พฤศจิกายน 2555

 
 
 
 
2
3
5
8
9
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
10 พฤศจิกายน 2555
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่25

Chapter 25

ในสถานที่แออัดไปด้วยผู้คนพลุกพล่านมากมายอย่างสวนสนุกไม่ว่าจะเสียงดังรอบด้านหรือบรรยากาศสนุกสนาน ไม่ได้มีผลใดๆ ต่อสภาวะจิตใจย่ำแย่ให้ดีขึ้นมาได้น้ำข้าวยังคงเหม่อลอย ไร้ความรู้สึกใดๆ นอกจากเจ็บปวดรวดร้าว ภายในใจยังคงมีสิ่งต่างๆเกี่ยวกับคนรักวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เธอไม่สนใจผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงหน้าโสตประสาทไม่รับเสียงใดๆ เข้าหู เธอยังคงคิดถึงแค่รัฐเกล้าคนเดียวเท่านั้น

“พี่น้ำข้าว”

“...”

“พี่น้ำข้าว!!”เสียงห้าวเรียกชื่อดังๆ ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกตัว จนมือแข็งแรงเอื้อมแตะบนไหล่ถึงทำให้เธอตื่นจากภวังค์“เป็นไรหรือเปล่าฮะ ทำไมใจลอยจัง”

“อ่อ ปละ..เปล่าพอดีพี่คิดไรเพลินๆ หน่ะ”

“กำลังคิดถึงผมอยู่หรือเปล่า ฮ่าฮ่า” น้ำเสียงทะเล้นพยายามปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้นเพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับบุคคลอันเป็นที่รักที่เขาแอบหวังว่าสักวันเธอคงหันมามองและสนใจเขาบ้าง

“แหม๋ คอปเตอร์” ใบหน้าใสพยายามฝืนยิ้มจางๆออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจทั้งหมดและทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้

“ผมล้อเล่นอยากให้พี่น้ำข้าวยิ้มแบบนี้จังฮะ”

“...”

“ผมว่าพี่น้ำข้าวยิ้มแล้วมีชีวิตชีวามากเลยดูโลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะเลยนะฮะ”ในความทะเล้นแฝงไว้ด้วยความห่วงใยที่อ่อนโยนสั่นไหวในแววตา ทั้งสงสารทั้งอยากปลอบประโลม

“พูดไปเรื่อยนะเรา”

“ก็จริงนิ ผมดีใจมากเลยนะที่พี่น้ำข้าวมาสวนสนุกตามคำเชิญของผมพี่จะได้มาเปิดหูเปิดตาทิ้งเรื่องรกสมองออกไปซะบ้าง”

“พี่อยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำเลยออกมาคลายเครียดบ้าง แล้วนี่เราจะยืนคุยกันอยู่ตรงนี้อีกนานไหม”

“อ่อ.. เดินไปข้างในกันดีกว่าฮะ”

เสียงอึกทึกครึกโครมดังกึกก้องไปรอบบริเวณด้วยเครื่องเล่นมหาสนุกที่มีผู้คนต่อคิวรอใช้บริการอย่างแน่นขนัดไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นน่าหวาดเสียวอย่างรถไฟเหาะตีลังกาที่วิ่งเร็วราวกับจะหลุดลอยออกจากรางเลื่อนไวกิ้งเรือขนาดมหึมาโยกเหวี่ยงรุนแรง และเครื่องเล่นอื่นๆที่ลดหลั่นความน่ากลัวลงตามลำดับ

“เราจะไปไหนต่อดีนั่งเรือก็แล้ว ดูโชว์ก็แล้ว รถไฟเหาะตีลังกาก็นั่งแล้ว”

“พี่เหนื่อยแล้วพักก่อนดีกว่านะ”

“ได้ฮะ ไปนั่งตรงโน้นดีกว่าสั่งอะไรกินกันด้วย”

“อือ”สองร่างพากันเดินไปยังม้านั่งขนาดยาวในสวนหย่อมที่ทำไว้เพื่อผ่อนคลายและพักพิง

“สนุกหรือเปล่าฮะ”

“สนุกดีนะ ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้ว”

“พี่น้ำข้าวดูหงอยๆ ไปนะช่วงนี้มีอะไรหรือเปล่าฮะ บอกผมได้นะ ผมอาจช่วยรับฟังปัญหาอย่างน้อยได้ระบายก็คงสบายใจขึ้นมาบ้าง”

“ไม่มีอะไรนิ พี่สบายดี”

“อย่าปิดผมเลย ผมดูออกพี่น้ำข้าวมีปัญหากับแฟนใช่ไหม”

“อย่ามาทำเป็นรู้ดีนะเรา พี่บอกไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ”ใบหน้าหวานๆ พยายามบ่ายเบี่ยงหลบสายตาหันไปทางอื่นแสร้งแสดงว่าไม่เป็นอะไร

“พี่น้ำข้าวบอกไม่เป็นไรแต่ดูสิทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนี้ จะให้ผมเชื่อเหรอว่าพี่ไม่เป็นอะไร”แววตาเจ็บปวดอยากมีส่วนร่วมให้คนที่เขาแอบรักรู้สึกดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

“...”

“ระบายออกมาเถอะฮะระบายมันออกมาให้หมด”

“...”แค่คำพูดไม่กี่คำที่สะกิดแผลในใจ มันเหมือนฆ้อนอันใหญ่ทุบทำลายเขื่อนหินที่ปิดกั้นน้ำตาเอาไว้จนมันไหลทะลักออกมาเหมือนจะไม่มีวันเหือดแห้งได้อีกแล้วน้ำข้าวเอามือปิดหน้าตัวเอง นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น สิ่งต่างๆ ที่เก็บกดอยู่ในใจมันกลั่นออกมาเป็นน้ำตา

“พี่น้ำข้าว” คอปเตอร์ขยับกายนั่งข้างๆเอามือดึงร่างบางมาโอบไว้ที่ไหล่เพื่อไว้เป็นที่พักพิงให้เธอซบและร้องไห้อยู่อย่างนั้น “อย่าเก็บมันไว้เลย ร้องออกมาให้พอ จะได้ระบายความเสียใจออกมาให้หมดนะฮะ”น้ำตาไหลท่วมมือที่ปิดหน้าเอาไว้จนลามไปที่เสื้อของคนปลอบใจเปียกชุ่มไปทั่วไหล่เป็นวงกว้าง

“พี่คงรักเขามากใช่ไหมพี่เลยเจ็บปวดแบบนี้” ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากน้ำตาและเสียงสะอึกสะอื้นเบาๆ ไม่รู้อีกนานแค่ไหนความรู้สึกแย่จะจบลงความหวั่นไหวในใจทำลายล้างความรู้สึกดีหมดสิ้นคงรอแค่เวลาที่จะเยียวยารักษาแผลในใจ

ณโรงพยาบาล

ห้องพักนายแพทย์ใหญ่ดูสงบเงียบเป็นส่วนตัวเวลาไร้ผู้คนเยี่ยมเยือนมือและสมองร่วมด้วยช่วยกันกำลังระดมความคิดจัดการงานที่มีให้รับผิดชอบเต็มโต๊ะสมาธิให้ความสนใจต่อภารกิจตรงหน้าต่อเนื่องจนมีเสียงเคาะประตูหน้าห้องและร่างบอบบางหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าละลายสมาธิการทำงานหมดสิ้น

“วันนี้พายุคงเข้ากรุงเทพแน่ๆ น้องสาวสุดที่รักมาหาพี่ได้”มือแข็งแรงวางมือจากงานทั้งหมดลุกยืนเดินหาคนสำคัญ ส่งยิ้มบางๆให้คล้ายได้พลังมาเติมเต็มกำลังใจ

“แหม๋น้ำข้าวแวะมาหาพี่ต้นก็บ่นเนอะ”

“ไม่ได้บ่นนะแค่แปลกใจเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย พี่ก็ไม่ว่างไปหาเราซะด้วยสิ”

“มัวแต่เที่ยวกับสาวๆ อยู่ละสิเลยลืมน้ำข้าว”

“ว่าไปนั่น”

“เมื่อวานน้ำข้าวไปสวนสนุกมา เกิดคิดถึงตอนเด็กที่พี่ต้นพาน้ำข้าวไปขึ้นมาวันนี้ก็เลยมาหาพี่ต้น”

“โตแล้วนะเรา ไม่ใช่เด็กๆ ยังไปเที่ยวสวนสนุกอีกว่าแต่ทำไมวันนี้หน้าซีดเซียวแบบนั้นล่ะ” สายตาสำรวจสอดส่องใบหน้าหวานที่ดูผิดปกติ

“ซีดเหรอพี่ต้นน้ำข้าวนอนไม่ค่อยหลับมั้ง” เธอเดินกุมขมับสะบัดหน้าไล่ความมึนงงออกจากสมองแต่แล้วภาพรอบตัวก็ค่อยๆเลือนหาย ปกคลุมด้วยความมืดสนิทสติดับวูบในที่สุด...

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...

ร่างบางนอนราบอยู่บนโซฟาที่พักมีพี่ชายนั่งดูแลอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างไปไหน จนเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองรอบๆห้องสะอาดตาสีขาวสว่างไสว

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ...”

“พี่ต้น... น้ำข้าวเป็นอะไรไปอ่ะทำไมน้ำข้าวมึนหัวจังเลย”

“น้ำข้าวเป็นลม พักผ่อนน้อยไปหรือเปล่าพี่ว่าควรพักผ่อนให้เยอะกว่านี้นะร่างกายดูทรุดโทรมไปเยอะเลยวันนี้อยู่ที่นี่กับพี่นอนพักซักวันแล้วกันนะ”

“...”

“พี่มีเรื่องอยากถาม”

“เรื่องไรค่ะพี่ต้น ถามมาสิ”เสียงตั้งคำถามส่อแววสงสัยมองยังพี่ชายที่จ้องหน้าเขม็ง

“ตอนนี้มีอาการอะไรที่ผิดปกติเกิดกับตัวเองบ้างไหม”

“อือ ก็มีเหมือนกันนะน้ำข้าวรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ค่อยออก เหม็นโน้นเหม็นนี่ตลอดเวลาเหนื่อยแล้วก็เพลียง่ายแต่คงเพราะนอนน้อยไปแหละมั้ง มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

“พี่อยากให้เราไปตรวจให้แน่ใจดีกว่าไหม? ว่าพี่ไม่ได้เข้าใจผิด...คิดไปเอง...”

“...”

“น้ำข้าว...”

“คะ ค่ะ”

“ตรวจได้ไหม”

“ค่ะพี่ต้น” ต้นกล้าจัดแจงพยุงน้องสาวใส่รถเข็นพาไปตรวจร่างกายหาสาเหตุของอาการต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อความแน่ใจในบางสิ่งบางอย่าง

ห้องพักผู้ป่วย..ร่างบางบนเตียงนอนคนไข้มีอาการเหม่อลอยด้วยความคิดหลายๆ อย่างสารพัดจนสับสนกระวนกระวายใจแต่หลักๆ ยังคงไม่พ้นเรื่องของคนรักที่เปลี่ยนแปลงร่างกายอ่อนแอไม่มีผลใดๆแต่สิ่งที่กระทบอย่างจังเห็นจะเป็นหัวใจบอบช้ำที่ยังหาทางออกไม่เจอ

“น้ำข้าว...” เสียงเรียกชื่อดึงเธอจากความคิดสับสนทั้งหลายหันมองตามคนคุ้นเคยที่เปิดประตูเดินตรงมายังเตียงนอนน้ำข้าวพยายามพยุงร่างกายลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนมองหน้าพี่ชาย

“ผลเป็นไงมั้งค่ะพี่ต้น”

“น้ำข้าวกำลังจะมีเด็ก... ตอนนี้ตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว”อาการชาแทรกความรู้สึกวิ่งแผ่ซ่านไปตามร่างกาย จุกที่หน้าอกจนพูดอะไรไม่ออกความรู้สึกตื้นตันใจที่ได้สัมผัสคำว่าแม่ทำให้อบอุ่นที่หัวใจแทนที่ความกระวนกระวายเมื่อครู่หมดสิ้น

“...”

“พี่ต้น... น้ำข้าวกำลังจะมีลูก”

“...”

“น้ำข้าวกำลังจะเป็นแม่คน”

“...”ต้นกล้ากำมือไว้แน่นจนเส้นเลือดปูดเขาเก็บกดอารมณ์หลายๆ อย่างไว้ในอกพยายามควบคุมเอาไว้ไม่ให้ปะทุออกมา สิ่งที่เขาเป็นกังวลไม่ใช่เรื่องเขากำลังจะมีหลานแต่เพราะน้องสาวคนที่เขารักสุดหัวใจตอนนี้กำลังอ่อนแอเพราะต้องเผชิญกับความรักที่โดดเดี่ยวเดียวดายแล้วเธอจะอยู่ต่อไปอย่างไรทั้งที่ขาดกำลังใจอย่างมากในเวลานี้ โดยเธอต้องทนอยู่กับคำว่าถูกทิ้ง

“พี่ต้น ไม่ดีใจกับน้ำข้าวเหรอ”

“เราต้องบอกเรื่องนี้ให้พ่อเด็กรับรู้”เสียงดุดัน สีหน้านิ่งๆ ทำให้คนฟังเดาอารมณ์ไม่ถูก

“อย่าบอกนะพี่ต้น...”

“ทำไม! พี่ขอเหตุผล”

“ก็...น้ำข้าวไม่อยากทำให้พี่เกล้ามีปัญหาอีกแล้วตอนนี้พี่เกล้ากำลังมีชีวิตที่ดีแล้วปัญหาทุกอย่างก็จบแล้ว”

“นี่ก็ปัญหาที่เขาต้องรับรู้และแก้ไขอย่างด่วนที่สุด”

“น้ำข้าวขอร้อง...พี่ต้นอย่าบอกเรื่องนี้ให้พี่เกล้ารู้ได้ไหม” สายตาอ้อนวอนส่งผ่านหาพี่ชายทำให้ความร้อนระอุในใจค่อยๆสร่างซา

“แล้วลูกล่ะ?เด็กเกิดมาต้องมีพ่อ เราจะทำเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ได้นะ...”

“น้ำข้าวจะเป็นทั้งแม่แล้วก็พ่อให้ลูกของน้ำข้าวเอง”

“...”

“พี่ต้นไม่ต้องเป็นห่วงน้ำข้าวนะค่ะน้ำข้าวโตแล้ว น้ำข้าวเข้มแข็งพอเพราะน้ำข้าวยังมีพี่ต้น มีแม่ แล้วก็มีเพื่อนๆที่รักคอยดูแลน้ำข้าวใกล้ๆ”

“...” ต้นกล้าได้แต่ยืนนิ่งๆสงบจิตใจที่ร้อนลุ่มให้เย็นลงเป็นปกติ

“พี่ต้น...” มือสั่นเทาเอื้อมแตะพี่ชายที่ยืนนิ่งคล้ายกำลังหาทางออกของเรื่องนี้เสียงถอนใจหนักหน่วงก้มหน้าหลบสายตาลงต่ำอยู่พักใหญ่ก่อนตัดสินใจหันมองหน้าน้องสาวอีกครั้ง

“พี่รักน้ำข้าว..”

“...”

“แต่งงานกับพี่นะ..”ฝ่ามืออบอุ่นพลิกกุมมือบอบบางไว้แน่น

“พี่ต้น...” น้ำเสียงแผ่วดังอยู่ในลำคอมองหน้าพี่ชายด้วยอาการตกตะลึงกับคำพูดที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่

“น้ำข้าวไม่ต้องรักพี่ก็ได้... แต่น้ำข้าวต้องทำเพื่อลูก...เราแต่งกันแค่ในนามก็ได้”

“พี่ต้นอย่าทำลายความสุขตัวเองแบบนี้สิพี่ต้นยังเจอใครอีกหลายคนที่เขารักพี่ต้นจริงๆ”

“พี่ไม่ต้องการใครพี่ต้องการแค่น้ำข้าวคนเดียว เรื่องทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่เอง”

“พี่ต้น... น้ำข้าวขอโทษค่ะ น้ำข้าวยังทำใจไม่ทันน้ำข้าวสับสนไปหมดแล้ว”

“เราปล่อยให้เวลาผ่านไปไม่ได้แล้วนะปัญหานี้เราต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด พี่รู้ว่าเราทำใจลำบากแต่เราต้องทำเพื่อลูกน้ำข้าวนอนพักก่อนนะพี่ขอเวลาไปจัดการธุระก่อนเดี๋ยวพี่มา” ร่างสูงผละห่างออกจากเตียงนอนพักผู้ป่วยแต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนแขนโดนคว้าไว้ให้หยุดยืนอยู่กับที่นิ่งๆ

“พี่ต้นจะไปไหน...”

“พี่บอกว่าจะไปทำธุระไง”เสียงสงบนิ่งบ่งบอกถึงอารมณ์ขุ่นเคืองของพี่ชายได้เป็นอย่างดี

“พี่ต้นจะไปหาพี่เกล้าใช่ไหม...”

“ผู้ชายคนนั้นต้องรับรู้เรื่องนี้ถึงเขาจะไม่รับผิดชอบแต่เขาต้องรับรู้เรื่องนี้!!”

“น้ำข้าวขอร้องอย่าบอกเรี่องนี้ให้พี่เกล้ารู้ได้ไหม...แล้วน้ำข้าวจะแต่งงานกับพี่ต้นเพื่อลูก” ต้นกล้าไม่หันกลับมามองน้องสาวแต่อย่างใดเขาเดินตรงดิ่งออกจากห้องทันที

หลังบานประตูปิดลงโทรศัพท์ถูกหยิบขึ้นต่อสายถึงใครบางคนทันทีเช่นกัน“ต๊อกแต๊กเหรอ นี่พี่ต้นเองนะ พี่รบกวนตามหานายรัฐเกล้าให้หน่อยได้ไหมครับพี่มีเรื่องสำคัญต้องคุยกับเขาด่วน”

ณ มหาวิทยาลัย... เสียงอึกทึกครึกโครมดังกึกก้องไปทั่วบริเวณหน้าตึกคณะเรียนด้วยเสียงผู้คนที่แห่มุงดูความวุ่นวายบางอย่างคล้ายเกิดสงครามการต่อสู้

“ห้ามสิว่ะ คนกำลังตีกัน ไปตามอาจารย์มาก็ได้”

“ใครก็ได้ห้ามทีสิสองคนนี้มีเรื่องกันใหญ่แล้ว”

เสียงโหวกเหวกโวยวายของกลุ่มคนที่ยืนดูเหตุการณ์วุ่นวายชายหนุ่มหนึ่งคนกับเสื้อผ้าหลุดรุ่ยแสดงให้รู้ถึงสภาพของการต่อสู้ที่เกิดขึ้นได้ซักพักเสื้อสีชมพูอ่อนบ่งบอกถึงเสื้อผ้าเนื้อดีหรูหราระดับคนทำงานหลุดออกมาอยู่นอกกางเกงผ้าสีดำทรงสแล็คกระดุมเสื้อสองสามเม็ดบนหลุดกระเด็นขาดออกจากกันโชว์ให้เห็นแผ่นอกกว้างเปลือยเปล่ากำลังกระชากคอเสื้อชายหนุ่มอีกคนในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่มุมปากมีรอยแตกเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวในร่างกายสีแดงสดอย่างที่เรียกกันว่าเลือดกลบปากชายหนุ่มในเสื้อสีชมพูที่ดูได้เปรียบในทุกทางคร่อมกายอยู่บนร่างไร้เรี่ยวแรงที่หมดกำลังจะต่อสู้รัฐเกล้าเตรียมง้างหมัดจะชกลงไปบนหน้าเด็กหนุ่มนักศึกษาอีกครั้ง แต่ทว่าแขนที่ตั้งท่าโดนยึดเหนี่ยวรั้งไว้ก่อนจะได้เหวี่ยงออกไปกระทบใบหน้าเด็กหนุ่มนักศึกษาที่มีรอยแตกช้ำจนบวมเป่งเขียวช้ำ

“นี่นายบ้ามากหรือไง!!”ต้นกล้าใช้ฝ่ามือแข็งแรงกระชากร่างสองร่างที่ต่อสู้ให้หลุดออกจากกันอารมณ์โมโหไม่อาจหายได้ในชั่ววินาที ความบ้าคลั่งยังคงถาโถมขัดขืนแรงดึงเพื่อจะปล่อยหมัดให้สมใจกับความแค้นเคือง

“ปล่อย!!”

“พี่เกล้าพอได้แล้ว” ทั้งแรงห้ามที่ช่วยกันฉุดกระชากลากดึงคู่กรณีทั้งสองให้ออกห่างทั้งเสียงห้ามปรามที่ตะโกนอยู่รอบข้างทำให้รัฐเกล้าได้สติคืนกลับมา แรงต้านทานมหาศาลเมื่อครู่เริ่มลดน้อยลงจนสงบนิ่งในที่สุด

“พี่มันบ้าไปแล้วรู้ตัวไว้ซะ!!”คอปเตอร์ยกมือขึ้นปาดเลือดที่ไหลข้างปากทิ้งด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองอย่างหนักเด็กหนุ่มสะบัดมือผู้คนที่ช่วยกันดึงเขาไว้ออกด้วยอาการหัวเสียและรู้สึกไม่พอใจเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายผ่ายแพ้กับการต่อสู้ครั้งนี้

“มีอะไรกันทำไมถึงต้องลงไม้ลงมือกันแบบนี้ล่ะ” พริกตั้งคำถามเมื่อเห็นแววการต่อสู้ยุติลงและเสียงรอบข้างกำลังเงียบสงบเพื่อรอฟังคำตอบของเรื่องทั้งหมด

“...” ชายหนุ่มหนึ่งในคู่กรณีนิ่งเงียบสายตาเย็นชา ไม่สนใจคำถามและใครหน้าไหนทั้งสิ้น เขายืนสงบเยือกเย็น หายใจถี่ยาวเพื่อคลายความตึงเครียดต่อเหตุการ์ณที่เกิดขึ้น

“ตกลงมันเรื่องไรกันพี่เกล้า ทำไมถึงมาชกต่อยกับคอปเตอร์แบบนี้” ต๊อกแต๊กถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบ

“...”

“ผมผิดตรงไหน!! ผมแค่พาพี่น้ำข้าวไปเปิดหูเปิดตาแล้วก็ทำให้เห็นว่าผมสามารถปกป้องพี่น้ำข้าวได้ผมคนนี้เป็นคนที่อยู่ข้างพี่น้ำข้าวได้ไม่ทิ้งพี่น้ำข้าวเหมือนใครบางคน” น้ำเสียงอวดดีกระแทกกระทั้นใส่วงสนทนาพยุงตัวลุกขึ้นยืนมองหน้าคู่กรณีอย่างไม่ยอมแพ้

“ด้วยการโทรมาบอกให้พี่เกล้าออกมาดูเธอปลอบยัยข้าวนะเหรอคอปเตอร์”ต๊อกแต๊กพูดด้วยสีหน้าเอือมระอาพอจับใจความได้ถึงสาเหตุของการวิวาทที่เกิดขึ้นการกระทำของคอปเตอร์ไม่ว่าเขาจะจริงใจต่อน้ำข้าวแค่ไหนแต่สิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปมันผิดและไร้ความคิดสิ้นดี

“ทำไมพี่ต๊อกแต๊กรู้ล่ะ”

“เพราะฉันอยู่กับพี่เกล้าวันที่เธอโทรมาไงล่ะยะ!!”

“เอาล่ะตอนนี้หยุดปัญหาเรื่องนี้ไปก่อนพี่ขอเวลาคุยกับรัฐเกล้าได้ไหม”

“ค่ะพี่ต้น” ต๊อกแต๊กพยักหน้ารับพร้อมสบตาต้นกล้าและมองไปที่ใบหน้าเย็นชาของรัฐเกล้าด้วยความกังวลใจเรื่องที่ต้นกล้ายอมสละเวลาอันมีค่ามาคงเพราะน้องสาวสุดที่รัก

“ยัยพริกลากนายคอปเตอร์ไปด้วย ฉันจะจัดการมัน!!” สงครามยุติไทยมุงต่างแยกย้ายน้ำเสียงแหลมตวาดใส่ตัวปัญหาที่ก่อเรื่องเพื่อจับตัวถามไถ่ความคิดที่ตั้งใจทำลงไป

“โอ๊ยยยยย เบาๆ สิพี่พริกผมเจ็บนะฮะ” ผ้าเช็ดหน้าห่อหุ้มน้ำแข็งก้อนใหญ่ประคบกับมุมปากที่มีรอยเขียวช้ำอมม่วง

“แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำนะไอ้เด็กบ้า!!พี่เกล้าเขาไม่จัดการนายตั้งแต่เมื่อวานก็บุญเท่าไรแล้วไม่งั้นนายต้องปากแตกให้ยัยข้าวเห็นแน่ๆ”

“แล้วทำไมไม่จัดการซะตั้งแต่เมื่อวานเลยล่ะพี่ต๊อกแต๊กพี่น้ำข้าวจะได้เห็นความป่าเถื่อนของไอ้หมอนั่นจะได้ตาสว่างซะที”

“เรื่องมันเป็นยังไงเหรอคอปเตอร์ทำไมพี่เกล้าถึงมาชกนายวันนี้” สาวตาตี่เริ่มเปิดประเด็นหาเหตุที่กำลังเคลือบแคลงใจ

“จะอะไรซะอีกล่ะเมื่อวานไอ้เด็กบ้านี่ชวนยัยข้าวไปเดินเล่นแล้วเกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมาไม่รู้โทรหาพี่เกล้าอยากให้เขาเห็นภาพบาดตาบาดใจตอนยัยข้าวมีคนกอดปลอบใจอยู่นะสิฉันกำลังเคลียร์กับพี่เกล้าพอดีเลยขอติดรถเขาตามไปด้วย นี่ถ้าฉันไม่ห้ามเขาไว้นะไอ้เด็กนี้กลายเป็นศพไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

“แล้วทำไมวันนี้พี่เกล้าถึงระเบิดขึ้นมาอีกจริงๆ พี่เกล้าไม่ได้มามหาลัยตั้งนานแล้วนะ” สายตาสองคู่ส่งตรงหาตัวปัญหาที่เหยียดยิ้มมุมปากยกน้ำแข็งประกบปากตัวเอง

“ผมโทรไปบอกเขาให้เลิกยุ่งกับพี่น้ำข้าวซะออกไปจากชีวิตเลยยิ่งดี”

“ไอ้เด็กบ้า!!”เสียงตะคอกประสานพร้อมเพรียง

“..!!”

“นี่ไงเหตุผลที่พี่เกล้ามาถล่มหน้านายถึงนี่พวกฉันขอร้องล่ะ จะให้ก้มลงกราบเลยก็ได้ เลิกยุ่งกับยัยข้าวซะที ต่อให้เขาทั้งคู่เลิกคบกันยัยข้าวก็ไม่มีวันมองนายหรอกค๊อปเตอร์” สายตาเศร้าๆ สลดวูบไหวพยายามคิดตามคำพูดของเพื่อนสนิทของคนที่เขาหลงรักและคิดจะแย่งมาครอบครอง

ลานจอดรถในรั้วมหาวิทยาลัย..ชายหนุ่มสองคนยืนสงบนิ่งรอคอยที่จะเจรจาเรื่องบางอย่างเพื่อให้ปัญหาที่เกิดยุติลงโดยเร็วรัฐเกล้ายกบุหรี่ที่จุดติดไฟแดงจ้าขึ้นสูบ ควันสีขาวลอยคละคุ้งสายตานิ่งเฉยดูเยือกเย็นแต่ในใจกำลังร้อนระอุด้วยไฟความโกรธที่โดนปั่นโทสะตั้งแต่เมื่อวานที่ได้เห็นภาพคนที่รักสุดหัวใจโดนโอบกอดอยู่ในอ้อมแขนของเด็กเมื่อวานซืนซึ่งหน้าและอีกสาเหตุคงไม่พ้นความเคลือบแคลงของร่างสูงข้างๆ ที่ดูจะมีปัญหาคับข้องใจปรึกษา

ต้นกล้าควบคุมอารมณ์ให้สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบาดหมางรอบสองเพราะเหตุการณ์วิวาทเมื่อครู่เขาเองรู้ดีว่าชายเบื้องหน้ายอมระเบิดอารมณ์บ้าคลั่งได้เพราะน้องสาวของตน

“ผมมาวันนี้เพื่อต้องการทราบอะไรบางอย่าง”ประโยคหยั่งเชิงเริ่มต้นแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายยังคงสงบนิ่งได้เป็นอย่างดีไม่เห็นแววตาวอกแวกแต่อย่างใด

“...”

“ถ้าผมจะแต่งงานกับน้ำข้าวคุณคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”ประโยคสั่นสะเทือนหัวใจแข็งแกร่งให้หวั่นไหวสายตานิ่งเฉยเมื่อครู่ตวัดมองคนตั้งคำถามอย่างข้องใจถึงสิ่งที่ได้ยิน“ผมแค่อยากรับรู้ว่าคุณไม่ได้สนใจในตัวน้ำข้าวแล้วและผมก็ไม่อยากให้น้องสาวผมเสียใจต่อเรื่องบ้าๆ พวกนี้อีกแล้วถ้าคุณไม่คิดที่จะใยดีน้องสาวผมก็ปล่อยเธอไปตามทางแล้วกันครับ ผมจะดูแลเธอเองส่วนเรื่องงานแต่งถ้ากำหนดได้เมื่อไหร่ขอเชิญด้วย ผมมาบอกเท่านี้ล่ะ ขอตัวนะครับ”

ประโยคทำร้ายจิตใจมาเร็วไปเร็วคล้ายลมพัดผ่านความรู้สึกชาแทรกตามร่างกายเข้าสู่หัวใจทำให้เจ็บปวดรวดร้าวต่อให้สร้างกำแพงน้ำแข็งกั้นสูงแค่ไหนเวลานี้มันพังทลายจนไม่เหลือสภาพดีเขาคงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อดึงหัวใจเขากลับมา เพราะเขาปล่อยให้เรื่องนี้บานปลายและคาราคาซังนานเกินไป 




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2555 14:15:03 น.
Counter : 645 Pageviews.

3 comments
  
ตัวละครชายฝ่ายในเรื่องนี้คะแนนติดลบทั้งหมด
ฝ่ายหญิงให้คะแนนเต็มทุกคน....
โดย: Psycho man วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:21:43 น.
  
รัฐเกล้าจะตัดสินใจได้รึปะ ระหว่างแม่กะคนรักน่าหนักใจเนอะ สงสารต้นกล้าจัง
โดย: ดอกฝิ่น IP: 110.169.147.231 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:13:06:59 น.
  
ลำเอียงนี่ ให้คะแนนแต่สาวๆ @ Psycho man

ตัดสินใจได้แต่มันก็คงสายไปค่ะ T T @ ดอกฝิ่น
โดย: มาโซคิส วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:48:16 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments