ตุลาคม 2555

 
1
2
3
4
10
12
17
19
20
21
22
23
27
30
 
 
All Blog
เสพติดรัก mydarling บทที่1

Chapter 1

สิบปีต่อมา.. ณ มหาวิทยาลัยคณะบริหารธุรกิจหน้าตึกเรียนช่วงเช้านักศึกษาหลายคนนั่งจับกลุ่มเพื่อติวหนังสือ บ้างก็ทำรายงาน บ้างก็พูดคุยหยอกล้อเล่นกันตามประสาเพื่อนฝูงน้ำข้าวก็เช่นกันเธอนั่งทบทวนหนังสือเพื่อเตรียมตัวขึ้นไปยังชั่วโมงเรียนที่กำลังจะมาถึง

“ยัยข้าว.. วันนี้มีเรียนตอนบ่ายใช่หรือเปล่าย่ะ” เสียงเล็กแหลมกังวานของหญิงสาวรูปร่างสมส่วน ผิวขาวผ่อง ผมซอยสั้นสีน้ำตาลอ่อนนามว่า ‘ต๊อกแต๊ก’ ถามขึ้นพร้อมทรุดตัวนั่งลงข้างๆเพื่อนสนิท

“อื้ออีกครึ่งชั่วโมงนะอย่าลืมเวลาอีกล่ะ เดี๋ยวขึ้นเรียนไม่ทันโดนไล่ออกจากคลาสไม่รู้ด้วย”

“รู้แล้วน่าไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกย่ะว่าแต่ยัยพริกยังไม่มาอีกหรือไง” สาวผมซอยถามหาเพื่อนอีกคนที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคนถูกถามเงยหน้าละสายตาจากหนังสือเบื้องหน้าที่กำลังทบทวนขึ้นมองเพื่อนสาวก่อนหันไปมองรอบบริเวณ

“น้ำข้าวยังไม่เห็นพริกเลย แล้วเรื่องเวลาเรียนต๊อกแต๊กถามหลายรอบแล้วนะทำไมไม่เคยจำซะที” เสียงใสๆ มองเพื่อนสาวอย่างต่อว่าเป็นนัยๆ

“มันมีอย่างอื่นที่อยากจำมากกว่าเวลาเรียนนิย่ะแล้วอีกอย่าง ฉันก็มีเพื่อนขยันเรียนอยู่แล้วจะให้สนใจอะไรอีกไม่เอาดีกว่ารกสมอง ว่าแต่เธอกับสุดหล่อของฉันไปถึงไหนกันแล้ว”สาวผมซอยจัดแจงหยิบสัมภาระในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ยกเครื่องสำอางค์ขึ้นมาวางเกลื่อนบนโต๊ะหันมองส่งคำถามหาเพื่อนสนิทด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เพทุบาย

“ถึงไหนอะไรล่ะต๊อกแต๊กไม่มีซะหน่อย”สาวหน้าหวานตากลมโตเสียงใสหลบสายตาคนตั้งคำถามอย่างเขินอายหันกลับไปมองหนังสือเบื้องหน้าตามเดิม

“อย่าปิดบังเลย ฉันเห็นพี่เขาเทียวรับเทียวส่งเธอขนาดนั้นเพื่อนฉันจะไม่มีใจให้เขาเลยหรือไง เสียดายของแย่ คนหล่อยิ่งหายากอยู่นะยะ แล้วเพอร์เฟคแบบนั้นนะไม่ต้องบรรยาย” สายตาเพ้อฝันลอยไปไกลอธิบายคล้ายจินตนาการถึงชายที่เธอกำลังพูดถึงราวเทพบุตรมาเกิด

“ไม่ต้องพูดมากเลยการบ้านเสร็จหรือยัง น้ำข้าวพูดปัดแก้เขินไปเรื่องอื่น ไม่อยากให้เพื่อนแซวเรื่องของชายหนุ่มที่คอยมาวนเวียนอยู่ใกล้เธอตลอดระยะเวลาสองปีเต็ม

“ข้าว..” เสียงเรียบนิ่งแต่ละมุนละไมดังขึ้นใกล้ๆ

“นั่นไง.. พูดไม่ทันขาดคำสุดหล่อของฉันก็มาซะแล้วยัยข้าวววว”ต๊อกแต๊กลากเสียงยาวเมื่อหันไปเห็นชายหนุ่มที่เรียกชื่อเพื่อนสนิทของเธอ

“ยังไม่เข้าเรียนหรือค่ะเสียงใสๆ เอ่ยถามกลับคล้ายทักทายชายหนุ่มที่เดินมาหยุดยืนข้างโต๊ะ

‘รัฐเกล้า’ชายหนุ่มเนื้อหอมเป็นที่หมายตาของสาวทั้งหลาย ด้วยรูปร่างที่เตะตาเพราะมีความสูงเป็นเอกลักษณ์หุ่นผอมเพรียวไหล่กว้างดูแข็งแรงน่าซบเป็นที่สุด หน้าตาดูดีเข้ากับผมทรงรากไทร้ยาวปะต้นคอสีดำสนิทสายตาดูเย็นชาแต่แฝงความอ่อนโยนไว้ภายในเขาเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกออกมาเท่าไหร่นัก สีหน้าจึงดูเรียบเฉยทำให้คาดเดาอารมณ์ได้ยาก..

รัฐเกล้ารู้จักกับน้ำข้าวเมื่อสองปีที่แล้วเขาตกหลุมรักสาวหน้าหวานตากลมโตตั้งแต่แรกเจอเมื่อครั้งที่น้ำข้าวเข้ามาเป็นนักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้รัฐเกล้าบอกกับใจตัวเองว่าพร้อมจะปกป้องดูแลและห่วงใยสาวหน้าหวานคนนี้ตลอดไปถ้าเธอต้องการถึงแม้จะรู้จักสนิทสนมกันมาถึงสองปีแต่ความคืบหน้าก็ยังเป็นได้แค่คบหาดูใจไม่ใช่ในฐานะแฟนเพราะการวางตัวของน้ำข้าวทำให้เขาเองไม่อาจเดาใจเธอได้ว่าคิดอย่างไรกันแน่เธออาจรู้สึกกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น รัฐเกล้าไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอที่เขาหลงรักจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน

“อืม เกล้าแวะเอาขนมมาฝาก”น้ำเสียงเรียบนิ่งไม่แพ้หน้าตาที่เฉยชาแต่น่ามองพูดขึ้นพร้อมยื่นถุงขนมที่ถือมาวางลงบนโต๊ะ

“ขอบคุณมากเลยนะค๊าพี่เกล้า เสียเวลาแย่เลยอุตส่าห์เดินเอาขนมมาฝาก” ต๊อกแต๊กพูดแซวทันทีที่เห็นภาพคนสองคนกำลังใส่ใจซึ่งกัน เธอเอื้อมหยิบขนมที่ชายร่างสูงยื่นให้มาวางไว้ตรงหน้าตัวเองชัดเจนต๊อกแต๊กไม่รีรอหันหน้าส่งสายตายังชายหนุ่มแล้วชี้ที่ถุงขนมส่งสัญญาณว่าเธอต้องการรับประทานขนมในถุงนี้เจ้าของขนมใบหน้านิ่งเฉยพยักหน้าอนุญาต รัฐเกล้ายืนพิงโต๊ะกอดอกด้วยท่าทางสบายๆ สายตานิ่งเรียบมองไปยังน้ำข้าวที่กำลังยิ้มให้ต๊อกแต๊กโดยเธอคงไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนกำลังมองรอยยิ้มใสๆของเธออยู่

“อร่อยนะ ยัยข้าวสนใจหรือเปล่าย่ะ”ต๊อกแต๊กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะเคี้ยวขนมอยู่ในปากทำลอยหน้าลอยตาเชิญชวนเพื่อนข้างๆหันมาสนใจขนมที่วางอยู่เบื้องหน้าด้วยกัน

“วันนี้เลิกเรียนกี่โมงรัฐเกล้าส่งคำถาม สายตายังคงมองที่ใบหน้าหวานรอคอยคำตอบ

“ห้าโมงเย็นค๊าสุดหล่อ”สาวผมซอยรีบตอบคำถามแทน เสมือนชายหนุ่มอยากได้คำตอบจากเธออย่างรวดเร็วทำให้น้ำข้าวหัวเราะคิกเมื่อโดนแย่งหน้าที่ตอบคำถามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยวเกล้ามารับ” รัฐเกล้าขยับตัวออกห่างจากโต๊ะที่พิงเปลี่ยนเป็นยืนตรงเต็มความสูง น้ำข้าวหันมองหน้าและสบตารัฐเกล้าก่อนพยักหน้ารับรู้

“ไว้เจอกันค่ะ” เสียงใสๆ ตอบตกลงเป็นการนัดหมายชายหนุ่มยิ้มบางมุมปากก่อนเดินหันหลังจากไปพาให้สาวๆละแวกนั้นหันมองตามกันเหลียวหลัง

“อ๊ายยย ยัยข้าว!!ฉันชอบพี่เกล้าจังเลย ทำไมเขาถึงได้เพอร์เฟคขนาดนี้ คนอะไรหล๊อหล่อ ถึงจะดูเย็นชาทำตัวนิ่งๆก็ยังเท่มากเลยนะยะ ว่าไหมสาวผมซอยบรรยายลักษณะแล้วหลับตาด้วยอารมณ์เพ้อฝันคล้ายกำลังนึกภาพจินตนาการถึงชายในฝันหลังจากที่รัฐเกล้าเดินพ้นสายตา

“ชอบมากไหม? เดี๋ยวน้ำข้าวบอกพี่เกล้าให้” น้ำข้าวพูดแหย่เพื่อนสาวแล้วหัวเราะเบาๆกับอาการเพ้อเจ้อที่เห็นอยู่ตรงหน้าจนต๊อกแต๊กลืมตากลางอากาศหยุดชะงักแล้วหันแขวะใส่คนหัวเราะชอบใจทันที

“นี่ถ้าพี่เกล้าชอบฉันเขาคงไม่มาตามจีบเธออยู่แบบนี้หรอกย่ะแม่คุณ”

“อ้าว.. มาโวยน้ำข้าวทำไมก็เห็นปลื้มเขาซะขนาดนั้นหวังดีนะเนี้ย”

“ไอ้ชอบมันก็ชอบอยู่หรอกนะแต่เขาไม่ได้สนใจฉันนิย่ะ เขาสนใจเธอนะยัยข้าว เมื่อไรจะตกลงปลงใจกับเขาซะทีล่ะ ฉันเห็นพี่เขาตามจีบเธอนานแล้วนะใจอ่อนซะทีสิ” ต๊อกแต๊กหันมองหน้าเพื่อนสนิทหวังได้รับฟังคำตอบทั้งๆที่รู้ว่าพูดไปก็เท่านั้น

“น้ำข้าวไม่คุยด้วยแล้วขึ้นเรียนดีกว่าอย่ามัวแต่กินขนมเพลินล่ะตามขึ้นมาไวๆ” สาวหน้าหวานพยายามเปลี่ยนเรื่องและทุกครั้งเมื่อคุยถึงเรื่องนี้เธอจะทำเป็นไม่ใส่ใจเพราะเธอเองยังไม่เคยสนใจอะไรกับความรักเท่าไรจนตอนนี้เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอคิดอย่างไรกับรัฐเกล้า

ในชั้นเรียนของน้ำข้าว.. วิชาสุดท้ายหมดเวลาลงเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังหน้าห้องหลังจากอาจาร์ยผู้สอนเดินพ้นประตูไป

“น้ำข้าวมีคนมารอเธออยู่หน้าคณะนะ”เจ้าของชื่อหันมองตามเสียงเรียกส่งยิ้มให้พร้อมพยักหน้ารับรู้

“ยัยข้าว! พี่เกล้ามารอแล้วรีบลงไปเร็ว อย่าให้คนหล่อของฉันรอนาน” ต๊อกแต๊กจัดแจงหันช่วยเพื่อนข้างๆ รวบเก็บของบนโต๊ะยัดลงกระเป๋าสะพายโดยไม่ลืมเก็บสัมภาระของตัวเองเช่นกัน

“รู้แล้วๆ กำลังรีบอยู่เร่งจริงๆเลย”

“เร็วสิย่ะ! ฉันอยากเจอคนหล่อของฉัน” เสียงเร่งเร้าทำให้น้ำข้าวเริ่มหงุดหงิดนิ่วหน้าขมวดคิ้วแต่มือยังคงเก็บข้าวของอย่างร้อนใจ

“รีบมากก็ลงไปก่อนเลยต๊อกแต๊กเร่งน้ำข้าวอยู่นั่นแหล่ะ”

“แหม๋.. ล้อเล่นๆ ใครจะกล้าเร่งเพื่อนรักสุดสวยล่ะย่ะแต่เร็วๆ!!” เมื่อเก็บข้าวของเรียบร้อยสองสาวพากันก้าวเท้ายาวเดินลงมายังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

“ไหนล่ะสุดหล่อของฉันยัยข้าวต๊อกแต๊กหันซ้ายหันขวามองหาคนที่อยากพบเจอ

“นั่นสิ ก็ไม่เห็นใครเลยนิ”เสียงใสๆ ช่วยมองหาอีกแรงแต่ไร้วี่แววคนในความคิด

“น้ำข้าว..” เสียงคนคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังสองสาวที่กำลังมองหาใครซักคนอย่างร้อนรน

“อ้าว.. ไม่ใช่พี่เกล้านิย่ะยัยข้าวแล้วใครล่ะ.. ว๊ายยย หล่อลากดิน เท่มากมาย กรี๊ดดดด” ต๊อกแต๊กกรีดร้องเมื่อเห็นชายแปลกหน้าเรด้าดักจับคนหล่อของเธอเริ่มทำงาน

“...” น้ำขาวยืนนิ่งราวโดนสะกด มองบุคคลต้องสงสัยที่เรียกชื่อเธอคล้ายคนรู้จักชายร่างสูงยิ้มละมุนเดินเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าน้ำข้าว

“ยัยข้าว!! เป็นอะไรย่ะ เห็นผีหรือไงทำไมยืนนิ่งยังกับโดนสาป”ต๊อกแต๊กยื่นมือแตะบ่าเพื่อนเขย่าเบาๆ ให้คนยืนตะลึงกลับมามีสติ

“...”

“นี่ยัยข้าว!! เธอสติดีอยู่หรือเปล่าย่ะ ฉันถามไม่ได้ยินหรือไงน้ำข้าวไม่สนใจสิ่งใดยังคงยืนแข็งเป็นหินจ้องมองชายเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ

“ว่าไง..” ทันทีที่ได้ยินเสียงจากบุคคลต้องสงสัยอีกครั้ง น้ำข้าวถึงกับน้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจวิ่งเข้าโอบกอดชายร่างสูงไว้แนบแน่นซบหน้าลงบนอกกว้าง เขาคือคนที่เธอรอคอยพบเจอตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาและตอนนี้เขาได้กลับมาหาเธอแล้ว...

“ยัยข้าวเป็นสาวเป็นนางนะยะ!!ไปกอดผู้ชายหล๊อหล่อกลางสาธารณะชนได้ยังไงกัน ฉันไม่ยอมนะ!! ฉันจะกอดด้วยย” ต๊อกแต๊กโวยวายเรียกร้องความสนใจรุนแรง

“เป็นไงบ้างชายหนุ่มกอดตอบส่งยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นหัวใจ

“นี่น้ำข้าวไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?พี่ต้นกลับมาหาน้ำข้าวแล้ว” ความรู้สึกตื้นตันพูดไปร้องไห้ไปน้ำตาหลั่งไหลด้วยความยินดี ทำให้ยิ่งกอดรัดพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันแสนนานแน่นขึ้นด้วยแรงคิดถึง

“ยัยข้าวเลิกร้องไห้แล้วแนะนำให้ฉันรู้จักคนหล่อบ้างสิย่ะต๊อกแต๊กยังคงเรียกร้องความสนใจต่อเนื่องเมื่อไม่มีใครสนใจคล้ายเธอเป็นอากาศธาตุ

“เอ่อ.. ใครครับ ต้นกล้าหันายตามองสาวผมซอยที่ยืนเต้นแร้งเต้นกาด้วยอาการงุนงง

“ชื่อต๊อกแต๊กค๊า เป็นเพื่อนรักยัยข้าวแล้วคุณล่ะค่ะน้ำเสียงร่าเริงพูดพลางส่งตาหวานให้ชายหนุ่มด้วยนิสัยบ้าคนหล่อ

“ต้นกล้าครับ” ชายร่างสูงแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มบางๆ มุมปาก

“ยินดีที่ได้รู้จักคนหล่อค๊า” ต๊อกแต๊กยังคงส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มไม่ลดละ

ต้นกล้ากอดร่างบอบบางของน้องสาวแล้วลูบผมเธออย่างเบามือน้ำข้าวเองก็ซุกใบหน้าซบอกกว้างกอดเอวไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเช่นกัน

“...”

“นี่เราโตเป็นสาวแล้วนะร้องไห้เป็นเด็กไม่อายเพื่อนหรือไง”

“ก็น้ำข้าวคิดถึงพี่ต้นนิแต่พี่ต้นใจร้ายมากหายไปตั้งสิบปี” น้องสาวคลายอ้อมกอดหันมองหน้าพี่ชายด้วยใบหน้าที่เลอะน้ำตาขอบตาแดงช้ำ

“พี่ขอโทษ ตั้งแต่วันนี้พี่ไม่หนีไปไหนอีกแล้ว” คำสัญญาจากพี่ชายที่มีให้น้องสาวสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นความห่วงใยและความคิดถึงยังคงส่งถึงกันทั้งที่จากไปแสนนาน

ขณะสองพี่น้องแสดงความห่วงใยกันอย่างซาบซึ้งภาพเหตุการณ์ทุกฉากทุกตอนอยู่ในสายตาของรัฐเกล้าตั้งแต่วินาทีแรก ทันทีที่เห็นความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจ‘ใคร’ ชายที่เห็นเบื้องหน้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหนกับน้ำข้าวหญิงอันเป็นที่รักถึงได้โอบกอดปลอบประโลมกันแนบแน่นทั้งที่เขาเองยังไม่เคยได้สัมผัสส่วนใดของร่างกายเธอเลยซักครั้ง ถึงแม้ต้องการมากแค่ไหนแต่ก็ยังอยากทะนุถนอมไว้สัมผัสแต่เพียงผู้เดียวรัฐเกล้าได้แต่เก็บความรู้สึกหึงหวงไว้ภายในใจ ทั้งที่อารมณ์ตอนนี้ไม่ปกติอย่างหนักเขากำมือไว้แน่นแต่สายตาและสีหน้ายังคงนิ่งเฉยเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆด้วยความรู้สึกอึดอัดใจจนอยากจะระเบิดออกมา...

“กลับบ้านกันเลยไหมพี่ชายก้มหน้าถามน้องสาวที่ยังคงยืนโอบเอวเขาไว้ไม่ยอมปล่อย น้ำข้าวพยักหน้าด้วยอาการตื่นเต้นดีใจและหันไปหยิบผ้าที่ต๊อกแต๊กยื่นให้เช็ดหน้าที่เปื้อนรอยน้ำตา

“...”

“ไหนดูสิ เลิกร้องไห้หรือยังพี่ไม่รับคนขี้แยขึ้นรถนะ” ต้นกล้ายิ้มแซวน้องสาวด้วยรอยยิ้มอารมณ์ดีโดยไม่ลืมกล่าวชวนเพื่อนน้องสาวกลับบ้านด้วยกันสาวผมซอยปฎิเสธคำชวนเนื่องจากเธอมีรถยนต์ส่วนตัวและกล่าวเปิดทางไว้ว่าจะใช้บริการพี่ชายเพื่อนสนิทโอกาสหน้าพร้อมโปรยยิ้มหวานทำให้ต้นกล้ายิ้มตอบรับอย่างยินดี

“ต๊อกแต๊กนี่พี่ต้น พี่ชายน้ำข้าวที่เคยเล่าให้ฟัง”น้ำข้าวหันจับมือเพื่อนแนะนำพี่ชายให้รู้จักถึงมันจะสายไปแล้วก็ตาม

“ย่ะ พี่ชายคนที่เธอบ่นคิดถึงทุกวันใช่ป่ะ”ต๊อกแต๊กขยับมากระซิบข้างหูน้ำข้าว ‘ฉันนึกว่ากิ๊กเธอซะอีกทำไมแต่ละคนหล๊อหล่อทั้งนั้นไม่ได้การล่ะฉันต้องไปแสวงหาคนหล่อมาควงบ้างแล้วหล่ะ เดี๋ยวน้อยหน้าเพื่อนแย่’

“ทำไม กิ๊กเราเยอะเหรอน้ำข้าว”เสียงกระซิบของต๊อกแต๊กดังพอให้ต้นกล้าได้ยินชัดเจนจนต้องหันมาแขวะน้องสาวที่ทำหน้าตื่นตระหนกเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

“ตายแล้ว!! ลืมพี่เกล้าไปเลย” เสียงใสส่อแววตื่นตระหนกเมื่อนึกถึงชายหนุ่มอีกคนที่นัดหมายกันไว้ว่าจะมารับก่อนเธอจะขึ้นเรียน

“ฉันว่าไม่ต้องรอแล้วล่ะ เมื่อกี้ฉันเห็นสุดหล่อของฉันยืนอยู่แถวนี้คงเห็นภาพบาดตาบาดใจหนีกลับไปแล้วล่ะมั้ง” ต๊อกแต๊กส่งสายตาละห้อยให้เพื่อนสนิท

“ไม่ได้หรอกยังไงก็ต้องบอกให้เขารู้ก่อนรอเดี๋ยวนะคะพี่ต้น” มือเล็กๆ ล้วงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพายกดเบอร์โทรศัพท์ต่อสายหาชายหนุ่มที่พูดถึงเมื่อครู่อย่างร้อนรน

“ฮัลโหล พี่เกล้าค่ะ”

(อืม..) เสียงเย็นชาดังผ่านจากปลายสาย

“วันนี้น้ำข้าวคงไม่ได้กลับด้วยนะคะพอดีพี่ชายมารับกลับบ้าน ขอโทษนะคะที่ปล่อยให้พี่เกล้าคอย”

(อืม..) เสียงยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก

“พี่เกล้าโกรธน้ำข้าวหรือเปล่าทำไมเสียงฟังแล้วเย็นชาจัง” สาวหน้าหวานถามด้วยความรู้สึกกังวลใจ

(เปล่า..)

“ขอโทษนะคะ”

(ไม่เป็นไร กลับบ้านเถอะ)

“ค่ะงั้นแค่นี้นะคะน้ำข้าวกลับบ้านก่อน”

(ไว้โทรหานะกลับบ้านดีๆ ล่ะ) หลังวางสายโทรศัพท์ความสับสน ความกังวล ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในใจรัฐเกล้าเหมือนยกภูเขาออกจากอกเขารู้สึกดีขึ้นเมื่อรู้ว่าชายคนที่เห็นเป็นเพียงแค่พี่ชายไม่ใช่คนรักอย่างที่คิดไว้รอยยิ้มจางๆ เต็มไปด้วยความสบายใจเกิดขึ้นบนใบหน้าคมคาย

“น้ำข้าวกลับก่อนนะต๊อกแต๊กไว้เจอกันพรุ่งนี้”น้ำข้าวบอกลาเพื่อนสาวหลังจากวางโทรศัพท์และจูงมือพี่ชายเตรียมพร้อมเดินทาง

“ย่ะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะนะยัยข้าว”ต๊อกแต๊กโบกมืออำลาพร้อมส่งยิ้มหวานให้เพื่อนและพี่ชายเพื่อนอีกครั้ง

“น้ำข้าวดีใจจังที่พี่ต้นกลับมาต่อไปนี้น้ำข้าวก็ไม่ต้องบ่นคิดถึงพี่ต้นอีกแล้ว” สองพี่น้องเดินเกาะแขนกันไปยังลานจอดรถของมหาวิทยาลัยเมื่อขึ้นรถเรียบร้อยน้ำข้าวหันมองพี่ชายด้วยรอยยิ้ม

“คิดถึงพี่จริงอะ เห็นมีหนุ่มๆมาคอยรับส่ง แถมยังดูเราแคร์เขาซะขนาดนั้น” พี่ชายพูดคล้ายแซวน้องสาวที่นั่งข้างๆอย่างจงใจถามไถ่เรื่องคนในสายโทรศัพท์

“แหม๋พี่ต้น.. แคร์อะไรก็แค่นัดกับเขาไว้ก่อนใครจะรู้ล่ะว่าจะมีเซอร์ไพรส์แบบนี้”

“แน่ใจน่ะว่าไม่แคร์”ต้นกล้าถามเพื่อความแน่ใจในคำตอบ เพราะเขาเองรู้สึกหวั่นไหวอยู่ลึกๆ

“แน่สิคะ ว่าแต่พี่ต้นกลับเข้าบ้านหรือยังเนี้ย”สายตาสงสัยส่งตรงยังพี่ชายข้างๆ

“ยังเลย พอลงเครื่องได้ก็ยืมรถเพื่อนมาหาเราที่นี่ก่อน”

“อ้าว.. เอารถเพื่อนมาแล้วเขาจะกลับยังไงล่ะค่ะ”คำถามยังมีต่อเนื่องด้วยความเป็นคนช่างเจรจาของน้องสาวหน้าหวานที่ทำให้พี่ชายยิ้มออกมาอย่างยินดีที่จะตอบคำถาม

“ก็ให้มันกลับพร้อมพ่อแม่พี่ไงเดี๋ยวค่อยเอารถไปคืนมัน”

“คิดถึงน้ำข้าวหรือเปล่าไม่ได้เจอกันนานมากเลย”คำถามเปลี่ยนความรู้สึกกระทันหันทำให้ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปมองยังท้องถนนเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกอุ่นในใจ

“คิดถึงมาก” เสียงตอบคำถามดังขึ้นเบาๆ พร้อมสายตาส่งกลับไปมองใบหน้าหวานอีกครั้งอย่างอ่อนโยนที่ปรากฏในแววตา

“พี่ต้นสบายดีอยู่แล้วเนอะ เห็นถามทีไรก็บอกว่าสบายดีตลอดงั้นน้ำข้าวข้ามคำถามนี้ไปดีกว่า”

“อยากถามอะไรก็ถามมา พี่ตอบเราหมดอยู่แล้วล่ะ”รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก

“ตอนไปเรียนมีใครดูแลหรือเปล่า? แล้วเรียนหนักไหม? กลับมาจะได้เป็นคุณหมอเลยหรือเปล่า? แล้วพี่ต้นอยู่ที่โรงพยาบาลไหน? แล้วเริ่มไปทำงานเป็นคุณหมอเมื่อไหร่?แล้ว...”

“นี่! พอให้ถามก็มาเป็นชุดเลยนะพี่ไม่ได้รีบไปไหนค่อยๆ ถามก็ได้” เสียงละมุนดักคอน้องสาวคนตั้งคำถามยาวเป็นขบวนรถไฟไม่ขาดตอนเหมือนจงใจแหย่พี่ชายเล่น

“ก็น้ำข้าวตื่นเต้นนิ มีคำถามเยอะไปหมดไม่รู้จะถามอะไรก่อน”

“ตอบทีละอย่างแล้วกันนะ พี่สบายดีกินอิ่มนอนหลับ ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนซักเท่าไรเพราะต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย” สาวหน้าหวานตาโตยังคงตั้งใจฟังคำตอบด้วยความสนใจ

“...”

“คนดูแลจะมีได้ยังไงพี่อยู่คนเดียวนะ”

“อ้าว.. ก็แฟนสาวผมทองอะไรแบบนี้ไงไม่มีเลยหรือไงค่ะพี่ชาย”เสียงใสล้อเลียนจนคนข้างๆ หันมาส่งยิ้มหาข้อแก้ตัวยกใหญ่

“ไม่มีหรอก เวลาจะให้ตัวเองยังไม่มีเลยจะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนส่วนเหตุผลที่พี่ไม่หาแฟน ไม่บอกได้ไหม” คำพูดแฝงไว้ด้วยลับลมคมนัยทำให้ความสงสัยก่อตัว

“อ้าวทำไมล่ะ เดี๋ยวนี้พี่ต้นมีความลับกับน้ำข้าวแล้วหรือไงจำไว้เลย...” น้ำเสียงแง่งอนตัดพ้อน้อยอกน้อยใจ

“ไม่ใช่ความลับ..” ต้นกล้าเงียบไปครู่หนึ่ง คิดอย่างชั่งใจว่าควรพูดต่อไปอย่างไรดี

“...”

“พี่คงมีใครไม่ได้แล้วล่ะเพราะ..”เสียงพี่ชายหยุดชะงักทำให้น้องสาวหันมองหน้าอย่างอยากรู้

“เพราะอะไรค่ะเสียงใสตั้งคำถามหันมองหน้าพี่ชายอย่างรอฟังคำตอบใจจดจ่อ

“เพราะต้องใช้เวลาอยู่กับงานไงคงไม่มีเวลาหาแฟนหรอก” ต้นกล้าแก้ตัวเลี่ยงพูดความจริงเมื่อเห็นน้องสาวตั้งใจฟังเต็มที่

“ว๊า!น่าสงสารสาวๆ ที่มาหลงรักพี่ชายน้ำข้าวจัง คงอกหักกันเป็นแถว” สาวหน้าหวานกระแทกกายหลังติดเบาะรถด้วยท่าทางขัดใจที่คำตอบไม่เป็นไปตามคาดไว้

“มีที่ไหนล่ะ..”

“แหม๋.. ไม่มีได้ไงพี่ชายน้ำข้าวออกจะหล่อซะขนาดนี้มีตำแหน่งการันตีถึงคุณหมอเชียวน๊า” เสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนพี่ชายด้วยยิ้มทะเล้น

“แซวเก่งนะเรา” ต้นกล้าพูดพร้อมยื่นมือขยี้ผมน้องสาวเบาๆ “ว่าแต่ใครจะเหมือนเราล่ะมีหนุ่มๆ ตามรับตามส่งทุกวัน ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้วต้องดูแลห้ามห่างสายตา...”

“มีน้องสาวน่ารักต้องทำใจนะคุณหมอ”เสียงหัวเราะดังขึ้นในรถอย่างมีความสุข

“ว่าแต่เราสนใจเขาเป็นพิเศษหรือเปล่าคำถามที่ยังคาใจไม่หมดสิ้นเมื่อมองเห็นสายสัมพันธ์บางอย่างระหว่างน้องสาวและชายหนุ่มที่อยู่ในโทรศัพท์เมื่อครู่

“เปล่าสนใจซะหน่อย น้ำข้าวยังเรียนอยู่เลยจะให้รีบมีแฟนไปไหนพี่ต้นไม่อยากดูแลน้ำข้าวแล้วหรือไง”

“ไม่ใช่อย่าเข้าใจผิดสิ แค่ถามเฉยๆเพราะพี่ก็ไม่อยากให้น้ำข้าวคบกับใคร..” เสียงแผ่วเบาคล้ายบ่งบอกเป็นนัยๆว่ามีอะไรแอบแฝงในความรู้สึก

“ไม่คบใครทั้งนั้นล่ะค่ะ ถ้าน้ำข้าวพร้อมมีเมื่อไหร่น้ำข้าวจะบอกพี่ต้นนะ”คำพูดที่ดูไร้เดียงสาของน้องสาวทำให้ต้นกล้าแสดงสีหน้าออกมาอย่างยินดีแล้วโล่งใจ

“ว่าแต่พี่ต้นมีของมาฝากน้ำข้าวเยอะหรือเปล่าถ้ามีมาน้อยไม่สมกับเวลาที่น้ำข้าวรอคอยล่ะน่าดู”

“ไว้รอดูเอาล่ะกัน..”รอยยิ้มสองพี่น้องส่งหากันอย่างอบอุ่นหัวใจ

“ได้เลยค่ะคุณหมอ แล้วพี่ต้นกลับมาอยู่นี่คงไม่หนีน้ำข้าวไปไหนอีกแล้วนะ”

“พี่ไม่หนีน้ำข้าวของพี่ไปไหนอีกแล้วล่ะแต่คงไม่มีเวลามาหาหรือพาไปเที่ยวได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ เพราะพี่ต้องทำงานเวลาว่างคงน้อยลง”

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่พี่ต้นมาอยู่ใกล้ๆแบบนี้น้ำข้าวก็อุ่นใจแล้วล่ะ”

“คิดถึงพี่หรือเปล่า..”ต้นกล้าตั้งคำถามที่อยากฟังคำตอบขึ้นมาบ้าง มันเป็นคำตอบที่เขาต้องการฟังและคงอยากได้ยินเช่นนั้นตลอดไป

“คิดถึงสิ คิดถึงมากด้วยนะจะบอกให้”คำพูดไร้เดียงสาของน้ำข้าวไม่เคยเปลี่ยนไปเลย มันเป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกหัวใจพองโตในความรู้สึกของต้นกล้าเธอยังคงเป็นเด็กหญิงที่น่ารักสดใสคอยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างเสมอมันเป็นเหมือนความสุขที่เขาเองก็รอคอยเพื่อจะกลับมาหาทุกนาทีนับตั้งแต่ที่จากกันไกลยิ่งได้กลับมาอยู่ใกล้ถึงวันเวลาเปลี่ยนแปลงไปแต่หัวใจของต้นกล้ายังคงมีความรักความห่วงใยไม่น้อยลงไปจากเดิมแต่กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเขาเองเริ่มเก็บความรู้สึก รัก หวงแหน ไว้ไม่อยู่ มันมากจนจะล้นหัวใจอยู่แล้ว..




Create Date : 06 ตุลาคม 2555
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2555 21:30:15 น.
Counter : 444 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments