แล้วน่าอาจารย์เกล้าน้ำข้าวจัดการแล้วน๊า” รอยยิ้มจางๆ ส่งตรงมาพร้อมสายตาอบอุ่นช่วงเวลาที่อยู่กับคนรักความสุขที่เขาได้รับดูเหมือนจะทำลายความเย็นชาในตัวเขาไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว

“รู้ไหมวันนี้วันอะไร”

“วันวาเลนไทน์ไง มันจะมีวันอะไรอีกล่ะค่ะ”

“วันเกิดเกล้า”

“น้ำข้าวไม่เคยรู้เลยว่าพี่เกล้าเกิดวันไหนแย่จังเน๊าะ”

“เกล้าไม่เคยบอกใคร แต่วันนี้เป็นวันที่เกล้ามีความสุขมากนะ”

“งั้นของขวัญวันวาเลนไทน์น้ำข้าวเอามาให้พี่เกล้าถือเป็นของขวัญวันเกิดด้วยและกันเน๊อะ”

“ข้าวเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว”รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นที่ใบหน้าขาวเนียน คู่รักร่วมรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุขหลังจากจบมื้ออาหารทั้งคู่ช่วยกันเก็บล้างจานชามจนเรียบร้อยก่อนเดินมานั่งสร้างบรรยากาศปั่นความโรแมนติกให้เกิดขึ้น

แสงสลัวจากเปลวเทียน เสียงกีตาร์โปร่งที่ดีดพร้อมเสียงนักร้องคลอตามเบาๆพาคนฟังหลงใหลซาบซึ้งไปกับความหมายของเนื้อหาในเพลง

(แล้วเธอก็เข้ามาเปลี่ยนหัวใจที่เคยอ่อนล้าให้มีหวังขอให้ค่ำคืนนี้มีแต่เราอยู่เคียงใต้แสงดาวและมีความรักให้กันและกันให้เธอเป็นดังเจ้าหญิงในใจฉันและจะมีเธอเท่านั้น)

“พี่เกล้าน้ำข้าวชอบเพลงนี้” ยิ้มหวานสดใสทำให้คนมองสะดุดใจละสายตาจากทุกสิ่งจับจ้องไปที่รอยยิ้มนั้นตาไม่กระพริบ

“...”

“Happy birthday และ Happyvalentine นะคะ” กล่องของขวัญเล็กๆถูกส่งให้เจ้าของวันเกิดพร้อมสมุดไดอารี่สามเล่ม รัฐเกล้าวางกีตาร์ตัวโปรดลงข้างๆยื่นมือรับของขวัญกับสมุดไดอารี่มาถือไว้อย่างยินดี

“...” ความรู้สึกดีๆสื่อออกจากแววตา

“แกะของขวัญสิจะชอบหรือเปล่าน๊า” สมุดไดอารี่ถูกวางลงข้างกาย คงเหลือแต่กล่องของขวัญเล็กๆที่ถือไว้มั่นคง รัฐเกล้าดึงมือเรียวเล็กจับเธอให้นั่งลงบนตักและสอดมือรอบเอว วางคางทับบนบ่าเล็กๆบรรจงแกะของขวัญอย่างประณีต

กระดาษห่อสีน้ำเงินสะท้อนแสงแวววาวผูกด้วยโบว์สีขาวถูกแกะออกอย่างเบามือกล่องกระดาษอย่างดีดูหนาแข็งแรงสีน้ำตาลเข้มถูกเปิดฝาออกทำให้เห็นสร้อยคอเงินเป็นโซ่อยู่ในกล่องรัฐเกล้าหยิบสร้อยขึ้นมาพร้อมจี้เป็นแม่กุญแจคล้องไว้ที่สร้อยดูมีความหมาย

“มานี่น้ำข้าวใส่ให้” ร่างบางเลื่อนกายออกจากตักนิ่มหันหน้าเข้าหาคนรักพร้อมแบมือรอรับสิ่งของที่ต้องการ

“...” รัฐเกล้ายื่นสร้อยคอในมือ ส่งให้เธอสวมใส่ตามคำขอจนเป็นที่เรียบร้อยน้ำข้าวก้มลงประทับรอยจูบไว้ที่จี้แม่กุญแจ

“ฝากรอยไว้แล้วนะ นี่คือคนรักของน้ำข้าว”มือเล็กๆ เอื้อมดึงสร้อยคอของเธอออกมาพร้อมจี้ที่เป็นลูกกุญแจเล็กๆให้ชายหนุ่มตรงหน้าดู “ส่วนอันนี้ของน้ำข้าว ไม่มีใครมาไขแม่กุญแจอันนี้ได้นอกจากน้ำข้าวคนเดียว”ยิ้มสดใสทำให้หัวใจใครบางคนพองโต โอบกอดร่างเล็กแนบแน่นอกอบอุ่น

“เกล้ารักข้าว”

“อื้มน้ำข้าวก็รักพี่เกล้ามากมายเหมือนกัน”รัฐเกล้าคลายอ้อมกอดและจับร่างบอบบางให้นั่งลงบนตักตามเดิม มือเอื้อมหยิบสมุดไดอารี่ขึ้นมาเปิดออกทีละหน้าๆ“จำได้ไหมเกมสะสมคำของพี่เกล้า”

“อืม”

“น้ำข้าวไม่เคยตอบพี่เกล้าเลยแต่คำตอบอยู่ในไดอารี่สามเล่มนี้หมดแล้ว”

รัฐเกล้าเปิดสมุดแต่ละหน้าด้วยยิ้มละมุนเขาหันมามองน้ำข้าวก่อนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แก้มนวลเนียนจนลมหายใจสัมผัสผิวหน้าใส ความใกล้ชิดทำให้เกิดความหวั่นไหวใจเต้นไม่เป็นจังหวะรับรู้ได้ถึงกลิ่นของความหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอด ทั้งสองมองสบตากัน รัฐเกล้าค่อยๆเลื่อนมือขึ้นมาโอบไหล่น้ำข้าวไว้ ส่วนอีกข้างจับสัมผัสแก้ม ใบหน้าคมคายโน้มเข้าหาริมฝีปากประกบปากอิ่มด้วยรสรอยจูบแสนหวานดูดดื่มค่ำคืนของกันและกันเริ่มต้นขึ้น ความสุขทุกวินาทีที่มีตราตรึงในใจไปแสนนาน...

อาทิตย์ถัดมา..

การสอบปลายภาคเริ่มต้นขึ้น นักศึกษาทั้งหลายต่างเคร่งเครียดกับการทำข้อสอบที่แสนหฤโหดสำหรับบางคนที่ไม่เคยเข้าใจเนื้อหาวิชาเรียนแต่จำใจต้องทำข้อสอบเพื่อเอาไว้บอกใครต่อใครว่าได้ทำดูจะเป็นคำตอบที่น่าจะดูดีที่สุดแล้ว

“โอ๊ยฉันทำข้อสอบไม่ได้เลยอ่ะจะตกไหมเนี้ยย!!” สีหน้ากังวลใจเกี่ยวกับผลคะแนนที่จะตามมาภายหลังส่งเสียงโวยวายเมื่อก้าวเดินออกจากห้องสอบ

“อย่าว่าแต่ต๊อกแต๊กเลยพริกก็ทำมั่วสุดๆ อะแก”

“ยัยข้าวล่ะยังไม่ออกจากห้องสอบอีกเหรอ”

“ออกมาแล้วสิ เพราะพริกไม่เห็นยัยข้าวในห้องแล้วนะแก”

“อ้าวแล้วยัยข้าวไปไหนเนี้ย” สายตากวาดมองร่วมด้วยช่วยกันหาเพื่อนสนิทไปรอบบริเวณหน้าคณะเรียนจุดนัดหมาย

“น้ำข้าวอยู่นี่” เจ้าของเสียงหวานเดินมานั่งลงข้างๆด้วยสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด

“เป็นไรเปล่าแกทำไมทำหน้างั้นล่ะยัยข้าว”

“วันนี้น้ำข้าวเป็นอะไรไม่รู้ทำไมรู้สึกไม่สบายใจบอกไม่ถูก”

“ทำข้อสอบไม่ได้เหรอยัยข้าวอย่างเธออะนะทำไม่ได้ฉันไม่เชื่อออออออ!!”น้ำเสียงแปลกใจรุนแรงตั้งคำถามส่งให้เพื่อนถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความกังวลในใจ

“เปล่าน้ำข้าวคิดถึงพี่เกล้าแปลกๆ”

“แหม๋!!”เสียงดังประสานกันอย่างจงใจ

“คิดถึงแฟนแปลกตรงไหนล่ะแก”

“นั่นสิ แปลกตรงไหนยัยข้าว”

“น้ำข้าวก็ไม่รู้อ่ะ”เจ้าตัวพยายามหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นในใจ คล้ายมีบางอย่างที่สัมผัสได้

“คิดมากไปหรือเปล่ายัยข้าว” ใบหน้าใสๆถอนใจปัดความคิดไม่สบายใจทิ้งหันมายังวงสนทนา

“สอบเสร็จแล้วเราไปแก้เครียดกันหน่อยดีไหมแก”

“เอาสิ ไปเดินช็อปปิ้งกันดีกว่าไปไหมยัยข้าว”

“อือ ไปสิ”

ห้างสรรพสินค้า..ในความพยายามที่จะไม่คิดฟุ้งซ่าน ไม่ว่าจะเดินผ่อนคลายก็แล้วนั่งรับประทานอาหารก็แล้วช็อปปิ้งก็แล้วแต่ความไม่สบายใจกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยน้ำข้าวยังคงคิดถึงแต่รัฐเกล้าอย่างกังวลภายในใจ รู้สึกห่วงใยคนรักแปลกๆ โดยไม่ทราบสาเหตุที่มันเกิดขึ้น

“นี่ยัยข้าวพวกฉันไม่ได้บังคับให้เธอมาเดินนะยะทำหน้าตาให้มันสดใสหน่อยสิ”

“นั่นสิแก”

“น้ำข้าวคิดไรเพลินๆ อ่ะ”

“อ้าว!! ข้าวไม่ได้อยู่กับไอ้เกล้ามันเหรอ”เสียงชายหนุ่มดังขึ้นเรียกร้องความสนใจเมื่อเดินมาเจอกับกลุ่มสามสาวเพื่อนซี้คล้ายคนรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี

“อ้าวพี่กันย์ ตั้งแต่เมื่อเช้าน้ำข้าวยังไม่เจอพี่เกล้าเลยโทรไปก็ปิดเครื่อง”

“หนูไม่รู้เหรอว่าพ่อไอ้เกล้าเสียแล้ว”

“...”

“ห๊า!!พี่กันย์ว่าไงนะ” เสียงประสานแสดงอาการตกใจสุดขีดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยิน

“ง่า... อย่าประสานเสียงกันสิพี่กันย์ตกใจนะ”

“พี่กันย์อย่ามาลีลาเล่ามาเร็วๆ”ต๊อกแต๊กพยายามเปล่งเสียงมีอำนาจขู่เข็นให้คู่สนทนาอธิบายต่อ

“พ่อไอ้เกล้าหัวใจล้มเหลวเมื่อคืนตอนนี้อยู่ที่วัด ไอ้เกล้ามันเพิ่งรู้จากนุ่มนิ่มเมื่อเช้า พี่กันย์ก็เห็นมันรีบออกจากห้องไปอย่างด่วนเลยพี่คิดว่าข้าวรู้แล้วซะอีก นี่พี่กำลังจะไปผับไปรับไอ้วิณกับไอ้แฟรงค์ให้ไปงาน” น้ำข้าวยังคงนิ่งเงียบในใจกระวนกระวายคิดถึงแต่รัฐเกล้า

“แล้วพ่อพี่เกล้าอยู่วัดไหนเหรอพี่กันย์”หลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน น้ำข้าวดึงสติกลับมาถามถึงสถานที่จัดงาน

“เอางี้ เดี๋ยวไปพร้อมพี่เลยไหมแวะไปผับรับคนอื่นก่อน”

“ไปสิๆ พี่กันย์นำไปนะเดี๋ยวต๊อกแต๊กขับรถตามไป” ทุกคนไม่รอช้าก้าวเดินออกจากห้างสรรพสินค้าเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง

บรรยากาศภายในงานศพสร้างความหดหู่ด้วยผู้คนมากมายแต่งกายด้วยชุดขาวดำเสียงร่ำไห้ยังคงดังกึกก้องไปทั่วศาลาวัดหญิงวัยกลางคนผู้สูญเสียชายอันเป็นที่รักส่งเสียงคร่ำครวญน้ำตาหลั่งไหลแทบจะเป็นสายเลือดเธอนั่งร้องห่มร้องไห้อาลัยอาวรณ์อยู่หน้ารูปภาพสามีที่ตั้งไว้ข้างโลงศพประดับประดาไปด้วยพวงหรีดแสดงความเสียใจ

“คุณค่ะ คุณทิ้งฉันไปทำไม ฮือๆมารับฉันไปอยู่ด้วยสิค่ะ ฮือๆ ฉันทำใจไม่ได้”เสียงร่ำไห้พร่ำเพ้อเรียกหาแต่ผู้ล่วงลับที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว

“คุณป้าค่ะ ทำใจดีๆ ไว้นะคะคุณลุงไปสบายแล้ว เข้มแข็งไว้นะคะ”

“นุ่มนิ่มช่วยป้าด้วย ฮือๆ ทำไมพ่อตาเกล้าด่วนจากไปเร็วแบบนี้ฮือๆ”

“คุณป้ายังมีเกล้า ยังมีนิ่มคุณป้าต้องเข้มแข็งไว้นะคะ... คุณป้า!! คุณป้า!!” ไม่ทันจบประโยคปลอบใจหญิงวัยกลางคนผู้สูญเสียเป็นลมล้มพับหมดสติอยู่ในอ้อมกอดของนุ่มนิ่ม

กลุ่มคนที่มาร่วมงานพากันวิ่งมุงดูเหตุการณ์และช่วยกันประคองคนเป็นลมให้มานอนพักเพื่อเรียกสติคืนกลับมาบรรยากาศรอบงานสร้างความโศกาและสะเทือนใจสาหัส

“สงสารแม่พี่เกล้าจังเนอะแก” น้ำเสียงสลดบวกกับสายตาละห้อยมองยังคนเป็นลมหมดสติอย่างสงสาร

“ว่าแต่พี่เกล้าไปไหนตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็นหน้าพี่เขาเลยอ่ะ ยัยข้าว”

“น้ำข้าวก็มองหาอยู่” สายตาเศร้าๆกวาดมองคนรักไปรอบบริเวณแต่ไร้วี่แวว

“ไอ้เกล้ามันคงไปทำใจที่ไหนซักแห่งเมื่อกี้พี่เดินไปคุยกับนิ่มมาเห็นบอกขับรถออกไปซักพักแล้วล่ะจ๊ะ”เพื่อนนักดนตรีร่วมวงส่งเสียงบอกเล่าในสิ่งที่รับรู้

“พี่กันย์รบกวนไปส่งน้ำข้าวที่คอนโดพี่เกล้าได้หรือเปล่าค่ะ”

“อ่า ได้สิจ๊ะ”

“นี่ยัยข้าวรู้เหรอว่าพี่เกล้าอยู่ไหน”

“น้ำข้าวไม่แน่ใจอ่ะแต่จะลองไปตามหาดู”

“ขอให้เจอพี่เกล้านะแก”

ช่วงเวลาค่ำคืน..ตอนปลายของฤดูหนาว อากาศยังคงความเยือกเย็นไว้รอบบริเวณสวนหย่อมกว้างความเงียบสงบทำให้ความคิดของใครบางคนล่องลอยไปไกลเหมือนต้องการพักผ่อนจิตใจที่โดนกัดกร่อนไปด้วยความเจ็บปวด ภาพพ่ออุ้มลูกชายคนเดียวเพื่อพาเดินเล่นรอบบ้านหลังใหญ่ผุดขึ้นมาในสมองนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้เกือบยี่สิบปีแล้ว ความอบอุ่นที่เขาเองไม่มีวันลืมเลือนความรักความห่วงใยและความหวังดีที่ผู้เป็นพ่อพร้อมหยิบยื่นให้ลูกชาย ตั้งแต่เล็กจนโตเขาได้รับมาเสมอไม่เคยขาดตกบกพร่องจนวันหนึ่งเกิดปัญหาระหองระแหงทำให้สองพ่อลูกสานต่อความสัมพันธ์ได้ไม่ดีดังเดิม

(แกต้องเรียนบริหารเพื่อมารับกิจการต่อจากฉัน!!)

(ผมไม่ต้องการผมต้องการทำตามฝันที่ผมวางเอาไว้ ชีวิตของผม ผมตัดสินใจเองได้)

(แกเป็นลูกฉัน!! แกต้องเดินตามทางที่ฉันกำหนดไว้ให้แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน)

(...)

(คุณค่ะ คุยกันดีๆ สิค่ะอย่าบังคับลูกเลย)

(ยังไงผมก็จะเดินตามทางของผม)

(ถ้าแกยังอวดดีแกก็ไม่ต้องเรียกฉันว่าพ่อแล้วก็ออกไปจากบ้านนี้ซะ!!)

(คุณค่ะ!!อย่าไล่ลูกไปค่ะ คุณค่ะ!)

(ต่อไปนี้ฉันจะจำไว้ว่าฉันไม่มีลูกอวดดีอย่างแก!!)

“อยู่นี่เองในที่สุดก็จับตัวได้แล้ว”วงแขนบอบบางโอบรัดร่างสูงไว้ในอ้อมกอด พาความคิดเมื่อครู่เลือนหายไป ใบหน้าใสๆ อิงซบแผ่นหลังกว้างแนบแน่นตามที่ใจเฝ้าตามหาความอบอุ่นที่คุ้นเคย

“...”

“คิดว่าหนีน้ำข้าวพ้นเหรอ มือแข็งแรงสัมผัสวงแขนที่โอบกอดรอบเอวก่อนหันกลับมาสวมกอดเธอผู้เป็นดังดวงใจไว้แนบแน่นเหมือนกำลังรอคอยกำลังใจจากใครซักคน

“...”

“พี่เกล้าไม่สบายใจมากใช่หรือเปล่าถึงได้หนีมาอยู่คนเดียวแบบนี้”

“...”

“ตอนนี้กำลังอ่อนแอมากใช่ไหมอยากระบายมันออกมาให้น้ำข้าวรับฟังหรือเปล่าค่ะ” ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมีเพียงหยดน้ำตาของลูกผู้ชายที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป

“...”

“ระบายออกมาเถอะคะไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือน้ำตา น้ำข้าวจะอยู่ข้างๆ พี่เกล้า”วงแขนบอบบางกระชับรอบเอวร่างสูงไว้แน่นราวปลอบใจกับปัญหาที่กำลังเผชิญต่อสู้เวลานี้

“เกล้าทำผิดไปเกล้ารู้สำนึกมันก็สายไปแล้ว แบบนี้จะให้อภัยตัวเองได้ไงกันแม้แต่คำว่าขอโทษซักคำเกล้ายังไม่เคยพูดให้เขาได้ยิน” มือบอบบางค่อยๆเอื้อมขึ้นลูบไล้เส้นผมอย่างปลอบประโลม

“น้ำข้าวเข้าใจพี่เกล้าดีรู้ว่าตอนนี้เสียใจแค่ไหน น้ำข้าวจะอยู่ตรงนี้คอยเป็นกำลังใจใกล้ๆ ไม่อ่อนแอนะคะ” “...” รัฐเกล้ากระชับวงแขนแน่นขึ้นต้องการซึมซับกำลังใจจากคนที่อยู่ในอ้อมกอดณ เวลานี้เพื่อต่อสู้กับความอ่อนแอ

“น้ำข้าวเชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในใจพี่เกล้าพ่อพี่เกล้าท่านคงรับรู้แล้วล่ะค่ะว่าพี่เกล้าเสียใจแค่ไหน อย่าเพิ่งท้อแท้นะคะ พี่เกล้ายังเหลือแม่อีกคนที่ต้องคอยดูแลและเป็นกำลังใจให้ท่านพี่เกล้าต้องเข้มแข็งและชนะความอ่อนแอให้ได้นะ น้ำข้าวจะอยู่ข้างๆพี่เกล้าแบบนี้ค่ะ”




Create Date : 06 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:45:14 น.
Counter : 752 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments