ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่19

Chapter 19

เริ่มต้นวันใหม่ของสัปดาห์.. การศึกษาเล่าเรียนยังคงดำเนินตามกิจวัตรประจำวันเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นซ้ำๆ ไม่เปลี่ยนแปลง

“นี่ยัยข้าว วันนี้มีงานอะไรต้องส่งหรือเปล่าย่ะ ต๊อกแต๊กวิ่งหน้าตื่น กระหืดกระหอบยังเบื้องหน้าเมื่อเจอะเจอเพื่อนที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับตำราเรียนอย่างจดจ่อ

“มีสิ เยอะแยะเลยอย่าบอกนะว่าต๊อกแต๊กยังไม่ได้ทำอะไรเลย...” ใบหน้าหวานๆละสายตาจากหนังสือเลิกคิ้วเรียวมองเพื่อนสนิทที่ตีสีหน้ารู้สึกกังวลใจเล็กๆ

“โอ๊ยยยยก็ใช่สิย่ะไม่ได้แตะอะไรเลย เที่ยวเพลินไปหน่อย”

“จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีล่ะแบบนี้”

“นี่ยัยข้าวไม่ต้องมาซ้ำเติมกันเลยนะขอร้องล่ะย่ะเอามาลอกหน่อยเร็วๆ ยัยพริกยังไม่มาอีกเหรอเนี้ย”

“น้ำข้าวยังไม่เห็นเลยอ่ะ”

“ยัยคนนี้ไม่รู้จักเวล่ำเวลาซะเล้ยยยยยมั่วแต่จีบหนุ่มเพลินทั้งคืน”คำพูดหยั่งเชิงคนข้างๆ เรียกร้องความสนใจในท่าที

“เมื่อคืนไปผับกันมาอีกเหรอ...”

“อืมช่วงนี้แวะไปทุกวันเลยล่ะ”

“เหรอ... แล้ว...”

“นี่ยัยข้าวจะถามหาใครก็พูดๆมาอมพะนำอยู่นั่นแหล่ะ ฉันยิ่งใช้สมาธิลอกรายงานอยู่นะยะ”

“เปล่านิ ต๊อกแต๊กลอกไปเถอะสู้ๆนะ” เสียงอึกอักเปลี่ยนเรื่องแกล้งไม่ใส่ใจ ทำให้คนปั่นงานจนมือพันกันแอบอมยิ้มเห็นแววความใจอ่อนเกิดขึ้น

“กรี๊ดดดดดดดดดพริกยังไม่ได้ทำงานเลยล่ะแกกกกกก” เพื่อนสนิทอีกคนวิ่งหน้าตื่นเหมือนโดนพายุเฮอริเคนพัดมาตกลงตรงหน้าโต๊ะชุมนุมจนสายตาทุกคู่จับจ้องเธอด้วยอาการตกตะลึง

“นี่ยัยพริกทำไมหัวกระเซิงแบบนั่นล่ะนี่เหรอลูกสาวนักธุรกิจชื่อดัง โอ๊ยยย ต๊อกแต๊กรับไม่ได้”

“พริกไปทำอะไรมาลืมอาบน้ำหรือเปล่าเนี้ย”น้ำข้าวหลุดขำในลำคอ

“พริกรีบนิพอตื่นมาเห็นว่าเก้าโมงแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร็วสงสัยลืมหวีผมอะแก”

“พอแล้วยัยพริกไม่ต้องสาธยายรีบปั่นเร็วเข้าอีกหนึ่งชั่วโมงจะต้องส่งแล้วย่ะ”

“ยัยข้าวช่วยปั่นวิชาต่างประเทศหน่อยสิพริกไม่เข้าใจเลยอะแกไหว้ล่ะนะช่วยหน่อย” สายตาเว้าวอนขอร้องแต่มีความต้องการแอบแฝงเจ้าเล่ห์เพทุบายในแผนการที่สองสาวเพื่อนสนิทพยายามร่วมมือกัน

น้ำข้าวหยิบหนังสือวิชาต่างประเทศขึ้นมาทำให้ย้อนรำลึกเหตุการณ์คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่เคยได้ไปติวอยู่ที่คอนโดของรัฐเกล้าคนรักผู้ซึ่งห่างเหิน..มันเป็นช่วงเวลาของความสุขที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น ทั้งรอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยมากนักสายตาเย็นชาที่มองไปทีไรก็ไม่เคยเบื่อ เสียงร้องเพลงนุ่มละมุนละไมที่เป็นเหมือนยานอนหลับกล่อมให้ฝันดีความรู้สึกดีหลายๆ อย่างที่ชายคนหนึ่งหยิบยื่นให้ ความห่วงใย ความรักรอยสัมผัสต่างๆ ที่เขาฝากไว้เธอไม่เคยลืมมันได้เลยนับจากวันแรก..

“นี่ยัยข้าวเหม่ออะไรอยู่ล่ะแกช่วยพริกทำงานก่อนสิเดี๋ยวไม่เสร็จน๊า” เสียงปลุกให้ตื่นจากความคิดน้ำข้าวสะดุ้งเล็กๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกทำให้ภาพใครบางคนหายวับไป

“น้ำข้าวทำให้เดี๋ยวนี้แหล่ะ” มือคว้าหยิบปากกาขึ้นมาเขียนคำแปลของศัพท์แต่ละคำลงในหนังสือ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมายในแผนการที่เพื่อนสนิทพยายามหาทางคืนดีสายตาพราวมองสบกันอมยิ้มกรุ่มกริ่มคล้ายถูกใจที่แผนการดำเนินไปได้ด้วยดี

หลังเลิกเรียน..

“นี่ยัยข้าวช่วงนี้ได้ติดต่อพี่เกล้าบ้างหรือเปล่าแก”

“เปล่า...”

“พริกได้ข่าวว่าพี่เกล้าไม่ค่อยมาเรียนเลยนะใกล้สอบแล้วด้วยเห็นไปขลุกอยู่ที่ห้องซ้อมทั้งวันทั้งคืน”

“...”

“คนอกหักก็งี้แหล่ะยัยพริกขนาดคนที่พี่เกล้าเขาต้องการยังไม่สนใจ แล้วเธอจะไปสนใจเป็นห่วงเขาทำไมล่ะย่ะ”คำพูดกระแทกทำใจสะเทือนไหวแต่ทุกอย่างล้วนเป็นแผนที่พยายามปลุกระดมส่วนลึกให้สำนึกตัว

“...”

“พริกก็แค่สงสัยนิแกว่าเขาอกหักจริงหรือเปล่าบางวันที่ผับเห็นสาวๆ มานั่งกระแซะทั้งคืน ผู้ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะจะได้ไม่รู้สึกอะไรถึงพี่เกล้าเขาจะเย็นชาแค่ไหนเขาก็ผู้ชายนะแก”

“...”

“นี่ยัยพริกอย่าว่าคนอื่นเลยถ้าฉันไม่ได้เป็นเพื่อนยัยข้าวฉันก็ไปกระแซะพี่เกล้าเขาเหมือนกันแหละย่ะ หล่อซะขนาดนั้นคงมีแต่คนตาบอดที่มองไม่เห็น”

“...”

“ยัยข้าวนี่จะเงียบตลอดทางเลยหรือไงแค่พูดถึงพี่เกล้านิดเดียวทำไมต้องเงียบด้วยล่ะแกก็เป็นคนบอกเลิกเขาเองไม่ใช่เหรอแล้วจะใส่ใจทำไม เอ๊ะหรือเสียดายน๊า” เสียงเล็กเสียงน้อยส่งสายตาเหล่มอง รอดูสถานการณ์

“น้ำข้าวไม่ได้เป็นอะไรเขาจะทำอะไร จะมีใครมายุ่งก็ไม่เกี่ยวอะไรกับน้ำข้าวนิ” เสียงนิ่งเรียบแต่ในใจสั่นไหวเต้นแรงยากเข้าใจความรู้สึกตัวเองที่สวนทางความคิดและการกระทำ

“นี่ยัยข้าวไม่เกี่ยวจริงเหรอย่ะ”คำถามตอกย้ำอารมณ์เจ็บปวด

“อือ ไม่เห็นจะเกี่ยว”

“แล้วทำไมต้องทำเสียงหงุดหงิดด้วยล่ะย่ะ”

“ปละ เปล่าหงุดหงิดนะ”

“คนเราก็เงี้ยปากไม่ตรงกับใจทำเป็นอดทนเธอหึงก็บอกเถอะย่ะยัยข้าว”

“หึงอะไรกันน้ำข้าวไม่คุยด้วยแล้วกลับบ้านดีกว่า” เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนเดินจากเพื่อนสนิทไปคล้ายเริ่มจนมุมในคำพูดและความคิด

“โฮะๆยัยข้าวอย่าหลอกตัวเองอีกเลย รักเขามากก็กลับไปคืนดีกับเขาซะแล้วอย่าหาว่าพวกฉันไม่เตือนนะยะ”

“ใช่ๆ” เสียงตะโกนพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังตามหลังทำให้คนฟังถามใจตัวเอง อาการของคำว่า‘หึง’ มันรู้สึกหงุดหงิดจนทนไม่ได้ เมื่อรู้ว่ามีหญิงอื่นเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคนรักอย่างที่เธอกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้หรือเปล่าความรู้สึกตอนได้ฟังเพื่อนบอกเล่าว่ามีสาวมากมายรายล้อม อยากยกมือขึ้นปิดหูให้รู้แล้วรู้รอดเพราะมันทำให้ร้อนรนอยู่ในใจ

“ข้าว...” ฝีเท้าหยุดกึกตามเสียงเรียกชื่อพร้อมหันหลังกลับมายังเสียงหวานคุ้นเคยที่จำได้ขึ้นใจเพราะมันเป็นเสียงที่เคยทำลายความรู้สึกเธอมาแล้วด้วยการทวงคู่หมั้นคืนกลับไป

“พี่นิ่มมีอะไรค่ะ”

“ขอคุยด้วยได้ไหม” นุ่มนิ่มเดินเข้ามาจับมือน้ำข้าวเบาๆ ส่งสายตาเกินคาดเดาว่าต้องการอะไร

“...”

“ไม่รู้พี่ทำถูกหรือทำผิดที่ให้ข้าวเลิกยุ่งกับเกล้าตอนนี้พี่เป็นห่วงเกล้ามากเลย เขาไม่กลับคอนโด เก็บตัวเองอยู่แต่ที่ผับไม่ยอมมาเรียนเป็นอาทิตย์แล้วพี่ไปหาก็ไม่ยอมมองหน้าและก็ไม่คุยกับพี่ซักคำ”

“...”

“พี่จะต้องทำยังไงดีให้ได้เกล้าคนเดิมกลับมา”

“...”

“ข้าว.. ช่วยพี่ได้ไหม”

“พี่นิ่มจะให้ข้าวช่วยอะไรค่ะ”

“ช่วยไปตามเกล้ากลับมาเรียนได้ไหมใกล้จะสอบแล้วถ้าเกล้าไม่ได้สอบก็จะไม่จบมหาลัย แล้วถ้าคุณลุงกับคุณป้ารู้เรื่องท่านคงเสียใจหนักกว่าเดิม”

“...”

“ช่วยพี่หน่อยนะพี่ขอร้อง..ถ้าข้าวไปเกลี้ยกล่อมเขาต้องยอมกลับมาแน่ๆ”

“ข้าวไม่รับปากนะคะว่าจะทำได้ไหมแต่ข้าวจะพยายามแล้วกันค่ะ”

“ขอบใจมากนะข้าว” นุ่มนิ่มบีบมือน้ำข้าวเบาๆความหวังในส่วนลึกไม่อาจคาดเดาได้ว่านุ่มนิ่มหวังดีเพื่อรัฐเกล้าจริงๆหรือแค่หาตัวช่วยในการได้อยู่ใกล้ชิดอีกครั้ง

สิ่งที่ตะโกนเรียกร้องอยู่ในใจคือน้ำข้าวต้องการไปพบรัฐเกล้าไม่ใช่เพราะคำอ้อนวอนของนุ่มนิ่มแต่เพราะเธอคิดถึงเขาอยากพบเจอ อยากพูดคุย อยากได้อยู่ใกล้ๆอยากสัมผัสอุ่นไอที่เคยได้รับตามที่หัวใจเรียกร้อง

เวลาค่ำ.. สาวหน้าหวานใช้เวลาเดินทางไม่นานนักถึงที่หมายเธอเดินมาหยุดยืนตรงหน้าสถานความบันเทิงที่เคยมาแล้วหลายต่อหลายครั้งจนคุ้นเคย แต่ณ เวลานี้บรรยากาศดูผิดหูผิดตาไปจากทุกครั้ง มองไปทางไหนก็เงียบสงบไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดสถานที่น้ำข้าวยืนทำใจ พ่นลมออกปากเบาๆ เรียกความกล้าก่อนดันประตูเข้าไปด้านใน พนักงานหลายคนกำลังจัดเตรียมสิ่งต่างๆเพื่อความพร้อมที่จะเปิดสถานความบันเทิงแห่งนี้ น้ำข้าวก้าวเดินตรงไปยังบริกรคนหนึ่งที่กำลังดูแลเคาน์เตอร์รับแขกด้านหน้า

“ขอโทษค่ะไม่ทราบว่าพี่เกล้าอยู่ไหนค่ะ”

“อาจารย์เกล้าอยู่ในห้องซ้อมด้านหลังค่ะ”

“ขอบคุณมากนะคะ” น้ำข้าวเดินตามเส้นทางที่พอจำได้คลับคล้ายคลับคลาคล่ำไปเรื่อยๆ เพราะเธอเคยมาที่ห้องนี้แค่ครั้งสองครั้งและทุกครั้งบรรยากาศก็มืดสลัวทำสับสนจำผิดจำถูกแต่ในที่สุดเธอก็หยุดยืนตรงหน้าห้องซ้อมได้สำเร็จ เสียงถอนใจยาวๆระงับความตื่นเต้น

~ก๊อกก๊อก~ ไม่มีสัญญานตอบรับกลับมานอกจากความสงบนิ่ง น้ำข้าวตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปภายในห้องอย่างถือวิสาสะเสียงพูดคุยของคนหลายคนดังอยู่ไม่ไกลมากนัก น้ำข้าวย่างเดินเชื่องช้าตามเสียงที่ได้ยินเมื่อถึงที่หมายภาพเบื้องหน้าคือหญิงชายห้าถึงหกคนกำลังล้อมวงเล่นไพ่กันสนุกสนาน รวมทั้งคนที่เธอตามหาอยากพบเจอในมือถือแก้วเหล้าข้างหนึ่งอีกมือคีบบุหรี่ไว้หลวมๆ ข้างกายประกบด้วยสาวสวยหุ่นดีหน้าตาเข้าขั้นระดับนางแบบคุยหยอกล้อกันอยู่แต่ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งไม่มีท่าทีจะใส่ใจใครอีกแล้วในโลกนี้ ใบหน้าเรียบเฉยพร้อมสายตาเย็นชาที่คุ้นเคยดูอิดโรยชัดเจนน้ำข้าวหยุดยืนมองนิ่งๆ อย่างไม่ละสายตาใจกระตุกถี่

“อ้าวเห้ย ไอ้เกล้ามีคนมาหาเอ็งว่ะ” เพื่อนร่วมวงดนตรีหันไปหารัฐเกล้าเมื่อสายตาหันไปเห็นสาวหน้าหวานยืนอยู่ไม่ห่างกันนักสายตานิ่งๆ หันมองด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ความเย็นชาส่งผ่านจากแววตามายังคนรักชั่วพริบตาแล้วหันกลับไปมองยังวงไพ่ตามเดิมราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...

ความเจ็บปวดเกาะกุมจิตใจดวงน้อยทันทีที่เห็นความเฉยชาภาวะกดดันเข้ายึดพื้นที่สั่นสะท้านไปทั้งร่างกายคล้ายขาดอากาศหายใจ น้ำข้าวพยายามรวบรวมสติอีกครั้งทั้งที่กำลังโดนทำร้ายด้วยสายตาเย็นชาคู่นั้นน้ำตากำลังจะพังทลายออกมา เธอกลั้นหายใจรวมความกล้าทักทาย

“พี่เกล้า.. น้ำข้าวขอเวลาคุยด้วยได้ไหมค่ะไม่นาน” เสียงบรรยากาศโดยรอบเงียบสนิททุกอย่างหยุดชะงักราวโดนแช่แข็ง

“...” ไม่มีคำพูดใดๆ จากเจ้าของชื่อรัฐเกล้า เขายังคงวางหน้านิ่งเฉยสายตามองไปยังจุดเดิมไม่เปลี่ยนแปลงทำเหมือนทุกสิ่งไร้ตัวตนทุกคนในวงไพ่ต่างมองหน้ากันรอดูสถานการณ์

“ไอ้เกล้า..” เสียงเรียกพยายามทำลายความตึงเครียดที่ความเงียบกำลังมาคุทั่วบริเวณ

“...”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าพี่เกล้าไม่อยากคุยงั้นน้ำข้าวกลับก่อนนะคะ”ร่างบางหันหลับกลับด้วยความรู้สึกย่ำแย่ก้าวเดินให้พ้นจากสถานที่ซึ่งทำลายจิตใจจนพังพินาศ

“เห้ยไอ้เกล้า เป็นบ้าอะไรว่ะ! ที่เอ็งจะเป็นจะตายมาเป็นอาทิตย์ก็เพราะอยากเจอน้องเขาไม่ใช่หรือไง”เพื่อนร่วมวงดนตรีพยายามควบคุมสถานการณ์ เตือนสติคนเย็นชาให้ลดทิฐิละลายน้ำแข็งในใจ

“...”

“พอน้องเขามาให้เจอ เอ็งกลับทำเย็นชาใส่ไม่สนใจแบบนี้เหรอว่ะข้าไม่เข้าใจความคิดเลยว่ะไอ้เกล้า”

“...” รัฐเกล้าถอนหายใจหนักก่อนลุกยืนเต็มความสูง ก้าวเดินตามหัวใจออกไป

เสียงฟ้าร้องคำรามเป็นระยะพร้อมแสงสว่างปรากฏเป็นเส้นผ่าฟาดลงมาเป็นสายท้องฟ้ามืดมิดถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำหนาที่จับกลุ่มเป็นก้อนใหญ่จนมองไม่เห็นพระจันทร์และดวงดาวที่เคยส่องแสงพายุฝนกำลังเดินทาง

น้ำข้าวเดินเยื้องย่างห่างไกลจากสถานที่สร้างความโหดร้ายต่อจิตใจเรื่อยๆเวลานี้เธอไม่รับรู้สิ่งใดในสมองดวงตาพร่ามัวไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนมันไม่มีวันเหือดแห้งความอดทนที่เก็บกลั้นเอาไว้พังทลายหมดสิ้น มันคงสาสมแล้วที่เธอต้องเจ็บปวดแบบนี้เพราะคำเลิกลาของเธอเคยทำร้ายจิตใจคนที่รักแสนสาหัสคงไม่ต่างกับเธอตอนนี้ความเจ็บปวดที่รัฐเกล้าเคยได้รับส่งตรงมาหาเธอแล้ว เขาทำร้ายเธอด้วยสายตา ความเย็นชามันบาดลึกไปจนถึงขั้วหัวใจ

น้ำข้าวหยุดนิ่งไม่มีเรี่ยวแรงเดินต่อเธอได้แต่ยืนเอามือปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจที่สุด น้ำตาผ่านมือเล็กๆ ไหลลงมาเป็นทางทำไมความรักมันถึงโหดร้ายมากมายขนาดนี้ แค่คนๆเดียวสามารถทำให้ใจมีความสุขแบบที่ไม่เคยได้รับจากใคร แค่คนๆเดียวที่ทำให้ใจอบอุ่นจนโหยหาอยากใกล้ชิดตลอดเวลา และแค่คนๆเดียวที่ทำลายทุกอย่างย่อยยับแค่สายตาความเจ็บปวดและความทรมานที่เกิดขึ้นเวลานี้เธอไม่เคยโทษใครมันเป็นเพราะตัวเธอเองมันเป็นเพราะเธอทำร้ายจิตใจของคนที่เธอรัก เธอทำร้ายหัวใจตัวเอง สมควรแล้วที่ต้องมายืนร้องไห้เสียใจอยู่แบบนี้

“ขอโทษ” วงแขนแข็งแรงคว้าร่างบอบบางไว้จากด้านหลังดึงไว้ในอ้อมกอดอบอุ่น ความหอมอ่อนๆ ของคนคุ้นเคย กลิ่นบุหรี่จางๆ ที่ลอยมาตามลม คำพูดที่กระซิบแผ่วเบาข้างหูทำให้เธอยิ่งร้องไห้มากขึ้นคล้ายจุดชนวนสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจระเบิดออกมาเป็นน้ำตา

รัฐเกล้าโอบรัดร่างบอบบางไว้แน่นขึ้นเขาก้มหน้าลงหอมสัมผัสเส้นผมแสดงให้รู้ว่าปลอบประโลมคนอันเป็นที่รักยิ่งกว่าสิ่งใดในอ้อมกอดนี้มือบอบบางที่ยกปิดใบหน้าค่อยๆ ลดลงไว้ข้างลำตัวยอมอยู่ในอ้อมกอดอย่างยินดี

“น้ำข้าว ฮือๆแค่จะมาบอกว่า พี่นิ่มเป็นห่วงพี่เกล้ามาก ฮือๆกลัวพี่เกล้าจะไม่ไปเรียนแล้วก็ไม่ไปสอบเลยวานให้น้ำข้าว ฮือๆมาบอกพี่เกล้าว่าให้ไปเรียนด้วยนะ” เสียงสะอื้นราวขาดใจเธอพยายามกลืนก้อนเจ็บปวดที่จุกอกไว้เพื่อระบายคำพูดที่ต้องการปล่อยออกไป

“...”

“ฮือๆหมดหน้าที่ของน้ำข้าวแล้วค่ะ อึกๆ” น้ำข้าวขยับกายหันหน้าเข้าหารัฐเกล้าอ้อมกอดค่อยๆ คลายออกหลวมๆ โดยอัตโนมัติ ใบหน้าที่เปื้อนรอยน้ำตาพยายามกลั้นสะอึกสะอื้นไว้ไม่ให้ความอ่อนแอไหลออกมาเธอเอื้อมมือทั้งสองข้างแตะสัมผัสที่แก้มของรัฐเกล้าเบาๆ เงยมองสบสายตาเย็นชาที่อยู่ตรงหน้าด้วยตาที่ช้ำเป็นรอยแดงพร้อมคลี่ยิ้มที่พยายามฝืนบังคับให้สดใส

“...”

“แต่รู้ไหม... อึกๆตอนนี้พี่เกล้าผอมไปมากเลย ดูแลตัวเองเยอะๆ นะน้ำข้าวเป็นห่วง”

“...”

“น้ำข้าวไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่คืออะไรอึกๆ เวลาได้รับรู้หรือเห็นพี่เกล้าอยู่ใกล้ใครมันหงุดหงิดจนทนไม่ได้ เจ็บจนอยากจะร้องไห้ออกมา”

“...”

“แต่น้ำข้าวอยากให้พี่เกล้าเข้าใจฮือๆ ว่าน้ำข้าวไม่เคยคิดจะเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของพี่เกล้าเลย”

“...” น้ำข้าวยืดตัวเขย่งขึ้นตามความสูงของชายเบื้องหน้า ประทับรอยจูบไว้ด้วยริมฝีปากบางเบาๆก่อนลดตัวลงมายืนปกติ

“ที่น้ำข้าวมาวันนี้ ถ้าทำให้พี่เกล้าไม่สบายใจหรืออึดอัดใจอึกๆ น้ำข้าวขอโทษ ต่อไปนี้น้ำข้าวจะไม่มารบกวนพี่เกล้าอีกแล้ว...”

“...” มือแข็งแรงที่กอดร่างบางไว้หลวมๆ หลุดออกจากกันโดยที่เขาเองก็ไม่มีความรู้สึกชาที่ใจ คำพูดบอกลาถึงแม้จะไม่ใช่บอกเลิกแบบครั้งแรกแต่ครั้งนี้ก็คล้ายกับการบอกลาเป็นครั้งที่สองเธอทำร้ายเขาด้วยคำพูดที่ดูอ่อนโยนแต่เลือดเย็น

น้ำข้าวเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองรัฐเกล้าที่ทรุดตัวลงนั่งล้มทั้งยืนเหมือนคนหมดแรง ฝนที่ตั้งเคล้ามานานตอนนี้เทกระหน่ำ สาดสายน้ำโปรยปรายความหนาวเย็นของน้ำฝนไม่ได้สะเทือนเข้าไปในหัวใจมีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดเท่านั้นที่เขาสัมผัสได้ในเวลานี้...




Create Date : 29 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:41:56 น.
Counter : 749 Pageviews.

2 comments
  
เศร้าจัง... เมื่อไหร่จะลดทิฐิแล้วหันหน้าปรับความเข้าใจกันน๊า... รัฐเกล้า หรือต้นกล้า ใครคือพระเอก อยากให้สมหวังทั้งสองคน หาทางออกให้ที
โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.79.78 วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:15:37:46 น.
  
ลดแล้วค่ะ ตอนหน้า
โดย: มาโซคิส วันที่: 31 ตุลาคม 2555 เวลา:18:42:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments